เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และในอีก 4 อำเภอของ จ.สงขลา ตลอดระยะเวลาร่วม 2 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 (ค่ายปิเหล็ง) อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ได้สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของราชการและประชาชนไปเป็นจำนวนมหาศาล การประทุษร้ายในชีวิตและทรัพย์สินเกิดขึ้นแบบรายวัน โดยปี 2547 มีคดีที่เกี่ยวพันกับความไม่สงบเกิดขึ้นร่วม 3,021 คดี ส่วนปี 2548 ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม - กันยายน มีคดีเกิดขึ้นทั้งสิ้น 3,300 คดี
ก่อวินาศกรรมสนามบินหาดใหญ่
ต้องยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำใน จ.สงขลา ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาเป็นผลสืบเนื่องมาจาก “โศกนาฏกรรม 3 เมษา” กับปฏิบัติการเย้ยเจ้าหน้าที่รัฐ โดยการลอบนำระเบิดไปซุกซ่อนไว้ในภายในสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ ถังขยะหน้าห้างคาร์ฟูร์ สาขา อ.หาดใหญ่ และลานจอดรถหน้าโรงแรมกรีนเวิลด์พาเลซ อ.เมืองสงขลา ฉวยโอกาสขณะที่มีคนพลุกพล่านจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ
ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องสังเวยชีวิตไปถึง 2 คน บาดเจ็บจำนวนมาก หนึ่งในนี้คือ “น้องฮ่องเต้” หรือ “น้องแทน” เด็กชายวัย 4 ขวบ ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องสูญเสียพ่อผู้เป็นที่รักตลอดชีวิต นับตั้งแต่นั้นมาส่งผลให้รายได้จากนักท่องเที่ยวที่ไหลเข้าพื้นที่ จ.สงขลา และจังหวัดใกล้เคียงที่ซวนเซอยู่แล้วจากเหตุการณ์สึนามิ และไฟใต้ในรอบปีแรก ต้องซบเซาลงอย่างหนัก แม้ผู้ที่เกี่ยวข้องจะพยายามยื้อหรือฉุดอย่างไร แต่ตัวเลขทางเศรษฐกิจก็ไม่ได้สวยหรูเหมือนดังเดิมอีก

ภาพ: "วินาศกรรมสนามบินหาดใหญ่" -จากซ้ายนายอาซีด นิมุสา และน้องฮ่องเต้ สองเหยื่อเหตุวินาศกรรมสนามบินหาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 3 เม.ย.48
ยิง“ผอ.กอบกุล”แม่พิมพ์ของชาติ
ถัดจากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ที่สะเทือนใจประชาชนทั้งประเทศ รวมทั้งผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น “แม่พิมพ์ของชาติ” มากที่สุด คงหนีไปพ้นเหตุการณ์คนร้ายประกบยิง น.ส.กอบกุล รัญเสวะ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านตือกอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เสียชีวิตขณะขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านพักเพื่อไปป้อนข้าวให้แม่ที่ป่วยเป็นอัมพาตในช่วงพักเที่ยงของวันที่ 24 มิถุนายน 2548 เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้ขวัญและกำลังใจของบรรดาครูใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตกอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง
นับเป็นเกียรติประวัติของตระกูล “รัญเสวะ” เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานพระหัตถเลขาแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ น.ส.กอบกุล พร้อมทรงชมเชยความกล้าหาญ และเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงอันตราย และได้รับนางแฉล้ม รัญเสวะ มารดาของ น.ส.กอบกุล ไว้ในพระราชินูปถัมภ์
วางระเบิดยะลา 4 จุดป่วนทั้งเมือง
เรื่องครูกอบกุล ยังไม่ทันจางหายไปจากการรายงานของสื่อมวลชน เย็นวันที่ 14 กรกฎาคม 2548 คนทั้งประเทศก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อคนร้ายออกปฏิบัติการลอบวางระเบิดพร้อมกัน 4 จุดในพื้นที่ อ.เมืองยะลา และได้กระจายกำลังขว้างระเบิดเพลิงใส่บ้านพักชาวบ้าน ร้านค้า โกดังสินค้า และโรงเรียนได้รับความเสียหายหลายแห่ง พร้อมโปรยตะปูเรือใบบนถนนสายหลักในเขตเทศบาล
ทำให้การจราจรเป็นอัมพาตทั้งเมือง เหตุป่วนเมืองที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นายมีผู้บาดเจ็บ 14 คน ส่วนคนร้ายถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 1 คน หนีรอดไปได้ 1 คน ควันระเบิดไม่ทันจาง รุ่งเช้าคนร้ายก็ปฏิบัติการเย้ยเจ้าหน้าที่อีกครั้งด้วยการวางระเบิดร้านอาหาร“พี่แดง”ใกล้กับโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน

ภาพ :"ดับไฟถล่มเมืองอุกอาจ" -คนร้ายก่อความไม่สงบทั่ว อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อคืนวันที่ 14 ก.ค.48
ดอกประดู่ร่วงที่‘ตันหยงลิมอ’
“ตันหยงลิมอ”หมู่บ้านเล็กๆ ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของคนไทยทั้งประเทศ กับเหตุการณ์ที่ นาวาเอกวินัย นาคะบุตร และนาวาตรีคำธร ทองเอียด สองนาวิกโยธินสังกัดกองพันทหารราบที่ 9 กรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ กองพลนาวิกโยธิน ค่ายจุฬาภรณ์ ถูกชาวบ้านตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จับกุมตัวและกักบริเวณไว้ที่ศาลาอเนกประสงค์กลางหมู่บ้านจนกลายเป็นศพ สืบเนื่องจากเชื่อว่าเจ้าหน้าทั้งสองคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงเข้าไปในร้านน้ำชา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 2 รายและบาดเจ็บสาหัสอีก 4 คน เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 20 กันยายน 2548
แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามใช้ “สันติวิธี” ในการแก้ปัญหาและยอมทำตามข้อเรียกร้องของชาวบ้าน หนึ่งในนั้นคือ “ให้นำนักข่าวจากประเทศมาเลเซียเข้ามารายข่าวในพื้นที่” โดยให้เหตุผลว่า “สื่อไทยไม่มีความเป็นกลางและเข้าข้างรัฐบาล” แต่ในที่สุดนายทหารทั้งสองนายก็ถูกกลุ่มวัยรุ่นบุกเข้าไปทำร้ายอย่างทารุณจนเสียชีวิต หลังถูกจับกุมตัวนานร่วม 19 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ขออนุมัติศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายจับผู้ต้องสงสัยได้ 34 คน

ภาพ:"สังหารโหดสองนาวิกโยธิน-ตันหยงลิมอ" -นาวาเอกวินัย นาคะบุตร และนาวาตรีคำธร ทองเอียด สองนาวิกโยธิน สังกัดกองพันทหารราบที่ 9 กรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ ถูกรุมทำร้ายจนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 21 ก.ย.48
5นาทีเด็ดชีวิต“นักรบดำ”5 นาย
ยังไม่ทันจะหายช็อคกับเหตุการณ์ที่ตันหยงลิมอ ประเทศชาติก็ต้องมาสูญเสีย “รั้ว” ไปอีก 5 นายและบาดเจ็บสาหัสอีก 1 นาย เมื่อเย็นวันที่ 5 ตุลาคม 2548 หลังจากคนร้ายร่วม 10 คนพร้อมอาวุธครบมือนั่งรถกระบะผ่านจุดตรวจสายสายยานิง-เจาะไอร้อง บ้านเจาะไอร้อง ม.1 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส และฉวยโอกาสที่เจ้าหน้าให้สัญญาณชะลอรถกราดอาก้าและเอ็ม 16 ถล่มจุดตรวจอย่างบ้าคลั่ง ก่อนหลบหนีทั้งหมดได้ยึดเอาอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1กระบอก ปืนอาก้า 5 กระบอก และปืนเอ็ม 79 จำนวน 1 กระบอกไปด้วย พร้อมโปรยตะปูเรือใบ และตัดต้นไม้ขวางถนนหลายสาย ซึ่งปฏิบัติการทั้งหมดใช้เวลาเพียง “5 นาที”
บุกเผาวัดฆ่าฟันคอพระ-ลูกศิษย์
ความแตกต่างทางศาสนากลายเป็นประเด็นสำคัญที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามทำให้เกิดรอยร้าวขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อกลางดึกวันที่ 16 ตุลาคม 2548 คนร้ายนุ่งโสร่ง พูดภาษามลายูท้องถิ่น ร่วม 10 คนบุกฟันคอพระแก้ว กุสโร อายุ 80 ปี พระลูกวัดพรหมประสิทธิ์ ม.2 ต.บ้านนอก อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี มรณภาพภายในกุฏิ และยิงนายณรงค์ คำอ่อง อายุ 17 ปี และนายสถาพร สุวรรณรัตน์ อายุ 15 ปี ลูกศิษย์วัดเสียชีวิต
พร้อมกับราดน้ำมันจุดไฟเผาอย่างโหดเหี้ยม จนกลายเป็นตอตะโก ท่ามกลางซากกุฏิที่ถูกเผาจนวอดทั้งหลัง และได้กระจายกำลังทำลายข้าวของและห้องพระจนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ก่อนหลบหนีคนร้ายได้จุดพลุส่งสัญญาณคล้ายกับสื่อให้เพื่อนร่วมขบวนการรู้ว่าปฏิบัติการสัมฤทธิ์ผล!

ภาพ: "ฆ่าพระ-เผาวัด"-กลางดึกวันที่ 16 ต.ค.48 เกิดเหตุการณ์คนร้ายบุกฆ่าฟันคอพระลูกวัดพรหมประสิทธิ์ หมู่ 2 ต.บ้านนอก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี มรณภาพ 1รูป พร้อมลูกศิษย์วัดอีก 2 ศพ จากนั้นไม่หนำใจ โจรใจบาปยังเผากุฎิซ้ำ
เย้ยรัฐปล้นปืนชรบ.3จว.พร้อมกัน
ค่ำคืนวันที่ 26 ตุลาคม 2548 ขณะที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และผู้ชายส่วนใหญ่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังประกอบพิธีละหมาดที่มัสยิด คนร้ายฉวยโอกาสดังกล่าวกระจายกำลังออกตระเวนปล้นปืนที่เก็บไว้ภายในบ้านพัก ซึ่งมีเพียงผู้หญิงและเด็ก
สามารถกวาดปืนลูกซองยาวและปืนพกสั้นที่ จ.ปัตตานีได้ไป 39 กระบอก ยะลา 41 กระบอก นราธิวาส 19 กระบอก เจ้าหน้าที่จับกุมคนร้ายขณะก่อเหตุที่ปัตตานีได้ 1 ราย ส่วนอีก 1 ราย ถูก ชรบ.ยะลา ยิงบาดเจ็บ ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านและ ชรบ.นราธิวาส ถูกยิงเสียชีวิต 4 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 4 ราย

ภาพ: "ปล้นปืนชรบ.คืนเดียวรวด 58จุด" -จากซ้าย นายมะรูดิง มะแซ อายุ 45 ปี ชรบ. หมู่ที่ 7 ต.ลำพญา อ.เมืองยะลา ถูกคนร้ายบุกขึ้นบ้านหมายปล้นปืน แต่นายมะรูดีต่อสู้ คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงจนได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่นายอิสฟาน บือแน(รูปขวา) หนึ่งในกลุ่มคนก่อการร้าย ถูกยิงสวนจนได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
วางระเบิดเกลื่อนเมืองป่วนนราฯ
ย่างเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน 2548 เพียงวันที่ 2 ปฏิบัติการป่วนเมืองก็เริ่มขึ้น ครั้งนี้คนร้ายใช้ระเบิด 16 ลูกวางระเบิด 8 จุด ภายใน อ.เมืองนราธิวาส หนึ่งในนั้นเป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง ทำให้เกิดไฟฟ้าดับในบางพื้นที่สร้างความแตกตื่นและโกลาหลให้แก่ประชาชนที่สัญจรไปมาอยู่บนถนนอย่างยิ่ง
แต่ยังถือว่าโชคดีที่เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ระเบิดได้ถึง 7 ลูก ไม่เช่นนั้นตัวเลขความสูญเสียก็คงเพิ่มขึ้นและนับเป็นผลกรรมที่ตามสนองคืนได้เร็วที่สุดเมื่อเกิดเหตุขัดข้องระหว่างการวางระเบิดเสาไฟฟ้า บ้านทุเรียน ทำให้นายอิสมาแอ แอแซ หนึ่งในคนร้ายถูกแรงระเบิดเสียชีวิตในสภาพแลกเหลวและมีเพื่อนร่วมขบวนการได้รับบาดเจ็บ 1 คน
บุกบ้านนอภ.-โจรค่าหัว1ล.ถูกเป่า
ปฏิบัติการเย้ยเจ้าหน้าที่รัฐยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง 5 วันถัดมา คนร้ายประมาณ 30 คนพร้อมอาวุธสงครามปฏิบัติการก่อความไม่สงบในพื้นที่ อ.รามัน 6 จุด อ.เมือง 2 จุด อ.ธารโต 3 จุด อ.กรงปินัง 2 จุด อ.เบตง 3 จุด โดยเฉพาะที่บริเวณบ้านพักนายรุ่งไชย ใบกว้าง นายอำเภอบันนังสตา คนร้ายไม่ต่ำกว่า 10 คน ได้ปะทะกับ อส. 4 นาย ซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยบ้านพักนายอำเภอ 4 นาย
แต่โชคดีที่ทหารและตำรวจที่อยู่ใกล้เคียงสามารถเคลื่อนกำลังเข้ามาทันเวลา ทำให้สามารถช่วยเหลือนายรุ่งไชยเอาไว้ได้ จุดปะทะดังกล่าวมีคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 2 คน หนึ่งในนั้น คือ นายหาสือมิง จารง แกนนำคนสำคัญของขบวนการมูจาฮีดีนปัตตานี มีรางวัลนำจับ 1 ล้านบาท และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 17 คน ที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าเป็นผู้ที่ลงมือก่อเหตุ
บึ้มรถใน“สพท.-ศาลากลางยะลา”
เหตุการณ์ยังไม่มีทีท่าสงบ เช้าวันรุ่งขึ้นคนร้ายได้ลอบวางระเบิดใต้ท้องรถยนต์ของนายสุริยะ วงศ์สวัสดิ์ อายุ 57 ปี ศึกษานิเทศก์ สพท.เขต 1 ยะลา แรงระเบิดทำให้รถยนต์ 8 คันซึ่งจอดอยู่ภายลานจอดรถภายในสำนักได้รับความเสียหาย ส่วนนายสุริยะได้รับบาดเจ็บสาหัส
ถัดมาไม่ถึง 2 ชั่วโมง คนร้ายชุดชนวนระเบิดใต้ท้องรถยนต์ของนายสุรสิทธิ์ สุวรรณโกตา หัวหน้าท้องถิ่น จ.ยะลา ขณะจอดอยู่ภายในลานจอดรถศาลากลางจังหวัด ด้านหน้าอาคารหลังเก่า ทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย 6 คัน ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย

ภาพ : "เย้ยฟ้าท้าดิน-คาร์บอมส์ศาลาว่าการฯยะลา" - คนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ภายในศาลาว่าการจังหวัดยะลา สองรอบซ้อนในเวลาห่างกันไม่ถึง 2 ชั่วโมง
ฆ่า 9 ศพตระกูล”อาแวบือซา”
ดึกสงัดของคืนวันที่ 16 พฤศจิกายน 2548 คนร้ายอาวุธครบมือบุกเข้าไปในบ้านเลขที่ 82 บ้านเลขที่ 84/4 และบ้านเลขที่ 148/2 หมู่ที่ 5 บ้านกะทอง ต.บองอ อ.ระแงะ พร้อมกราดยิงถล่มครอบครัวที่พักอาศัยภายในบ้านพักดังกล่าว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีก 9 คน ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าที่บ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้น เลขที่ 84/4 หมู่ที่ 5 ของ นายสุเด็ง อาแวบือซา อายุ 40 ปีอยู่ในสภาพพังยับเยิน โดยภายในห้องครัวพบศพผู้เสียชีวิต 5 ราย บริเวณห้องนอน 3 ราย และบริเวณกลางห้อง 1 ราย รวม 9 ศพ ถูกอาวุธปืนยิงใส่จนร่างพรุน หนึ่งในนั้นเป็นทารกอายุเพียง 8 เดือน!
สาเหตุที่คนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงบ้านของนายสุเด็งพร้อมครอบครัว เนื่องจากเกิดความแค้นอย่างหนักต่อนายสุเด็ง ซึ่งในอดีตเคยเป็นสมาชิกแนวร่วมในขบวนการ แต่ตอนหลังกลับใจมาได้ 5 เดือน และคอยเป็นสายให้กับทางราชการรายงานความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ จึงเกิดความคับแค้นเลยมาฆ่าทิ้งยกครัว ส่วนเพื่อนบ้านอีก 2 หลัง ก็เช่นเดียวกัน เพราะเป็นผู้คอยแจ้งเบาะแสความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบให้กับทางการ
ภายหลังนายพานิง อาแวบือซา อายุ 23 ปี ทายาทคนสุดท้ายของตระกูลอาแวบือซา ได้ขอไปใช้ชีวิตที่ประเทศมาเลเซีย เนื่องจากเกรงกว่าจะถูกฝ่ายตรงข้ามตามมาสังหาร
ยกกำลังบุกรวบมือฆ่าตัดหัว
หวิดเกิดตันหยงลิมอ 2 เมื่อชาวบ้านปากาลือซง ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี กว่า 300 คนบุกล้อมรถยนต์เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.หนองจิก ขณะนำตัวนายอาเล็ง แวสุหลง อายุ 27 ปี อุสตาซโรงเรียนตาลีกา ผู้ต้องหาคดีฆ่าตัดคอนายอเนก เงินมูล ลูกจ้างทั่วไปของ อบต.ตุยง ออกจากหมู่บ้านในช่วงบ่ายวันที่ 30 พฤศจิกายน 2548 และได้ช่วยกันดันรถเจ้าหน้าที่ลงข้างทางพร้อมกับให้ผู้หญิงและเด็กปิดเส้นทางทางเข้าออกหมู่บ้านไว้จำนวนหนึ่ง
ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเจรจาต่อรองกับกลุ่มชาวบ้าน ผู้ต้องหาได้ถีบประตู ม้วนหน้าลงจากรถกระโดดลงคลองว่ายน้ำหนีในสภาพสวมกุญแจมือไพล่หลัง หายไปต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้าที่ เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงมีการวิทยุขอกำลังเสริมและกว่าเจ้าหน้าที่ 30 นายจะออกจากหมู่บ้านได้ต้องใช้เวลากว่า 2 ชม.
ช่วงเช้ารุ่งขึ้น 1 ธันวาคม เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครกว่า 400 นายได้ทำการปิดล้อมหมู่บ้านปากาลือซงอีกครั้ง เพื่อตรวจค้นบ้านต้องสงสัย แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อภายในหมู่บ้านมีเพียงผู้หญิงและเด็กเท่านั้นส่วนผู้ชายทั้งหมดได้หายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ตลอดระยะเวลา 2 ปี หรือ 730 วันที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบนับครั้งไม่ถ้วน ประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเจ้าหน้าที่รัฐต้องสังเวยชีวิตและบาดเจ็บหลายร้อยคน ขณะที่เหตุการณ์ยังไม่มีทีท่าสงบและยิ่งเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนได้แต่หวังว่าในปี 2549 เหตุการณ์ความไม่สงบเหล่านี้จะลดลงหรือคลี่คลายไปในทางที่ดี
........
ข่าวเกี่ยวเนื่อง
ประมวลข่าว "โจรใต้"เหิม-บุกปล้นปืน 58จุดภายในคืนเดียว!!
ประมวลข่าวเกี่ยวเนื่อง "สังหาร2นายทหารนาวิกโยธิน-ตันหยงลิมอ"

ก่อวินาศกรรมสนามบินหาดใหญ่
ต้องยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำใน จ.สงขลา ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาเป็นผลสืบเนื่องมาจาก “โศกนาฏกรรม 3 เมษา” กับปฏิบัติการเย้ยเจ้าหน้าที่รัฐ โดยการลอบนำระเบิดไปซุกซ่อนไว้ในภายในสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ ถังขยะหน้าห้างคาร์ฟูร์ สาขา อ.หาดใหญ่ และลานจอดรถหน้าโรงแรมกรีนเวิลด์พาเลซ อ.เมืองสงขลา ฉวยโอกาสขณะที่มีคนพลุกพล่านจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ
ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องสังเวยชีวิตไปถึง 2 คน บาดเจ็บจำนวนมาก หนึ่งในนี้คือ “น้องฮ่องเต้” หรือ “น้องแทน” เด็กชายวัย 4 ขวบ ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องสูญเสียพ่อผู้เป็นที่รักตลอดชีวิต นับตั้งแต่นั้นมาส่งผลให้รายได้จากนักท่องเที่ยวที่ไหลเข้าพื้นที่ จ.สงขลา และจังหวัดใกล้เคียงที่ซวนเซอยู่แล้วจากเหตุการณ์สึนามิ และไฟใต้ในรอบปีแรก ต้องซบเซาลงอย่างหนัก แม้ผู้ที่เกี่ยวข้องจะพยายามยื้อหรือฉุดอย่างไร แต่ตัวเลขทางเศรษฐกิจก็ไม่ได้สวยหรูเหมือนดังเดิมอีก
ภาพ: "วินาศกรรมสนามบินหาดใหญ่" -จากซ้ายนายอาซีด นิมุสา และน้องฮ่องเต้ สองเหยื่อเหตุวินาศกรรมสนามบินหาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 3 เม.ย.48
ยิง“ผอ.กอบกุล”แม่พิมพ์ของชาติ
ถัดจากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ที่สะเทือนใจประชาชนทั้งประเทศ รวมทั้งผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น “แม่พิมพ์ของชาติ” มากที่สุด คงหนีไปพ้นเหตุการณ์คนร้ายประกบยิง น.ส.กอบกุล รัญเสวะ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านตือกอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เสียชีวิตขณะขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านพักเพื่อไปป้อนข้าวให้แม่ที่ป่วยเป็นอัมพาตในช่วงพักเที่ยงของวันที่ 24 มิถุนายน 2548 เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้ขวัญและกำลังใจของบรรดาครูใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตกอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง
นับเป็นเกียรติประวัติของตระกูล “รัญเสวะ” เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานพระหัตถเลขาแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ น.ส.กอบกุล พร้อมทรงชมเชยความกล้าหาญ และเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงอันตราย และได้รับนางแฉล้ม รัญเสวะ มารดาของ น.ส.กอบกุล ไว้ในพระราชินูปถัมภ์
วางระเบิดยะลา 4 จุดป่วนทั้งเมือง
เรื่องครูกอบกุล ยังไม่ทันจางหายไปจากการรายงานของสื่อมวลชน เย็นวันที่ 14 กรกฎาคม 2548 คนทั้งประเทศก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อคนร้ายออกปฏิบัติการลอบวางระเบิดพร้อมกัน 4 จุดในพื้นที่ อ.เมืองยะลา และได้กระจายกำลังขว้างระเบิดเพลิงใส่บ้านพักชาวบ้าน ร้านค้า โกดังสินค้า และโรงเรียนได้รับความเสียหายหลายแห่ง พร้อมโปรยตะปูเรือใบบนถนนสายหลักในเขตเทศบาล
ทำให้การจราจรเป็นอัมพาตทั้งเมือง เหตุป่วนเมืองที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นายมีผู้บาดเจ็บ 14 คน ส่วนคนร้ายถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 1 คน หนีรอดไปได้ 1 คน ควันระเบิดไม่ทันจาง รุ่งเช้าคนร้ายก็ปฏิบัติการเย้ยเจ้าหน้าที่อีกครั้งด้วยการวางระเบิดร้านอาหาร“พี่แดง”ใกล้กับโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน
ภาพ :"ดับไฟถล่มเมืองอุกอาจ" -คนร้ายก่อความไม่สงบทั่ว อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อคืนวันที่ 14 ก.ค.48
ดอกประดู่ร่วงที่‘ตันหยงลิมอ’
“ตันหยงลิมอ”หมู่บ้านเล็กๆ ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของคนไทยทั้งประเทศ กับเหตุการณ์ที่ นาวาเอกวินัย นาคะบุตร และนาวาตรีคำธร ทองเอียด สองนาวิกโยธินสังกัดกองพันทหารราบที่ 9 กรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ กองพลนาวิกโยธิน ค่ายจุฬาภรณ์ ถูกชาวบ้านตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จับกุมตัวและกักบริเวณไว้ที่ศาลาอเนกประสงค์กลางหมู่บ้านจนกลายเป็นศพ สืบเนื่องจากเชื่อว่าเจ้าหน้าทั้งสองคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงเข้าไปในร้านน้ำชา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 2 รายและบาดเจ็บสาหัสอีก 4 คน เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 20 กันยายน 2548
แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามใช้ “สันติวิธี” ในการแก้ปัญหาและยอมทำตามข้อเรียกร้องของชาวบ้าน หนึ่งในนั้นคือ “ให้นำนักข่าวจากประเทศมาเลเซียเข้ามารายข่าวในพื้นที่” โดยให้เหตุผลว่า “สื่อไทยไม่มีความเป็นกลางและเข้าข้างรัฐบาล” แต่ในที่สุดนายทหารทั้งสองนายก็ถูกกลุ่มวัยรุ่นบุกเข้าไปทำร้ายอย่างทารุณจนเสียชีวิต หลังถูกจับกุมตัวนานร่วม 19 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ขออนุมัติศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายจับผู้ต้องสงสัยได้ 34 คน
ภาพ:"สังหารโหดสองนาวิกโยธิน-ตันหยงลิมอ" -นาวาเอกวินัย นาคะบุตร และนาวาตรีคำธร ทองเอียด สองนาวิกโยธิน สังกัดกองพันทหารราบที่ 9 กรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ ถูกรุมทำร้ายจนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 21 ก.ย.48
5นาทีเด็ดชีวิต“นักรบดำ”5 นาย
ยังไม่ทันจะหายช็อคกับเหตุการณ์ที่ตันหยงลิมอ ประเทศชาติก็ต้องมาสูญเสีย “รั้ว” ไปอีก 5 นายและบาดเจ็บสาหัสอีก 1 นาย เมื่อเย็นวันที่ 5 ตุลาคม 2548 หลังจากคนร้ายร่วม 10 คนพร้อมอาวุธครบมือนั่งรถกระบะผ่านจุดตรวจสายสายยานิง-เจาะไอร้อง บ้านเจาะไอร้อง ม.1 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส และฉวยโอกาสที่เจ้าหน้าให้สัญญาณชะลอรถกราดอาก้าและเอ็ม 16 ถล่มจุดตรวจอย่างบ้าคลั่ง ก่อนหลบหนีทั้งหมดได้ยึดเอาอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1กระบอก ปืนอาก้า 5 กระบอก และปืนเอ็ม 79 จำนวน 1 กระบอกไปด้วย พร้อมโปรยตะปูเรือใบ และตัดต้นไม้ขวางถนนหลายสาย ซึ่งปฏิบัติการทั้งหมดใช้เวลาเพียง “5 นาที”
บุกเผาวัดฆ่าฟันคอพระ-ลูกศิษย์
ความแตกต่างทางศาสนากลายเป็นประเด็นสำคัญที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามทำให้เกิดรอยร้าวขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อกลางดึกวันที่ 16 ตุลาคม 2548 คนร้ายนุ่งโสร่ง พูดภาษามลายูท้องถิ่น ร่วม 10 คนบุกฟันคอพระแก้ว กุสโร อายุ 80 ปี พระลูกวัดพรหมประสิทธิ์ ม.2 ต.บ้านนอก อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี มรณภาพภายในกุฏิ และยิงนายณรงค์ คำอ่อง อายุ 17 ปี และนายสถาพร สุวรรณรัตน์ อายุ 15 ปี ลูกศิษย์วัดเสียชีวิต
พร้อมกับราดน้ำมันจุดไฟเผาอย่างโหดเหี้ยม จนกลายเป็นตอตะโก ท่ามกลางซากกุฏิที่ถูกเผาจนวอดทั้งหลัง และได้กระจายกำลังทำลายข้าวของและห้องพระจนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ก่อนหลบหนีคนร้ายได้จุดพลุส่งสัญญาณคล้ายกับสื่อให้เพื่อนร่วมขบวนการรู้ว่าปฏิบัติการสัมฤทธิ์ผล!
ภาพ: "ฆ่าพระ-เผาวัด"-กลางดึกวันที่ 16 ต.ค.48 เกิดเหตุการณ์คนร้ายบุกฆ่าฟันคอพระลูกวัดพรหมประสิทธิ์ หมู่ 2 ต.บ้านนอก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี มรณภาพ 1รูป พร้อมลูกศิษย์วัดอีก 2 ศพ จากนั้นไม่หนำใจ โจรใจบาปยังเผากุฎิซ้ำ
เย้ยรัฐปล้นปืนชรบ.3จว.พร้อมกัน
ค่ำคืนวันที่ 26 ตุลาคม 2548 ขณะที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และผู้ชายส่วนใหญ่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังประกอบพิธีละหมาดที่มัสยิด คนร้ายฉวยโอกาสดังกล่าวกระจายกำลังออกตระเวนปล้นปืนที่เก็บไว้ภายในบ้านพัก ซึ่งมีเพียงผู้หญิงและเด็ก
สามารถกวาดปืนลูกซองยาวและปืนพกสั้นที่ จ.ปัตตานีได้ไป 39 กระบอก ยะลา 41 กระบอก นราธิวาส 19 กระบอก เจ้าหน้าที่จับกุมคนร้ายขณะก่อเหตุที่ปัตตานีได้ 1 ราย ส่วนอีก 1 ราย ถูก ชรบ.ยะลา ยิงบาดเจ็บ ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านและ ชรบ.นราธิวาส ถูกยิงเสียชีวิต 4 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 4 ราย
ภาพ: "ปล้นปืนชรบ.คืนเดียวรวด 58จุด" -จากซ้าย นายมะรูดิง มะแซ อายุ 45 ปี ชรบ. หมู่ที่ 7 ต.ลำพญา อ.เมืองยะลา ถูกคนร้ายบุกขึ้นบ้านหมายปล้นปืน แต่นายมะรูดีต่อสู้ คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงจนได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่นายอิสฟาน บือแน(รูปขวา) หนึ่งในกลุ่มคนก่อการร้าย ถูกยิงสวนจนได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
วางระเบิดเกลื่อนเมืองป่วนนราฯ
ย่างเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน 2548 เพียงวันที่ 2 ปฏิบัติการป่วนเมืองก็เริ่มขึ้น ครั้งนี้คนร้ายใช้ระเบิด 16 ลูกวางระเบิด 8 จุด ภายใน อ.เมืองนราธิวาส หนึ่งในนั้นเป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง ทำให้เกิดไฟฟ้าดับในบางพื้นที่สร้างความแตกตื่นและโกลาหลให้แก่ประชาชนที่สัญจรไปมาอยู่บนถนนอย่างยิ่ง
แต่ยังถือว่าโชคดีที่เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ระเบิดได้ถึง 7 ลูก ไม่เช่นนั้นตัวเลขความสูญเสียก็คงเพิ่มขึ้นและนับเป็นผลกรรมที่ตามสนองคืนได้เร็วที่สุดเมื่อเกิดเหตุขัดข้องระหว่างการวางระเบิดเสาไฟฟ้า บ้านทุเรียน ทำให้นายอิสมาแอ แอแซ หนึ่งในคนร้ายถูกแรงระเบิดเสียชีวิตในสภาพแลกเหลวและมีเพื่อนร่วมขบวนการได้รับบาดเจ็บ 1 คน
บุกบ้านนอภ.-โจรค่าหัว1ล.ถูกเป่า
ปฏิบัติการเย้ยเจ้าหน้าที่รัฐยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง 5 วันถัดมา คนร้ายประมาณ 30 คนพร้อมอาวุธสงครามปฏิบัติการก่อความไม่สงบในพื้นที่ อ.รามัน 6 จุด อ.เมือง 2 จุด อ.ธารโต 3 จุด อ.กรงปินัง 2 จุด อ.เบตง 3 จุด โดยเฉพาะที่บริเวณบ้านพักนายรุ่งไชย ใบกว้าง นายอำเภอบันนังสตา คนร้ายไม่ต่ำกว่า 10 คน ได้ปะทะกับ อส. 4 นาย ซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยบ้านพักนายอำเภอ 4 นาย
แต่โชคดีที่ทหารและตำรวจที่อยู่ใกล้เคียงสามารถเคลื่อนกำลังเข้ามาทันเวลา ทำให้สามารถช่วยเหลือนายรุ่งไชยเอาไว้ได้ จุดปะทะดังกล่าวมีคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 2 คน หนึ่งในนั้น คือ นายหาสือมิง จารง แกนนำคนสำคัญของขบวนการมูจาฮีดีนปัตตานี มีรางวัลนำจับ 1 ล้านบาท และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 17 คน ที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าเป็นผู้ที่ลงมือก่อเหตุ
บึ้มรถใน“สพท.-ศาลากลางยะลา”
เหตุการณ์ยังไม่มีทีท่าสงบ เช้าวันรุ่งขึ้นคนร้ายได้ลอบวางระเบิดใต้ท้องรถยนต์ของนายสุริยะ วงศ์สวัสดิ์ อายุ 57 ปี ศึกษานิเทศก์ สพท.เขต 1 ยะลา แรงระเบิดทำให้รถยนต์ 8 คันซึ่งจอดอยู่ภายลานจอดรถภายในสำนักได้รับความเสียหาย ส่วนนายสุริยะได้รับบาดเจ็บสาหัส
ถัดมาไม่ถึง 2 ชั่วโมง คนร้ายชุดชนวนระเบิดใต้ท้องรถยนต์ของนายสุรสิทธิ์ สุวรรณโกตา หัวหน้าท้องถิ่น จ.ยะลา ขณะจอดอยู่ภายในลานจอดรถศาลากลางจังหวัด ด้านหน้าอาคารหลังเก่า ทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย 6 คัน ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย
ภาพ : "เย้ยฟ้าท้าดิน-คาร์บอมส์ศาลาว่าการฯยะลา" - คนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ภายในศาลาว่าการจังหวัดยะลา สองรอบซ้อนในเวลาห่างกันไม่ถึง 2 ชั่วโมง
ฆ่า 9 ศพตระกูล”อาแวบือซา”
ดึกสงัดของคืนวันที่ 16 พฤศจิกายน 2548 คนร้ายอาวุธครบมือบุกเข้าไปในบ้านเลขที่ 82 บ้านเลขที่ 84/4 และบ้านเลขที่ 148/2 หมู่ที่ 5 บ้านกะทอง ต.บองอ อ.ระแงะ พร้อมกราดยิงถล่มครอบครัวที่พักอาศัยภายในบ้านพักดังกล่าว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีก 9 คน ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าที่บ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้น เลขที่ 84/4 หมู่ที่ 5 ของ นายสุเด็ง อาแวบือซา อายุ 40 ปีอยู่ในสภาพพังยับเยิน โดยภายในห้องครัวพบศพผู้เสียชีวิต 5 ราย บริเวณห้องนอน 3 ราย และบริเวณกลางห้อง 1 ราย รวม 9 ศพ ถูกอาวุธปืนยิงใส่จนร่างพรุน หนึ่งในนั้นเป็นทารกอายุเพียง 8 เดือน!
สาเหตุที่คนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงบ้านของนายสุเด็งพร้อมครอบครัว เนื่องจากเกิดความแค้นอย่างหนักต่อนายสุเด็ง ซึ่งในอดีตเคยเป็นสมาชิกแนวร่วมในขบวนการ แต่ตอนหลังกลับใจมาได้ 5 เดือน และคอยเป็นสายให้กับทางราชการรายงานความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ จึงเกิดความคับแค้นเลยมาฆ่าทิ้งยกครัว ส่วนเพื่อนบ้านอีก 2 หลัง ก็เช่นเดียวกัน เพราะเป็นผู้คอยแจ้งเบาะแสความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบให้กับทางการ
ภายหลังนายพานิง อาแวบือซา อายุ 23 ปี ทายาทคนสุดท้ายของตระกูลอาแวบือซา ได้ขอไปใช้ชีวิตที่ประเทศมาเลเซีย เนื่องจากเกรงกว่าจะถูกฝ่ายตรงข้ามตามมาสังหาร
ยกกำลังบุกรวบมือฆ่าตัดหัว
หวิดเกิดตันหยงลิมอ 2 เมื่อชาวบ้านปากาลือซง ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี กว่า 300 คนบุกล้อมรถยนต์เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.หนองจิก ขณะนำตัวนายอาเล็ง แวสุหลง อายุ 27 ปี อุสตาซโรงเรียนตาลีกา ผู้ต้องหาคดีฆ่าตัดคอนายอเนก เงินมูล ลูกจ้างทั่วไปของ อบต.ตุยง ออกจากหมู่บ้านในช่วงบ่ายวันที่ 30 พฤศจิกายน 2548 และได้ช่วยกันดันรถเจ้าหน้าที่ลงข้างทางพร้อมกับให้ผู้หญิงและเด็กปิดเส้นทางทางเข้าออกหมู่บ้านไว้จำนวนหนึ่ง
ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเจรจาต่อรองกับกลุ่มชาวบ้าน ผู้ต้องหาได้ถีบประตู ม้วนหน้าลงจากรถกระโดดลงคลองว่ายน้ำหนีในสภาพสวมกุญแจมือไพล่หลัง หายไปต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้าที่ เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงมีการวิทยุขอกำลังเสริมและกว่าเจ้าหน้าที่ 30 นายจะออกจากหมู่บ้านได้ต้องใช้เวลากว่า 2 ชม.
ช่วงเช้ารุ่งขึ้น 1 ธันวาคม เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครกว่า 400 นายได้ทำการปิดล้อมหมู่บ้านปากาลือซงอีกครั้ง เพื่อตรวจค้นบ้านต้องสงสัย แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อภายในหมู่บ้านมีเพียงผู้หญิงและเด็กเท่านั้นส่วนผู้ชายทั้งหมดได้หายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ตลอดระยะเวลา 2 ปี หรือ 730 วันที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบนับครั้งไม่ถ้วน ประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเจ้าหน้าที่รัฐต้องสังเวยชีวิตและบาดเจ็บหลายร้อยคน ขณะที่เหตุการณ์ยังไม่มีทีท่าสงบและยิ่งเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนได้แต่หวังว่าในปี 2549 เหตุการณ์ความไม่สงบเหล่านี้จะลดลงหรือคลี่คลายไปในทางที่ดี
........
ข่าวเกี่ยวเนื่อง
ประมวลข่าว "โจรใต้"เหิม-บุกปล้นปืน 58จุดภายในคืนเดียว!!
ประมวลข่าวเกี่ยวเนื่อง "สังหาร2นายทหารนาวิกโยธิน-ตันหยงลิมอ"
