xs
xsm
sm
md
lg

เมืองไทยรายสัปดาห์ 11 : “สนธิ” เปิดโปงงาบ 3,500 ล้านซื้อเครื่องบินขับไล่รัสเซีย แจง “รัฐบาลถังแตก”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พลังมวลชนยังเดินหน้า แห่ชม “เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 11” คับคั่ง “สนธิ” ย้ำทำหน้าที่สื่อขุดคุ้ยความจริงตีแผ่ แฉขบวนงาบค่าคอมมิชชันซื้อเครื่องบินขับไล่ SU 30 MK ของรัสเซีย 3,500 ล้านบาท โยงใย “นายใหญ่-คงศักดิ์-ลูกน้ำ” ตั้งอีก 4 คำถาม ให้รัฐบาลทักษิณตอบ เงินหวยบนดินกำไรทุกงวดใช้จ่ายอย่างไร-ใครบ้างได้ขึ้นเครื่องบินไทยคู่ฟ้า-เงินบริจาคสึนามิ 700 กว่าล้านบาทไปอยู่ไหน-ผลสอบซีทีเอ็กซ์ของอัยการอเมริกามีคนเกี่ยวข้อง 8 คนเป็นใครบ้าง ชี้อาการ “รัฐบาลถังแตก”

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง เมืองไทยรายสัปดาห์ สัญจร ครั้งที่ 11 ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง เมืองไทยรายสัปดาห์ สัญจร ครั้งที่ 11 ช่วงที่ 2 จบ


สโรชา- สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 11

สนธิ- ขออนุญาตเรื่องที่เป็นอัปมงคลก่อนให้มันจบๆ ไป แล้วค่อยมาพูดเรื่องที่เป็นสิริมงคลกับชาติบ้านเมือง เหมือนทุกๆ ครั้งที่พวกเรามาชุมนุมกันด้วยจิตใจ และพลังที่บริสุทธิ์ ทุกครั้งที่มีการชุมนุมแบบนี้ก็จะมีขบวนการที่ถูกเตรียมมาเพื่อจะก่อกวนพวกเรามากมาย ขบวนการล่าสุด มีการจ้างนักเลงหัวไม้จากแถวบ่อนไก่ บางโพงพาง ซึ่งเป็นพื้นที่แถวๆ คลองเตย พื้นที่ใครผมก็ไม่รู้ เอามาเพื่อมาก่อกวน ล่าสุดนี้แอบส่งคนใส่เสื้อแขนสั้นสีขาวเข้ามาในพื้นที่สวนลุมฯ ประมาณ 10 คน แล้วก็ห่ออะไรมาก็ไม่รู้เพื่อที่จะให้เกิดเสียงดังๆ แล้วก็ทิ้งไว้ที่ถังขยะ พ่อแม่พี่น้องที่อยู่ข้างนอกช่วยจับตาดูหน่อยว่าใครผิดปกติบ้าง แล้วให้บอก รปภ.เราที่มีปลอกแขนสีเขียว จะได้จับมาแล้วประชาทัณฑ์เสียให้เข็ด ท่าน รปภ.ครับ และพ่อแม่พี่น้องข้างนอกช่วยจับตาดูให้หน่อย ถ้าเจอแล้วช่วยหน่อยเถอะ เพราะว่ามันบางครั้งต้องถึงเวลาที่จะต้องสั่งสอนคนพวกนี้บ้าง ว่าพลังประชาชนนั้นมาเล่นกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นพวกคุณที่รับเงินรับทองมา มีหลายวิธี อาทิตย์ที่แล้วที่ผมไม่อยู่ เอ้อ สองอาทิตย์ที่แล้ว ไปใส่เสื้อ ไปทำมานะว่า “เรารักสนธิ” เพื่ออะไรรู้ไหม เพื่อมาก่อกวนหาเรื่อง แล้วก็จะบอกว่าเป็นพวกผม ผมไม่เคยทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เคย แล้วเอาอันโน้นอันนี้ไปแจก คุณสโรชา แล้วทำให้ประชาชนสับสน เพราะฉะนั้นแล้ว พวกคุณที่รับเงินรับทองมา ก็รับเขามาเถอะ ไม่เป็นไร แล้วก็มานั่งฟัง มานั่งฟัง เผื่อคุณจะเกิดปัญญาบ้าง แล้วคุณก็ได้เงินมาฟรีๆ อย่าไปทำอะไรเลย เชื่อผมสิ นะ อย่าไปเสี่ยงเลยนะ พวกที่ใส่เสื้อแขนสั้น 10 คน นี่อยู่ที่ไหนข้างนอกนะฮะ ช่วยจับตาดูกันหน่อยก็แล้วกันนะฮะ เสื้อยืดแขนสั้นสีขาว อยู่ข้างนอกประมาณ 10 คน พ่อแม่พี่น้องข้างนอกจับตาดูนิดหนึ่งแล้วก็แจ้งให้ทราบ
เอาล่ะ เรื่องอัปมงคลหมดไปแล้ว เรามาพูดกันเรื่องสิริมงคลต่อไป

สโรชา - ใช่ค่ะ ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ นะคะ หลังจากที่มีกระแสพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม คุณสนธิต้องกล่าวเรื่องนี้สักนิดหนึ่งค่ะ

สนธิ - ครับ ก็ ผมไม่รู้จะพูดอย่างไรนะครับ แต่ว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างล้นเกล้าฯ แล้วก็ประเทศไทยเป็นชาติเดียวในโลกนี้ที่มีความโชคดีที่มีองค์พระประมุข ซึ่งเปรียบเสมือนเทพประจำประเทศเรานะครับ ก็ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ นะครับ อีกเรื่องหนึ่งนะครับก่อนลืม พวกเรานี่มาออกรายการทีนี่หลายครั้งแล้วเราลืมไปหมดเลย

สโรชา- ลืมอะไรคะ

สนธิ- ผมขอความกรุณาให้พวกเราหันหน้านะฮะ ไปทางซ้ายของพวกท่าน พนมมือกันแล้วก็กราบสักการะองค์สมเด็จญาณฯ ซึ่งพระองค์ท่านอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นะครับ พวกเราพร้อมใจกันกราบท่าน 3 ครั้ง นะครับ กราบ...กราบ..กราบ..ครับ ขอบพระคุณมากครับ คุณสโรชา วันนี้มีเรื่องอะไรบ้าง

สโรชา- มีหลายเรื่องค่ะ แต่เรื่องแรกเลยที่เราต้องพูดกัน เพราะว่ามีคนพูดกันเยอะ เรื่องนี้ เรื่องของ PR ประจำรายการเรา คือจริงๆ แล้วเราไม่ได้แต่งตั้งอย่างเป็นทางการนะคะ แต่ว่ามีบางท่านมีจิตศรัทธา ท่านทำหน้าที่อย่างดีมาโดยตลอด

สนธิ - อันนี้จริงฮะ พวกเราพ่อแม่พี่น้องที่มานี่ ต้องกราบขอบพระคุณสปอนเซอร์รายการเรานะครับ ซึ่งมีใครบ้างนะฮะ

สโรชา - เดี๋ยวเราจะได้ดูกันนะคะ อีกสักแป๊บหนึ่ง อดใจรอ แต่ว่า PR ที่ดิฉันพูดถึง คงจะไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคุณสมัคร สุนทรเวช และคุณศิธา ทิวารี

สนธิ - ครับ

สโรชา - มีค่ะมี เรามีภาพและเสียงนะคะ ของคุณสมัครที่ฝากมา คือท่านพูดถึงผู้ชมของเราที่มาดูรายการของเรา เชิญค่ะ

(เทปเสียงคุณสมัคร สุนทรเวช)

สโรชา - คือท่านพูดถึงผู้ชมของเรานะคะ

สนธิ - ครับ

สโรชา - แต่ว่า คือ นอกจากทั้งสองท่านแล้ว วันนี้มีข่าวดีเพราะว่าเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรเรามีสปอนเซอร์รายใหม่ๆ เข้ามา

สนธิ - มีครับ

สโรชา - ซึ่งเดี๋ยวเราจะต้องมีการเพลย์สปอตโฆษณาสปอนเซอร์ของเราทั้ง 2 รายใหญ่

สนธิ - ต้องมีครับต้องมี

สโรชา - แต่ว่าเดี๋ยวรอช่วงใกล้ๆ เบรคค่ะ คุณสนธิคะสัปดาห์นี้เรื่องที่ใหญ่ที่สุดคงไม่พ้นเรื่องที่ท่านนายกฯ ตัดสินใจถอนฟ้องเรานะคะ เราและหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ทั้งหมดรวมแล้ว 6 คดี เป็นมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท

สนธิ - ครับ 2,000 ล้านบาท

สโรชา - แล้วก็มีคำถามต่อค่อนข้างกว้างขวางด้วยว่า เอ๊ะท่านนายกฯ เหมือนท่านถอย 1 ก้าวแล้ว เพราะว่าท่านถอนฟ้องพวกเรา และเรายังจะถอยสักก้าวไหม อะไรประมาณนั้น

สนธิ - ผมได้มีการชี้แจงไปแล้ว อยากจะให้พ่อแม่พี่น้องได้ดูสิ่งที่ผมชี้แจงก่อน เดี๋ยวผมจะขยายความเพิ่มเติมนะครับ

สโรชา - เมื่อวานนี้นะคะที่บ้านพระอาทิตย์

สนธิ - เมื่อวานนี้นะครับ

สโรชา - เชิญค่ะ

(เทปเสียงคุณสนธิ ลิ้มทองกุล)

สโรชา - มารยาททางการเมืองต้องมีคำว่า ควรหรือไม่ควร

สนธิ - คือ คุณสโรชาและพ่อแม่พี่น้องที่นั่งอยู่ในที่นี้และนั่งอยู่ข้างนอก วันนี้ผมอยู่ในสภาพที่ผมกลับไปเป็นนายสนธิคนเดิมไม่ได้แล้ว ผมไปกราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ พ่อแม่ครูบาอาจารย์เอาธรรมมาสอนผม บอกว่า สนธิ ชีวิตคือความว่างเปล่าแต่ถ้าเราทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนแล้ว ถึงตายก็คุ้มค่า ผมไม่ใช่คนไม่เคยทำความผิด คุณสโรชา 58 ปีที่ผ่านมานี้ ชั่วก็เคยทำ ผิดก็ไม่น้อย แต่ว่าอยากจะใช้ส่วนที่เหลือของชีวิตทำเพื่อชาติบ้านเมือง ทำเพื่อประชาชนในฐานะที่เป็นสื่อ แต่เป็นสื่อคนละแบบที่มีอยู่ทุกวันนี้ คือเป็นสื่อที่ถึงตรงกับประชาชน ไม่ใช่สื่อซึ่งจะต้องไปนั่งกินข้าวกับนายกฯ หรือไม่ใช่สื่อที่จะต้องไปพึ่งพาคนโน้นคนนี้ เพราะเดี๋ยวนี้ผมจะทำอะไรผมจะถามความเห็น ผมจะทำข่าวผมต้องถามความเห็นประชาชนก่อนแล้ว เพราะว่าผมไม่ใช่นายสนธิคนเก่าอีกต่อไป ผมถือโอกาสขอขมาลาโทษพ่อแม่พี่น้องทุกคนว่า อดีตที่ผมเคยทำผิดพลาดอะไรไปถ้ามีการทำก็ขออภัย ขอขมา แต่ว่าจากนี้เป็นต้นไปผมจะยึดถือบทบาทที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พูดอยู่ออกมาตลอดเวลา ว่า ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่นั้นให้สมบูรณ์แบบ และประชาชนจะไม่มีปัญหา สังคมไทยจะไม่มีปัญหา ผมขอยึดถือตรงนี้ แล้วพ่อแม่พี่น้องประชาชน ตลอดจนคุณสโรชาด้วย จำเอาไว้ วันไหนในอนาคต ตราบจนกระทั่งผมตาย ถ้าผมไปรับตำแหน่งอะไรทางการเมือง แล้วถ้าผมไม่ใช่สื่อมวลชนของท่านต่อไป เจอหน้าที่ไหน ถุยน้ำลายใส่หน้าผม ถอดรองเท้าตบหน้าผมได้ทันที

สโรชา - คุณสนธิยืนยันชัดเจน แล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะคะ

สนธิ- ผมพูดมาตลอด ผมคิดว่าบทบาทหน้าที่ ถ้าเรามีผู้ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชน เหมือนอย่างท่าน ส.ว.ประทิน สันติประภพ ซึ่งท่านมาวันนี้ หรือท่านเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ หรือท่านเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. สังคมไทยต้องการนักการเมืองที่มีคุณภาพ สามท่านเป็นเพียงแต่สามท่านในอีกหลายๆ ท่าน ที่ท่านทำหน้าที่ตามบทบาทที่ท่านได้รับมอบหมายอย่างสมบูรณ์แบบ ท่านเป็น ส.ว. คุณสโรชากับผม ทำบทบาทในฐานะเป็นสื่ออย่างสมบูรณ์แบบ ที่จะตั้งคำถาม ถามอะไรที่ไม่ชอบมาพากล เมื่อต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว คุณสโรชา

สโรชา- ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น

สนธิ- ทุกอย่างก็ดีขึ้น ก็เพราะว่าพวกเราบางคนไม่ทำหน้าที่ที่สมบูรณ์แบบ ไม่เข้าใจบทบาทสมมุติที่ได้ถูกมอบมา ไม่เข้าใจหลักธรรมที่ครูบาอาจารย์สอน ว่า ชีวิตมีแต่ความว่างเปล่า ทรัพย์สมบัติที่เอาจากสังคมแล้วมาเป็นของตัวเอง เมื่อตายไปตัวเองก็เอาไปไม่ได้ แต่ว่าถ้าทำงานเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เพื่อบ้านเมือง เพื่อศาสนา เพื่อพระมหากษัตริย์ เพื่อประชาชน ชีวิตถึงจะมีความหมาย ตายก็ยังคุ้มค่า
ผมไม่เคยกังวลใจ ฝ่ายรัฐบาลพยายามส่งคนมาก่อกวน ปล่อยข่าวทั้งวันว่า ระวังนะอย่ามามีระเบิด คือเขาต้องการให้ที่ชุมนุมของเราที่นี้เป็นที่ที่มีคนโหรงเหรง ซึ่งกราบเท้าท่านพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายด้วยความเคารพในวาจาผม ถึงจะมีคนนั่งอยู่ 2 คน ผมก็ยังจะทำหน้าที่ของผมต่อไป แต่ท่านนายกฯ ท่านไม่ทราบหรอก ท่านไม่ทราบภูมิปัญญาท้องถิ่นหรอกว่า กะท้อนยิ่งทุบยิ่งหวาน คุณสโรชาต้องขอบพระคุณพ่อแม่พี่น้องที่มาจากต่างจังหวัด

สโรชา- ใช่ค่ะวันนี้หลายๆ จังหวัดเลย ถึงแม้จะข่าวว่ามีการสกัดกั้น มีความพยายามที่จะสกัดกั้นมาเป็นรถบัส ไม่ให้มาบ้างก็มีนะคะ แต่ว่าพี่น้องชาวอุบลฯ ชาวเพชรบุรี ชาวราชบุรี กำแพงเพชร สระบุรี สมุทรปราการ มาจากแจ้งวัฒนะทางด้านหน้าเวทีนี้ ขอเสียงปรบมือหน่อยค่ะ

สนธิ- ขอขอบพระคุณพ่อแม่พี่น้องชาวต่างจังหวัดทั้งหลาย ตลอดจนชาวต่างจังหวัดที่อยู่ตามศูนย์ต่างๆ ที่นั่งดูรายการนี้ แล้วก็ขอความกรุณาช่วยปรบมือให้พ่อแม่พี่น้องชาวเพชรบุรีที่มาเป็นยามให้กับผม นั่งล้อมผมอยู่นี่

สโรชา- เมื่อสักครู่คุณสนธิพูดถึงเรื่องคำถาม คำถามที่เราได้ตั้งไปและหลายๆ คำถามก็ยังไม่ได้รับคำตอบ ทบทวนสักนิด เราจัดมาแล้วทั้งหมด ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 11 สัปดาห์ที่แล้วเราเว้นไป 1 ครั้ง และมาถึงวันนี้หลายๆ ท่านมาเป็นครั้งแรกก็มี หลายๆ ท่านมาทุกๆ ครั้งก็มี แต่ว่าที่แน่ๆ อาจจะลืมเลือนกันไปบ้างแล้วสำหรับคำถามที่เราเคยตั้งให้กับรัฐบาล

สนธิ - คือคำถามที่เราตั้งให้รัฐบาลเดิมทีมีอยู่ 4 คำถาม ไปๆ มาๆ 20 เข้าไปแล้ว ยังไม่ตอบ แล้วผมยังมีเพิ่มมาอีก วันนี้อีก 4 ก็ไม่รู้เขาจะตอบได้หรือเปล่า

สโรชา - กว่าจะถึงสิ้นปีนี่

สนธิ- กว่าจะถึงสิ้นปี ทั้งหมดที่ถามเอาไว้งวดหน้าจะเล่าให้ฟัง แต่ว่าเอาเป็นหลักๆ หลักแรกคือ ความโปร่งใสในการบริหารราชการแผ่นดิน นั่นคือข้อแรกคำถามข้อแรก คำถามข้อที่ 2 คือ การกระทำซึ่งออกมาในลักษณะของการขัดต่อผลประโยชน์ของชาติ สร้างนโยบายขึ้นมาเพื่อให้ประโยชน์กับตัวเองได้

สโรชา - พูดถึงเรื่องการสร้างนโยบาย จริงๆ แล้วเมื่อไม่นานมานี้หน่วยงานที่ชื่อว่า เพิร์ก ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่ฮ่องกง

สนธิ - เพิร์ก คืออะไร คุณสโรชาต้องเล่าให้พ่อแก่แม่แก่ผมฟังหน่อยมาจากเพชรฯ ท่านไม่รู้หรอกเพิร์กแพ้กคืออะไร ท่านรู้แต่ข้าวหม้อแกง ท่านรู้แต่ข้าวหม้อแกง เอามาให้ผมทุกครั้งจนกระทั่งจะเป็นเบาหวานอยู่แล้ว ข้าวหม้อแกง

สโรชา - เพิร์ก(PERC) ย่อมาจาก Political and Economic Risk Cousultancy

สนธิ - ภาษาไทย(เสียงสูง)

สโรชา- ภาษาไทย คือ เป็นหน่วยงานที่จะวิเคราะห์ทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ จะเน้นเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ทางจีนไล่ลงมาถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทุกๆ ปีจะศึกษาในแต่ละพื้นที่ คือจะส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาในบ้านเรา แล้วศึกษาทางด้านการเมือง ทางด้านเศรษฐกิจ ทางด้านสังคม แล้วเขาก็จะสรุปออกมาทุกปี ว่าภาวะของคอร์รัปชั่น หรือการฉ้อราษฎร์บังหลวงของเรา เป็นอย่างไรบ้าง ปีนี้ค่ะ ไทยมาเป็นอันดับที่ 7 จากประเทศในเอเชียทั้งหมดนะคะ เป็นอันดับที่ 7 แต่ที่แน่ๆ ข้อสำคัญคือว่า เขาพูดเลยว่า มีการวิธีการที่ออกกฎหมายโดยจะเอื้อประโยชน์แก่ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งใหญ่ๆ ในบ้านในเมือง

สนธิ- คือ พ่อแม่พี่น้องจำได้ไหมว่า ครูบาอาจารย์ อย่างเช่นหลวงตามหาบัว เคยพูดว่า เดี๋ยวนี้คอร์รัปชั่นมันกินเข้าไปถึงปอดถึงตับแล้ว ไม่ใช่แค่ผิวหนัง กินเข้าไปถึงปอดถึงตับ เมื่อวานนี้ท่านอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ท่านก็พูดออกมาชัด ท่านบอกท่านพูดไปเสียงท่านเครือเหมือนท่านจะร้องไห้ เหมือนท่านจะร้องไห้เลยว่า เดี๋ยวนี้กินกันเป็นระบบ กินกันทั้งครอบครัว สมัยก่อน อย่างที่ผมเคยพูดว่าโคตรโกง เดี๋ยวนี้โกงทั้งโคตร
เดี๋ยวครับ ขอทักทายบรรดาผู้ซึ่งเป็นพญามารทั้งหลาย ตอนนี้อยู่ข้างบนโรงแรมดุสิตธานี เฝ้าดูเราอยู่ว่าเรามากันกี่คน นะครับ สวัสดีครับ จริงๆ แล้วผมอยากจะเชิญท่านนายกฯ มาออกรายการกับผม ท่ามกลางประชาชนทั้งหมดนี่ เพื่อดูว่า เพื่อท่านจะได้รู้ คือผมอยากให้ท่านมาฟังความรู้สึกของประชาชนบ้าง ท่านอย่าไปฟังความรู้สึกของผู้ว่าราชการจังหวัด หรือว่า ส.ส.ที่บอกว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังรักท่านอยู่ ผมอยากให้ท่านมาสัมผัส ทีนี้พอพูดเรื่องนี้แล้ว เรื่องการคอร์รัปชั่น ผมคิดว่าสิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญที่สุดที่เราไม่เคยพูดก็คือว่า ขันธีมันเป็นภาพสะท้อนของนาย ให้จำเอาไว้ ผมจะเล่าประวัติ "ลูกน้องสะท้อนนาย" อย่างนายศิธา ทิวารี นี่นะ ผมเห็นใจเขา

สโรชา- เลือกรูปได้หล่อเชียว

สนธิ- ผมเห็นใจตระกูล "ทิวารี" เพราะว่าพี่น้องที่ใช้นามสกุลทิวารีโทรศัพท์มาผ่านเพื่อนฝูงหลายคน บอก "คุณสนธิ เอ่ยชื่อเขา อย่าเอ่ยชื่อนามสกุลได้ไหม"

สโรชา- ต้องเป็นคุณศิธาเฉยๆ

สนธิ- ฮะ บอก เป็นคุณศิธาเฉยๆ บางคนก็เรียกแกว่า ศิเทย นะครับ ก็สุดแล้วแต่นะครับ ทีนี้ผมมีเรื่องเล่าเล็กๆ น้อยๆ ก็คือว่า ผมนี่ไม่โทษนะ คุณสโรชา

สโรชา- ทำไมคะ

สนธิ- ผมไม่โทษศิธา ผมไม่โทษสำเนียง พันตำรวจโทสำเนียง ลือเจียงคำ คนซึ่งอยากเป็นผู้กำกับจนตัวสั่นอยู่ที่ยโสธร ผมไม่โทษผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ภาค 4 ผมไม่โทษนายตำรวจรุ่น 26 รุ่นเดียวกับนายกฯ ผมไม่โทษนายทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับนายกฯ ผมไม่โทษภูมิธรรม เวชยชัย หมอพรหมินทร์ นายเนวิน ชิดชอบ แม้กระทั่ง พลโท ปรีชา วรรณรัตน์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการถ่ายทำทั้งสิ้น ผมไม่โทษคนพวกนี้ ผมโทษนายกฯ ทักษิณ เพียงคนเดียวเท่านั้นเอง ที่ผมต้องโทษท่านผมขอพูดในฐานะกัลยาณมิตร ว่าที่ผมต้องโทษท่านเพราะนี่เป็นผลพวงของการบริหารแบบซีอีโอ

สโรชา - อย่างไรคะ

สนธิ - คือ คิดคนเดียว สั่งคนเดียว คนอื่นมีหน้าที่เอาไปทำตามแล้วทำให้รวดเร็ว ทำให้เข้าตาไม่ต้องออกความเห็น ก็เลยเกิดคนรุ่นใหม่ขึ้นมาที่เขาเรียกว่า ขันทียุคดิจิตอล เกิดขันทียุคดิจิตอลขึ้นมาเต็มบ้านเต็มเมือง คุณสโรชา ถ้าจะแก้ไขเรื่องนี้ต้องแก้ไขที่ตัวท่าน

สโรชา - หมายความว่า คือบรรดาลูกน้องทำตามที่นายสั่งอย่างเดียวโดยไม่คิด

สนธิ - คือท่านไม่ฟังใคร เวลาท่านมีอารมณ์ท่านก็ตะหวาด ท่านเกิด "เฮ้ยทำไมไม่เรียบร้อย ทำไมปล่อยให้คนมาฟังเยอะๆ อย่างนี้" เกิดความคิดกันขึ้นมาทันทีเลย แทนที่จะมีคนไปบอกว่า ท่านครับ คนที่เขามาฟังก็เพราะว่าเราไปปิดกั้นสื่อ เราไม่ยอมที่จะให้สื่อมวลชนออกเขาก็เลยต้องมาจัดสัญจร แล้วถ้ามีคนกล้าพอก็จะถามต่อว่า ท่านครับ คำถามที่เขาถามเรายังไม่ได้ตอบเขาเลยนะ เราน่าจะตอบเขาเสียที

สโรชา - ถ้ามีคนใกล้ชิดกล้าพูด

สนธิ - ถ้ามีคนใกล้ชิดกล้าพูด แต่ว่าไม่มี ผมเลยต้องเล่าตำนานประวัติศาสตร์ 2 ช่วงตอน ครั้งหนึ่งจักรพรรดิต้องราชวงศ์หมิง ราชวงศ์หมิงเป็นราชวงศ์ที่ต่อจากราชวงศ์หยวน ราชวงศ์หยวนคือ ชาวมองโกที่มาปกครองเมืองจีนเมื่อ 8-9 ร้อยปีที่แล้ว แล้วราชวงศ์หมิงก็ขับไล่ชาวมองโกออก ต้นตระกูลนั้นคือ จักรพรรดิหงอู่ หรือที่มีชื่อว่า จู หยวน จาง พ่อแก่แม่แก่ทนเอาหน่อยนะครับ อย่าไปจำให้หมด ถ้าหงส์อู่ก็จำแค่ไอ้หง จู หยวน จาง ก็คือ มันชื่อไอ้จู เอาแค่นั้นพอแล้ว ทีนี้พอท่านไล่มองโกออกแล้วประวัติศาสตร์จารึกว่าท่านมีแผ่นโลหะสูงตั้งไว้ 3 ฟุต มีอักษรจารึกว่า ห้ามขันทียุ่งเกี่ยวกับกิจการการปกครองบ้านเมือง แต่ว่าไม่เป็นตามที่พระองค์กำหนดไว้ เพราะว่าจักรพรรดิองค์ต่อๆ มาปล่อยให้ขันทีเข้ามายุ่งเกี่ยว จนกระทั่งปี พ.ศ.2187 ประมาณ 400 ปีที่แล้ว ในรัชสมัยจักรพรรดิเฉิงจง พ่อแก่แม่แก่เรียกว่า ไอ้เฉิง จำได้ไหมครับ ไอ้จู

สโรชา-ไอ้หง

สนธิ - หง แล้วก็มาเฉิง เฉิงคนสุดท้าย ปรากฏว่าแผ่นดินต้องสูญเสียให้กับราชวงศ์ชิง ราชวงศ์ชิง แล้วท่านก็ไปแขวนคอตายบนศาลาพักร้อนบนภูเขาตรงข้ามพระราชวังต้องห้าม จำได้ไหมครับใครที่เคยไปเมืองจีนเห็น แล้วท่านพูดว่า เหล่าเสนาบดีหลอกลวงเรา เรามีแต่ความอัปยศอดสูเมื่อต้องไปพบหน้าบรรพบุรุษ นี่คือตำนานข้อแรก ตำนานเรื่องที่สอง ที่อยากจะให้ท่านนายกฯ ฟังเอาไว้ คือท่านมี มันมีสมัยราชวงศ์ถัง ราชวงศ์ถังเป็นราชวงศ์ที่ก่อตั้งแล้วเป็นราชวงศ์ที่เฟื่องฟูที่สุด มีจักรพรรดิองค์หนึ่ง เรียกว่า จักรพรรดิหลี่ ซื่อ หมิน แม่เรียกไอ้หลี่ จำเอาไว้ ท่านตั้งขุนนางมา 1 คน พ่อแม่พี่น้องรู้ไหมขุนนางนี้ชื่ออะไร ขุนนางนี้ตำแหน่งคือ ขุนนางทัดทานคัดค้าน เป็นตำแหน่งเลยนะ หน้าที่คือมีหน้าที่คัดค้านจักรพรรดิในท้องพระโรง เรื่องอะไรที่ไม่เข้าท่าเข้าทางขุนนางคนนี้ต้องยกมือแล้วไม่เห็นด้วยทันทีเลย มียศฐาบรรดาศักดิ์เรียกว่า ขุนนางทัดทานคัดค้าน ที่สนุกมากกว่านั้น รัชกาลที่ 5 พระพุทธเจ้าหลวงเรา พระพุทธเจ้าหลวงเคยโดนคนซึ่งเป็นขุนนาง เขียนในหนังสือมาตำหนิติเตียนท่าน พวกขุนพลอยพยัก ไปกราบทูลพระองค์ท่านว่า ไอ้พวกนี้ต้องตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร พระองค์ท่านบอกว่า ไม่ใช่ คนที่เขียนตำหนิติเตียนฉันเป็นคนดี เป็นคนดี นี่คือพระพุทธเจ้าหลวง เพราะฉะนั้นคุณสโรชาต้องจำเอาไว้นะว่า จริงๆ แล้ว ประวัติศาสตร์การล่มสลายของผู้นำทุกยุคทุกสมัย ล่มสลายเพราะว่าผู้นำนั้นหูหนวก การที่ได้ยินเสียงฟ้าร้อง ไม่ได้แปลว่าเป็นคนหูดี คนหูดีคือคนซึ่งได้ยินเสียงประชาชนเดือดร้อน แล้วไม่มีคนมาแจ้งให้ทราบ แต่รู้ได้ด้วยตัวเอง นั่นคือคนหูดี ให้จำไว้ นี่คือคำพูดของขงจื้อ นะครับ หวังว่าท่านนายกฯ คงรู้จักขงจื้อนะครับ

สโรชา- สรุปแล้ว เบ็ดเสร็จนี่เราไม่ควรที่จะไปโทษคนรอบข้างใช่ไหม

สนธิ- คือ ผมพูดจริงๆ แล้ว ถ้าท่านนายกฯ เป็นคนฟังคนนะครับ แล้วท่านนายกฯ เป็นคนเปิดกว้าง แล้วไม่มีวาระซ่อนเร้น แล้วถ้าทำเพื่อชาติเพื่อบ้านเมือง ปัญหาวันนี้ไม่มีหรอก

สโรชา- ท่านพูดเมื่อวันก่อน ว่าท่านหาทายาท กำลังหาทายาททางการเมืองอยู่ค่ะคุณสนธิ หลายๆ ท่านคงได้ยินข่าวแล้วใช่ไหมคะ ที่ท่านได้ไปพูด มีการพูดคุยกัน แล้วท่านก็บอกว่า ท่านกำลังหาอยู่ แล้วก็เหมือนจะมองเห็นแล้วล่ะ แล้วก็กำลังลอง ทดลองงานเขาอยู่

สนธิ- เอาอย่างนี้ดีกว่า อย่าเพิ่งไปหาเลย ตอบคำถามผมก่อนดีกว่า อย่าไปหาให้เสียเวลา ตอบคำถามผมดีกว่า คำถามวันนี้ พ่อแม่พี่น้องจำได้ไหมว่าเราเป็นคนเปิดเรื่อง ซี 130 คนแรก

สโรชา- ใช่ค่ะ

สนธิ- จำได้ใช่ไหม เราเปิดวันแรก วันที่ 18 พฤศจิกายน หลังจากวันนั้นออกมากันเป็นแถวเลย ทั้งศิธา ไม่บอกนามสกุล ทั้งศิธา ทั้งพลเอกธรรมรักษ์ บอกกันเสร็จเลย แหมใครจะขอก็ได้ ได้ทั้งนั้น วันที่ 25 เรากลับมาอีกครั้งหนึ่ง จำได้ไหม 25 วันนั้น เราบอกว่า เอาหลักฐานมาให้ดูว่าไอ้เที่ยวเมล์ที่ท่านบอก มันเที่ยวเมล์ที่ไม่มีความจริง เงียบ ไม่มีใครตอบสักคำหนึ่ง มาวันนี้ครั้งที่ 3 ซี 130 ครั้งที่ 3 ผมจะเอาตะปูตอกฝาโลง จะได้จบเรื่องนี้ไป นะฮะ
เอาล่ะ ขอให้เอาเอกสารคำสั่งกองทัพอากาศที่ 114 / 2543 ขึ้นมาให้พ่อแม่พี่น้องดูนิด เรื่องหลักเกณฑ์การให้การสนับสนุนอากาศยานของทหารอากาศเป็นครั้งคราวสำหรับหน่วยภายนอกทหารอากาศ เอาขึ้นหน่อยครับ นี่นะครับ อาจจะมองไม่เห็นนะฮะ ลองดูในจอบิ๊กสกรีนก็แล้วกัน อันนี้เป็นคำสั่งซึ่งเซ็นโดยผู้บัญชาการทหารอากาศ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2543 ลงชื่อ พลอากาศเอก สนั่น ทั่วทิศ นะครับ ที่ขีดเอาไว้นี่ มีอยู่ ข้อ 2 หน่วยราชการ โครงการ บุคคล คณะบุคคลภายนอก ทอ. ประสงค์จะขอใช้อากาศยาน ทอ.เพื่อปฏิบัติภารกิจทางด้านธุรการและส่งกำลังบำรุง ให้ส่งคำขอดังนี้ 2.1 หมายถึงหน่วยภายในนะฮะ 2.2 กรณีหน่วยภายนอก ก็คือกรณีคุณแป๋ว มณฑาทิพย์ ขอใช้อากาศยานเพื่อเดินทางไปปฏิบัติภารกิจภายในประเทศ หน่วยผู้ขอใช้จะต้องสนับสนุนค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้ 1. ค่าเชื้อเพลิงหล่อลื่น ค่าพัสดุ อะไหล่ ค่าซ่อมบำรุงตามอัตราเกณฑ์ความสิ้นเปลืองของอากาศยานแบบต่างๆ ของ ทอ.ที่กำหนดไว้ตามปีงบประมาณ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็น นะฮะ 3.3 หน่วยราชการ โครงการ บุคคล ภายนอก ทอ.ดังต่อไปนี้ ให้ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ได้แก่ ผบ.ทหารสูงสุด รอง ผบ.ทหารสูงสุด เสธ.ทหาร กระทรวงกลาโหม เฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีช่วยกลาโหม และปลัดกลาโหม สำนักนายกรัฐมนตรี เฉพาะนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรียังไม่ได้เลย รัฐมนตรียังต้องจ่ายนะ รัฐบุรุษ โครงการหลวง แพทย์อาสาสมัครสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี และบุคคลสำคัญจากต่างประเทศซึ่งเป็นพระราชอาคันตุกะ และรัฐบุรุษ เห็นหรือยัง สำคัญที่สุด ข้อ 10 การขอใช้อากาศยานของทหารอากาศ ของหน่วยภายนอกทหารอากาศ ตามคำสั่งนี้ ให้ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นส่วนรวม แม้ว่าส่วนราชการต่างๆ จะสามารถสนับสนุนค่าใช้จ่ายตามที่คำสั่งกำหนดให้ ทอ.ได้ แต่หาก ถึงแม้จะเอาเงินให้ได้นะ ค่าใช้จ่าย แต่หากพิจารณาแล้วไม่เหมาะสม เพราะว่าพาเพื่อนฝูงไปงานวันเกิดตัวเองที่เชียงใหม่ ไม่เหมาะสม ไม่คุ้มค่าสามารถเดินทางโดยพาหนะอื่นๆ ได้ หมายความว่า สามารถนั่งรถทัวร์ไปได้ ขับรถยนต์ไปได้ นั่งเครื่องบินแอร์เอเชียของตระกูลตัวเองไปได้ หรือว่านั่งการบินไทยไปได้ ก้ให้ผู้บัญชาการทหารอากาศพิจารณาตอบปฏิเสธหากส่วนราชการใดไม่สามารถสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามที่กำหนดได้ และมิใช่เป็นเรื่องนโยบายของ ผบ.ทอ.(ผู้บัญชาการทหารอากาศ) ให้คณะกรรมการบริหาร ทอ.พิจารณาตอบปฏิเสธคำขอนั้นไปตามความเหมาะสม

สโรชา- คือโดยหลักแล้วสามารถขออนุญาตขอใช้ได้แต่ต้องตามหลักการและกฎเกณฑ์

สนธิ - ตามหลักการต้องจ่ายเงิน สอง

สโรชา - ถ้าจะไม่จ่ายเงิน

สนธิ - ถ้าจะไม่จ่ายเงินจะมีข้อยกเว้นว่ามีใครบ้าง แต่สาม สุดท้ายก็คือว่า ถึงแม้พร้อมที่จะจ่ายเงินต้องดูว่าเหมาะสมหรือเปล่า ถ้าใช้ขนคนป่วยกะทันหันเพื่อที่จะเอากลับไปตายที่บ้านเกิดเมืองนอน หรือว่าไปรักษาโรค ไม่เป็นไร แต่ถ้าคนป่วยไปแบบ แต่ว่าถ้าขนเพื่อนฝูงไปเพื่อไปงานวันเกิด ขึ้นบ้านใหม่ของตัวเองนั้น ตามคำสั่งนี้ต้องถือว่าไม่เหมาะสมแล้วให้ปฏิเสธไป ผมบอกว่า เรื่องนี้รัฐบาลต้องตอบไม่เห็นมีใครตอบสักคำเลย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็ต้องตอบ ไม่มีใครตอบสักคำหนึ่ง นายกรัฐมนตรีก็ต้องตอบ ก็ไม่มีใครตอบสักคำ อย่างน้อยที่สุดตอบผม 3 ข้อ เพิ่มอีก 3 ข้อแล้วนะ ผมบอกแล้วไม่เชื่อ ยิ่งจัดไปทุกอาทิตย์ยิ่งเพิ่มไปเรื่อยๆ ผมว่าอีกหน่อยเป็นพันๆ ข้อนะ ไหนล่ะ ผมถามข้อแรก หนังสือที่ขอเป็นทางการ ต้องมีสิ ข้อที่สอง ไหนล่ะ การพิจารณาโดยยึดหลักเกณฑ์ที่กองทัพอากาศตราขึ้นเอง การไปขึ้นบ้านใหม่น้องสาวนายกฯ นอกจากจะไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยส่วนรวม ข้อ 10.ระบุชัดนะ ต้องเกี่ยวกับผลประโยชน์ประเทศชาติโดยส่วนรวมแล้ว ยังไม่ใช่บุคคลหรือคณะบุคคลที่มีข้อยกเว้น ข้อที่สาม ไหลล่ะ ผู้ใหญ่ของทหารอากาศที่ลงนามพิจารณาอนุมัติอย่างเป็นทางการ อย่างนี้เขาไม่เรียกว่า ทุ่งใหญ่ยุคดิจิตอล แล้วเขาจะเรียกว่าอะไร

สโรชา - เอกสารที่เราเคยแสดงไปแล้วในรายการนี้นะคะ เป็นเหมือนกึ่งบัตรเชิญที่ไปงานนี้ แล้วบ่งบอกถึงชื่อชัดเจนว่าผู้ที่ขอคือใคร และผู้ที่อนุมัติคือใคร แต่กลับไม่มีคำตอบนะคะว่าจะดำเนินการอย่างไร ไม่มีแม้กระทั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ

สนธิ - ไม่มี เฉยไปเลย เฉยไปเหมือนกับว่าประเทศนี้เป็นของตระกูลใดตระกูลหนึ่งจะทำอะไรก็ได้ พอถูกจับผิดก็เงียบ พอถูกพูดถึงก็โกรธ พอถูกเท้าความก็เอาขี้มาขว้าง นี่มันคือประเทศอะไรคุณสโรชา น่าเป็นห่วงอย่างมากๆ

สโรชา - คุณสนธิจริงๆ แล้วถนัดเรื่องเครื่องบิน ถามเพราะว่า มีอีกเรื่องหนึ่งซึ่ง

สนธิ - เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ใหญ่มากๆ พ่อแม่พี่น้องที่มาจากต่างจังหวัดตั้งใจฟังให้ดีนะครับ แล้วก็ตามผมมา ผมจะไม่เอ่ยศัพท์ภาษาเทคนิคให้พ่อแม่พี่น้องต้องนั่งปวดหัวแต่ผมจะพยายามเล่าเรื่องต่างๆ พ่อแม่พี่น้องที่อยู่ข้างนอกอย่าลืมนะครับ อย่ามัวแต่ฟังผมจนลืมจับตาดูคนใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีขาว ดูเอาไว้หน่อย ถ้าทำอะไรมิดีมิชอบรีบกระซิบบอก รปภ.เรานะครับ มีคนเขาถามมา คนเข้าเว็บไซต์ผู้จัดการ เขาถามมาว่าอย่างไรรู้ไหมพ่อแม่พี่น้อง คนเขาบอกว่ามีคนมาดูพวกเราพูดไม่กี่คน มีคนหนึ่งน่ารักมากเขาเขียนว่า คุณอยากรู้ว่ามีคนมาดูกี่คนคุณเอาขี้โคลนมาขว้างคุณสนธิ คุณสโรชาบนเวทีสิ แล้วคุณก็นับจำนวนตีนที่เหยียบคุณ คุณโดนเหยียบไปกี่ครั้งนั่นหละประมาณจำนวนคนที่เขามาดูคุณสนธิพูด

สโรชา - น่าลองนะ ยอมค่ะยอม

สนธิ - คือ กองทัพอากาศ มาพูดเรื่องเครื่องบินนะครับ กองทัพอากาศมีเครื่องบินอยู่หลายประเภท มีอยู่หลายประเภท เหมือนรถยนต์ เหมือนกับกองทัพเรือก็มีเรืออยู่หลายประเภท กองทัพบกก็มีรถถังอยู่หลายประเภท ทีนี้เครื่องบิน 1 ฝูงของกองทัพอากาศ 1 ฝูงมี 16 ลำ เครื่องบินประเภทนี้เขาเรียกเครื่องบิน เอฟ-5 อีเอฟ เครื่องบินรุ่นนี้เก่ามากแล้วต้องปลดระวาง เพราะว่าถ้าไม่ปลดระวางแล้วบินไปจะมีปัญหา เอาไปต่อสู้ป้องกันอริราชศัตรูก็ลำบากเครื่องบินตกได้ ก็เลยมีความคิดปลดระวางเครื่องบินชุดนี้ออกไปแล้วมาพิจารณาเครื่องบินที่เขาเสนอขายมาให้กองทัพอากาศ มันก็มีอยู่ 3 ยี่ห้อ จาก 3 ประเทศ ผมไม่เอ่ยชื่อยี่ห้อก็แล้วกัน เพราะเอ่ยแล้วเดี๋ยวพ่อแม่พี่น้องจะสับสน เอาว่าประเทศหนึ่ง คือประเทศสวีเดน ประเทศหนึ่งคือประเทศอเมริกา ประเทศสุดท้ายคือประเทศรัสเซีย สามประเทศที่เสนอมานะฮะ ทีนี้พอเสมอมา เผอิ๊ญ เผอิญ ก็มีการตั้งคณะกรรมการ เพราะว่าการซื้อเครื่องบินกองทัพอากาศนี่มันไม่ได้ซื้อโทรศัพท์มือถือนี่ ที่เดี๋ยวนี้ตัดสินใจง่าย ก็คือใช้ดีแทค นะฮะ คือไม่ต้องไปคิดอะไรให้มาก นึกออกไหมฮะ

สโรชา- ไม่ต้องคิดลึก

สนธิ- คือเดี๋ยวนี้ใช้โทรศัพท์มือถือนี่คิดง่ายสุดเลย ไม่ดีแทค ก็ออเร้นจ์ จบ อย่างอื่นไม่ต้องไปคิดแล้วนะฮะ คือผม ทีนี้คณะกรรมการนี้ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งนั้นเลย ที่เขา คือเป็นทหารอากาศน่ะ เพราะชีวิตเขาแขวนอยู่กับเครื่องบิน เขาก็เอาบรรดาเสืออากาศทั้งหลาย ผมเข้าใจว่าคุณศิธาไม่ได้เป็นคณะกรรมการชุดนั้นด้วย ก็นับว่าเป็นโชคดีไป นะฮะ เขาก็สรุปว่า เครื่องบินของรัสเซียนั้น มันใหญ่เกินไป อุ้ยอ้าย นะฮะ อุ้ยอ้าย แล้วก็ค่าใช้จ่ายต่อชั่วโมง คือเครื่องบินนี่เขาคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อชั่วโมงนะฮะ ชั่วโมงละ 580,000 บาท ค่าใช้จ่าย แพง แล้วก็การซ่อมบำรุงมีปัญหา เครื่องบินของสวีเดน กับเครื่องบินของอเมริกานั้น เป็นเครื่องบินสวีเดนกะทัดรัด คล่องแคล่ว เครื่องบินอเมริกาเป็นเครื่องบินที่ดีมาก แต่ทว่าราคาแพงมาก เพราะฉะนั้นแล้ว ก็เลยคิดว่า เออ ถ้าเครื่องบินแพง เงินไม่มีนั้น ก็คือเอาสินค้าเกษตรไปแลก เพื่อเอาเครื่องบินมา นะครับ ทีนี้พอหลังประชุมเอเปก ตอนประมาณปลายปี 2546 นะฮะ พ่อแม่พี่น้องที่มาจากต่างจังหวัด ประชุมเอเปกก็คือ เขาประชุมกลุ่มประเทศที่อยู่ทางด้านมหาสมุทรแปซิฟิก ทั้งฝั่งไทยและฝั่งอเมริกา แต่ละปีเขาจะเอาผู้นำแต่ละประเทศมาประชุมกัน นะฮะ ประชุมกันแล้วเขาก็จะเลือกที่ประชุมหมุนไปเรื่อยๆ สุดแล้วแต่ใครจะเป็นเจ้าภาพ นะครับ อย่างปีนี้เกาหลีเป็นเจ้าภาพ นะฮะ ต้องเล่าให้พ่อแม่พี่น้องที่มาจากต่างจังหวัดฟังนิดหนึ่ง ในการประชุมก็คือ มานั่งคุยกัน มาจับเข่าคุยกัน บางทีก็มาค้าขายกัน บางคนอยากจะซื้ออะไรก็คุยกับประธานาธิบดีเขา บางคนอยากจะขายอะไร ก็คุยกับนายกรัฐมนตรีเรา นะฮะ
ในการประชุมเอเปกครั้งนั้น ก็มีการพบปะกันเป็นครั้งแรก ระหว่างนายกรัฐมนตรีเรา กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน

สโรชา- รัสเซียนะคะ

สนธิ- รัสเซียนะฮะ ทีนี้รัสเซียอยากขายของ ก็เข้าใจว่าทางรัสเซียก็ติดต่อที่จะ อยากจะขายเครื่องบินรบลำนี้ ชุดนี้ ให้กับประเทศไทย ก็เลยมีการสั่งมาเลย จากข้างบน สุดเลย ลงมาจนถึงผู้บัญชาการทหารอากาศ ว่า ให้เอาเครื่องบินรัสเซีย ตอนนั้นผู้บัญชาการทหารอากาศคนนั้น คือ พลอากาศเอก คงศักดิ์ วันทนา เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นๆ พ่อแม่พี่น้อง ฟังเรื่องนี้แล้ว ห้ามจบลงด้วย "อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เองเหรอวะ" นะ ห้ามพูดเด็ดขาด นะ เพราะมันเป็นอย่างนี้มานานแล้ว และหลายๆ เรื่องด้วย นะฮะ ถูกสั่งมาว่าให้ใช้อันนี้

สโรชา- รัสเซีย ที่ว่าใหญ่ เทอะทะ ที่ว่าค่าต่อชั่วโมงแพง

สนธิ- ฮะ ผู้บัญชาการทหารอากาศคนอดีต ก็คือ พลอากาศเอก คงศักดิ์ วันทนา ท่านก็บอกจะเอาเครื่องบินรัสเซีย แต่ว่าคณะกรรมการที่พิจารณาอยู่ เขาบอกว่า ไม่เอา ใช่ไหมฮะ ก็เหมือนกับคุณจะซื้อรถถังเครื่องหนึ่ง แล้วคุณให้ทหารซึ่งทำงานอยู่ เขาพิจารณาว่ารุ่นไหนดีที่สุด เขาบอกเขาจะเอารุ่นนี้ แต่ดันไปสั่งอีกรุ่นหนึ่งมาให้เขา บังคับให้เขาเอา นี่คือปัญหาแรกที่เกิดขึ้น นะฮะ คุณคงศักดิ์ วันทนา นี่ท่านพูดในที่ประชุมกองทัพอากาศ เมื่อวันพุธที่ 27 เมษายน 2548 นะครับ พ่อแม่พี่น้อง แล้วก็ท่านผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลสงสัยว่าทำไมสนธิมันถึงมีวันที่ มันถึงมีเดือน มันถึงมีปีชัด ผมขอกราบเรียนให้กับบรรดาผู้ที่มีอำนาจทั้งหลายว่า วันนี้เขื่อนแตกแล้ว วันนี้

สโรชา - คืออย่างไรคะ

สนธิ - วันนี้ข้าราชการที่รักความเป็นธรรม คนซึ่งถูกกลั่นแกล้ง แล้วคนซึ่งทนไม่ไหวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นเริ่มส่งเอกสารมาให้ผม ผมถึงบอกว่า ผมจัดเมืองไทยรายสัปดาห์ไปอีก 5 ปียังไม่หมดไม่สิ้น มันมีมาตลอด

สโรชา - มาตลอดเลย

สนธิ - มาตลอดเลยครับ ท่านพูดอย่างไรรู้ไหม พล.อ.อ.คงศักดิ์ การเอาไก่ไปแลกกับเครื่องบินขับไล่ของรัสเซีย มูลค่าเกือบ 5 หมื่นล้าน แม้จะซื้อมาจอดเป็นเชียงกงก็ถือว่าคุ้ม เพราะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไทย นี่คือคำพูดของเขา แล้วบอกว่า เครื่องบินนี้ คือพูดง่ายๆ ว่า เชียร์เครื่องบินรัสเซียสุดฤทธิ์สุดเดช ทีนี้มันมีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งมันเกิดขึ้น เกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน 2548 ก่อนที่ท่านจะพูดคำนี้นะ ก่อนหน้านั้นไม่นานเท่าไหร่นัก ทำไมท่านถึงจู่ๆ หันมาหนุนซื้อเครื่องบินรัสเซีย อย่างสุดลิ่ม ก็คือว่า เครื่องบินทุกยี่ห้อ รถถังทุกยี่ห้อ มันล้วนแล้วแต่มีเอเย่นต์ทั้งนั้น มีเอเย่นต์อยู่ในเมืองไทย แต่ละคนมีเอเย่นต์หมด เผอิญเครื่องบินรัสเซียมันมีเอเย่นต์ เอเย่นต์นั่นคือบริษัท กาญจนอาภา จำกัด ซึ่งมีคุณกมลวัลย์ เบญจรัตนาภรณ์ เป็นกรรมการผู้จัดการ เขาเป็นตัวแทน เขาเคยพาเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศไปรัสเซียไปดูประสิทธิภาพ ไปดูการแสดงทุกอย่าง แล้วเขาเคยพยายามที่จะขายเครื่องบินรัสเซีย เครื่องบินดับไฟป่าเพื่อแลกกับสินค้าการเกษตร แต่ว่ามันไม่สำเร็จ เขายังทำงานเขาอยู่ จนกระทั่งวันหนึ่งนายกรัฐมนตรีเราไปเจอประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ก็เลยมีการตกลงกันว่าจะซื้อเครื่องบินรัสเซียนี้ คุณคงศักดิ์ วันทนา ก็เลยเห็นด้วยว่าน่าจะซื้อเครื่องบินรัสเซีย เรื่องก็ไม่น่าจะมีอะไร ก็คือถ้าจะซื้อก็ซื้อ ก็คือว่า ถึงแม้จะฝืนความเก็นของพวกทหารอากาศ อย่างมากก็ไปทะเลาะกันข้างในแล้วไปนั่งด่าพ่อล่อแม่กันเป็นของธรรมดา แต่ว่าเผอิญมันมีเรื่อง มันมีเรื่องตรงที่ว่าเอเย่นต์ของเครื่องบินชุดนี้มันเกิดเป็นคนบางคนซึ่งรัฐบาลชุดนี้ไม่รู้จัก ก็เลยเกิดอาการเปลี่ยนเอเย่นต์ขึ้นกะทันหัน เข้าใจหรือยัง

สโรชา - เปลี่ยนคนกลาง

สนธิ - เปลี่ยนคนกลางคือเอเย่นต์ไง เปลี่ยนเอเย่นต์คือว่า กูไม่ให้เองเป็นแล้วเอเย่นต์อันนี้จะเอาคนนี้มาเป็นแทน เอเย่นต์คนใหม่นี้คือ นายเอกชัย ธรรมวรานุคุปต์ ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกับคนแถวฝั่งธนฯ เหลือเกิน เกิดขึ้นมา ตั้งชื่อบริษัทว่า อีเกิ้ลไทย ก็ไปแย่งเอเย่นต์มา วิธีแย่งน่ารักมาก วิธีแย่งของเขาคือว่า เขาพาเจ้าหน้าที่ของรัสเซียมาเมืองไทยแล้วเขาทำจดหมายคุยเสร็จเลยเรียบร้อย เขาอ้างเลยนะบอกว่า ผู้บัญชาการทหารอากาศบอกว่า ถ้าไม่เปลี่ยนเอเย่นต์จากคุณกลมวัลย์ใช่ไหม

สโรชา- เครื่องบินรุ่นนี้ใช่ไหมคะ

สนธิ- ใช่เครื่องบินรุ่นนี้ มีรูปให้ดูอีกเห็นไหม ถ้าไม่เปลี่ยน นี่ไงดูเทอะทะไหม พวกทหารอากาศเขาถึงบอกว่าเขาไม่อยากใช้เพราะมันไม่เหมาะกับสภาพเมืองไทย ปรากฏว่า เอเย่นต์อันใหม่จู่ๆ ก็มาอ้างว่า ผู้บัญชาการทหารอากาศบอกว่า ถ้าไม่เปลี่ยนเอเย่นต์มาเป็นนายเอกชัย บริษัท อีเกิ้ลไทย รัสเซียจะขายเครื่องบินให้กองทัพอากาศไม่ได้ ก็แปลว่าถ้าเปลี่ยนเป็นนายเอกชัยแล้ว กองทัพอากาศจะซื้อ เข้าใจหรือยัง นะฮะ อะไร ทีนี้ ทำไมมันต้องทำกันอย่างนั้นล่ะ มันติดอยู่ที่ค่าคอมมิชั่นไงเล่า

สโรชา- อ๋อ คือถ้าเป็นเจ้าเดิม เจ้าเก่านี่ คอมมิชชั่นคงคุยกันไม่ได้ เพราะว่าไม่ได้เป็นคนของเรา

สนธิ- เขาไม่ได้เป็นเอเย่นต์ หรือถ้าได้ก็ได้นิดหน่อย นะฮะ เหมือนกับการซื้อเครื่องบินโบอิ้ง แอร์บัส เขามีเปอร์เซ็นต์ให้ตายตัว 3 เปอร์เซ็นต์ นะ พ่อแม่พี่น้องต้องรู้นะ เครื่องบินการบินไทยที่ซื้อทุกลำนี่ มันมีเปอร์เซ็นต์ค่าคอมมิชชั่นให้ตายตัว ว่า 3 เปอร์เซ็นต์ ส่วน 3 เปอร์เซ็นต์ นั้นจะแบ่งให้หมาตัวไหนนั้น ผมไม่รู้นะ แต่มันมีแน่นอน ใช่ไหมคุณสโรชา

สโรชา- ทุกลำเลยนะคะ

สนธิ- มีครับ ทุกอย่างมีหมด ทีนี้ปัญหามันก็เกิดขึ้น ปรากฏว่า คุณกมลรัตน์ก็เลยร้องเรียนขึ้นมา ทำจดหมายถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แน่ะ มีจดหมายกันอีกแน่ะ ดูสิ วู้ กลุ้มใจจริงๆ เอาขึ้นหน่อย คุณกมลวัลย์ทำจดหมายมา

สโรชา- ถึง ?

สนธิ- ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน เกือบเดือนหนึ่งที่ผ่านมา ในเนื้อความจดหมาย ผมจะอ่านให้ฟัง บอกว่า "เนื่องด้วย พลอากาศเอก คงศักดิ์ วันทนา ได้ใช้อำนาจจากตำแหน่งหน้าที่ในสมัยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศ บังคับให้บริษัท โรโบอะไรก็ไม่รู้ จากประเทศรัสเซีย ก็คือบริษัทซึ่งทำเครื่องบินอันนี้ แต่งตั้งนายเอกชัย ธรรมวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีเกิ้ลไทย เป็นผู้แทนการค้า นะฮะ แทนดิฉัน และบริษัทของดิฉัน โดยอ้างว่า ถ้าไม่เปลี่ยนตัวแทน ทางไทยจะไม่พิจารณาข้อเสนอของรัสเซีย" เห็นไหมฮะ แล้วก็ยังมีต่อ หน้าที่ 2 "เมื่อกลับมา ได้ทราบว่าบริษัทอีเกิ้ลไทย โดยคุณเอกชัย ธรรมวรานุคุปต์ ได้ใช้อำนาจและอิทธิพลที่มีกับกองทัพอากาศ ให้ท่านอดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ พลอากาศเอก คงศักดิ์ วันทนา แจ้งถึงบริษัท โรโซอะไรของมันก็ไม่รู้ เป็นของรัสเซีย ผ่านทางเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย และในเดือนพฤษภาคม ท่านมีหนังสือเชิญประธานบริษัท มาพบในประเทศไทย และบอกกล่าว บอกกล่าวโดยตรงกับประธานบริษัท ถึงความต้องการของท่านที่จะให้คุณเอกชัยเป็นผู้แทนแทนดิฉัน ถึงแม้ว่าทาง ดร.ชิเมซอฟ ได้แจ้งให้ท่านทราบว่า ประธานบริษัท อีเกิ้ลไทย มีประวัติความผิดทางกฎหมายกับทางรัสเซีย แต่ท่านอดีตผู้บัญชาการฯ ยังคงยืนยันว่าให้เปลี่ยนตัวแทนเป็นคุณเอกชัย ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่ทราบกันดีทั่วไปทั้งในคณะทำงาน ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องในกองทัพอากาศ และบางหน่วยงานในรัสเซีย" นี่คือหลักฐานร้องเรียนที่มีตัวตนไปที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน
ตามผมมา ยังไม่สับสนใช่ไหมฮะ สรุปง่ายๆ การซื้อเครื่องบินรัสเซียครั้งนี้ กองทัพอากาศ ผู้บัญชาการทหารอากาศอยากจะซื้อ เพราะว่านายกฯ ไปพบประธานาธิบดี พออยากจะซื้อก็ดันไปเจอว่า ไอ้เครื่องบินรัสเซียนี้มีเอเย่นต์อยู่แล้ว ก็ไม่อยากให้เอเย่นต์คนนั้นเป็นเอเย่นต์ อยากให้เอาคนของตัวเอง หรือคนที่ตัวเองรู้จัก มาเป็นเอเย่นต์แทน ก็เลยไปบอกทางรัสเซียว่า ถ้าไม่เปลี่ยนเอเย่นต์แล้วข้าจะไม่ซื้อเครื่องบินแก คุณกมลรัตน์ก็ไม่พอใจ ก็เลยทำหนังสือร้องเรียนไป เห็นไหม

สโรชา- อันนี้เข้าใจว่าเป็นหนังสือที่คุณเอกชัยทำไปถึงผู้ผลิต นะคะ ในการอธิบายว่าทำไมถึงต้องเปลี่ยน

สนธิ- หนังสือภาษาอังกฤษ ซึ่งคุณเอกชัยนี่ บริษัทไทยอีเกิ้ล ทำไปถึงผู้ผลิตเครื่องบิน บอกว่าทำไมถึงมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนจากบริษัทของคุณกมลรัตน์ มาเป็นบริษัทเขา สรุปง่ายๆ ว่า ข้างในนี้เขียนในทำนองที่ชัด ว่าผู้บัญชาการทหารอากาศ พลอากาศเอก คงศักดิ์ วันทนา บอกว่า ถ้าไม่เปลี่ยนมาเป็นบริษัทเขาแล้ว กองทัพอากาศจะไม่ซื้อเครื่องบินเขา เครื่องบินนี้ในที่สุดแล้ว ล่าสุดจะเปลี่ยนจากการซึ่งใช้เงินซื้อโดยใช้สินค้าการเกษตรเป็นเงินสดแทน ในมูลค่า 35,000 ล้านบาท คอมมิสชั่นอันนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ คือ 3,500 ล้านบาท ผมไม่รู้ว่าเงินก้อนนี้เข้ากระเป๋าใคร แต่มันเป็นเรื่องที่อัปลักษณ์มาก นี่คืออีกคำถามหนึ่ง แล้วผมก็มีข้อมูลอะไรบางอย่าง ล่าสุดเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ผมไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง ต้องตอบให้ผมหน่อย ผมไม่ได้กล่าวหานะครับ คือนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ได้เชิญ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เข้าไปพบ ซึ่งเป็นเสนาธิการทหารอากาศ จริงๆ แล้วจะโยงกลับไปถึงการแต่งตั้งทหาร ในการแต่งตั้งทหารครั้งที่แล้ว จำได้ไหมโผทหารล่าช้ามาก ก็เพราะว่าเสนาธิการทหารอากาศคนเก่า คือ พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี เป็นคนซึ่งไม่เห็นด้วยกับการซื้อเครื่องบินรัสเซีย เขาเป็นประธานคณะพิจารณา ปรากฏว่าโดนเตะโด่งย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม แล้วผลักดันให้ พล.อ.อ.เลิศพึ่งพักตร์ ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ เหตุผลเพราะว่า เพื่อ พล.อ.อ.เลิศพึ่งพักตร์ จะได้ชงเรื่องเครื่องบินอันนี้ขึ้นไปได้ แต่มีปัญหาอีกเพราะว่า พล.อ.อ.เลิศพึ่งพักตร์ท่านมีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับการบริหารงานกองทัพอากาศในอดีตแล้วถูก ป.ป.ช.ตรวจสอบอยู่ ก็เลยไม่ได้ตำแหน่ง จำได้ไหมที่การแต่งตั้งทหารล่าช้าถึง 24 วัน เหตุผลเพราะว่า เดิมทีวางตัว พล.อ.อ.เลิศพึ่งพักตร์ เอาไว้ แล้วเตะคุณธเรศ ปุณศรี ไปอยู่กระทรวงกลาโหมในฐานะที่ขวาง ในที่สุดก็เลยต้องเอาคนกลางมา ก็คือ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ซึ่ง พล.อ.อ.ชลิต ท่านก็ไม่สบายใจ ท่านก็ไม่อยากได้ พล.อ.อ.สุกำพล อยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะว่าตัวเองจะเสนอเครื่องบินที่ทหารอากาศเขาไม่เอากันขึ้นไปให้ซื้อเพื่อให้เกิดคอมมิสชั่น 3,500 ล้าน เขาก็ไม่กล้าทำเหมือนกัน เพราะฉะนั้นแล้วมันก็เลยอยู่ในสภาวะการณ์ที่อีหลักอีเหรื่อมาก ก็เลยถามต่อว่า คุณคงศักดิ์ วันทนา โทษนะครับ ไม่ใช่ พล.อ.อ.เลิศ เป็น พล.อ.อ.ระเด่น พึ่งพักตร์ ที่ไม่ได้เป็น เขาก็เลยถามต่อว่า คุณคงศักดิ์ วันทนา ในฐานะผู้บัญชาการทหารอากาศ ใช้สิทธิอะไรที่ไปแจ้งให้กับผู้ผลิตรัสเซียว่า ไม่ให้เอาเอเย่นต์เจ้านี้ให้เอาเอเย่นต์เจ้านี้ นี่คือความไม่โปร่งใส นี่คือจุดที่ผมสู้มาตลอดไงพ่อแม่พี่น้อง แล้วไม่เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว เรื่องเก่าๆ อีกทุกเรื่องที่ผมสู้มา แล้วก็ไม่มีคำตอบให้ผม ที่นี้น่าสนใจอย่าง คุณกมลรัตน์ กล่าวหาคุณคงศักดิ์ วันทนา มีหลักฐานชัดเจน แล้วมีหลักฐานชัดว่า คุณเอกชัย ซึ่งเป็นคนของคุณคงศักดิ์ ทำจดหมายไปที่บริษัทผลิตเครื่องบิน บอกว่า ถ้าคุณไม่ให้ผมเป็น ผู้บัญชาการทหารอากาศซึ่งบอกมาแล้วว่า ไม่เอา อันนี้ชัดเลย ต้องไปทะเลาะกันเองแล้วนะ จะฟ้องผมหมิ่นประมาทอีกครั้งก็ได้ไม่เป็นไร เชิญ

สโรชา - เอกสารทั้งหมดที่เราแสดงในรายการนี้ น้องๆ พี่ๆ เพื่อนๆ นักข่าวสามารถรับได้ทางโต๊ะด้านข้างเวทีถ้าหากว่าต้องการเห็นชัดๆ เห็นกันตรงไปตรงมาว่าที่เราพูด

สนธิ - ที่เราพูดเป็นของจริง ทีนี้คำถามก็มีมาถึงว่า พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา พอพ้นตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศก็เลยมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เหตุผลเพราะว่า ความเป็นสามีของคุณสลิลาวัลย์ วันทนา หรือว่า คุณลูกน้ำ

สโรชา - คือเพื่อน

สนธิ- คือเพื่อนสนิทของคุณหญิงพจมาน เพื่อนและเลขาคุณหญิงพจมาน ชินวัตร อ๋อสิ ไม่เห็นอ๋อเลย

สโรชา/สนธิ- อ๋อ(ลากเสียงยาว)

สนธิ - เพราะฉะนั้นแล้ว ผมคิดว่าประเด็นสำคัญที่สุด

สโรชา- หน้าเหมือนใคร

สนธิ - พ่อแม่พี่น้องครับ ประเทศไทยวันนี้ดูการเมืองดูไม่ยากหรอก เขาเล่นกันไม่กี่คนเอง เชื่อผมสิ ไม่กี่คน ไม่กี่ตระกูลนะครับ ล่าสุด ล่าสุดในการพบปะระหว่างท่านนายกฯ กับนักหนังสือพิมพ์อาวุโส 5 คน เมื่อไม่กี่วันมานี้ ท่านยืนยันกับพวกหนังสือพิมพ์อาวุโสนั้นว่า จะซื้อเครื่องบินรัสเซียแน่นอน แล้วจะเอาค่าคอมมิชชั่นนั้นไปซื้อเฮลิคอปเตอร์ของรัสเซียให้กับกองทัพ นะฮะ ทีนี้คำถามก็คือว่า ไอ้เงินส่วนตัว เงินที่ซื้อเครื่องบินนี่เป็นเงินส่วนตัวของท่านนายกฯ หรือเป็นเงินของประเทศ เป็นเงินของประเทศชาติ ทำไมจะต้องผลักดันโครงการนี้ โดยที่คนใช้เขาไม่ต้องการ เมื่อสื่อมวลชนทราบเรื่องคอมมิชชั่น ก็เลยแก้เกี้ยวกันเรื่องการซื้อเฮลิคอปเตอร์แทน แล้วผมถามว่าไอ้เฮลิคอปเตอร์มันไม่ให้คอมมิชชั่นด้วยหรือ หนีคอมมิชชั่นตัวนี้ ไปเอาคอมมิชชั่นอีกตัวหนึ่ง คือผมไม่แน่ใจนะครับว่า ผมอยากจะฟันธงอย่างนี้เลย ผมอยากให้ สตง. และ ปปง. ตรวจสอบฐานะของ มท.1 ของเราหน่อย พลอากาศเอก คงศักดิ์ วันทนา

สโรชา- สตง.เราไม่มีผู้ว่าการ

สนธิ- ท่านเป็นชาวจังหวัด อ.หนองแค จ.สระบุรี ท่านเรียนโรงเรียนจ่าทหารอากาศ แต่ท่านมีฐานะที่ร่ำรวยมากนะ มีหุ้นในธนาคารทหารไทย ในระดับต้นๆ ท่านสร้างบ้านให้ลูกคนละหลัง แล้วยังสร้างบ้านหลังใหม่ราคาหลายสิบล้านที่ทุ่งสีกัน ดอนเมือง อีกหลังหนึ่ง นี่คือความโปร่งใสที่ผมเรียกร้อง ผมผิดตรงไหน ผมรักษาทรัพย์ของแผ่นดิน เพราะว่าผมเป็นยามของแผ่นดินไปแล้ว พ่อแม่พี่น้องนี่ตั้งผมเอง ผมก็ต้องทำหน้าที่นี้ของผม

สโรชา- ค่ะ คือเพื่อความสบายใจ เพื่อความโปร่งใส จะได้รู้ๆ กันไป

สนธิ- จะได้รู้ๆ กันไป ไม่เป็นไร ตรวจสอบให้หน่อยได้ไหม ว่าท่านนี่เป็นคนหนองแค จ.สระบุรี เช็กกันได้ บ้านท่านร่ำรวยมาจากไหน วันนี้ท่านเกษียณไปแล้ว ทำไมเงินทองท่านเยอะเหลือเกิน นะครับ เพราะฉะนั้นแล้ว ผมคิดว่าวันนี้เราจบเบรคนี้ด้วยของหวานที่ให้ดูแล้ว ว่า ผมบอกแล้วยังมีอีกเยอะนะข้อมูลแบบนี้ มหาศาล พ่อแม่พี่น้องพร้อมจะมารับฟังกันทุกอาทิตย์หรือเปล่า

สโรชา- เดี๋ยวช่วงหน้านะคะ ช่วงหน้าจะได้คุยกันต่อ เดี๋ยวช่วงหน้าต้องทักทายคุณครูสักนิดหนึ่ง วันนี้คุณครูมากันเยอะ

สนธิ - เดี๋ยวช่วงหน้าเราจะพูดเรื่องคุณครูนิดหน่อย

สโรชา - แต่ก่อนที่เราจะลุก คุณสนธิ แอ้มอยากให้คุณสนธิได้เห็นสปอตโฆษณา สปอนเซอร์

สนธิ- เรามีสปอนเซอร์โฆษณาแล้ว

สโรชา- มีแล้วค่ะ มีสปอนเซอร์แล้ว

สนธิ- เอามา คอยดูกันต่อไปก่อนที่จะจบเบรคนี้ เชิญครับ

(ช่วงที่ 2 )

สโรชา - ก่อนที่เราจะเริ่มกันนะคะ เดี๋ยวคงต้องคุยกันถึงเรื่องคุณครูเล็กน้อย แต่ว่าจะต้องทักทายผู้ชมที่มาจากฉะเชิงเทรา ได้ข่าวว่ามากันเยอะมาก ขอเสียงปรบมือค่ะ นอกจากนั้นแล้วยังมีคุณผู้ชมที่มาไกลกว่านั้นอีก คือมาตรงจากสหรัฐอเมริกา นำทีมโดยคุณสุวินิจ มาจากฟลอริดา แมริแลนด์ โอคลาโฮมา เวอร์จิเนีย มาไกลค่ะ และมีเด็กรุ่นใหม่อีกจำนวนไม่น้อยค่ะคุณสนธิที่สนอกสนใจข้อมูลข่าวสารในบ้านเมืองในยุคนี้ ขอเสียงปรบมือให้เด็กรุ่นใหม่อีกสักครั้งค่ะ คุณสนธิคะเรามีแขกพิเศษอีกแล้วค่ะ คุณน้องขามอบอะไรคะ เป็นภาพวาดต่อต้านการแปรรูป กฟภ. มอบให้คุณลุงสนธิ น่ารักมากๆ เลยนะคะ กล้องไหนคะ

สนธิ - คนไทยร่วมใจรักษาสมบัติชาติ กฟภ.ไม่ขาย เด็กไทยจะมืดมนถ้ามีคนเอาแสงสว่างไปขาย ปีใหม่จะสดใสถ้าผู้ใหญ่ไม่ขาย กฟภ. รักลูกหลานไทยอย่าขาย กฟภ. อนาคตไทยสว่างไสวถ้าร่วมใจรักษา กฟภ. กฟภ.ของประชาชนโดยประชาชนเพื่อประชาชน

สโรชา - ค่ะจากศิลปินน้อยๆ นะคะ

สนธิ - เป็นศิลปินน้อยเมื่อกี้ที่ขึ้นมา อายุ 4 ขวบเอง

สโรชา - มาคุยสักนิดหนึ่งไหมคะคุณน้องขา ชื่ออะไรลูก ชื่ออะไรนะคะ

ศิลปินน้อย - โอม

สโรชา - อะไรนะอีกทีซิ

ศิลปินน้อย - โอม

สโรชา - ชื่อโอมหรอคะ ชื่อจริงชื่ออะไรลูก

ศิลปินน้อย - พลศิลป์ โสภณศิริ

สโรชา - หนูอายุกี่ขวบลูก

ศิลปินน้อย - 4

สโรชา - ขอมืออีกทีซิ ขอมือหน่อย

สนธิ - ผู้หญิงหรือผู้ชายลูก

ศิลปินน้อย - ผู้ชาย

สนธิ - ผู้ชาย เพราะว่าผมรู้ถ้าผู้หญิงสโรชาไม่เอามานั่งตัก ยังไม่ทันไรคิดจะเลี้ยงต้อยเด็กแล้ว ลูกกลับไปหาคุณพ่อคุณแม่ ขอบคุณมากลูก

สโรชา - ฝากไว้ด้วยนะคะ ผลงานของน้องโอม

สนธิ - ปรบมือให้กับเด็กชาย พลศิลป์ โสภณศิริ

สโรชา - อีกท่านหนึ่งคะคุณสนธิ แขกอีกท่านหนึ่ง

สนธิ - ขอต้อนรับคุณอังคนา นีละไพจิตร ครับ คุณอังคนาเอาสติ๊กเกอร์มาให้เราเป็นรูปสามีแก คือทนายสมชาย นีละไพจิตร เขียนว่า จะ 2 ปีแล้วคุณทักษิณ ทนายสมชายหายไปไหน

สโรชา - ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคำถามนะคะที่ฝากไว้นอกเหนือจากคำถามที่เราเคยได้ตั้งไว้อีกหลายๆ คำถาม

สนธิ - อะไรครับ มีใครมาป่วนหรอครับ ใครมาป่วนครับ

สโรชา - ใจเย็นๆ นะคะ

สนธิ - อ๋อ เจอตัวจริงแล้ว ครับ เชิญออกไปเลยครับ นั่งครับๆ เรียบร้อยแล้วครับ เรียบร้อยแล้วครับ นั่งครับๆ ไม่เป็นไรครับพ่อแม่พี่น้องครับ พ่อแม่พี่น้องนั่งครับ ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรครับ

สโรชา - เรียบร้อยแล้วนะคะ

สนธิ - เอาครับ เดี๋ยวจะเล่าอะไรให้ฟัง สนุกมาก พ่อแม่พี่น้อง ขอให้เงียบหน่อยครับ เดี๋ยวจะเล่าเรื่องสำคัญให้ฟัง จะเล่าเรื่องสำคัญให้ฟัง ครับ ไหนๆ จะพูดเรื่อง กฟผ.แล้ว ขอพูดนิดหนึ่ง ขอพูดนิดหนึ่งพ่อแม่พี่น้อง จะได้รู้ถึงความฉ้อฉล ความฉ้อฉลที่เลวทรามต่ำช้าที่สุด ปัจจุบันนะฮะ ปัจจุบัน กฟผ.มีกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ 20,000 เมกะวัตต์ จำไว้นะฮะ พ่อแม่พี่น้อง ที่เป็นพ่อแก่แม่แก่ ไม่รู้เรื่อง ก็จำไว้ว่า 20,000 แล้วกัน นะ 20,000 เมกะวัตต์ คือกำลังผลิตของ กฟผ.ทั้งหมดเลยนะ ทั่วประเทศไทย 20,000 เมกะวัตต์ แล้วงบดุลที่ กฟผ.ทำออกมา เขาบอกว่า ส่วนของผู้ถือหุ้น กฟผ.ก็คือว่า ทรัพย์สินทั้งหมดของ กฟผ. ที่ผลิตไฟฟ้า 20,000 เมกะวัตต์นี้ มีอยู่ 170,000 ล้านบาท มีใครไม่เข้าใจบ้าง ก็คือว่า กฟผ.นั้น ผลิตไฟฟ้าได้ 20,000 เมกะวัตต์ ทรัพย์สินทั้งหมดรวมเบ็ดเสร็จแล้วที่มาผลิตไฟฟ้า 20,000 เมกะวัตต์นี้ คือ 170,000 ล้านบาท จำเอาไว้นะฮะ

สโรชา - ค่ะ

สนธิ - ทีนี้ ตอนนี้ กฟผ.ออกโฆษณาทางวิทยุทุกชั่วโมง ว่าจำเป็นต้องขายหุ้นเพิ่มทุน เพื่อนำมาสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ 4 แห่ง ต้องเพิ่มทุนสร้างโรงไฟฟ้าใหม่อีก 4 แห่ง

สโรชา - ค่ะ จะมีโฆษณาทางวิทยุ หลายๆ ท่านคงได้ยินนะคะ

สนธิ - ตลอดเวลานะ ตลอดเวลา ว่าต้องเพิ่มทุนเพื่อมาสร้างโรงไฟฟ้าอีก 4 แห่ง เพื่อผลิตไฟฟ้าเท่าไรรู้ไหมพ่อแม่พี่น้อง 2,800 เมกะวัตต์ เดี๋ยวๆ ฟังก่อน แล้วเงินที่ต้องมาเพิ่มทุนคือ 200,000 ล้านบาท อ่ะ แปลว่าอะไรๆ เราผลิตไฟฟ้าอยู่ 20,000 เมกะวัตต์ เรามีทรัพย์สินที่มาผลิตไฟฟ้านี้ 170,000 ล้านบาท เขาบอกว่าเขาต้องการเพิ่มทุนเพื่อผลิตไฟฟ้า 2,800 เมกะวัตต์ แต่เขาต้องการใช้เงิน 200,000 ล้านบาท ก็เลยอยากจะถามว่า ทำไมราคาโรงไฟฟ้า กฟผ.วันนี้ กำลังผลิต 20,000 เมกะวัตต์ จึงต่ำกว่าราคาโรงไฟฟ้าใหม่ที่ผลิตแค่ 2,800 เมกะวัตต์ คำตอบอยู่ตรงนี้ คำตอบก็คือว่า หุ้นเพิ่มทุนที่เขาเพิ่มทุนแล้วขายข้างนอก มันต่ำกว่าราคาเป็นจริง 10 เท่า อ่ะ เห็นหรือยัง เห็นหรือยังที่เขาบอกว่าหุ้นเพิ่มทุนเขาจะขายในราคา 28 บาท ราคาที่แท้จริงมันจะต้อง 280 บาท เห็นหรือยัง เพราะฉะนั้นนี่คือวิธีกดราคาทรัพย์สินของชาติไง เข้าใจหรือยังตอนนี้ พ่อแม่พี่น้อง เพราะฉะนั้นแล้วเขาถึงไปตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นจากพนักงาน กฟผ. ที่ซื้อมา 10 บาท เขาซื้อทันที 30 บาท ขาย 50 ก็ยังซื้อ เพราะราคาที่ถูกต้องมันถูกกว่า 10 เท่า นี่คือวิธีการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่เลวทรามที่สุด เห็นหรือยังตอนนี้ แล้วพูดถึง กฟผ. ไม่พูดถึง ปตท.ก็ไม่ได้

สโรชา - สปอนเซอร์เราเมื่อสักครู่นี้เหรอคะ

สนธิ - สปอนเซอร์เรา ปตท. พ่อแม่พี่น้องรู้หรือเปล่าว่า ตอนนี้ ปตท.ผูกขาดขายแก๊สให้ กฟผ. ในราคา 177 บาท ต่อหน่วย ต่อ 1 ล้านบีทียู พ่อแม่พี่น้องที่มาจากต่างจังหวัดอย่าไปสนใจ ก็ถือว่า 177 บาท ต่อ 1 ล้านหน่วย นะ เขาขายให้พวกเขาเอง โรงแยกแก๊สของ ปตท. ในราคา 135 บาท ต่อ 1 ล้านหน่วย ใช่ไหมฮะ เพราะฉะนั้นแล้ว กฟผ.นี่ ซื้อแก๊สแพงกว่าปกติไป 42 บาท ต่อ 1 หน่วย นะฮะ คือร้อยละ 33.6 ใครเป็นคนจ่ายเงินก้อนนี้ พวกเรา คณะกรรมการนโยบายพลังงาน ไม่เคย คณะกรรมการนโยบายพลังงาน คือผู้ซึ่งกำหนดราคาแก๊ส ไม่เคยขอร้องให้ ปตท.ลดค่าแก๊สธรรมชาติ เพราะอะไร เพราะว่าคณะกรรมการกำกับค่าไฟฟ้าล้วนแล้วแต่พรรคพวกของนักการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องในหุ้น ปตท. เห็นหรือยัง เขาต้องการให้ ปตท.กำไรมากๆ เพื่อส่วนที่เขาถืออยู่ 40 เปอร์เซ็นต์ทุกวันนี้จะได้มีเงินปันผลเยอะๆ เขาถึงขายแก๊สแพงๆ มาให้ กฟภ. กฟภ.ก็เลยมาคิดค่าไฟแพงๆ กับพวกเรา พวกเราก็เอรเงินน้อยๆ จ่ายแพงๆ ไปให้มัน แล้วไอ้แพงๆ มันก็จ่ายคืนไปแพงๆ ทางโน้น แพงๆ ทางโน้นก็ไปเข้ากระเป๋ามากๆ อีกทางหนึ่ง เห็นหรือยัง เอาละจับโกหก ปตท.ได้อีกเรื่องหนึ่ง เห็นหรือยัง เมื่อ ปตท.ปี 2544 2544 เป็นปีแรกที่รัฐบาลไทยรักไทยเข้ามาบริหารงาน ยังไม่ได้แปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์ เฉพาะปี 2544 ปตท.กำไรจากแก๊สธรรมชาติ 9 เดือนแรก 14,500 ล้านบาท จากแก๊สนะ ปตท.ตอนนี้ยังไม่ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์นะ มาวันนี้ 9 เดือนแรก ปตท.กำไร 33,338 ล้านบาท เท่ากับว่า 4 ปีที่ผ่านมานี้ ปตท.กำไรเพิ่ม 130 เปอร์เซ็นต์ เห็นหรือยัง โอ้โฮ

สโรชา - โอ้โฮดังมาก

สนธิ - ถามว่าทำไมปตท.ต้องการกำไรจากแก๊สธรรมชาติก็เพื่อความมั่งคั่งของนักลงทุน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวงศาคณาญาติของนักการเมือง เอาละ เรื่องที่จับโกหกได้อีกเรื่องหนึ่ง ตอนที่เขาเอา ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์ เวลาเขาจะเอาบริษัทอะไรก็ตามเข้าตลาดหลักทรัพย์ เขาจะมีการทำหนังสือชี้ชวน

สโรชา - ใช่ค่ะ

สนธิ - หนังสือชี้ชวนก็บอกถึงข้อเท็จจริงว่า บริษัทนี้มีอะไรบ้าง มีอะไรบ้าง ในอันนี้เขาระบุเลยว่า หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วเขาจะแยกบริษัทแก๊สออกมาต่างหากเพื่อไม่ให้อยู่ใน ปตท. เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว ปตท.มันจะกำไรจนน่าเกลียด เห็นหรือยังครับ เข้าใจไหมครับ เขาเขียนไว้ในหนังสือชี้ชวนเลยนะ เวลาคุณจะไปซื้อหุ้นเขาบอกว่า เขาจะแยกอันนี้ออกมา แต่ผ่านไปแล้ว 1 ปีก็ไม่ได้แยก ผ่านไปแล้วจนวันนี้ก็ไม่ได้แยก การไม่ได้แยกหมายความว่า สามารถทำให้ ปตท.นั้นมีกำไรจากแก๊สอย่างอัปลักษณ์ที่สุด เพื่อที่จะให้ผู้ถือหุ้น ปตท. ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยถืออยู่แค่ 52 เปอร์เซ็นต์เอง จากเดิมทีบอกว่าจะถือ 70 เปอร์เซ็นต์ วันนี้เขาเหลือ 52 เปอร์เซ็นต์ 48 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้ถือหุ้นคนอื่น ซึ่งเราไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะฉะนั้นแล้วอันนี้จะโยงกลับมาถึงการพูดสุดท้ายวันนี้ก็คือ ทำไมเราถึงถังแตก เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าทำไมเราถึงถังแตก

สโรชา - เรื่องของรัฐบาลถังแตกเดี๋ยวช่วงท้ายๆ นะคะ ก่อนที่จะไปคุยเรื่องคุณครู จะบอกว่า ภาพวาดของน้องโอมที่น่ารักสามารถซื้อได้ด้านนอกนะคะ เป็นการสมทบทุนต่อต้านการแปรรูป กฟภ. และอีกเรื่องหนึ่งถือว่าสำคัญมาก ประชาสัมพันธ์สักนิดหนึ่ง คุณปรีชา ทำกุญแจรถโตโยต้าหาย 3 ดอก ไม่ทราบว่าหายที่ไหน ดูรอบๆ ตัวท่านสักนิดหนึ่งถ้าเกิดเจอกรุณายื่นให้เจ้าหน้าที่ด้วย สำคัญเพราะว่าคุณปรีชามาจากต่างจังหวัด ถ้าหากว่าหากุญแจรถไม่เจอวันนี้คุณปรีชาไม่ได้กลับบ้าน เพราะฉะนั้นช่วยกันดูสักนิดหนึ่งรอบๆ ตัว คุณสนธิคะเมื่อวานนี้คุณครูมาหาคุณสนธิที่ออฟฟิศ

สนธิ - เมื่อวานนี้คุณครูมาหาผมแล้วผมได้พูดอะไรบางไปกับท่านคุณครูทั้งหลาย ผมอยากให้พ่อแม่พี่น้องฟังสิ่งที่ผมพูดสักนิดนะครับ

(เทปคุณสนธิ ลิ้มทองกุล)

สนธิ - เพื่อเป็นการสรุปเรื่องครูให้พ่อแม่พี่น้องที่ยังไม่เข้าใจ เข้าใจง่ายๆ ก็คือว่า เขาจะโอนครูเข้าไปองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ไปขึ้นอยู่กับ อบต. อบจ. ทีนี้ อบต. อบจ.นั้นยังไม่มีความพร้อม ไม่มีความพร้อมในเรื่องของคุณภาพของคนใน อบต. อบจ. เพราะว่าคนใน อบต. อบจ.นั้น พ่อแม่พี่น้องจำเอาไว้ ส่วนใหญ่ที่สมัครเป็น อบต. อบจ.นั้น ส่วนใหญ่นะฮะ ไม่ใช่ทุกคน ถ้าได้ตำแหน่งก็แสดงว่าเป็นผู้มีอิทธิพล เพราะถ้าไม่มีอิทธิพล ก็ไม่ได้ตำแหน่ง การมีอิทธิพลนั้นหมายถึงลักษณะการกระทำพฤติกรรมนั้นไม่โปร่งใส มีลักษณะที่น่าสงสัย เพราะฉะนั้นแล้ว การที่จงใจที่จะบีบองค์กรครูให้ลงไปทันทีนี้ เบื้องหลังที่แท้จริงเพื่อสร้างฐานทางการเมืองเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น เขาก็ทำเพียงเพื่อให้เขาได้เสียง โดยเขาไม่คำนึงถึงคุณภาพของครูและก็คุณภาพของเด็ก ซึ่งจะต้องเจริญเติบโตต่อไปในสังคมไทย จะกลายเป็นคนที่โง่ จะกลายเป็นคนที่หลอกง่าย เสร็จเรียบร้อยยังมีอีก ถ้าเป็น อบต. อบจ.ไหน ที่ไม่มี ส.ส.พรรคไทยรักไทย ก็เขาประกาศไว้แล้วไงว่างบประมาณก็จะไม่ไปที่นั่น ใช่ไหม เพราะฉะนั้นแล้ว ผมจึงอยากจะกราบขอความกรุณาพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ยังไม่เข้าใจเรื่องครู ว่าให้เข้าใจซะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ไม่ใช่เรื่องเล็ก จริงอยู่ครูเองก็มีปัญหา แต่เป็นปัญหาซึ่งสามารถจะแก้ได้ แต่การโอนครูลงไปสู่ระดับล่างนั้น เป็นการทำลายพื้นฐาน รากฐานการศึกษาของคนรุ่นใหม่ของชาติทั้งชาติเลย

สโรชา - อยากจะต้อนรับอีก 2 ท่านนะคะ ที่ได้มาฟังเราในวันนี้นะคะ นั่นก็คือ คุณบำรุง คะโยธา นะคะ กับอาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ค่ะ

สนธิ - ผมมี ก่อนที่เราจะไปเรื่องถังแตก

สโรชา - ค่ะ ใครถังแตกคะ

สนธิ - รัฐบาลถังแตก

สโรชา - อ๋อ ตกใจ

สนธิ - ผมอยากจะถามคำถามใหม่เพิ่ม 4 ข้อ ให้กับรัฐบาลชุดนี้ นอกเหนือจากคำถามของเรื่องเครื่องบินรัสเซีย ถือว่าเป็นข้อที่ 5 นะฮะ ส่วนเรื่องซี 130 นั้นเป็นของเก่าที่เคยถามมาแล้ว ตกลงวันนี้จะมีคำถามมาถาม 5 ข้อ ข้อแรก อาทิตย์หน้าผมจะยื่นหนังสือถึงสำนักงานข้อมูลข่าวสาร โดยใช้พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ผมขอทราบเรื่อง 2 เรื่อง เรื่องแรก ผมอยากจะทราบถึงค่าใช้จ่ายของกองสลากกินแบ่งฯ ตั้งแต่ทำหวยขึ้นมาบนดิน ผมอยากจะรู้ว่าตั้งแต่เอาหวยใต้ดินขึ้นมาบนดินนั้น ทุกๆ งวด รัฐบาลบอกกำไรทุกงวด ไอ้กำไรตรงนั้นจัดสรรกันอย่างไร ใครได้ไปบ้าง ผมอยากจะทราบ เรื่องที่สอง ผมอยากจะทราบว่าตั้งแต่เรามีเครื่องบินไทยคู่ฟ้ามา มีบินไปแล้วกี่ครั้ง มีใครเป็นผู้โดยสารบ้าง แล้วไปที่ไหน ผมจะยื่นไปที่สำนักงานข้อมูลข่าวสาร แล้วผมจะให้มีการประทับตรารับเรื่องที่ผมยื่น แล้วเราจะมาถามกันทุกอาทิตย์ว่าเมื่อไหร่จะตอบ เมื่อไหร่จะตอบ

สโรชา - จริงๆ แล้วนี่ก็จะครบปีสึนามิแล้ว

สนธิ - 26 ธันวาคมนี้

สโรชา - มีหลายคำถามเหมือนกันว่า เงินบริจาคที่ได้ไปเป็นจำนวนมหาศาลไปไหนหมด

สนธิ - 780 กว่าล้านบาท ที่สำนักนายกฯ รับเงินบริจาคสึนามิไป 780 กว่าล้านบาท ผมจะทำจดหมายถึงสำนักนายกรัฐมนตรี ขอทราบว่าเงิน 780 ล้านบาท ณ วันนี้เหลือเท่าไหร่ และใช้ไปในกิจการอะไรบ้าง ข้อที่สี่ ผมทราบมาว่า อัยการของประเทศไทยได้ทำจดหมายไปยังอัยการประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อขอข้อมูลอย่างเป็นทางการในเรื่องผู้เกี่ยวข้องกับเครื่องเอ็กซเรย์ซีทีเอ็กซ์ แล้วผมทราบมาว่าอัยการสหรัฐอเมริกาได้ตอบมาแล้ว แล้วมีคนเกี่ยวข้องอยู่ 8 คน ผมอยากจะทราบว่า เมื่อไหร่ประชาชนจะมีสิทธิรับรู้ว่า 8 คนนั้นมีชื่อและสกุลอะไรบ้าง

สโรชา - มีท่านผู้ชมจาก กทม.ตอบเรามาทันทีเลยค่ะ บอกว่า เงินจากกองสลากฯ เอาไปจ้างสมัคร-ดุสิต ให้ออกมาพูดไง

สนธิ - ทราบใช่ไหมครับว่ารัฐบาลส่งเงินจ้าง อสมทฯ 100 ล้านบาท เพื่อที่จะให้ อสมทฯ ทำข่าวในแง่บวกของรัฐบาลทุกข่าว ใช่ครับจ้าง อสมทฯ เพื่อที่จะทำข่าว คือพูดง่ายๆ ว่า นอกจากไม่รายงานข่าวของพวกเราแล้ว อะไรที่เป็นข่าวร้ายจะปกปิดหมดแล้วทำเฉพาะข่าวในแง่บวก ผมไม่ทราบว่า คุณมิ่งขวัญ เธอยังมีศักดิ์ศรีอยู่หรือเปล่า แล้วผมก็อยากจะฝากความระลึกถึงถึงคุณธงทอง จันทรางศุ หวังว่าเธอคงสบายดี

สโรชา - เอาละ เอาละ รัฐบาลถังแตก เรื่องนี้เรื่องใหญ่

สนธิ - โอ เรื่องนี้เรื่องใหญ่ พ่อแม่พี่น้องผมจะอธิบายเรื่องรัฐบาลถังแตกให้พ่อแม่พี่น้องที่ไม่มีความรู้เรื่องการเงินการคลังให้ได้เข้าใจ สมมุติบ้านมีอยู่ 1 หลัง อาเฮียลูกชายคนโตเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเปิดเสร็จเรียบร้อยแล้วมีกำไรทุกวันก็เอาเงินกำไรหลังจากใช้จ่ายหมดแล้วเอามาให้อาม่า อาม่าเก็บเอาไว้ บอกนี่คือเงินเก็บของอาม่า ทุกวันลูกชายเอาเงินมาใส่ อาม่าก็เก็บ อาม่าก็เก็บ อาม่าก็เก็บ แล้วลูกชายคนนี้ก็เที่ยวไปโม้ มีอีหนูใส่สายเดี่ยวเดินเข้ามาก็ให้กินก๋วยเตี๋ยวฟรี ชาวบ้านที่อยู่ข้างหน้าอยากจะได้เสียงว่า เอออาเฮียคนนี้เป็นคนใจบุญสุนทาน ต้องการเสียงมากๆ ว่าประชาชนรัก ก็เอาก๋วยเตี๋ยวไปแจกเขา ใช้อย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเงินที่ให้อาม่าร่อยหรอไปแล้วไม่ได้ให้อาม่าอีกแล้ว อาม่าก็มีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่ง นอกจากเก็บอยู่ก้อนนั้นแล้ววันดีคืนดีอาเฮียไปซื้อรถโตโยต้าออติสให้เมียน้อย 1 คัน หรือว่า เอาเงินไปซื้อนาฬิการาคาแพง 1 เรือน ซื้อรองเท้าราคาแพงๆ ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เสร็จเรียบร้อยแล้วปรากฏว่า วันหนึ่งค่าขายก๋วยเตี๋ยวหักค่าใช้จ่าย หักที่ไปซื้อโน้นซื้อนี่โดยไม่จำเป็นแล้วไม่พอจ่ายเงินเดือนลูกจ้าง ก็เลยมาเปิดเกะอาม่าบอกอาม่าขอเอาไปหน่อยนะ ก็ดึงเงินอาม่าไป ดึงไปเรื่อยๆ ดึงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งอาม่าบอกว่า เฮ้ยอาตี๋ลื้อทำอย่างนี้ต่อไปไม่ได้นะ เพราะว่าเงินก้อนนี้อาม่าจะเก็บเอาไว้ ต้องมี 1,500 บาท ต่ำกว่านี้ไม่ได้ นี่ลื้อดึงไปดึงมาแล้ว เหลืออยู่แค่ 300 กว่าบาทเอง แล้วอีกหน่อยเจ็บไข้ได้ป่วย บ้านนี้จะทำอย่างไร ใช่ไหม อาตี๋ ลูกของลื้อต้องเรียนหนังสือ ค่าเล่าเรียนถ้าไม่มีแล้วใครจะออกให้ นะฮะ อาเฮียก็บอกว่า เอาอย่างนี้แล้วกันอาม่า เดี๋ยวผมจะแลกเช็ก ผมก็เขียนเช็กเอามาใบหนึ่ง เอาไปแลกคนข้างนอก ก็เอาเช็กมา แล้วก็พอแลกเช็กเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านเขาก็บอกว่า "เฮ้ย อาเฮีย ร้านลื้อตอนนี้เงินทองไม่มี" "ใครบอกไม่มี นี่ไง เงินยังเต็มแบงก์เลย นี่อั๊วเพิ่งไปแลกเช็กมา" นี่คือสถานภาพของเมืองไทยในปัจจุบัน นะ เข้าใจใช่ไหมฮะ พ่อแก่แม่แก่ที่ผมเล่าให้ฟัง
เอาล่ะ เรากลับมาทางวิชาการบ้างนะฮะ พวกพ่อแม่พี่น้องที่มาจากต่างจังหวัด ตอนนี้เข้าใจแล้วนะ ผมจะกลับมาทางวิชาการ เมื่อวันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2548 นะฮะ ได้ปรากฏเป็นข่าวว่า กระทรวงการคลัง โดยที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายทนง พิทยะ อ้อ ผมค้างพ่อแม่พี่น้องเรื่องทนง พิทยะ ขอเถอะ ของวดหน้า เวลาไม่มีแล้ว ขอ ผมต้องพูดถึงเขาอย่างแน่นอน เขาเป็นนักเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา รุ่น 18 รุ่นเดียวกับผม แต่ว่า ชาติต้องมาก่อน บ้านเมืองต้องมาก่อน แผ่นดินต้องมาก่อน แล้วก็ยังมีเพื่อนเก่าเรานะ อาทิตย์หน้า เหยียน ปิน แต่มีอันใหม่มานะ มันกว่านั้นอีก เป็นญาติกัน ชื่อ เฉิน ปิน เฉิน ปิน นี่เป็นเท้าใหญ่ในเรื่องของลำไยทางภาคเหนือ เพราะฉะนั้นศุกร์หน้าพลาดไม่ได้นะ

สโรชา - โฆษณาไว้ก่อน

สนธิ - ฮะ โฆษณาไว้ก่อน คือจู่ๆ รัฐบาลก็บอกว่า จะออกตั๋วเงินคลัง ก็คือว่าออกพันธบัตรให้คนกู้ ก็เหมือนแลกเช็ก เหมือนแลกเช็ก 80,000 ล้านบาท นะฮะ ซึ่งเดิมทีวางแผนออกกู้ไปแล้ว 170,000 ล้าน สรุปแล้วตอนนี้บวก 80,000 ล้าน เป็นอันว่ารัฐบาลได้กู้เงินเพิ่มเป็น 250,000 ล้านบาท นะครับ ทีนี้จู่ๆ กะทันหันเลย รัฐบาลโผล่มาวันดีคืนดีบอกว่า ต้องแลกเช็ก 80,000 ล้านบาท มันเป็ฯเรื่องที่ผิดปกติมาก มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย ที่ผิดปกติเพราะอะไรรู้ไหม เพราะรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลขี้โม้ โม้ตลอดเวลา โม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยเจริญเติบโต ก้าวหน้า รายได้ภาษีเก็บเกินเป้า รายได้รัฐบาลเหลือจนใช้จ่ายไม่ทัน ต้องเร่งการเบิกจ่าย ทีนี้ถ้ารัฐบาลประเทศไทยมั่งคั่งอย่างที่รัฐบาลโม้จริงๆ ทำไมต้องมากู้เงินอย่างกะทันหันล่ะ เห็นไหม คือความจริงมันโกหกกัน นี่คือที่มาของหนังสือพิมพ์มติชน ในวันที่ 28 พฤศจิกายน บอกว่ารัฐบาลถังแตก เท่านั้นเอง ท่านนายกฯ ของผมอารมณ์เสียเลย ทั้งๆ ที่บอกว่าดาวพุธห้ามพูด ก็เลยบอกว่า รัฐบาลไม่ได้ถังแตกหรอก กู้เงินมาเพื่อเสริมสภาพคล่องในการบริหารการเงินของประเทศ ที่เงินสดสำรองต้องสูงตามยอดการใช้จ่าย และต้องกันเงินสดสำรองไว้ประมาณ 1 เดือนครึ่ง ก็เหมือนที่อาม่าพูดไง ว่าต้องมีเงินในเก๊ะอย่างน้อย 1,500 บาท เผื่อที่จำเป็นที่จะต้องมาจ่ายค่าโน้นค่านี้

สโรชา - ฉุกเฉิน

สนธิ - ประจำเดือน มันไม่จ่ายไม่ได้ มันมีไม่ถึง 1,500 ไม่ได้ คำถามที่เราต้องถามว่า แล้วรัฐบาลนี้ถังแตกจริงหรือเปล่า ทีนี้เราต้องมาทำความเข้าใจกับระบบการคลังเสียก่อนนะครับ รายได้ร้านก๋วยเตี๋ยวก็มีอยู่ ขายก๋วยเตี๋ยวนะ คนซื้อฮื่อก๊วยเป็นถุง เอากลับบ้านไป คนมาสั่งให้ทำลูกชิ้น ทำไป รายได้รัฐบาลมีอยู่ 3 ทาง ทางหนึ่งก็คือเก็บภาษี ก็คือว่าจัดเก็บภาษี กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร และรายได้ใหม่ที่เคยทำได้จาก ปตท. และหวังจะทำจาก กฟผ. ทำไม่ได้ คือการเอารัฐวิสาหกิจออกไปขายให้คนข้างนอก แล้วเอาหุ้นที่รัฐบาลถืออยู่ทยอยขายออกไป แล้วเอาเงินก้อนนี้มาจับจ่ายใช้สอย เผอิญคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต ก็เลยทำให้หุ้น กฟผ.เข้าตลาดไม่ได้ มันก็เลยทำให้วงจรเงินขาดไป เห็นหรือยัง ถ้าเข้าได้ วันนี้วงจรเงินไม่ขาด เห็นหรือยัง เข้าใจหรือยังตอนนี้
ทีนี้ ค่าใช้จ่ายของรัฐบาล ก็เหมือนค่าใช้จ่ายร้านก๋วยเตี๋ยว มีอะไรบ้าง ข้อที่ 1 ซื้อปลามาเพื่อทำลูกชิ้น ข้อที่ 2 ซื้อเส้น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเงินเดือนลูกจ้าง ค่าใช้จ่ายรัฐบาลแบ่งออกเป็น 2 ส่วน 3 ส่วน ส่วนแรก คือเงินเดือน และค่าใช้จ่ายประจำ เงินเดือน ค่าจ้าง ประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ ของงบประมาณรายจ่าย สมมุติว่าปีหนึ่งจ่าย 100 บาท ต้องมี 70-80 บาท สำหรับจ่ายเป็นค่าเงินเดือน ค่าเช่าสถานที่ นะ นั่นรายจ่ายข้อที่ 1 รายจ่ายข้อที่ 2 มีอะไร คือ ดอกเบี้ยและเงินกู้รัฐบาล กู้เงินเขามานี่ ถึงเวลาจ่ายดอกเบี้ยก็ต้องจ่ายไปตามงวด ข้อที่สาม คือ รายจ่ายในเรื่องโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลตั้งใจจะทำ ทีนี้ถ้าเราหารายได้มากกว่ารายจ่าย เขาเรียกว่า งบประมาณเกินดุล ทีนี้รัฐบาลชุดนี้ใช้หลักการทำบัญชีแบบศรีธนญชัยมาตั้งแต่ต้น หลักการบัญชีศรีธนญชัยคืออย่างไรพ่อกม่พี่น้อง คุณสโรชาต้องเข้าใจเรื่องนี้ หลักการศรีธนญชัย คือ อะไรก็ตามที่เป็นนโยบายเอาเงินฟาดหัวชาวบ้านก็จะไม่ใช้จากงบประมาณแต่ไปให้ธนาคารการเกษตรฯ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน เอาเงินพวกนี้ให้ชาวบ้านกู้ไป เพราะฉะนั้นมันก็เลยเป็นเงินนอกงบประมาณ แต่ว่ามันต้องใช้คืนใช่ไหมเพราะถ้ามันมีหนี้เสียขึ้นมารัฐบาลต้องรับผิดชอบ แต่ว่าในการการปรากฏตัวตามบัญชีมันไม่ปรากฏ เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือวิชาบัญชีแบบศรีธนญชัย ทีนี้พอรายได้มากกว่ารายจ่ายมันก็เหมือนอาเฮียขายก๋วยเตี๋ยวแล้วมีกำไรก็เอาเงินก้อนนี้ให้อาม่า เขาก็เรียกเงินส่วนเกินนี้ว่า เงินคงคลัง เข้าใจนะครับพ่อแม่พี่น้อง เงินคงคลังคือ เงินซึ่งกำไรจากก๋วยเตี๋ยวเอามาให้อาม่า อาม่าใส่ลิ้นชักซะ ทีนี้เรามาดูตัวเลขกันหน่อย เรากลับมา ถ้ารายจ่ายมากกว่ารายได้ ก็แน่นอนที่สุดก็คือไม่มีตังค์ ก็ต้องไปเอาเงินที่อื่นมา ดูตุลาคม 2548 อันนี้คือข้อมูลมาจากธนาคารแห่งประเทศไทย รายได้รัฐบาลเก็บได้ 95,500 ล้านบาท รายจ่ายเดือนนั้นรัฐบาลสูงถึง 148,000 ล้านบาท รายจ่ายมากกว่ารายรับในเดือนตุลาคมคือ 53,300 ล้านบาท ยังมียอดเงินกู้ที่ถึงกำหนดที่ต้องใช้อีก 10,200 ล้านบาท แล้วยังมียอดเงินถึงกำหนดคืนเงินกู้ต่างประเทศอีก 4,500 ล้านบาท เป็นอันว่าเดือนตุลาคมรัฐบาลติดลบอยู่ 67,900 ล้านบาท เพราะฉะนั้นแล้วรัฐบาลเลยต้องการใช้เงินขณะนั้นทันทีเลย จะไปกู้ก็ไม่ทัน หันซ้ายหันขวาไม่รู้จะทำอย่างไรก็เลยดึงลิ้นชักอาม่าแล้วดึงเงินอาม่าซึ่งเก็บเอาไว้ ซึ่งตอนนั้นลิ้นชักอาม่าเหลืออยู่ 104,800 ล้านบาท ก็เลยเอาเงิน 67,000 กว่าล้านบาทออกมาทันทีเลย มันเลยทำให้เงินในลิ้นชักอาม่าที่มีอยู่ 100,000 ล้านบาท เหลือเพียง 36,300 ล้านบาท ทีนี้ค่าใช้จ่ายของรัฐบาลเรื่องเงินเดือนตกเดือนละ 70,000-80,000 ล้านบาท มันมีอยู่ 30,000 กว่าล้านบาท มันจะพอจ่ายเงินเดือนได้อย่างไรล่ะ นี่คือที่มาของการแลกเช็คกะทันหัน ทีนี้ก็แปลว่ารัฐบาลมีเงินเดือนเหลืออยู่ มีเงินเหลืออยู่ในเกะอาม่าพอจ่ายเงินเดือนได้ 14 วันเอง ก็เลยต้องแลก ทีนี้ถ้าเป็นบริษัท ห้างร้านเข้าเรียกว่าชักหน้าไม่ถึงหลัง ทีนี้รัฐบาลก็ขี้โม้ต่อ เขาบอกว่า งบลงทุนเบิกจ่ายไปแล้ว 3 เดือน 5 เดือน คือเขาบอกอย่างนี้ เขาบอกว่า มีงบซึ่งตั้งเอาไว้แล้วแล้วยังเบิกไม่หมด หมายความว่า ทำงานเสร็จแล้วยังเบิกกันไม่หมดเหลืออยู่เยอะ ผมก็ถามว่า ถ้างบตั้งแล้วเบิกไม่หมดเหลืออยู่เยอะ ทำไมพ่อค้าซึ่งค้าขายกับรัฐบาลทุกวันนี้ตั้งฎีกาเบิก เบิกไม่ได้เลย ทำงานเสร็จแล้วส่งเรื่องไปขอเบิก บางคนค้างเป็น 3 เดือน 4 เดือนยังไม่ได้รับเงินเลย แสดงว่า บ่จี๊ ใช่ไหม ทีนี้มันมีอันหนึ่งซึ่งน่าสนใจ คือว่า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีเงินมันอยู่ตรงไหนรู้ไหมคุณสโรชา

สโรชา - ตรงไหนคะ

สนธิ - ผมจะเอาตัวอย่างที่เห็นชัดๆ นะ เดี๋ยวจะหาว่าผมนี่เป็นเจ้าของโรงน้ำแข็ง ปั้นน้ำเป็นตัว ไม่เอา นะ วันอังคารที่ 13 กันยายน 2548 มีข่าวชิ้นหนึ่งรายงานโดยสำนักข่าวไทย สำนักข่าวไทย บริษัท อสมทฯ ของเจ๊มิ่งขวัญเขา นะ ข่าว อสมทฯ รายงานว่าอย่างไร รายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ นายสุดชาติ ศรีลิ้นจี่ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้เดินทางเข้าพบนางจรรยา หอมพงษ์ หัวหน้าส่วนการคลังเทศบาล เพื่อขอให้ชี้แจงกรณีที่สมาชิกสภาเทศบาล และพนักงานส่วนท้องถิ่น ร้องเรียนว่า เทศบาลจะไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนและค่าตอบแทนในเดือนกันยายนนี้ ต่อมานางจรรยาได้เอาเอกสารหลักฐานจำนวนมากมาประกอบการชี้แจง โดยยอมรับว่า ขณะนี้พนักงานในเทศบาลได้วิจารณ์เรื่องดังกล่าวอย่างหนัก เพราะมีปัญหาในการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าเช่าบ้าน ค่าเบี้ยเลี้ยง นางจรรยาระบุว่า ขณะนี้เทศบาลไม่มีเงินสำหรับจ่ายในส่วนนี้จริงๆ นี่เขาเป็นคลังจังหวัดนะ ถ้าคลังจังหวัดบอกไม่มีเงินจ่ายจริงๆ ก็แสดงว่าไม่มีจริงๆ และจะต้องรอเงินสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ที่จะโอนเงินภาษีส่วนต่างมาให้จำนวน 8 ล้านบาท ก่อนสิ้นปีงบประมาณนี้ แต่ยังไม่แน่ว่างบประมาณดังกล่าวจะมาทันเบิกจ่ายสิ้นเดือนกันยายนนี้หรือไม่ นี่คือข่าว อสมทฯ นะ ไม่ใช่ ASTV
ตัวอย่างที่ 2 รถไฟฟ้ามหาสนุก สายสีรุ้งของรัฐบาล ที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คุยนักคุยหนา จำได้ไหมว่าท่านไปหาเสียงที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองฯ ท่านบอกว่าโครงการรถไฟฟ้า ผมจะเสกกระดาษให้เป็นเงิน ขาย รายได้ในอนาคต ไม่ต้องไปกู้ เงินมีพร้อมอยู่แล้ว ท่านบอกว่าเป็นการประมูลก่อสร้างปลายปี 48 ก็คือตอนนี้แน่นอน แล้วเป็นอย่างไร ตอนนี้ยังหาคำตอบไม่ได้เลยว่าจะได้เงินมาจากไหน ใช่ไหมฮะ ขนาดคงคลังยังมีจ่ายเงินเดือนแค่ 14 วัน ต้องเร่งรักษาหาเงินกู้มาสำรองเพื่อใช้จ่ายแทบไม่ทัน นับประสาอะไร โครงการรถไฟฟ้า 550,000 ล้านบาท หรือเมกะโปรเจกต์อีก 1.7 ล้านล้านบาท คุณสโรชา คิดไม่ออกท่านก็เบี่ยงเบนไปเรื่อยๆ ท่านก็บอกว่า เอ้า เดี๋ยวสุวรรณภูมิ เมืองสุวรรณภูมิ 500,000 ล้าน จำได้ไหม ที่พูดมา เดี๋ยวสร้าง แล้วก็อยู่อีก 300,000 ล้าน จนแล้วจนรอดท่านยังคิดไม่ออกว่าจะเอาอย่างไร จนกระทั่ง จนกระทั่งผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เมื่อวานนี้ออกมาให้สัมภาษณ์ชัดเจน บอก อยากให้รัฐบาลเลื่อนเมกะโปรเจกต์ออกไปให้หมด เพราะว่ารัฐบาลถังแตกเรียบร้อยแล้ว
ผมมีของฝากในเรื่องถังแตกให้พ่อแม่พี่น้องได้ดูกันสักนิดหนึ่ง เชิญครับ

(เทปมิวสิควิดีโอ "ถังแตก")

สนธิ - คุณสโรชา (หัวเราะ)

สโรชา - แหม วันนี้เน้นบันเทิงเนอะ

สนธิ - วันนี้สนุก สงสัยอาทิตย์หน้าจะลำบากนะ เพราะว่าพ่อแม่พี่น้องคงหวังจะได้เห็นพวกภาพยนตร์แบบนี้อยู่เรื่อยๆ แต่ว่าก่อนจบรายการวันนี้ ผมอยากจะฝากพ่อแม่พี่น้องไว้นิดหนึ่ง ผมกับคุณสโรชาไม่ถอยครับ ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องไปฟังเสียงลือ เสียงลือเสียงเล่าอ้างอันใดพี่เอย ไม่มี เรามีความรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของเราที่จะมาเอาองค์ความรู้อีกด้านหนึ่งมาให้พ่อแม่พี่น้องประชาชน ที่พ่อแม่พี่น้องประชาชนหาไม่ได้ในสื่อโทรทัศน์ที่อื่น และก็ตลอดจนหนังสือพิมพ์บางฉบับ หนังสือพิมพ์นั้น ให้เลือกซื้อดู ฉบับไหนที่ไม่พูดความจริงก็อย่าไปซื้อ อย่าไปสนใจ แต่ว่าที่สุดแล้ว วันศุกร์หน้า ที่ 16 ก็ยังจัดเหมือนเดิม วันศุกร์ที่ 23 ก็ยังจัดเหมือนเดิม แล้วเราจะหยุดไป 2 อาทิตย์ เพื่อที่จะให้พ่อแม่พี่น้องพักผ่อน แล้วกลับมาวันศุกร์ที่ 13 มกราคม ต่อไป ให้รับทราบกันเอาไว้นะครับ ทีนี้ ทีนี้ที่สำคัญมันสำคัญตรงไหน ถ้าพ่อแม่พี่น้องอยากจะฟังความอีกด้านหนึ่ง จริง ไม่จริงไม่รู้ ใช้ปัญญาคิดเอาเวลาผมพูด แล้วไปเปรียบเทียบสิ่งที่เขาพูดนะฮะ ถ้าไม่ทราบ มาฟังที่นี่ ถ้าอยากจะมาฟังที่นี่ ก็เข้ามา เรายินดีต้อนรับ แต่ก็ต้องกราบเรียนพ่อแม่พี่น้องก่อนว่า กระบวนการก่อกวนก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม นะฮะ ไม่ได้ขาดไป
ก่อนจบวันนี้ก็ขอยืนยันกับพ่อแม่พี่น้อง ว่าวันนี้ ผมไม่รู้ว่าเป็นเวรหรือเป็นกรรม แต่วันนี้ผมต้องมาเป็นตัวแทนของพ่อแม่พี่น้อง พ่อแม่พี่น้องทุกคนเป็นประชาชนชาวไทย ซึ่งเป็นเจ้าของประเทศเหมือนผม ผมก็เป็นเจ้าของประเทศ มันถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมของพวกเรา เราต้องเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมของพวกเรา ผมบอกพ่อแม่พี่น้องไปแล้ว ว่า 58 ปีของผม ชั่วก็มี ดีก็หลาย เลวก็ไม่น้อย ถ้าอะไรที่ผมเคยทำชั่ว ทำความเลวในอดีต ผมขอพูดในที่นี้ว่า ผมขอกราบขอขมาพ่อแม่พี่น้องในวันนี้ให้อภัยผม แล้วจากวันนี้ไปสนธิจะปกป้องแผ่นดินให้พ่อแม่พี่น้อง

สโรชา - ช่วงท้ายนะคะ ก่อนจะกลับอย่าลืมนะคะ เรามีซีดีแจกนะคะ วีซีดีแจก เพราะฉะนั้นนั่งอยู่กับที่นะคะ เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปแจกวีซีดีให้ท่านนะคะ

สนธิ - ขอให้นั่งอยู่กับที่นะครับ เพราะว่าข้างนอกคนเยอะมากครับ พ่อแม่พี่น้อง คนเยอะมาก ทั้งหมดวันนี้มารวมแล้วไม่เกิน 7,000 คน

สโรชา - อีกเรื่องหนึ่งค่ะ อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอความกรุณานะคะ ถ้าเกิดว่ามีขยะรอบตัวท่านนะคะ กรุณาเก็บไปด้วยนะคะ คือเราอยากจะใช้สถานที่นานๆ นะคะ และอยากจะให้เขาได้อนุญาตให้เราเข้ามาใช้นานๆ เพราะฉะนั้นเก็บขยะรอบๆ ตัวท่านไปด้วยนะคะ

สนธิ - ช่วยเก็บขยะกันนิดหนึ่งนะครับ แล้วก็ พวกเราปรบมือให้กับเจ้าหน้าที่ กทม.ทุกคน รวมทั้งตำรวจเทศกิจด้วยครับ

สโรชา - และสุดท้ายสุดนะคะ เช่นเคยค่ะ เรามาร่วมกันขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีค่ะ

สนธิ - ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีพร้อมกันครับ

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป ลำตัดธรรมศาสตร์ (56k)

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป ลำตัดธรรมศาสตร์ (256k)

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป รวมฮิตโฆษณา เมืองไทยฯ สัญจร #11(56k)

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป รวมฮิตโฆษณา เมืองไทยฯ สัญจร #11(256k)

คลิกชมภาพสไลด์โชว์ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 11 อุ่นหนาฝาคั่ง


ดูภาพชุดจาก Manager Multimedia


คลิกชมภาพสไลด์โชว์ พลังผู้ใฝ่หา..."ความจริงที่รัฐบาลไม่อยากฟัง"


ดูภาพชุดจาก Manager Multimedia










กำลังโหลดความคิดเห็น