xs
xsm
sm
md
lg

เมืองไทยฯรายสัปดาห์สัญจร 7 : 'สนธิ'แฉตระกูลชินฯทิ้งหุ้น1แสนล้านส่อเตรียมเผ่นนอก!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ” จวก“ทักษิณ”เลือกพัฒนา พท.ฐานเสียง ทรท.ก่อน เป็น “กบฏแบ่งแยกดินแดน” ของจริง ยิ่งกว่าใน 3 จว.ใต้ ชี้ เป็นการเลือกปฏิบัติ ติดนิสัยใช้เงินสั่ง-มีดจี้คอ ผิด รธน.ชัดเจน พร้อมแฉ “ทักษิณ” ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงนั่งทำพิธีในวัดพระแก้ว ซ้ำไร้สำนึก ซื้อเครื่องบินประจำตำแหน่งทั้งที่ไม่จำเป็น แต่เครื่องบินพระราชพาหนะที่มีสภาพเก่ากลับถ่วงเรื่องอนุมัติซื้อทีหลัง เผยข้อมูลเด็ด “ตระกูลชินฯ” เตรียมทิ้งหุ้นชินคอร์ปฯ 1 แสนล้าน ส่อแววใช้กลยุทธ์ “ซุนหวู่” หนีกบดานต่างประเทศ

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 7 ช่วงที่ 1
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 7 ช่วงที่ 2
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 7 ช่วงที่ 3 จบ

คลิกชมภาพสไลด์โชว์ บรรยากาศเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 7

ดูภาพชุดจาก Manager Multimedia


คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป ไฮไลท์รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 7 (56k)

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป ไฮไลท์รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 7 (256k)

 
สโรชา - สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับเข้าสู่ "เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 7" ค่ะ ก่อนอื่นค่ะคุณสนธิ เรารำลึกสักนิดดีไหมคะ

สนธิ - เอ่อ ขอความกรุณานิดนะครับ ผมตั้งใจมาแล้ว วันนี้เราใส่เสื้อเหลืองกันหมด เรากำหนดจิตสงบ 1 นาที ถวายเป็นสักการะบูชาให้กับองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ เพื่อที่จะให้พระองค์ท่านทั้งสองพระองค์นั้นมีอายุยั่งยืนนาน เพื่อที่จะเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณให้เรา แล้วก็เป็นเสาหลักเสาชัยให้เรานะครับ พวกเรานิ่งสัก 1 นาที แล้วก็ถวายสักการะบูชาให้พระองค์ท่านครับ (สงบนิ่ง 1 นาที)ครับ ขอบพระคุณมากครับ

สโรชา - คุณผู้ชมคะ แฟนๆ รายการเมืองไทยรายสัปดาห์นะคะ ตั้งแต่ช่วงที่เราในยุคสมัยของช่อง 9 มาถึงท่านผู้ชมที่ตามเรามาดูที่สัญจรในหลายๆ ครั้ง คงจะจำได้นะคะว่า หลายๆ ครั้งดิฉันจะเปิดรายการด้วยคำว่า "อาทิตย์นี้มีเรื่องที่ต้องคุยกันหลายต่อหลายเรื่อง" จริงๆ แล้ววันนี้เยอะจริงๆ หลายเรื่องจริงๆ ค่ะ เพราะว่ามีทั้งเรื่องราวของ "คุกลับ" นะคะ ทุกคนคงจะได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามหน้าหนังสือพิมพ์ไปเรียบร้อยแล้ว จริงๆ แล้ววันนี้เรามีข้อมูลเพิ่มเติม ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่วอชิงตันโพสต์เป็นผู้เปิดโปงเป็นที่แรก เดี๋ยวเราจะมาคุยกันเรื่องนี้นะคะ แต่นอกเหนือจากเรื่องนั้นแล้ว ยังมีเรื่องราวของท่านนายกฯ ที่ท่านไปพูดที่นครสวรรค์นะคะ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แล้วก็จะมีคำพูดในประเด็นเดียวกันที่พูดเมื่อวานนี้ ในรายการ นายกฯ พบสื่อมวลชน แต่ว่ามีอีกหลายต่อหลายเรื่อง ทั้งเรื่องราวของการประกาศกฎอัยการศึกใน 2 อำเภอของ จ.สงขลา มีเรื่องราวการประกาศแถลงการณ์ของรัฐบาลเกี่ยวกับสมเด็จพระสังฆราชฯ ด้วย นะคะคุณสนธิ แต่ว่าเรื่องที่ดูเหมือนว่าจะปัจจุบันทันด่วนที่สุด คงจะไม่พ้นการระเบิด "ผู้จัดการ" ของเรา อันนี้คงจะได้เห็นกันแล้วนะคะ ตามหน้าหนังสือพิมพ์บางฉบับ ตกใจไหมคะคุณสนธิ

สนธิ - ผมว่าเมื่อเช้าผมให้สัมภาษณ์ไปแล้ว อยากจะให้ท่านผู้ชมในที่นี้ได้ฟังคำให้สัมภาษณ์ของผม

สโรชา - คุณสนธิแถลงการณ์เมื่อประมาณ 11 โมงที่ผ่านมา

สนธิ - ครับ 11 โมง แต่ว่าก่อนที่จะฟังคำแถลงการณ์ของผม ให้ฟังท่านนายกฯ พูดสักนิดดีไหม

สโรชา - ค่ะ

สนธิ - ดีไหมฮะ ท่านนายกฯ เคยพูด

สโรชา - อ๋อ ใช่ ถ้าย้อนกลับไปวันพฤหัสฯ ที่แล้วนะคะ ท่านนายกฯ พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำนองว่า จะไม่มีระเบิดลง

สนธิ - คือ ผมไม่ทราบว่าเขามีวีทีอาร์หรือเปล่านะฮะ

สโรชา - มีวีทีอาร์อยู่นะคะ ไปดูวีทีอาร์ซักนิดหนึ่ง

สนธิ - อีกนานไหมครับ

(เทปนายกฯ)

สนธิ - คือพ่อท่านพูดจบวันที่ 3 พ.ย.ก็มีระเบิดตูมเลย ก็ผมไม่อยากให้ท่านไปรับปากอะไรในอนาคต เพราะท่านรับปากอะไรทุกอย่างมันมักจะเกิดมาตรงกันข้ามทุกที ผมก็ไม่เข้าเหมือนกันนะครับ รบกวนนิดเปิดวีทีอาร์ที่ผมให้สัมภาษณ์ตอน 11 โมง ก็คงจบเพียงแค่นี้ว่า ผมพูดจบแล้วเราจะได้เดินต่อไปว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรบ้าง

(เทปคุณสนธิ)

สนธิ - คุณสโรชา ผมไม่ได้เก่งกาจหรอก ผมแค่เป็นยาม ท่านผู้ชมครับผมเป็นยามครับ มาบู ครับยาม แต่ผมเฝ้าแผ่นดินให้

สโรชา - ก่อนที่จะไปเรื่องอื่นดิฉันขออนุญาตหยิบยก เป็นการ์ดใบเล็กๆ ที่น้องคนหนึ่ง ไม่ทราบว่าอายุเท่าไร ลงชื่อ ทิน-ทิน ขออนุญาตอ่านสักนิดหนึ่ง "น้าสนธิคะหนูรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันอาจทำให้น้านอนไม่หลับ หนูก็นอนไม่หลับเพราะห่วงน้าเหมือนกัน วันนี้หนูอยู่ฟังไม่ได้ขอแวะมาส่งการ์ดเป็นกำลังใจให้น้าค่ะ จะสานต่อเจตนารมณ์น้าด้วย คำนำหน้า น้า คงไม่เป็นไร ฝากคำถามในรายการด้วยค่ะว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ต้องการให้พวกเรากลัวแต่อันที่จริงมันมีคนบางคนที่กลัวพวกเราแล้วใช่ไหมคะ ลงชื่อ น้องทินทิน นะคะ

สนธิ - ครับ เป็นคนที่น่ารักมาก คุณสโรชา ก่อนจะไปเรื่องอื่น คุณวิษณุ ขอประทานโทษที่เอ่ยชื่อ ได้ท้าทายพวกเรา แล้วก็พวกพี่น้องประชาชนทุกคน โดยการออกคำชี้แจงสำนักนายกรัฐมนตรี นะครับ ในกรณีของสมเด็จพระสังฆราชฯ ในคำชี้แจงนี้เขียนออกมาทั้งหมด 4 ข้อ นะครับ เพื่อที่จะให้เห็นว่าพวกเรานั้นพูดไม่จริง ผมก็เลยจำเป็นที่จะต้องมาจับโกหกคนโกหก เพื่อเป็นหลักฐานให้เห็นชัดๆ นะครับ คือคุณวิษณุ ที่สำคัญที่สุดคือ เดี๋ยวนะฮะผมจะอธิบายให้ฟังว่า คุณวิษณุบอกว่า สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงพระประชวร นะฮะ ในวันที่ 13 วันอังคาร 13 มกราคม 2547 คุณวิษณุ เครืองาม ได้ลงนามเองในการประกาศแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชฯ โดยอ้างพระอาการประชวร โดยไม่มีคำสั่ง คำแถลงของแพทย์ แต่ในวันเดียวกันนั้น วันเดียวกันนั้นที่คุณวิษณุเซ็นชื่อนั่น พระองค์ท่านกำลังพระราชทานรางวัลเนื่องในโอกาสที่ครบรอบ 90 พรรษา นะฮะ ข้อที่สอง นายวิษณุอ้างว่ามหาเถรสมาคมมีมติที่จะให้แต่งตั้งผู้ปฏิบัติการแทนสมเด็จพระสังฆราช สมเด็จผลกลาง วัดชนะสงคราม ท่านได้พูดเองออกมา ฟังอยู่กับหู ท่านบอกว่า นายวิษณุไปกราบถามว่า ถ้าจะตั้งคนที่แต่งตั้งมาปฏิบัติ คณะกรรมการที่ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชฯ นั้น มหาเถรสมาคมจะว่าอย่างไร มหาเถรสมาคมบอกว่า นี่จากคำพูดของท่านเจ้าพระคุณ สมเด็จผลกลาง วัดชนะสงคราม ท่านบอกว่าให้ไปศึกษากฎหมายเสียก่อน แล้วค่อยมาปรึกษากัน นายวิษณุไม่ฟังอีร้าค่าอีรม กลับออกมาแล้วก็ประกาศเลย บอกว่ามหาเถรสมาคมนั้นเห็นชอบด้วยในการแต่งตั้ง คือการจับแพะชนแกะ อย่างหน้าด้านที่สุด เสร็จเรียบร้อยแล้วนายวิษณุ บอกว่า สมเด็จพระสังฆราชฯ นั้นทรงรับทราบและเห็นชอบที่นายวิษณุทำ นายวิษณุไม่รู้หรอกว่าผมมีเอกสารชิ้นนี้อยู่ในมือ คุณสโรชาโชว์ให้กล้องจับดูนิดเถอะครับ

สโรชา - กล้องไหนคะ

สนธิ - มุมขวานี้มีพระบัญชา ทราบและเห็นชอบ แต่ไม่มีลายเซ็นของสมเด็จญาณฯ ตลกไหม ที่ตลกคือ พระองค์ท่านเขียนไปนิดหนึ่งแล้วพระองค์ท่านขีดฆ่าทิ้ง หลักฐานมี พระองค์ท่านขีดฆ่าทิ้ง แสดงว่าพระองค์ท่านไม่ได้เห็นชอบ และยินยอม

สโรชา - คือพูดถึงตรงนี้ใช่ไหมคะ

สนธิ - ใช่ตรงนี้ครับ ตรงนี้ครับ แล้วคุณบอกได้อย่างไรสมเด็จญาณฯ ท่านเห็นชอบและยินยอมรับทราบ โกหกชัดๆ หลักฐานชิ้นนี้สามารถจะฟ้องร้องนายวิษณุได้ แล้วหลัก คนบางคนมันเข้าใจว่ามันเอามือปิดฟ้าได้ ปิดไม่ได้ เขาคงนึกไม่ถึงว่าผมมีหลักฐานชิ้นนี้อยู่ มันพิสูจน์ชัดว่าโกหกหมดทุกอย่าง เพราะฉะนั้นแล้วคุณเอาแถลงการณ์ฉบับนี้ออกมาเพื่ออะไร แถลงการณ์สำนักนายกฯ โกหกให้ประชาชนสับสนอีกครั้งหนึ่ง ผมไม่รู้นะครับว่ามีเจตนาอะไรที่จะทำ เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่นายกฯ ทักษิณฟ้องผมข้อหาหมิ่นประมาทในเรื่อง เอานายวิษณุเป็นพยานเรื่องสมเด็จพระสังฆราชฯ ผมอยากจะเจอนายนี่บนศาลจริงๆ เอาล่ะครับเดี๋ยวเราไปเรื่องอื่นดีกว่า พูดแล้วมันไม่เป็นสิริมงคล เอ่ยชื่อแล้ว แต่ว่ามีเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง มันเป็นเรื่องเขาเล่าให้ฟังกัน คนที่เข้าเน็ตคงจะเห็น คุณสโรชาเคยเห็นไหม

สโรชา - ขา

สนธิ - เขาบอกว่ามีนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน 3 คน นั่งเครื่องบินส่วนตัวไปต่างจังหวัดเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินของตัวเอง คนหนึ่งชื่อนายสุชิน ตำแหน่งเป็นประธานรัฐสภา เป็นประธานวุฒิสภา อันนี้เป็นเรื่องสมมุตินะ นายสุชินก็เลยแสดงความฉลาดออกมา บอกว่า ถ้าผมทิ้งเงิน 1,000 บาท จากเครื่องบินลงไป ประชาชนคนหนึ่งรับได้ก็คงจะดีใจ คนที่ 2 ชื่อนายวิษยุ ก็แสดงภูมิปัญญาออกมา บอกว่า ไม่หรอกถ้าผมทิ้งไปใบละ 500 2 ใบ คน 2 คนจะดีใจ คนที่ 3 ชื่อนายทักษา บอกว่า พวกคุณไม่รู้หรอก คุณมี 1,000 คุณแตกเป็นแบงก์ 100 10 ใบ คุณทิ้งไปคน 10 คนจะดีใจ ทุกคนปลาบปลื้มในบุญญาบารมีของนายทักษาว่า ฉลาดเฉลียวมาก คนขับเครื่องบินขับอยู่ได้ยินเขานึกในใจ ถ้ากูทิ้งมึง 3 คนลงไปเดี๋ยวนี้คนไทย 60 ล้านคน คงจะดีใจตายเลย

สโรชา - มุกเด็ดเหลือเกิน เอาล่ะเมื่อกี้เป็นเรื่องสมมุติใช่ไหมคะ เรากลับมาเรื่องจริงบ้าง เพราะว่าท่านนายกฯ ท่านได้ไปประชุม ครม.สัญจรที่ จ.นครสวรรค์ ท่านได้พูด มีประโยคหนึ่งซึ่งหลายๆ ท่านฟังแล้วอดนึกต่อไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการขาประจำของท่านนายกฯ หรือฝ่ายค้านเองก็ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ นั่นก็คงจะเป็นประเด็นที่ว่า ท่านจะดูแลจังหวัดที่ไว้วางใจไทยรักไทยก่อน เนื่องจากว่ามีเงื่อนเวลาอยู่ วันนี้เรามีเสียงของท่านนายกฯ ไปฟังก่อนเลยดีไหมคะ

สนธิ - ฟังเสียงเขาสักนิด 33 วินาที ทนเอาหน่อยน่ะ

(เทปเสียงนายกฯ)

สนธิ - ไอ้คนเลือกรูปจริงๆ นะ คือเรื่องทั้งหมดนี่ คุณสโรชา ท่านผู้ชม ผมสรุปได้อย่างเดียวว่า คนแบ่งแยกดินแดนที่แท้จริงนี่ไม่ใช่โจรใต้หรอก คนนี้เอง จริงๆ แล้วเรื่องนี้มีที่มาที่ไปคุณสโรชา

สโรชา - ค่ะ

สนธิ - นายกรัฐมนตรี วันนี้เขาทิ้งกรุงเทพฯ แล้วรู้ไหม เขานี่เป็นคนซึ่งบ้าโพล เขาชอบเช็คโพล เขาจะมีหน่วยงานเช็คโพลเขาตลอดเวลา เขาใช้เงินปีหนึ่งเป็นสิบๆ ล้านในการเช็คความนิยมของเขา เพราะฉะนั้นแล้ว เวลาเขาเช็คโพลแล้ว ถ้าโพลบอกมาว่าคะแนนนิยมเขายังดีอยู่ ใครจะไปว่าเขา พวกขาประจำเขาจะไม่สนใจ เขาจะทำหน้าเยาะเย้ยเหมือนที่เขาชอบทำประจำ จำได้ไหมเวลาเราดูโทรทัศน์ หน้าเขาเยาะเย้ย "พูดไปสิ มีปัญญาพูด พูดไป" นะฮะ เหมือนที่เขาเยาะเย้ยพวกเราแรกๆ ก็พูดไปดิ ไม่มีใครฟัง นะฮะ ปรากฏว่าช่วงหลังนี่โพลกรุงเทพฯ มันออกมาแล้วเขาช็อก เขาช็อกแบบที่คนญี่ปุ่นเขาเรียกว่า "ช็อกกุ" ช็อกตรงที่ว่า ถ้าเลือกตั้งวันพรุ่งนี้ เขาไม่ได้เลยแม้แต่เสียงเดียว พรรคไทยรักไทยก็เลยกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ ว่าจะทิ้งกรุงเทพฯ ทิ้งกรุงเทพฯ ก็เรียกว่าไม่ให้ความสนใจ เพราะว่าเขายังมั่นใจในกระบวนการเอาเงินฟาดหัวคนบ้านนอกอยู่ แต่เผอิ๊ญ เผอิญ หลายๆ นโยบายที่เขาทำ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหมู่บ้าน แม้กระทั่งโอท็อป มันเริ่มสะท้อนผลเสียกลับมา

สโรชา - ยังไงคะ

สนธิ - กองทุนหมู่บ้านกลายเป็นเพาะพันธุ์หนี้สินให้ประชาชน เป็นวงจรการกู้ยืมหนี้ครบวงจรที่ประชาชนต้องเสีย 2 เด้ง ผมเคยพูดคราวที่แล้วไง

สโรชา - ค่ะ ก็คือกู้กองทุน แล้วก็กู้นอกระบบมาใช้กองทุน แล้วก็กู้กองทุนไปใช้นอกระบบ

สนธิ - นั่นล่ะ มันเป็นอย่างนี้ 70-80 เปอร์เซ็นต์ อีก 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ กู้แล้วเอาไปทำมาค้าขาย ปรากฏว่ารัฐบาลไม่ได้ไปวางโครงสร้างให้เขารู้จักทำมาค้าขาย ก็เจ๊งกันเป็นบ้าเป็นหลัง อย่างหมู่บ้านหนึ่งเปิดร้านข้าวเหนียวส้มตำ 10 แห่ง มันเป็นไปได้อย่างไร นี่ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ คือคนค้าขายไม่เป็น ก็เลยเจอกันประเด็นนี้ ทีนี้เขาก็เลยไม่คิด แต่เขายังเชื่อมั่นว่าคน คือเป้าเขาอยู่ที่อีสานและเหนือ และภาคกลาง นะฮะ นั่นคือที่มาของการดูถูกเหยียดหยามชาละวันที่พิจิตร นะฮะ ถ้ายังจำได้นะ เขาดูถูกเหยียดหยามจอมชาละวันคนนี้อย่างหนักหนาสาหัสสากรรจ์ ถึงขนาดที่เรียกว่าให้กลับไปเลี้ยงหลาน คือพูดจาแบบเยาะเย้ยเต็มที่เลย คือคล้ายๆ มั่นใจมาก จำได้ไหมท่านผู้ชม คุณสโรชา ที่ผมบอกว่าคุณมัวแต่หาเสียงกับอี 3 เสียง แล้วคุณปล่อยให้พระนางเจ้าฯ นั่งทำงานอยู่ภาคใต้โดยที่ไม่ได้ลงไป จำได้ไหมที่เราพูดครั้งที่แล้ว ปรากฏว่าชาละวันคนนี้เผอิญวันนั้น ช่วงที่ผ่านมาในการสู้รบไม่ได้กินไวน์ก็เลยมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ พี่ชาละวันของผมไม่รู้จะสู้อย่างไร ก็เลยเอาวีซีดีเมืองไทยรายสัปดาห์ เอาไป 200 กว่าชุด เอาไปเปิดทั่วพิจิตรเลย เรื่องจริง

สโรชา - จริงหรือคะ คือแอ้มขอสารภาพว่า แอ้มเห็นภาพของท่าน เสธ.หนั่น วันที่นับคะแนน วันเลือกตั้ง ท่านใส่เสื้อยืด "เราจะสู้เพื่อในหลวง" สีขาว

สนธิ - พี่ชาละวันของพวกเราขอเกาะกระแสพวกเราไปด้วยคน ปรากฏว่าอย่างไรรู้ไหม คนที่พิจิตรบอกว่า วีซีดีพวกเราไปเปิดหูเปิดตาชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านเข้าใจว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นี่คือเหตุผลทำไมเขาถึงต้องทำร้ายทำลายเราตลอดเวลา ทำไมต้องลงไปบี้เคเบิลท้องถิ่นไม่ให้รับรายการ ทำไมถึงต้องไปทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้กระแสข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ผมไม่ได้พูดว่าของเราจริงกว่าเขา หรือเขาจริงกว่าเรา เรากำลังพูดว่า ข้อมูลอีกด้านหนึ่งซึ่งเขาไม่ยอมให้ชาวบ้านฟังลงไปถึงชาวบ้าน แต่เผอิญ 200-300 วีซีดีลงไปเรียบร้อย ก็ปรากฏว่า ความแค้นเดิมทำให้สู้หนัก จริงๆ แล้วชาวพิจิตรไม่ได้เกลียดพวกบุญเสรฐ พ.ต.ท.อดุลย์ บุญเสรฐ มีพ่อชื่อ จ่ากี จ่ากีเป็นคนพิจิตรดั้งเดิมเลย เป็นคนพิจิตรก่อนพี่ชาละวันของผมอีก ชาวบ้านรักจ่ากีมาก แต่ที่เขาไม่เลือกลูกชาย พ.ต.ท.อดุลย์ บุญเสรฐ เพราะเขาไม่ชอบไทยรักไทยไปแล้ว นั่นคือเหตุผล แล้วพอเขาชนะครั้งนี้ ท่านผู้ชม คุณสโรชา ในวงนักเลงเขาเรียกว่าชนะแบบฉีกกระดาษ คุณเข้าใจไหมชนะแบบฉีกกระดาษ

สโรชา - อย่างไรคะ

สนธิ - นี่ไง (ฉีกกระดาษให้ดู) เขาเรียกว่า ชนะแบบฉีกกระดาษ ชนะแบบมองไม่เห็นฝุ่น 39,000 กับ 24,000 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขนาดลงไปหาเสียงด้วยตัวเอง ส่งเอทีเอ็มเคลื่อนที่ไป 2 ตู้ ตู้หนึ่งชื่อพงษ์ศักดิ์ รักพงศ์ไพศาล อีกตู้ชื่อ ประชา มาลีนนท์ ส่งตำรวจ ทหารลงไปเป็นพันก็ยังหยุดยั้งพลังเงียบไม่ได้ พลังบริสุทธิ์ เหมือนพลังบริสุทธิ์ที่นั่งอยู่ในห้องนี้และที่อยู่ข้างนอก

สโรชา - หลังจากที่เลือกตั้งเสร็จแล้วผลออกมาเป็นอย่างนี้ ท่านนายกฯ บอกว่า ไม่เกี่ยวกับพรรคหรอก จริงๆ แล้วเลือกตั้งเขตมันเกี่ยวกับตัวบุคคลโดยตรงเลยค่ะคุณสนธิ

สนธิ - ก็เวลาเลือกเสร็จพอแพ้ก็พูดอย่างหนึ่ง ก่อนเลือกก็ดูถูกเหยียดหยาม เยาะเย้ยเขาไปตลอด ก็ผมพูดตั้งหลายครั้งแล้วว่านายกฯ คนนี้พูดวันนี้พรุ่งนี้ลืม ผมบอกมาตั้งนานแล้วคุณสโรชาก็ยังมัวแต่ถามว่า เขาพูดอย่างนี้ คุณก็รู้ เอ๊ะคุณนี่พวกใครกันแน่เนี่ย ที่มันกว่านั้นไม่มีใครรู้

สโรชา - ทำไมคะ

สนธิ - สิงห์บุรี สิงห์บุรีผมถือว่าไทยรักไทยแพ้ เพราะสิงห์บุรีเป็นสงครามระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับเสนาะ เทียนทอง นายพายัพ ปั้นเกตุ เป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิของเสนาะ เทียนทอง เป็น 1 ใน 61 เสียง ที่เซ็นชื่อร่วมสายคุณเสนาะ เทียนทอง ที่จะยื่นให้วุฒิสภาดำเนินการเรื่องคุณหญิงจารุวรรณ จำได้ไหม เสร็จเรียบร้อยแล้วโดนฝ่ายรัฐบาลบี้หนักให้ถอนชื่อ ถอนไปเยอะ ยกเว้นนายพายัพ ปั้นเกตุ นายพายัพ ปั้นเกตุ พูดเสียงดังฟังชัด บอก "คนเดียวที่สั่งผมถอนได้ชื่อเสนาะ เทียนทอง" ปรากฏว่านายพายัพก็เลยยับไปเลย โดน กกต.สั่งให้ใบแดง ใบเหลืองทันทีเพื่อเลือกตั้งใหม่ เห็นไหม นี่คือผลของการไม่เชื่อฟัง เพราะฉะนั้นก็เลยมีการต่อสู้กัน จริงๆ ที่สิงห์บุรีเป็นการสู้กันระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และก็ เสนาะ เทียนทอง ถ้าคุณสโรชา ท่านผู้ชม สังเกตกระบวนการ จะเห็นว่าในการหาเสียงนั้น นายกฯ ขึ้นไป อ้างนโยบายไทยรักไทย เสนาะ เทียนทอง ไม่สนใจเลย ไม่อยู่ พอนายกฯ ไป เสนาะขึ้น เสนาะพูดอย่างไรรู้ไหม ไม่พูดถึงไทยรักไทย ไม่พูดเรื่องนโยบาย พูดแต่ "รักเสนาะให้เลือกพายัพ" แล้วก็ชนะ ผมถือว่างานนี้แพ้ แพ้อุทัยฯ แพ้สิงห์บุรี โดนจระเข้คาบไปที่พิจิตร นะครับ เดิมทีนึกว่าจะเป็นไกรทองไฮเทค ปรากฏว่า 3 แห่ง ซึ่งเป็นต่างจังหวัด ขวัญเสีย ขวัญเสียมากๆ พอขวัญเสียแล้ว ความที่โทรทัศน์ไปออกตอนนั้น ก็เลยฝืนยิ้มแสดงความเป็นน้ำใจนักกีฬาออกมา นะครับ อ้างโน่น อ้างนี่ บอกไม่เป็นไร แต่ว่าไฟมันสุมทรวง นอกจากละครเพลิงริษยาแล้ว ยังเป็นละครเรื่อง "เพลิงสุมใจ" ไประบายเอาที่นครสวรรค์ ไประบายเอาที่นครสวรรค์ ตัวตนที่แท้จริงก็เลยออกมาให้เห็นหมดเลยตอนนั้น นั่นคือสิ่งที่มาของคำพูดที่พูดอันนี้ ซึ่งผมถือว่าใช้ไม่ได้ ประเทศไทย ผมถามคำสิ ถ้าอย่างนั้นแล้วจังหวัดพิจิตร 24,000 เสียง ที่เลือกไทยรักไทย คุณจะไม่เอางบประมาณไปลงให้เขาหรือไง คุณจะลงโทษเขาหรือไง มิน่า ใต้ 3 จังหวัดไม่เคยสำเร็จสักที มันแก้ไม่ได้ก็เพราะว่าเขาไม่สนใจมันไง เห็นหรือยัง

สโรชา - เพราะไม่ได้เลือก

สนธิ - เพราะฉะนั้นแล้ว จังหวัดภาคใต้ถึงไม่มีการพัฒนา แล้วก็บอกว่า ไม่มีเวลาลงไปดู เพราะว่าเขาทำงานหนัก เขาต้องลงไปทีละจังหวัดๆ ผมก็เลยบอกว่า ไอ้สื่อมวลชนที่ไปเชิดชูว่าเขาบริหารเก่งนี่ มันโง่ทั้งนั้น เพราะคนที่บริหาร เพราะภาพสะท้อนแบบนี้ไม่ใช่ภาพการบริหารงานเป็น เป็นภาพของการรวบอำนาจในลักษณะเถ้าแก่ ถ้าจะเป็นเถ้าแก่ในชินวัตรไม่เป็นไร แต่จะมาเป็นเถ้าแก่ในประเทศไทยของพวกเรา ทำไม่ได้

สโรชา - คุณสนธิ ลืมทักคุณธนาค่ะ

สนธิ - ใครนะฮะ

สโรชา - คุณธนา

สนธิ - คุณธนาครับ สวัสดีครับคุณธนา ผมยังมีความสุขสบายอยู่ คือผมคิดว่าท่านนายกฯ ท่านทำผิดรัฐธรรมนูญหลายข้อเหลือเกิน หลายๆ ข้อ ข้อที่สำคัญที่สุดก็คือ  เขกกะบาลตัวเองไปหรือยังที่หลงไปเลือกเขา แต่ผมไม่ได้เลือกนะ คือกระบวนการที่เดินทางไปไหนมาไหนทั้งของเขาทั้งลูกน้องเขา มันไม่ได้เป็นกระบวนการที่แสดงให้เห็นเลยว่า เขากำลังทำงานให้ประชาชน แล้วมันไม่ได้เป็นกระบวนการที่แสดงให้เห็นว่าประชาชนรักเขา ตรงนี้น่ากลัวมาก เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อท่านนายกฯ ท่านมาแบ่งแยกดินแดนด้วยวิธีการ ใครเลือกไทยรักไทยก็จะเอางบประมาณลงก่อน เพราะท่านบอกท่านเวลามีไม่มาก ก็ผมไม่ได้ให้ท่านลงไปทุกจังหวัด ท่านก็จัดสรรงบประมาณให้ทุกจังหวัดตามลักษณะที่ผู้ปกครองแผ่นดินควรจะทำ ไม่ใช่ท่านไปแบ่งแยกเขา ข้อที่ 2. พอเขาไม่เลือกท่านท่านก็มาแบล็คเมล์เขา นี่ขบวนการแบล็คเมล์แท้ๆ เลยงานนี้ ข้อที่ 3. เอามีดจี้คอประชาชนเป็นตัวประกัน เพราะฉะนั้นแล้วท่านพูดได้อย่างไรว่าท่านจะมีสมาร์ทการ์ดให้สมาชิกพรรคไทยรักไทย สมาชิกพรรคไทยรักไทยถ้าเป็นสมาร์ทการ์ดแล้วถ้าหน่วยงานราชการคนไหนไม่สามารถทำงานตอบสนองสมาชิกพรรคไทยรักไทยก็สามารถจะร้องเรียนได้ทันทีเลย แล้วคนไม่ได้ถือสมาร์ทการ์ดเป็นพลเมืองชั้น 2 หรืออย่างไร นี่คือ กบฏแบ่งแยกดินแดน คุณสโรชา ท่านนายกฯ ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 1 รัฐธรรมนูญมาตรา 1 ตราไว้ชัดเลยว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะแบ่งแยกมิได้ ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 30 วรรค 3 การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมือง อันไม่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญจะกระทำมิได้ คนที่ไม่เลือกพรรคไทยรักไทยเขามีความคิดเห็นต่างจากท่านแต่เขาได้รับการปกป้องในรัฐธรรมนูญมาตรา 30 วรรค 3 ผมจะถามท่านกลับว่า ท่านเคารพในรัฐธรรมนูญไหม พอพูดอย่างนี้ท่านก็บอกว่า ไปอ่านหนังสือใหม่ไป ไปอ่านหนังสือใหม่ไม่เข้าใจ มีท่านเข้าใจอยู่คนเดียว พุทธศาสนาท่านก็เข้าใจอยู่คนเดียว อิสลามท่านก็เข้าใจอยู่คนเดียว ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ท่านไม่เข้าใจ คุณสโรชา คนเราชีวิตเคยทำงาน สมมุติว่า ชีวิตคนคนหนึ่งเคยทำงานเป็นคนเชียร์แขกตั้งแต่หนุ่มจนถึงแก่ มันก็จะติดนิสัยเชียร์แขก คุณเข้าใจไหมคำว่า เชียร์แขก

สโรชา - เข้าใจค่ะ

สนธิ - เข้าใจใช่ไหมแสดงว่าแฟนคุณคงเล่าให้ฟังใช่ไหม

สโรชา - ว้าย ตาย ตาย

สนธิ - ทีนี้ท่านนายกฯ ท่านติดนิสัยโปรโมชั่น คือท่านบริหารเอไอเอส คือเอไอเอสมันโปรโมทตลอดเวลา โปรโมชั่นเยอะเหลือเกิน

สโรชา - มาร์เก็ตติ้งเน้น

สนธิ - ก็เลยมีลด แลก แจก แถมต่างๆ ทีนี้มันก็เลยเข้าไปในคอนเซ็ป คือ ซื้อสินค้า ถ้าซื้อมาก หมายความว่า เลือกพรรคไทยรักไทยมากๆ ร่วมมือภาครัฐก็จะได้โปรโมชั่น เห็นไหมโปรโมชั่นที่บอก ไม่ซื้อสินค้าเขา ไม่เลือก ส.ส.ไทยรักไทย ไม่ร่วมมือก็ไม่ได้โปรโมชั่น คือท่านมองทุกอย่างเป็นเรื่องการตลาดไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อท่านเอาเงินมาล่อประชาชนให้เข้ามาหา หรือไม่ก็เอา คล้ายๆ คนเมายาบ้า เอามีดจี้คอประชาชนเป็นตัวประกัน เหมือนกันเป๊ะเลยไม่มีผิดเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ผมว่าท่านเมาอำนาจมากกว่า คุณไม่พูดมั่งเลยหรือนี่ หรือว่าคุณกลัวจะโดนเป็นจำเลยอีกคดีหนึ่ง

สโรชา - ไม่ดิฉันกำลังจะบอกว่า ทีมงานฝากมาบอกนะคะว่า ตอนนี้ฝนตก เพราะฉะนั้นช่วงเบรค ปกติจะออกไปยืดเส้นยืดสายกันขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งออกไปนะคะ

สนธิ - ตกหนักไหมครับ

สโรชา - คงจะหนักมั๊งคะ ทีมงานหนักไหมคะ หนักนะคะ

สนธิ - สงสัยจะโดนเวทมนต์ของไอ้ห้อยมัน

สโรชา - 125 เสียงค่ะคุณสนธิ

สนธิ - อะไรครับ

สโรชา - 125 เสียงของฝ่ายค้านที่ได้มา ต้องถามแน่นอนอยู่แล้วว่ามีความหมายไหม หรือว่าจริงๆ แล้วก็

สนธิ - ไม่มีความหมายเลย เพราะว่า 2 เสียง ของพรรคมหาชนนั้น เหมือนกับเป็น 2 เสียงให้เช่า จริงๆ ฮะ เหมือน คล้ายๆ รถเช่าไง คล้ายๆ ซิมการ์ดเติมเงินไง

สโรชา - ยังไงคะ ใครจะจ้างไปไหน หรือใครจะ

สนธิ - ก็เติมเงินไง

สโรชา - ใครเป็นคนเติมเงิน ก็

สนธิ - เอาซิมการ์ดไปเติมเงิน พอเติมเงินก็โทรเบอร์คนนั้น ใช่ไหม ผมถึงบอกว่า จริงๆ แล้วปัญหาเรื่องของทางการเมืองมันแก้ไม่ได้หรอกท่านผู้ชม มันต้องแก้รัฐธรรมนูญ มันต้องเปลี่ยนรัฐธรรมนูญนี้เสียใหม่ มันต้องเปลี่ยนจริงๆ มันไม่เปลี่ยนไม่ได้ เพราะว่ามันยังไงก็ตามมันถึงทางตันไปหมดแล้ว ผมพูดตั้งไม่รู้กี่ครั้ง คุณสโรชา เราเคยคุยกันเรื่องอำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจตุลาการ วันนี้มีอีกอำนาจหนึ่ง คืออำนาจองค์กรอิสระ อำนาจบริหารเป็นเจ้าของอำนาจนิติบัญญัติ มีอยู่ 377 เสียง ครอบงำอำนาจของวุฒิสภา ใช่ไหมฮะ วุฒิสภานี่เห็นได้ชัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลาออก ถอนตัวจากการคัดสรรเลือกตั้ง

สโรชา - ป.ป.ช.

สนธิ - ป.ป.ช. ท่านประธานวุฒิสภาท่านก็น่ารัก ท่านก็บอกว่า โอเค ถือว่าไม่ได้ลาออกแล้วกัน ให้เลือกต่อไปเลย ทันที รวดเร็วทันใจ

สโรชา - ก็เหลือแค่ 17

สนธิ - เหลือแค่ 17 ก็ยังทำต่อ ไม่ผิด เขาถือว่าไม่ผิด แต่ทีเรื่องของคุณหญิงจารุวรรณ มันยื้อแล้วยื้ออีก ยื้อแล้วยื้ออีก เขาด่ากันทั่วเมืองมันก็ไม่สนใจ เหตุผลก็เพราะว่าเขาต้อง เขาล็อกที่นั่งของ ป.ป.ช.เอาไว้เรียบร้อยหมดแล้ว 9 ที่นั่ง มีคนหนึ่งเป็นน้องสาว เป็นพี่สาวของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนดูแลทรัพย์สินของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร คนๆ นี้ทำงานอยู่กรมศุลกากร และมาประจำสำนักนายกฯ ก็เลยได้รางวัลในการเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งๆ ที่ในการเลือกนั้นได้คะแนนโหล่ที่สุด แต่เวลาคัดเข้าไปปรากฏว่าคะแนนการคัดยังชนะอดีตอัยการสูงสุด คุณภัมภีร์ ได้ คุณคัมภีร์ก็ตกมา ทั้งที่ความสามารถคุณคัมภีร์สูงมากเลยนะฮะ ทีนี้ ป.ป.ช.มีความหมายยังไง คุณสโรชา ป.ป.ช.คือด่านแรกของกับดักในเรื่องของการตรวจสอบทุจริต เรื่องที่ค้างอยู่ ป.ป.ช.นี่เต็มไปหมดเลย เรื่องซีทีเอ็กซ์เอย คือเรื่องทุกเรื่องส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับรัฐบาลชุดนี้ทั้งนั้น ทีนี้กระบวนการของรัฐธรรมนูญก็คือ เมื่อ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วว่ามีความผิด ก็ต้องส่งต่อไปที่

สโรชา - ตุลาการ

สนธิ - ศาลฎีกาแผนกนักการเมือง

สโรชา - อ่ะใช่

สนธิ - ซึ่งตั้งแต่ศาลฎีกาแผนกนักการเมืองทำงานมา เพิ่งจะลงโทษนักการเมืองได้คนเดียว คือนายรักเกียรติ สุขธนะ ซึ่งดำเนินการมาตั้งนาน ตั้งแต่สมัยพรรคประชาธิปัตย์ แปลว่าอะไร แปลว่าถ้า ป.ป.ช.มาในรูปแบบนี้ ศาลฎีกานักการเมืองจะนั่งตบยุงไปจนกระทั่ง ป.ป.ช.ชุดนี้หมดอายุ

สโรชา - 9 ปีนะคะ

สนธิ - 9 ปี เพราะว่าไม่มีคดีส่งขึ้นมา

สโรชา - เรื่องของคุณหญิงจารุวรรณ นี่ ตอนนี้กลับไปที่ คตง.แล้วนะคะ

สนธิ - กลับไปอีก ไม่จบ เห็นไหม เรื่องพวกนี้มันไม่จบ อะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชนโดยส่วนรวมจะไม่จบ แต่อะไรถ้าเป็นประโยชน์กับพวกตัวเอง จะหน้าด้านทำกันตลอดเวลาโดยที่ไม่มียางอาย

สโรชา - พูดถึงเรื่องไม่มียางอาย เขาบอกว่า มีคนแจ้งมาว่าตอนนี้คลื่น 92.25 ไม่สามารถออกอากาศได้แล้วนะคะ

สนธิ - เพราะอะไรฮะ

สโรชา - ก็ 92.25 ค่ะ คุณสนธิ

สนธิ - อ๋อ เหรอฮะ คือมันเป็นยังไงอ่ะ ผมต้องพูดกับท่านผู้ชมนิดหนึ่ง อย่าเป็นพลังบริสุทธิ์โดยที่มาสนุกกับการตบมือแล้วก็เฮฮา ไปจุดเทียนต่อ ประเดี๋ยวก่อนเลิกผมจะแจกวีซีดีของครั้งที่แล้วให้ท่านคนละชุด แจกฟรี ไม่ได้ให้ท่านเอาไปขายต่อ แต่ว่าชุดนี้ เพราะท่านดูมาแล้ว ท่านเอาไปมอบให้คนอื่นที่เขายังไม่เคยดู ให้เขาดู อย่างน้อยที่สุดเขาดูแล้วก็ขอร้องเขา "เฮ้ย ดูเสร็จแล้ว ไรท์ต่อนะ ต่อไปเรื่อยๆ 1 ชุดท่านเอาไปให้เขาถ้ามันต่อไปจนถึง 20 ชุด 20 ชุด ชุดหนึ่งคงไม่ได้นั่งดูคนเดียว ชุดหนึ่งนั่งดูประมาณ 4-5 คน ก็เท่ากับ 1 ชุด สามารถไปได้ 100 คน วันนี้เรามากันหลายพันคนมันก็เป็นแสนคน ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ นั่นข้อที่ 1 ข้อที่ 2 ผมต้องกราบเรียนเคเบิลท้องถิ่นทั่วประเทศไทยว่า รัฐบาล กรมประชาสัมพันธ์ ตำรวจไม่มีสิทธิ์ไปสั่งท่านไม่ให้ท่านถ่ายทอดรายการนี้ เหตุผลเพราะว่าถ้าใครทำอันนี้ฟ้องศาลได้เลย เพราะว่าเขาผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 39 ผิดอย่างจังงัง อย่าไปโง่ให้เขาหลอก หัดรู้จักใช้รัฐธรรมนูญเป็นบ้าง ไปซื้อมาเลยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พลิกดูมาตรา 39 ตำรวจมาปั๊บยื่นให้ดูเลยว่า ผมทำตามรัฐธรรมนูญนี้ถ้าคุณสั่งผมไม่เป็นไร แต่ถ้าผมดำเนินคดีคุณแล้วคุณจะเข้าข่ายมาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เราต้องรู้จักใช้ของพวกนี้บ้าง

สโรชา - ใช่ค่ะ

สนธิ - ทีนี้มันมีปัญหา ทุกวันนี้วีซีดีออกมาอาทิตย์ละ 50,000 แผ่น ไม่มีเหลือ ผมอยากจะคิดว่าใครก็ตามต้องการจะเป็นคนรับวีซีดีไปแจกให้กับพรรคพวกเพื่อนฝูง คือรับไปเลย แต่ผมไม่ได้ให้ฟรีนะ ไม่ต้องซื้อผม ผมให้ไปก่อน แล้วอาทิตย์ที่ 2 พอมารับต่อค่อยเอาอาทิตย์แรกมาจ่ายคืน แฟร์ไหมครับอันนี้ พวกเราเป็นเอเย่นต์วีซีดีได้ เราไม่ได้ร่ำรวยจากตรงนี้ แต่เราต้องการเอาวีซีดีเปรียบเสมือนเทียนไขที่เราเอาไปต่อเอาไปต่อ อย่าลืมว่าพิจิตร พิจิตรกลับมาเข้าสู่วงการธรรมะอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ชาละวันหลงทางไปนาน ก็เพราะว่าวีซีดีพวกเรา ก็เพราะว่าสิ่งที่พวกเราทำอยู่ในที่นี้ นะคุณสโรชา

สโรชา - ค่ะ

สนธิ - เพราะฉะนั้นแล้วเรียนให้ท่านทราบนิดหนึ่ง ขออีกนิดหนึ่ง อีกนิด เรื่องการที่ท่านนายกฯ พูดจาแบบที่ไม่ได้ให้เกียรติประชาชน ผมอดไม่ได้ ทำไมผมถึงให้พวกเราทำสักการะบูชาให้พระเจ้าอยู่หัวฯ ตอนต้น เพราะว่าผมเห็นท่านนายกฯ ทำแบบนี้ผมอดคิดถึงพระเจ้าอยู่หัวฯ ไม่ได้ เพราะพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านรักพสกนิกรของพระองค์ท่านทุกๆ คน ไม่ว่าเชื้อชาติใด ศาสนาใด ท่านไม่สนใจหรอกว่าเป็นไทยรักไทย หรือประชาธิปัตย์ หรือมหาชน หรือพรรคชาติไทย พระองค์ท่านปกครองด้วยธรรม พระองค์ท่านไม่เคยแบ่งแยกประชาชน พระองค์ท่านเน้นการกระทำมากกว่าทฤษฎี พระองค์ท่านเน้นเรื่องเนื้อหามากกว่ารูปแบบ

สโรชา - ค่ะ

สนธิ - ใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อผม ผมอดทนไม่ได้ คือเมื่อผมอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบ ซึ่งไม่ควรจะเปรียบ ไม่ควรจะเปรียบ เพราะเหมือนกับเอากิ้งกือไปเปรียบกับห่านฟ้า แต่มันจำเป็นต้องชี้ให้ดู ผมก็เลยมีความรู้สึกว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้มีตัวอย่างที่ประเสริฐที่สุดแต่ไม่เคยเลียนแบบ ไม่เคยเดินตามรอยเท้าเบื้องพระยุคลบาท ไม่เคย ถามจริงๆ ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ วันนี้หนังสือพิมพ์มติชนลงข่าวหน้าหลัง บอกว่า หลวงตามหาบัวท่านเทศน์ใหม่ ท่านเทศน์ชมนายกฯ ทักษิณ จริงๆ แล้ว คนท่านถูกวางยา มีคนซึ่งใกล้ชิดท่านเข้าไปหาท่านบอกว่า เขาจะเข้าไปคุยกับนายกฯ นายกฯ นั้นมีโอกาสกลับตัวกลับใจแล้วเอาธรรมนำหน้า หลวงตาท่านบอก ก็ดี โดยพื้นฐานเขาเป็นคนดีอยู่แล้ว เขาเป็นคนทำงานดี ทีนี้คนซึ่งส่งข่าวมามันเจาะจงส่งเฉพาะตอนที่หลวงตาพูดตรงนี้ มันไม่ได้พูดบอกว่า เนื่องจากมันเข้าไปกราบหลวงตาแล้วบอกว่า มันต้องการจะมั่นใจว่าไปพูดแล้วนายกฯ จะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีของแผ่นดิน แล้วก็ทำคุณงามความดี ไม่ได้พูดตรงนั้น จู่ๆ เอามาก็เลยทำให้คนเข้าใจผิดไป คุณทองก้อนเพิ่งโทรศัพท์มาหาผมเมื่อเย็นนี้ก่อนออกรายการ บอก "หลวงตาทราบเรื่องระเบิด" หลวงตาบอก "ทองก้อน ให้ไปบอกสนธิ ว่าอย่าไปกลัว มากอดคอตายพร้อมหลวงตา"

สโรชา - เดี๋ยวเราคงจะพักกันแป๊บหนึ่งนะคะ แต่ก่อนพัก

สนธิ - นิดหนึ่ง

สโรชา - ยังมีอีกเหรอคะ

สนธิ - คุณมีเสื้อไหม

สโรชา - มีเสื้อมั้ยเหรอคะ มีที่ใส่อยู่

สนธิ - มันมีเสื้อตัวหนึ่งซึ่งผมอยากจะโชว์ท่านผู้ชมนิดหนึ่ง อีกสักนิดหนึ่งนะฮะ คุณสำราญรอสักครู่นะครับ มีไหมฮะเสื้อ อยู่ที่ไหน

สโรชา - ไม่ได้หยิบมา

สนธิ - อ๋อ เหรอ คือมันมีคนที่เขารักท่านนายกฯ ทักษิณ ที่เชียงใหม่ ชื่อ ส.ส.ปกรณ์ ทำเสื้อขึ้นมาตัวหนึ่ง เขียนว่า "เฮาฮักทักษิณ" ได้ข่าวว่าทำริสต์แบนด์เหมือนกันนะ ผมก็ฟังแล้ว ผมก็หดหู่ใจเหลือเกิน คือว่า คือผมอยากจะเดาว่าตัวเขาคงไม่รู้เรื่อง แต่พวกลิ่วล้อคงอยากจะทำอะไรที่จะคล้ายๆ ว่า คล้ายๆ ว่ากระแสมันเป็นอย่างนี้ต้องแสดงออกว่าคนเชียงใหม่นั้นรักท่านนายกฯ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าคุณคนเชียงใหม่รักจริงหรือเปล่า เพราะว่าผมก็ได้ข่าวจากคนเชียงใหม่เยอะ ชักชวนให้เราขึ้นไปจัดที่นั่น เสร็จเรียบร้อยแล้วก็บอกว่า ผมอยู่เชียงใหม่มาตั้งแต่กำปั้น จนกระทั่งผมอายุ 70 ปี ผมไม่เคยมีปีไหนที่มันมีอาเพศภัยเท่าปีนี้ ที่น้ำท่วมตั้ง 4-5 ครั้ง

สโรชา - ครั้งที่ 5 แล้วนะ น้ำท่วมครั้งที่ 5 แล้ว

สนธิ - 5 ครั้งที่ 5 คนเรานี่อย่าพูดในเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรเลย เราพูดถึงเพศภัย อาเพศนี่ จะดีกว่านะครับ พอก่อนแค่นี้ดีไหม

สโรชา - ก่อนที่จะเบรคนะคะ อยากจะทักทายคนข้างนอกนิดหนึ่งนะคะ เพราะถึงแม้ฝนจะตก ก็ยังยืนหยัดที่จะดูเราต่อไป ขอเสียงปรบมือดังๆ สักครั้งหนึ่งค่ะ คุณสนธิคะ ดิฉันมีแขกคนพิเศษมา คุณน้องคนนี้ที่กำลังจะเดินขึ้นมาบนเวที คือน้องคนเดียวกับที่ออกรายการ "สู้เพื่อแม่" ที่เราคุย

สนธิ - อ๋อ

พิธีกร - น้องมันแกวค่ะ ชื่อน้องมันแกว คุณสนธิให้น้องเขาร้องเพลงสักหน่อยดีไหมคะ

สโรชา - วันนั้นร้องว่าอะไรคะ

มันแกว - "นายกฯ ทักษิณ นายกฯ ทักษิณ เธอจะหลอกชาวบ้าน เราไม่รักทักษิณ เราไม่รักทักษิณ"

สนธิ - คุณธนา เด็กยัง 5 ขวบ นะฮะ อย่าเอาเป็นจำเลยเลย เด็กหญิงจิรัชญา ลอยธิพันธุ์ ชื่อเล่นชื่อน้องมันแกว อยู่โรงเรียนเลิศหล้า อนุบาล 3 นะครับ มาทำซีดีชื่อ "สู้เพื่อแม่" นะครับ แล้วเขียนบอกว่า "เป็นกำลังใจให้ค่ะ" ขอบใจมากจ้ะลูกเอ๋ย แล้วลุง ความจริงต้องเรียกปู่ได้นะ 5 ขวบใช่ไหม ลูกชายผมนี่ 31 ถ้ามันมีเมีย 26 มันก็มีลูก 5 ขวบ อ่ะเรียกปู่แล้วกัน หรือตา จะเอาปู่ หรือจะเอาตา หรือจะเอาลุง

มันแกว - เอาตา

สนธิ - เอาตา เอาไว้เดี๋ยวจะเก็บวีซีดีภาพถ่ายตรงนี้ให้ลูกเอาไว้เป็นที่ระลึก แล้วลูกต้องเชื่ออย่างนะพอลูกโตขึ้นแล้ว ลูกจะรู้ว่าลูกอยู่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของเมืองไทย ขอให้เชื่อเถอะ

สนธิ - ท่านผู้ชม ผมได้กราบเรียนท่านมาตั้งแต่เราเริ่มทำเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรที่ธรรมศาสตร์ ผมบอกว่า ผมก่อนออกจากบ้านผมจะบนบานศาลกล่าว ผมจะกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมจะขอพรจากองค์เทพที่พิทักษ์แผ่นดินไทยว่า ผมจะไปทำงานเพื่อเป็นยามของแผ่นดิน ขอให้ท่านผู้ชมที่มาในที่นี้จงปลอดภัย และขอให้คนที่ต้องการจะก่อกวนนั้นไม่สามารถก่อกวนได้ และขอให้ช่วยดูแลลมฟ้าอากาศให้ด้วย เมื่อกี้ผมเห็นฝนตก ผมก็ตกใจเพราะว่าเคยขอท่านทุกครั้งก็ได้ ผมเลยนึกว่าคงจะมีใครส่งเวทมนต์คาถามา แต่ปรากฏว่าพออกไปข้างนอกคนบอกว่า จริงๆ แล้วที่รัชดาฝนตกหนักฟ้ารั่ว หลายๆ จุด แต่เหมือนกับว่าฟ้าเปิดที่นี่ฝนตกแบบพรมน้ำมนต์ แล้วในที่สุดก็หยุดไปในขณะซึ่งรัชดาฝนยังตกหนัก ผมเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ผมเชื่อว่า ถ้าเราทำอะไรให้แผ่นดินนะคุณสโรชา

สโรชา - ค่ะ

สนธิ - ถ้าเราทำให้แผ่นดินสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครองเรา เพราะฉะนั้นแล้วผมพูดได้แค่นี้ครับ

สโรชา - เมื่อสักครู่นี้เราเดินออกไปทักทายคุณผู้ชมข้างนอก มีการล่ารายชื่อค่ะคุณสนธิ

สนธิ - อ๋อ

สโรชา - เขาล่ากันทำไมหรือคะ

สนธิ - คือ วันนี้ก็เตรียมมาเหมือนกัน คือมีการล่ารายชื่อให้ฟ้องร้องท่าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในกรณีของหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก็เอารูปขึ้นมาให้ดูหน่อยครับ คือเป็นรูปที่เราเคยเปิดให้ดูแล้วนะฮะ เป็นรูปที่เราเคยเปิดให้ดูนะฮะ ท่านผู้ชมโปรดสังเกตนะครับ ตำแหน่งที่นั่ง คือตำแหน่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เคยนั่งอยู่ นะครับ ช่วยเปิดรูปต่อไปฮะ นี่มาจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เห็นไหมฮะ ตอนที่สมเด็จพระบรมฯ ไปเป็นตัวแทนพระองค์ท่าน สมเด็จพระบรมฯ ยังต้องหลีกเลี่ยงในจุดที่พระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเคยประทับ ยังต้องหลบไปนั่งอยู่ริมๆ พระบัญชร เห็นไหมฮะ นี่คือที่ๆ เขาสงวนเอาไว้ แล้ววันนั้นในงานพิธี เป็นที่ๆ ตามรูปหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจนี่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั่งอยู่ตรงนั้น ก็ท่าน นี่คือการล่าลายเซ็นข้างนอก ซึ่งคนซึ่งรักชาติรักแผ่นดินกำลังทำกันอยู่นะครับ ก็พิจารณาเอาเอง เดี๋ยวจะหาว่าผมใส่ร้ายท่าน เดี๋ยวจะหาว่าผมใส่ร้ายท่าน นี่คือข้อเท็จจริง นี่คือความจริงในสังคมที่คนไม่เคยเห็น แล้ววันนี้เห็นกันแล้วทุกคน นะครับ ท่านเคยถูกถามเรื่องนี้ ท่านโกรธ ท่านตอบบอกว่า ทำไมจะต้องเรื่องมาก แค่ไปทำบุญธรรมดา มันไม่ใช่ทำบุญธรรมดา พระอุโบสถของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม คุณสโรชา เป็นสถานที่ที่เขาสงวนไว้ให้กษัตริย์ ในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์จักรี 200 กว่าปี เพิ่งจะมีคนๆ นี้แหล่ะที่เข้าไปนั่งทำพิธี เพราะฉะนั้นแล้ว ผมไม่อยากจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ ท่านทั้งหลายเป็นผู้มีปัญญา ท่านทั้งหลายเป็นผู้มีสติ ท่านย่อมรู้ซึ้งแก่ใจว่าอะไรควรหรืออะไรไม่ควร นะครับ เหมือนอะไรรู้ไหม อย่าว่าแต่เรื่องที่สูงแบบนี้เลย ลำพังเวลาเราอยู่บ้านนะ ถ้าเรารู้ว่าเก้าอี้ตัวนี้พ่อชอบนั่ง และนั่งประจำด้วยนะ เวลาเราจะนั่งเรายังต้องมองซ้ายมองขวาเลย เฮ้ย พ่ออยู่หรือเปล่า ถูกไหมล่ะฮะ นี่แค่ธรรมดานะ นี่แค่สามัญชนอยู่นะ ของแบบนี้จะอ้างไม่ได้ว่าไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นแล้วก็อยากจะบอกท่านผู้ชมเอาไว้นิดหนึ่งว่า เรื่องราวแบบนี้หนังสือพิมพ์เขาไม่ต่อสู้กันเดี๋ยวทุกคนถูกปิดปากหมด แล้วยังใส่รองเท้าอีกต่างหาก เห็นไหมครับ พวกเราเวลาเข้าโบสถ์วัดพระแก้วมีใครใส่รองเท้าบ้าง ผมว่าไปเรื่องอื่นที่เป็นสิริมงคลกว่านี้ แต่ว่าอยากจะฝากให้พ่อแม่พี่น้องประชาชน แล้วท่านผู้ชมให้ดูให้เห็นชัดๆ ท่านจะโกรธผมก็ให้โกรธไปเถอะไม่เป็นไร ท่านโกรธไปเถอะ ผมยอมให้ท่านโกรธ เพราะว่าเรื่องแบบนี้ผมยอมไม่ได้ ท่านจะโกรธ ท่านจะเกลียด ลูกน้องท่านคิดจะทำอะไรมิดีมิร้ายทำไปเลย เพราะว่าเรื่องนี้ต้องมีคนกล้าพูดไม่มีใครกล้าพูดมันจะเก็บอยู่ตลอดเวลา แล้วเราจะโง่ไปตลอดเวลา

สโรชา - ครั้งที่แล้วเราได้คุยกันเรื่องบีทีเอส 2,000 ล้าน ที่บอกว่า คุ้มไม่คุ้มก็ถกเถียงกัน แล้วคุณสนธิได้เปรียบกับเครื่องบินประจำตำแหน่งของท่านนายกฯ ที่เรียกกันว่า แอร์ฟอร์ซวัน แล้วได้พูดเลยไปถึงเครื่องบินพระราชพาหนะด้วย มีคนถามต่อค่ะคุณสนธิว่าความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นอย่างไร

สนธิ - คือพูดไปก็เหมือนกับไปกล่าวหาท่านอีก คือท่านนายกฯ คนนี้ท่านทำอะไรท่านไม่ค่อยคิดเลย เครื่องบินราชพาหนะของราชวงศ์มีอยู่ 2 ลำ ลำหนึ่งอายุ 23 ปีแล้ว ลำหนึ่งอายุประมาณ 18 หมดอายุแล้วครับ หมดอายุจนกระทั่ง สมเด็จพระเทพฯ เวลาเสด็จบางครั้งพระองค์ท่านต้องนั่งเครื่องบินลำเลียงทหาร ซี-130 ทีนี้คนเคยถามว่า เมื่อไรจะซื้อเครื่องบินพระราชพาหนะให้กับพระเจ้าอยู่หัวฯ พระนางเจ้าฯ สักที ปี 2546 เขาบอกว่า เขาไม่มีงบ งบประมาณไม่มี แต่เขาบอกงบประมาณไม่มีเป็นเครื่องบินราชพาหนะ แต่เขาดันมีมติ ครม.จัดซื้อเครื่องบินลำเลียงขนาดกลางมาใช้ เป็นเครื่องบินแอร์บัส 319 ACJ ซึ่งมาก่อน

สโรชา - ในปีเดียวกันนะคะ

สนธิ - ในปีเดียวกัน ที่บอกงบประมาณซื้อให้กับพระเจ้าอยู่หัวฯ ไม่มี แล้วที่สำคัญคือว่า ดันไปเอาเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์พูม่า 2 ลำ ซึ่งเป็นเครื่องบินพระราชพาหนะสมัยก่อน สมัยก่อนมี 3 ลำ ตกไป 1 ลำ จำได้ไหมที่ผู้ที่รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทพระราชินีเสียชีวิต พระราชินีก็เสียพระทัยมากเลยไม่ใช้เฮลิคอปเตอร์นี้ รัฐบาลฉลาดเอา 2 ลำนั้นไปแลกแล้วแถมเงินเข้าไปเอาเครื่องบินมาเพื่อที่จะให้เป็นเครื่องบินใช้ของตัวเอง นั่นคือที่มาของเครื่องบินไทยคู่ฟ้า ที่นี้พอเรามาดูว่า มันจำเป็นแค่ไหนที่ต้องใช้เครื่องบิน เราแยกประเด็นของ ทีเครื่องบินพระราชพาหนะคุณบอกงบไม่มี ทีเครื่องบินที่คุณจะนั่งกันเองคุณบอกมี เราแยกประเด็นนั้นทิ้งไป เรามาดูลักษณะเศรษฐกิจพอเพียงที่พระเจ้าอยู่หัวฯ เคยพูดให้พวกเราฟัง พระเจ้าอยู่หัวฯ พูดว่า เศรษฐกิจพอเพียงเริ่มต้นด้วยคำว่า จำเป็นหรือไม่ ข้อแรกตอบคำถามนี้ก่อนว่าจำเป็นหรือไม่ ก็ถามว่า นายกรัฐมนตรีในอดีตเวลาเขาเดินทางไปต่างประเทศเขายัง ถ้าจำเป็นที่สุดเขาก็บินเหมาลำเครื่องบินการบินไทยไป เขาอาจจะบินไปที่มหานครนิวยอร์ก แล้วในประเทศนิวยอร์ก ในประเทศอเมริกาถ้าเขาจะบินต่อไปเมืองต่างๆ เขาจะเช่าเครื่องบินส่วนตัวบินไป ใช้เป็นครั้งๆ ไป ทีนี้คุณชวนก็เช่าเครื่องบิน คนโน้นคนนี้ก็เช่าเครื่องบิน ญี่ปุ่นรวยกว่าเรากี่ร้อยเท่ามันยังเช่าเจแปนแอร์ไลน์เลย แล้วเราอวดดีขนาดไหน ทีนี้ถ้าท่านนายกฯ ใช้เงินชินคอร์ป หรือเอไอเอส ซื้อเครื่องบินส่วนตัวไม่มีใครว่าสักคำเลย ไม่มี จะซื้อให้เมียนั่งลำหนึ่ง ซื้อให้ลูก 3 คน นั่งคนละลำ ซื้อให้ท่านนั่งลำหนึ่ง ซื้อให้คุณเนวิน ชิดชอบ นั่งอีกลำหนึ่ง วิษณุอีกลำหนึ่ง ผมก็ไม่ว่า ผมจะไม่อิจฉาบุญวาสนาที่พวกท่านมีกันหรอก แต่เผอิ๊ญ เผอิญ ไอ้ความจำเป็นที่จะต้องซื้อเครื่องบินลำนี้มันไม่มี มันไม่มี สมัยก่อนนายกรัฐมนตรีเขาเดินทางในประเทศเขาเดินทางกันอย่างไร ประการแรก เขาก็จะเดินทางสายการบินแห่งประเทศ ก็คือสายการบินไทย ประการที่สอง ถ้าจำเป็นต้องไปจริงๆ เขาจะสั่งเครื่องบินตำรวจ แล้วสอง เขาสั่งเครื่องบินกองทัพอากาศ ถ้าจำเป็นจริงๆ เขาก็นั่งเครื่องบินลำเลียง ซี-130 ใช่ไหมฮะ ถ้าพระเทพฯ นั่งซี-130 ได้ นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นคนเชียงใหม่ ทำไมจะนั่งซี-130 ไม่ได้ คือพูดถึงความจำเป็นก็ไม่จำเป็น แล้วขอประทานโทษที่ต้องเอ่ยชื่อ คือ นายวิษณุ เครืองาม นายคนนี้ ผมคิดว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด คณะกฎหมาย ต้องเชิญไปเป็น "ศาสตราจารย์โคตรพิเศษ" เพราะทำไมรู้ไหม เพราะสามารถหาความชอบธรรมในเรื่องกฎหมายทุกเรื่องที่นายกฯ คนนี้จะทำได้หมด ตอบว่าอย่างไรรู้ไหม ตอบว่า "เครื่องบินนี้ซื้อเอามาใช้ในราชการ และขณะเดียวกันเป็นเครื่องสำรองพระราชที่นั่ง" คุณพูดออกมาได้อย่างไร ตอบมาอย่างนี้เลย ตอบมาอย่างนี้ หลักฐานมีอยู่ตลอดเวลา ผมถึงบอกว่า เรื่องแบบนี้มันอึดอัดใจ มันนอนไม่หลับตอนกลางคืน มันพูดกับตัวเองว่า "ไอ้สนธิ มึงนี่เสียชาติเกิด ถ้ามึงไม่ออกมาพูดเรื่องนี้บ้าง มันไม่ไหว"

สโรชา - ไม่ไหว

สนธิ - มันไม่ไหวจริงๆ คือมันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงกันเลยแม้แต่นิดเดียวนะครับ คือเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยาว แต่ว่าไม่อยากจะพูดถึงเรื่องเทคนิค ในเครื่องบินลำนี้มีห้องอาบน้ำให้กับนายกรัฐมนตรีนะ นี่เรื่องจริง

สโรชา - คืออยู่ได้เลยใช่ไหมคะ

สนธิ - มีอยู่เลยในนั้น มีห้องอาบน้ำในนั้น ไปดูได้เลย ทำไมถึงไม่ยอมให้สื่อมวลชนขึ้นไปดูเสียทีล่ะ อายไปทำไม ก็ถ้ากล้าพอที่จะซื้อก็ต้องหน้าด้านพอที่จะให้คนไปดูได้ คือคนที่จัดการเรื่องนี้ เอาเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ไปแลกเอาเครื่องบินมา ชื่ออะไรรู้ไหม ให้ทาย พลอากาศเอก คงศักดิ์ วันทนา คู่เขยเขา และนี่คือที่มาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

สโรชา - ท่าน มท.1 ของเรานี่นะคะ

สนธิ - ท่าน มท.1 คนนี้แหล่ะ ได้ดิบได้ดี ตอนนั้นจำได้ไหม เอานายกฯ ขึ้นบินเอฟ-16

สโรชา - จำได้

สนธิ - เอฟ-16 แล้วก็มีเครื่องบิน เอฟ-16 ขับไล่ 4 ลำ บินประกบคุ้มกันให้เกียรติ คงลืมไป ลืมไปว่าตัวเองเป็นแค่นายกรัฐมนตรี นี่แหล่ะคือคุณคงศักดิ์ วันทนา คนที่เสนอการแก้ปัญหาใต้ด้วยการติดยูบีซีทางภาคใต้ คนที่แก้ปัญหาใต้แล้วก็บอกว่า 90 วัน ซึ่งผ่านไปแล้วเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

สโรชา - ผ่านไปแล้วค่ะ

สนธิ - ว่าจะเรียบร้อย มันมีอะไร ดีเอ็นเอเหมือนๆ กันหลายอย่าง ซึ่งผมไม่เข้าใจ มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เพราะฉะนั้นแล้ว คุณสโรชา เรื่องนี้มันเป็นเรื่องซึ่ง ยืนยันอีกครั้งว่า ไทยคู่ฟ้ามีไว้ใช้สำหรับภารกิจนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเท่านั้น เท่านั้นเอง แล้วเขาก็บินตลอด คือในประเทศที่เจริญแล้วในโลกนี้จะมีเครื่องบิน ประเทศที่มีเครื่องบินส่วนตัวให้กับผู้นำประเทศมีอยู่ 2-3 ประเทศเอง คุณรู้ไหม ท่านผู้ชมรู้ไหม อังกฤษยังไม่มีเลย มีอยู่ครั้งหนึ่งโทนี แบลร์ คิดจะซื้อเครื่องบินประจำตำแหน่ง โดนหนังสือพิมพ์อังกฤษมันด่าซะเสียผู้เสียคนเลย ก็เลยไม่กล้าซื้อ เพราะว่าราชินีควีนอลิซาเบธยังไม่มีเครื่องบินส่วนตัว เพราะฉะนั้นแล้วเห็นหรือยังว่า อำนาจของสื่อมวลชน ถ้าเราให้สื่อมวลชน ไม่ปิดปากสื่อมวลชน ให้เสรีภาพ เราจะได้ข่าวรอบด้าน แล้วเราไม่ใช่กินแกลบ เราอ่านแล้วเราวิเคราะห์เราจะรู้ว่าใครพูดจริงไม่จริง ทีนี้พออำนาจสื่อมวลชนมามีแต่ว่าข่มขู่ เสร็จเรียบร้อยแล้วทางโทรทัศน์ก็ปิดปากประชาชนไปหมดทุกอย่าง เอาเฉพาะด้านของตัวเองทั้งหมด เราก็เลยกลายเป็นคนซึ่งปัญญาอ่อนไปเลยทั้งๆ ที่พวกเรามีปัญญากันทุกคน นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องมานั่งจุดเทียนเสริมปัญญากันที่นี่

สโรชา - คุณสนธิพูดถึงเรื่องความจริง ความเท็จ ต้องเข้าเรื่องของคุกลับแล้วหละ เพราะว่าวอชิงตันโพสต์ได้พาดหัวหน้า 1 แล้วว่า สหรัฐอเมริกาไปมีคุกลับไว้ในประเทศต่างๆ เพื่อจะไปคุมขังนักโทษ ผู้ก่อการร้าย และที่เนมมาจากทั้งหมด 8 ประเทศ ในรายชื่อทั้ง 8 ประเทศ มีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย จริงๆ แล้ววอชิงตันโพสต์ไม่ใช่ที่แรกที่เคยรายงานเรื่องนี้ เอเชียไทมส์ออนไลน์ เป็นสำนักข่าวที่เน้นข่าวเจาะลึกเกี่ยวกับด้านภูมิภาคนี้ คือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เคยลงไว้ตั้งแต่เดือน ก.ค. วันที่ 20 ก.ค. 2547 คือ กลางปีที่แล้ว และได้พูดไว้อย่างชัดเจนว่า สหรัฐฯ มีที่คุมขังนักโทษในประเทศต่างๆ รวมไปถึงอัฟกานิสถาน ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ อียิปต์ และไทยแลนด์ อย่างชัดเจน คราวนี้อ่านแล้ว อ่านวอชิงตันโพสต์แล้วก็ย้อนมาที่ทางการไทยที่ออกมาปฏิเสธกันหลายต่อหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็นท่านนายกฯ ท่านโฆษกรัฐบาลก็ออกมาปฏิเสธ รวมไปถึงอดีต มท.1 ในช่วงที่เขาบอกว่ามีคุก คือท่านโภคิน ก็ออกมาปฏิเสธเช่นเดียวกัน ต้องถามต่อว่า มันมีมูลหรือไม่

สนธิ - ข่าวอันนี้เขาลงตั้งแต่ปี 2547 ก.ค. คือเขาไปจับผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งชื่อ เนค Net ซึ่งตายไปแล้ว และผู้สื่อข่าวชื่อ ไซเง็ก อะไรนะครับ

สโรชา - ซาลีม ชาร์ลซัด

สนธิ - ซาลีม ชาร์ลซัด ซึ่งเป็นคนปากีสถาน เป็นผู้สื่อข่าวเอเชียใต้ ของหนังสือพิมพ์เอเชียไทมส์ ออนไลน์ หนังสือพิมพ์เว็บไซต์ ซึ่งมีคนอ่านวันละ 400,000 คนทั่วโลก และเป็นเว็บไซต์ที่องค์กรระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศทุกแห่ง ตลอดจนซีไอเอ เอฟบีไอ เอ็มไอ 5 เอ็มไอ 6 ของอังกฤษ อ่านเพื่อหาข้อมูล เขาลงมาตั้งปีกว่าแล้วว่าเจ้าหน้าที่ของซีไอเอ บอกว่า มีคุกซึ่งอยู่ตามที่ต่างๆ มีที่อียิปต์ ปากีสถาน แล้วก็เอ่ยชื่อประเทศไทยด้วยว่ามีอยู่แล้ว ผมเคยพูดเรื่องสนามบินอุดรฯ ครั้งหนึ่ง ปรากฏว่า ถ้าผมจำไม่ผิด ผมเคยพูดหรือไม่คุณสโรชาว่า มีการกว้านซื้อที่ดิน 2,000-3,000 ไร่ ที่ จ.อุดรธานี เพื่อจะมาสร้างสถานีส่งวิทยุเสียงอเมริกา คือผมบอว่า วิทยุส่งเสียงอเมริกา วิทยุคลื่นหนึ่งมันตั้งเสาให้ตายก็ไม่จำเป็นต้องใช้ถึง 2,000-3,000 ไร่นี่หว่า ใช้ไปทำไมเยอะแยะไปหมด ผมเลยตั้งข้อสังเกตว่า จากพื้นฐานของข้อมูลของเอเชียไทมส์ออนไลน์ ซึ่งลงตั้งแต่ปีที่แล้วนะไม่ใช่ปีนี้นะ ปีที่แล้วนะ เป็นไปได้ไหมว่าคุกอันนี้อยู่ที่อุดรธานี ทีนี้ผมไม่ขัดข้อง จะทำอะไรก็ตาม จะตรวจสอบผู้ก่อการร้าย จะจับผู้ก่อการร้ายอย่างไรก็ตาม ผมไม่ขัดข้อง แต่ผมรู้สึกว่าประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ร่ำรวย เมื่อจับผู้ก่อการร้ายได้ ทำไมไม่เอาผู้ก่อการร้ายใส่เครื่องบิน แล้วก็บินกลับไปเช็กที่อเมริกา หรือว่าไปปากีสถาน ประเทศเขา ทำไมต้องมาสอบที่เมืองไทย เรานี่ไม่ควรที่จะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ลำพังปากนายกฯ อย่างเดียวก็ทำให้ภาคใต้เรานี่แทบตายอยู่แล้ว ยังจะต้องมารองรับอารมณ์ของพวกผู้ก่อการร้ายที่จะบอกว่าประเทศไทยหรือตัวดี ประเทศไทยนี่หรือตัวดี ดันมาให้อเมริกาตั้งคุกสอบสวนพวกเขาอีก ผมไม่ต้องการให้สถานภาพนี้เกิดขึ้นนะฮะ ตรงนี้ผมเป็นห่วงมาก แน่นอนที่สุด ซีไอเอมันจะไปยอมรับได้อย่างไรว่ามี มันไม่เคยยอมรับ เหมือนสมัยหนึ่ง สมัยผมหนุ่มๆ ผมทำข่าวอยู่ที่หนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย ตอนนั้นเขมรแตก เวียดนามแตก เรานี่เป็นจุดผ่านส่งอาวุธจากประเทศจีนให้กับพวกเขมรแดง เรานี่เอารถบรรทุกขนอาวุธ ซึ่งประเทศจีนส่งมา แล้วข้ามไปทางอรัญประเทศ ปราจีนบุรี เพื่อส่งให้เขมรแดง ผมเป็นคนถ่ายรูปไอ้รถสิบหกล้อเองว่า นี่ล่ะคือรถขนอาวุธ และก็เปิดมาเห็นมีลังอาวุธ พลเอก ชาติชาย ยังออกมาปฏิเสธหน้าตาเฉย จนกระทั่งเหตุการณ์สงครามยุติลงแล้ว เป็นที่ยอมรับว่าประเทศไทยคือทางผ่านการขนอาวุธ เพราะฉะนั้นแล้วคุณโกหกใครคุณโกหกได้ แต่ว่าคุณโกหกคนซึ่งทำข่าวมา 30 ปี อย่างผมนี่ คุณโกหกไม่ได้หรอก งานนี้ผมเรียนให้ทราบก่อนว่า ผมไม่ได้ติดใจ อเมริกาจะจับผู้ก่อการร้าย จับไปเถอะ แต่ว่าขนกลับไปตรวจสอบที่อื่นได้ไหม อย่ามาสอบที่นี่ อย่ามาใช้พื้นที่บ้านเราสอบที่นี่ แม้กระทั่งเรื่องของการให้เช่าสนามบินอุดรฯ ถ้าไม่ใช่ผมเป็นคนเปิดขึ้นมา ไม่เถียงกันในวงการหรอก ทุกวันนี้ก็ยังพูดจาตะกุกตะกักเรื่องสนามบินอุดรฯ ผมพูดไปหลายครั้งนี่ไม่เคยมีใครตอบโต้ผมสักครั้งเลย ดีแต่ออกมาตวาดผมผ่านหนังสือพิมพ์ ผ่านโทรทัศน์ ชอบใช้เหลือเกิน 3, 5, 9, 7 11 แล้วก็ทีวีของไอ มาเล่นงานผม แต่ว่าเวลาผมสวนกลับบ้างไม่เคยตอบสิ่งที่ผมสวนกลับ ชอบเหลือเกิน เพราะฉะนั้นแล้วผมถึงบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัว อีกเรื่องหนึ่ง นิดหนึ่ง ก่อนที่เราจะเข้าเรื่องใหญ่ ผมมีความเป็นห่วงมากครับ ผมคิดว่าหลายๆ คนที่รู้เรื่องข่าวกรองนี้ ก็ต้องเป็นห่วง ผมจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่ง ผมนี่เป็นนักประวัติศาสตร์ ผมอ่านข่าว ผมศึกษาประวัติศาสตร์ ผมดูเรื่องราว กระบวนการที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น มีส่วนละม้ายคล้ายคลึง หรือที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่าเป็น Pattern กับสิ่งที่เกิดขึ้นในฟิลิปปินส์และในอินโดนีเซีย มันเกิดขึ้นอย่างไร มันเกิดขึ้นโดยที่มันเกิดขึ้นจากจุดเล็กๆ ฟิลิปปินส์มันเกิดที่มินดาเนา แล้วมันขยายไปเรื่อยๆ แล้วมันเข้าไปสู่มะนิลา อินโดนีเซียมันเกิดที่กลุ่มเกาะโซโล ที่เกาะชวา แล้วขยายไปเรื่อยๆ แล้วออกไปที่จาการ์ตาและบาหลี นะฮะ เสร็จเรียบร้อยแล้วที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งก็คือว่า ทั้งฟิลิปปินส์ ทั้งอินโดนีเซีย แล้วทั้งฮัมบาลี อยู่ในขบวนการเจไอ เจมาห์ อิสลามิยาห์ เจมาห์ อิสลามิยาห์ นั้นคือความเชื่อมั่นของผู้นำศาสนาอิสลามที่ต้องการจะสร้าง ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Khalifed คืออาณาจักรอิสลามที่มีองค์กาลิบเป็นคนปกครอง โดยจะแบ่งทางเอเชียมาให้ทางเจมาห์ อิสลามิยาห์ เป็นคนปกครอง ทางโน้นจะให้อัลกออิดะห์เป็นคนปกครอง เข้าใจไหมฮะ เพราะฉะนั้นแล้วผมรู้เรื่องนี้ผมไม่ได้รู้ แต่ผมศึกษาประวัติศาสตร์ ผมรู้คอนเซ็ปต์ กระบวนทัศน์ของ Khalifed คืออาณาจักรของกาลิบ จำได้ไหมฮะสมัยก่อน เขามีกาลิบ ถ้าใครอ่านประวัติศาสตร์จะรู้ นะฮะ มีพันกับหนึ่งทิวาราตรี เขาจะมีพวกกาลิบ ก็คือเหมือนกษัตริย์นั่นเอง แต่กษัตริย์ในเชิงที่เป็นอิสลาม เพราะฉะนั้นแล้วผมกำลังมองว่า แนวโน้มลักษณะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะถูกพัฒนามาในรูปแบบนี้ คือพัฒนาจากความรุนแรงในจุดๆ หนึ่ง ขยายออกมา แล้วเข้าไปสู่เมืองใหญ่ๆ นี่ผมพูดเอาไว้ก่อนนะ คุณสโรชา คุณเรียกผมว่าพ่อหมอใช่ไหม

สโรชา - ใช่ค่ะ

สนธิ - ผมไม่เคยทายอะไรผิด ผมไม่เคยทายอะไรผิด รอดูต่อไป แล้วผมจะบอกอะไรให้รู้อย่างหนึ่ง เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่มันไม่ควรเกิด มันเกิดขึ้นเพราะความขัดแย้งภายใน แต่ท่านนายกฯ สร้างเงื่อนไข เปิดประตูให้สากลมันเข้ามาแล้วพัฒนาความขัดแย้งภายในให้เป็นความขัดแย้งสากลแล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมยืนยันตรงนี้ คนที่ต้องรับผิดชอบคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ๙นวัตร คนเดียวเท่านั้นเอง

สโรชา - อีกนานไหมคะ อีกนานไหมกว่าความรุนแรง

สนธิ - จะขยายออกมาหรือ

สโรชา - เข้ามาในเมืองใหญ่

สนธิ - ผมคิดว่ามีอยู่ 2 จุด ภูเก็ต และกรุงเทพฯ สุดแล้วแต่ ถ้าเราดูลักษณะ Pattern ของกลุ่มเจไอที่เกิดจากหมู่เกาะโซโลในชวา แล้วขยายไปจาการ์ตากับบาหลี มันเป็นไปได้ทั้ง 2 แห่ง อีกนานไหม 6 เดือน 1 ปี เพราะผมเห็นความรุนแรงถูกเลื่อนชั้นขึ้นมาเรื่อยๆ สังเกตไหมทางใต้เดี๋ยวนี้เลื่อนชั้นขึ้นมาเรื่อยๆ

สโรชา - เมื่อก่อนยิงกันเฉยๆ

สนธิ - อะไรครับ

สโรชา - เมื่อก่อนยิงกัน

สนธิ - เมื่อก่อนยิงกันเฉยๆ

สโรชา - ตอนนี้วางระเบิดเป็นจุดๆ

สนธิ - วางเป็นจุดๆ แล้วเป็นชุด นี่คือที่มาของการประกาศกฎอัยการศึกของทหาร แปลว่าอะไร แปลว่าทหารเขาไม่ฟังรัฐบาลแล้ว เขาบอกว่าพวกคุณแก้ปัญหาแบบ โทษนะ เฮงซวย เพราะว่าสมัยก่อนปัญหาทางใต้นั้นทหารเป็นคนแก้แล้วเขาแก้ได้ แต่พอนายกฯ ทักษิณมา นายกฯทักษิณเอาตำรวจมาแก้ นายกฯ ทักษิณ มองปัญหาในประเทศเป็นปัญหาที่ตำรวจทำได้หมด ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช.ก็จะเอาตำรวจมาเป็นประธาน กกต.ก็ตำรวจเป็นประธาน ปปง.เลขาฯ ก็เป็นตำรวจ ผู้อำนวยการกองสลากฯ ก็เป็นตำรวจ นี่มันรัฐตำรวจ นี่มันไม่ได้ต่างไปกว่ายุคสมัย พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์

สโรชา - ถ้าใครอ่านมติชนในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงต้นสัปดาห์คงจะได้เห็นหัวข้อข่าวที่ค่อนข้างจะน่าสนใจถ้าเปิดไปเรื่องไชน่าเทเลคอม จะเห็นว่า พาดหัวในด้านเศรษฐกิจ ในหน้าเศรษฐกิจของมติชนว่า ไชน่าเทเลคอมทาบจะซื้อหุ้นของชินคอร์ป แล้วไม่ได้ซื้อน้อยๆ นะคะ เกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ เกิดคำถามไปทั่ววงการเลยค่ะคุณสนธิว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นไปได้หรอที่เขาจะปล่อยให้ไชน่าเทเลคอมเข้ามาซื้อเยอะขนาดนั้น

สนธิ - คือมันก็มี 2 มิติ มิติหนึ่งขายเพื่อจะเอาเงินไปลงทุนทางด้านอื่น อีกมิติหนึ่งขายเพื่อเตรียมตัวหนี คือผมมองแล้วข้ออ้าง คือทางกรรมการของชินคอร์ปออกมาปฏิเสธ แน่นอนที่สุดบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ถ้าจะมีการซื้อขายอะไรกัน เจรจาติดต่อกันเขาต้องปฏิเสธก่อน เพราะว่าเขาบอกไม่ได้ เพราะว่าถ้าเขาแจ้งไปก่อนล่วงหน้ามันจะทำให้สภาวะของหุ้นเขาเปลี่ยนแปลงไปเยอะ

สโรชา - ใช่ค่ะ

สนธิ - เขาก็ต้องปฏิเสธ เขาปฏิเสธอย่างแน่นอนที่สุด แต่ว่า แต่ว่า ผมรู้ เผอิญท่านนายกฯ ท่านประหมาดผมมากเพราะว่าผมไม่ได้จบอาชญวิทยา ผมจบประวัติศาสตร์ ผมก็เลยชอบอ่านเรื่องราวต่างๆ ของแผ่นดิน เรื่องราวต่างๆ ในอดีต ปัจจุบัน และผมก็ชอบอ่านเรื่องราวของประเทศอื่นๆ เขา ผมก็ไปเจอว่า ไชน่าเทเลคอมมันมีแผนจะขยายตัวเข้ามาในภูมิภาคนี้ มันก็เลยไปติดต่อที่จะซื้อทรูก่อน แต่เผอิญทรูมันมีอะไรเยอะมาก มันมีทั้งอินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ มันมีทั้งยูบีซี มันมีทั้งฟิกไลน์ คือ โทรศัพท์บ้าน มีโทรศัพท์มือถือ ไชน่าเทเลคอมต้องการซื้ออะไรที่มันไม่ยุ่งยากเหมือนทรู ก็เลยเจรจาไปเจรจามาแล้วเข้าใจว่า นายห้างธนินทร์คงจะโขกราคาอย่างชนิดที่ว่าเลือดซิบเลย ก็เลยถอย ก็เผอิญมีคนจีนคนหนึ่งชื่อ นายเหยียน ปิง

สโรชา - รู้เขาอีก

สนธิ - นายเหยียน ปิง แปลงสัญชาติเป็นไทย ใช้คำว่า ชาญชัย นายเหยียน ปิง เป็นคนเอาไชน่าเทเลคอม คือจริงๆ ชินคอร์ปนี่ มีคนติดต่อจากชินคอร์ปไปหาไชน่าเทเลคอม ว่าสนใจไหมที่จะมาซื้อ ชินคอร์ปนี่มันสวยสดงดงามนะ มันมีสัมปทานโทรศัพท์มือถือ 21 ล้านเลขหมาย มีรายได้ต่อปี 80,000 ล้านบาท นะครับ ได้สัมปทานดาวเทียมนะครับ ยกเว้นภาษีเงินได้อีก จากบีโอไอตั้ง 16,000 ล้านบาท เรียกว่าชินแซทเทิลไลท์ มีดาวเทียมทันสมัยที่สุดในเอเชีย ชื่อ ไอพีสตาร์ มีบริษัทที่ทำมาหากินกับคนยากจน กองทุนหมู่บ้าน ปล่อยสินเชื่อวงกู้ด้วยดอกเบี้ยมหาโหดอย่าง Capital OK มีทีวีของไออีกอันหนึ่งที่ได้ลดค่าสัมปทานไปตั้ง 10,000-20,000 ล้าน เพราะฉะนั้นแล้วถ้าซื้อชินคอร์ปอันเดียว มันก็เท่ากับเป็นเจ้าของไอทีวี เป็นเจ้าของดาวเทียม เป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือ ผมคิดว่าในวงเงินแบบนี้ ผมคิดว่าไชน่าเทเลคอมสนใจนะฮะ วงเงินก็คงจะประมาณ น่าจะเป็นประมาณสักแสนล้านได้ อย่าลืมว่าใน 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ มูลค่าของกลุ่มบริษัทชินฯ เพิ่มเติมอย่างมหาศาล ไม่รู้เกิดขึ้น ร่ำรวยขึ้นมาได้อย่างไรก็ไม่รู้ แต่ว่าโทรศัพท์มือถือก็มีคนใช้เยอะมากขึ้น ค่าต๋งที่ต้องจ่ายรัฐบาลก็จ่ายน้อยลง ไอพีสตาร์ก็ไปเซ็นสัญญากับประเทศโน้นประเทศนี้ ไปพร้อมนายกฯ ทุกที ไม่รู้ว่าไปในนามอะไร แต่ไปทีไรประเทศนั้นก็เซ็นสัญญาที่จะใช้ไอพีสตาร์ เสร็จเรียบร้อย ทุกอย่าง หมด เอฟทีเอก็มีเอฟทีเอกับออสเตรเลียก็ทำให้ไอพีสตาร์สามารถจะไปขายกิจการโทรคมนาคมให้ บวกลบคูณหารแล้วประเทศไทยกำไร กำไรก็คือชินแซทกำไร แต่คนที่เจ๊งก็คือประชาชนส่วนใหญ่ที่ทำไวน์ ที่เลี้ยงนม โคนมทั้งหมด ก็คือว่า กำไรตัวเลข แล้วตัวเลขนั้นกำไรลงอยู่เพียงบริษัทไม่กี่บริษัท จำนวนผู้ถือหุ้นไม่กี่คน แต่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องพังพินาศลงไปนะฮะ พูดอีกก็ถูกอีก เมื่อบวกลบคูณหารแล้วมีกำไร แต่ทำไมไม่พูดว่าประชาชนได้ส่วนกระทบ เมื่อวัดปริมาณกันแล้ว ใครได้ส่วนกระทบมากที่สุด ก็ต้องเป็นประชาชนที่อยู่ข้างล่างได้ส่วนกระทบมากที่สุด เข้าใจหรือยัง ทีนี้พอมองอย่างนี้แล้ว คนเขาก็จะถามบอกว่า ไม่จริงมั้ง เขาขายเพื่อที่จะมาทำธุรกิจ 3 จี ไม่ใช่หรอก ถ้าขายธุรกิจ 3 จี คุณไม่จำเป็นต้องขายทั้งชินคอร์ป นี่คือการขายทั้งชินคอร์ปนะฮะ คือถ้าต้องการขายเทคโนโลยีเก่าจริงๆ ก็ควรจะขายเฉพาะบริษัทลูกใช่ไหมฮะ เช่น ขายเอไอเอสทิ้งไปเลย เพราะเห็นว่าเอไอเอสมันเก่าแล้ว อีกหน่อยมันจะมี 3 จี เกิดขึ้น เอาเงินไปลงทุน 3 จี ดีกว่า แต่ว่ามันไม่ใช่ ถ้าต้องการเทคโนโลยีสูงกว่าปัจจุบัน ใครที่ ถ้าไชน่าเทเลคอมต้องการเทคโนโลยีสูงกว่าปัจจุบันก็มาซื้อชินคอร์ปทำไมล่ะ ถ้ายังจะขายต่อไปก็แสดงว่าธุรกิจนี้ต้องมีอนาคตสดใส เพราะฉะนั้นเหตุผลการขายกิจการโดยมีเหตุผลเพียงเพื่อนำเงินไปลงทุนเทคโนโลยีใหม่นั้นฟังไม่ขึ้น

สโรชา - ไม่ใช่

สนธิ - ไม่ใช่ครับ ปัจจุบันนี้ชินคอร์ปถือหุ้นอยู่เอไอเอส ครองตลาดมือถือมากที่สุด มากที่สุดเลยนะ อีกทั้งรัฐบาลออกภาษีกิจการโทรคมนาคม กีดกันผู้ประกอบการกิจการโทรคมนาคมรายใหม่ อีกทั้งยังกำกับดูแลทั้ง กสท. และ ทศท.อีกด้วย มิหนำซ้ำคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กทช. ในทุกวันนี้ก็ยังมีข้อกังขาว่าเป็นกลุ่มคนที่เอื้อกลุ่มทุนในปัจจุบันหรือเปล่า ดังนั้นต่อให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็ตาม ใครจะไปสู้เอไอเอสของอาณาจักรชินคอร์ปได้ ถูกไหม เพราะว่าเขาครองอยู่หมดนะ ทุกอย่าง เขาครองทุกอย่างหมด เพราะฉะนั้นไม่มีใครจะมาสู้ชินคอร์ปได้อยู่แล้วในเรื่องนี้

สโรชา - ก็ไม่น่าจะมีเหตุผลที่อยากจะขาย

สนธิ - เมื่อไม่ใช่เหตุผลการลงทุนเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ 3 ก็ต้องมีคำถามถามอีกว่า ถ้าหากมีการขายหุ้นชินคอร์ป จะขายไปทำไมล่ะ เอาล่ะ เรามาดูกัน ตัวเลข ถ้าเราติดตามเวลาที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าเดือนกันยายนที่ผ่านมา ไม่กี่เดือนมานี้ 2 เดือนมานี่ นายพานทองแท้ ชินวัตร ขายหุ้นธนาคารทหารไทย ทั้งหมดเลย 162 ล้านหุ้น ได้เงิน 600 กว่าล้านบาท ขายทิ้งเลยนะ นายยศนันท์ วงศ์สวัสดิ์ หลาน ลูกของเจ๊แดง และผู้ที่ได้รับโอนหุ้นบริษัททราฟฟิค คอร์เนอร์ มาจาก น.ส.ชญาภา วงศ์สวัสดิ์ ลูกสาว ได้ขายหุ้น 20 ล้านหุ้น ทิ้งหมด นายพายัพ ชินวัตร ขายหุ้นบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างงานระบบอีเอ็มซี ที่โฆษณาว่าจะรับงานก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจ็กต์จนหมด นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้บริหารแอ๊ดวานซ์ อินโฟร์ ก็ขายหุ้นของแอ๊ดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ออกมาอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นแล้วขายหมด ไล่กันมาเรื่อยๆ เอาเป็นว่าคนตระกูลชินวัตรและญาติพี่น้องทั้งหมดต่างขายหุ้นกันอย่างพร้อมเพรียงกัน ทีนี้ถ้ามีการขายหุ้นชินคอร์ป ผู้ถือหุ้นใหญ่ในชินคอร์ปก็คงจะมีเงินมาก ผมเชื่อว่าการขายครั้งนี้ถ้าเขาขายได้และมีการขายจริงก็จะมีประมาณแสนล้าน ถามว่าจะเอาแสนล้านนี้ไปไว้ทำอะไร นะฮะ คือเขา นายเหยียน ปิง ซึ่งเป็นนายหน้าติดต่อไช่น่าเทเลคอม เขาให้เหตุผลกับไชน่าเทเลคอมในการขายเอาไว้ เขาไปบอกไชน่าเทเลคอมว่าชินคอร์ปต้องการขาย เพราะว่า ผู้ถือหุ้นในชินคอร์ป เขาพูดอย่างนี้นะ ผู้ถือหุ้นในชินคอร์ปมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรี เขาพูดอย่างเกรงใจนะ สัมพันธ์ใกล้ชิด เขาไม่ได้พูดตรงๆ ว่า จริงๆ แล้วเป็นของนายกฯ แต่ว่าให้ลูกถือเอาไว้ จึงต้องการขายหุ้นทั้งหมดเพื่อมิให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของนายกรัฐมนตรี ทำไมคิดช้าไปตั้ง 5 ปี มันน่าจะคิดได้ตั้งแต่ตอนจะเล่นการเมืองแล้ว คือทำไมไม่ขายทั้งหมดตั้งแต่ 5 ปีที่แล้วล่ะ คือถ้าจะเข้ามาเล่นการเมืองตั้งแต่ต้นเลยแล้วพิสูจน์ให้คนเห็นว่าผมไม่เกี่ยวนะ ผมไม่ต้องมาใช้หลักวิชาภาษาวิชามารว่า ลูกผมเป็นคนถืออยู่นะเพราะฉะนั้นผมไม่เกี่ยว ก็ขายมันทิ้งตั้งแต่ต้นซิ ขายมันให้หมดไม่ให้เหลืออะไร เหลือแต่เงินสดไว้อย่างเดียว แล้วก็มาทำงานให้ประเทศชาติจะได้ไม่มีประเด็นปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนที่ให้ประชาชนเขาบ่น ที่ให้สื่อมวลชนเขาตั้งคำถามถาม แล้งถามแล้วก็มาโกรธสื่อมวลชน ทำไมจะต้องมาขายตอนนี้เมื่อ 5 ปีให้หลัง ผมก็มองแล้วว่า ความเป็นไปได้มีอยู่ 3 อย่าง กรณี 1 ลงทุนไปเพื่อซื้อหุ้น กฟผ. เพื่อยึดโครงข่ายสายส่งไฟเบอร์ออพติก เตรียมเข้าไปสู่การผูกขาดการสื่อสารการคมนาคมรูปแบบใหม่ หรืออาจจะลงทุนในโรงกลั่นน้ำมัน หรือพลังงานทดแทน แต่ว่ามันไม่จำเป็นต้องขายหุ้นชินคอร์ปไปทั้งหมดนะ เพราะว่าโรงกลั่นซื้อกันจริงๆ 10,000-20,000 ล้านก็ซื้อได้ อันนี้มันขายหมดเลยนะ ขายโล๊ะทิ้งเลยนะ ไม่มีอีกต่อไป กรณีที่ 2 คือลงทุนในเทคโนโลยีในอนาคต เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ หรือนาโนเทคโนโลยี ก็ไม่ใช่ เพราะนายกฯ คนนี้เป็นคนซึ่งอะไรที่ไม่เห็นเม็ดเงินจริงๆ จะไม่ทำ ที่จะต้องลงทุนแล้วรอต่อไปอีก 5 ปี 10 ปี นายกฯ คนนี้ไม่ทำ มันก็เป็นกรณีที่ 3 ว่า อาจจะเอาแสนล้านไปลงทุนในต่างประเทศที่มีความมั่นคง หรือให้ผลตอบแทนที่สูงกล่าว ถ้าเป็นกรณีที่ 3 ผมก็อีกแหละ เป็นนักอ่านหนังสือ ผมก็ไปเปิดหนังสือ ซุนวู มาดู กรณีที่ 3 มันตรงกับกลยุทธ์ที่ 36 ใน 36 กลยุทธ์แห่งชัยชนะในการสัประยุทธ์ทุกปริมณฑล กลยุทธ์นั้นคือว่า หนีคือยอดกลยุทธ์ คือเป็นแบบฉบับทัพอ่อนชนะทัพแข็ง ใช้กลยุทธ์หนีก่อนแล้วจึงใส่ทีหลัง ซึ่งต่อมามีผู้นำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย เรียกว่าเป็นกลยุทธ์ที่หนีคือยอดกลยุทธ์ ซึ่งซุนวู เคยพูดเอาไว้ว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เป็นผลดีจะต้องหลีกเลี่ยงกับการสู้รบขั้นแตกหักกับข้าศึก ทางออกจึงมีอยู่ 3 ทาง หนึ่ง ยอมจำนน สอง เจรจาสงบศึก สาม ถอยหนี เมื่อเปรียบเทียบกับแล้วนะคุณสโรชา การยอมจำนนคือการพ่ายแพ้อย่างถึงที่สุด เป็นไปไม่ได้ การขอเจรจาสงบศึกคือการพ่ายแพ้ครึ่งหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ การถอยหนีกลับอาจจะแปรเปลี่ยนมาเป็นชัยชนะได้ เพราะฉะนั้นแล้วการถอยหนีพึงถอยเลี่ยงอย่างมีแผน ต้องมีแผนนะการถอยหนี ต้องมีแผนนะ ค่อยๆ ทำ ปั๊บๆๆๆๆ นะฮะ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเป็นการหนีทางการเมืองในยุคปัจจุบันก็ต้องเป็นเรื่องลับสุดยอด เป็นเรื่องลับสุดยอด อาจจะเป็นการเตรียมขายทรัพย์สินเพื่อให้ได้มาเป็นเสบียงหนีไปต่างประเทศ นั่งเครื่องบินไทยคู่ฟ้าแล้วพร้อมที่จะกลับเข้ามาเมื่อไรก็ได้ คือ ผมเป็นเพียงแต่ประเมินเอาจากการขายทรัพย์สิน ซึ่งมี 3 กรณี แต่ผมก็อยากจะบอกว่า ถ้าสมมุติคิดจะไป ช่วยทีเถอะ ไปทั้งแก๊งเลยได้ไหม แล้วถ้าไป ผมให้สัจจะวาจาเอาไว้ในที่นี้ว่า ผมจะทำทุกวิถีทางที่จะส่งนักข่าวที่มีเครือข่ายต่างประเทศของผม ไปตรวจสอบว่าทำอะไรอยู่ประเทศไหน ถ่ายรูปกลับมาให้ดูกัน เชื่อผมคุณสโรชา คุณจะไปอยู่อังกฤษ คุณจะไปอยู่คฤหาสน์ซึ่งเพิ่งไปซื้อมามูลค่า 2-3 ล้านปอนด์ เกือบ 200 ล้านบาท จะไปอยู่สวิส หรือว่าพรรคพวกของคุณจะไปอยู่ที่ไหน คุณไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าผมจำเป็นต้องขายเสื้อผ้า ขายทุกอย่าง เพื่อที่จะมีผู้สื่อข่าวประจำอยู่ที่นั่น เพื่อจะดูว่าคุณกินกาแฟร้านไหน เล่นการพนันบ่อนไหน ผมจะเอามาให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนได้เห็นกันจะๆ เสียทีว่าผู้นำบ้านเราเป็นอย่างไร ไหนๆ คุณก็ตามล้างตามเช็ดผมอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าบอกว่า "กรรมใดใครก่อ..."

สโรชา - กรรมนั้นก็รับไป

สนธิ - กรรมนั้นก็รับไป

สโรชา - เดี๋ยวพักกันแป๊บหนึ่ง

สนธิ - พักกันแป๊บนะฮะ เดี๋ยวกลับมาช่วงสุดท้าย

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 7 ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 7 ช่วงที่ 2

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 7 ช่วงที่ 3 จบ

รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 7 ช่วงสุดท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น