xs
xsm
sm
md
lg

เมืองไทยฯ สัญจร 5: สนธิยันไม่เคยให้ทักษิณ "ช่วย"- เผยเคยให้หุ้น 400 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร” ครั้งที่ 5 คึกคัก “สนธิ ลิ้มทองกุล” แฉแหลกยันไม่เคยขอประโยชน์จาก “ทักษิณ” แม้แต่บาทเดียว เผยเคยให้ “ทักษิณ” ซื้อหุ้นราคาพาร์บริษัทไออีซี เอากำไร 400 ล้านบาท ท้าแน่จริงให้ออกมาโต้ ระบุถ้ายังบริหารประเทศต่อไปต้องเสียดินแดน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แน่นอน เปรียบรัฐบาลจัดตั้ง “นครสุวรรณภูมิ” เหมือน “ทักษิณ” กำลังกินมะพร้าวไม่เหลือเปลือก แถมชวนญาติพี่น้องมากินด้วย

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง การแสดงดนตรีจากวง “คีตาญชลี” และบรรยากาศก่อนเริ่มรายการ

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งที่ 5 ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งที่ 5 ช่วงที่ 2

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งที่ 5 ช่วงที่ 3 จบ

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป ไฮไลท์รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 5 (256k)

สโรชา - ต้อนรับเข้าสู่เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 5 วันนี้กลับมาพบเราสองคนอีกครั้งหนึ่งที่หอประชุมเล็กมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แห่งนี้ ต้องทักทายผู้ชมทางบ้านด้วยเพราะนอกจากจะมารวมพลกันที่หอประชุมแห่งนี้แล้วด้านนอกยังมีท่านผู้ชมอยู่หลายต่อหลายท่านทีเดียว รวมไปถึงห้องอาหารก็รอดูวงจรปิดกันอยู่ แล้วยังมีทางบ้านอีกที่ดูสดๆ ทาง News1 ASTV รวมไปถึงคุณผู้ชมชาวไทยที่อยู่ต่างประเทศ ที่สหรัฐอเมริกาด้วย วันนี้มีเรื่องที่ต้องคุยกันหลายต่อหลายเรื่องดีเดียว แต่ว่ามีบางท่าน จริงๆ แล้วมีหลายท่านฝากถามดิฉันมาว่า เอ๊ะ คุณสัญจรกันมาหลายรอบแล้วนะ ถามตรงๆ เถอะว่าจะสัญจรไปถึงไหน คุณสนธิคะนี่ครั้งที่ 5 แล้วค่ะ เราจะสัญจรกันไปอีกนานไหมคะ

สนธิ - สัญจรไปเรื่อยๆ จนกว่าท่านนายกฯ จะไม่เป็นนายกฯ

สโรชา - แหม นี่แค่คำตอบแรกนะคะ แต่ที่แน่ๆ ค่ะคุณสนธิ เรามีเสียงเรียกร้องจากต่างจังหวัดมามากพอสมควรนะคะ คุณสนธิประกาศสักนิดหนึ่งไหมคะว่า เราจะมีสัญจรภาคพิเศษที่ไหน

สนธิ - พี่น้องชาว จ.เพชรบุรี ที่ยกพลมาดูที่นี่ได้ติดต่อมานานแล้วว่า ขอให้ไปสัญจรที่ จ.เพชรบุรี นะฮะ โรงแรมไดมอนด์ ท่านพี่น้องก็บอกว่าขอให้ไปเถอะ คิดเงินเท่าไร ผมบอกว่า 1 บาท ก็ไม่คิด แต่ว่าดูแลผมนิดหนึ่งกับคุณสโรชา ก็เป็นอันว่าเราจะเริ่มสัญจรข้างนอกครั้งแรก ที่ จ.เพชรบุรี ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน นั่นหมายความว่าฉบับพิเศษ คือวันศุกร์เราก็ออกเหมือนเดิม แต่เราจะไปไม่วันเสาร์ก็วันอาทิตย์ โดยที่มีจังหวัดอื่นๆ ต่อไปก็คือ อ.หาดใหญ่ แจ้งให้พี่น้องชาวใต้ทราบนิดหนึ่งนะฮะ ว่ารีรอมานานแล้ว ที่อยากจะไปมากที่สุด และก็จะเตรียมการให้ดีที่สุดคือ จ.เชียงใหม่ จะไปให้รังแกถึงเชียงใหม่เลย

สโรชา - สัปดาห์นี้เรามีเรื่องต้องคุยกันหลายเรื่องเพราะว่าสัปดาห์ที่แล้ว คือท่านผู้ใหญ่หลายๆ ไปต่างประเทศอาจจะเรื่องความเคลื่อนไหวทางด้านข้อมูลข่าวสารอาจจะน้อยซักนิดนึง แต่ว่ากลับมาครั้งนี้พอลงจากเครื่องท่านก็มีประโยคเด็ดที่หลายๆ ท่านคงจะได้รับทราบกันไปพอสมควรแล้ว เรื่องที่ท่านได้ฟ้องหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันเป็นค่าเสียหาย 500 ล้าน ก็มีคำถามกลับไปมากพอสมควรว่า เอ๊ะ หลวงตามหาบัวท่านเทศน์แล้วหนังสือพิมพ์เอามาลง แล้วทำไมไม่ฟ้องหลวงตามหาบัวด้วย ซึ่งท่านนายกฯ ได้ตอบไปบอกว่า ท่านเมตตาหลวงตามหาบัว เพราะว่าหลวงตามหาบัวเคยเมตตาท่าน

สนธิ - ท่านนายกฯ ท่านคงคิดว่าท่านเป็นศาสดาองค์ใหม่ของนิกายศาสนาใหม่ที่เกิดขึ้น คือ ผมด้วยความเมตตาท่านนายกฯ ผมมีสิทธิ์เพราะว่าผมอายุมากกว่าท่านนายกฯ 2 ปี ผมอยู่ในระดับเท่าเทียมท่านนายกฯ คือเราเป็นฆราวาสเหมือนกัน คือท่านนายกฯ ผมอยากให้ท่านศึกษาแล้วเข้าใจธรรมะมากกว่าเก่า ท่านอย่าเข้าใจธรรมะเฉพาะหนังสือที่ท่านอ่านแล้วท่านมาเที่ยวโม้ให้คนอื่นฟังว่าท่านรู้จักธรรมะดี เพราะว่าถ้าท่านเข้าใจธรรมะดีท่านไม่เป็นอย่างที่ท่านเป็นทุกวันนี้หรอกนะครับ

สโรชา - ไปฟังสักนิดนึงไหมคะ

(เทปเสียงนายกฯ)

สนธิ - คือท่านนายกฯ ท่านเป็นคนที่น่าสงสารมาก คือท่านไม่เข้าใจคำว่า "พรหมวิหารธรรม" พรหมวิหารธรรม มี เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา นะครับ การเมตตาคือการตั้งจิตปรารถนาดีที่จะให้คนอื่นมีความสุข ทีนี้ มิตรนี่ เวลาเราจะเมตตา เราจะเมตตาคนที่เท่าเทียมกัน หรือเราจะเมตตาคนที่ต่ำกว่าเรา เราจะไปเมตตาพ่อแม่ไม่ได้ โดยเฉพาะพระสงฆ์องค์เจ้านี่เราจะยิ่งไปเมตตาท่านไม่ได้ นะครับ อันนี้เป็นเรื่องที่ คนถ้ามีรากเหง้า หรือว่าเข้าใจรากเหง้าทางวัฒนธรรม ก็จะรู้เรื่อง จะไม่พูดจาเลอะเทอะไปแบบนี้ อันนี้สำคัญมากนะฮะคุณสโรชา การที่เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำประเทศ ถ้าพูดจาแบบทำนองสติแตกตลอดเวลา มันจะทำให้ประเทศชาติสับสน คือ หลวงตามหาบัวท่านเมตตาท่านนายกฯ มาก การที่ท่านเทศน์ว่า ท่านนายกฯ ท่านเลยขั้นเทวทัตไปแล้ว นัยของท่าน ท่านกำลังดุด่าลูกศิษย์ท่าน บอกว่าแม้กระทั่งเทวทัตนี่

ในกรณีที่ท่านผู้ชมทางบ้านไม่เข้าใจเทวทัตคือใคร นะฮะ สั้นๆ ก็แล้วกัน ท่านเทวทัตนั้นเป็นพระญาติของพระพุทธเจ้ามาบวช เสร็จเรียบร้อยก็เกิดวิชาแก่กล้า คิดที่จะมาเปลี่ยนพระธรรมวินัย อย่างเช่นบอกว่า ในเมื่อเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้ว ถือศีลข้อที่ 1 ก็คือ ปาณาติปาตานั้น เพราะฉะนั้น ก็จะไม่ให้ฉันเนื้อสัตว์ พระพุทธเจ้าก็บอกว่าไม่ได้หรอก เป็นเรื่องที่ชาวบ้านเขาถวายมา เพียงแต่ว่าอย่าไปบอกให้ชาวบ้านเขาฆ่าวัวเพื่อเอาเนื้อมาให้เราฉัน ชาวบ้านทำอะไรมาฉัน ก็ฉันไป ก็ไม่พอใจ ก็เที่ยวไปแยกตัวออกไปตั้งตัวเป็นเจ้าศาสดาเจ้าใหม่ แล้วก็กลิ้งหินมาทำร้ายพระพุทธเจ้า ไปโดนหัวแม่เท้าท่าน เสร็จเรียบร้อยแล้ว จนห้อเลือด ในที่สุดอาละวาดไปจนกระทั่งสุดท้ายสำนึกผิดก็เลยมากราบขอขมาพระพุทธเจ้า ระหว่างเดินเข้ามาแผ่นดินสูบลงไป สูบลงไปจนกระทั่งถึงคาง ถึงระลึก เลยบอกว่าขอถวายคางให้พระพุทธเจ้า เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วหลังจากไปชดใช้กรรมในชาติต่อไปอีกไม่รู้กี่ร้อยกี่กัปชาติ ในที่สุดได้จุติขึ้นมาแล้วสำเร็จเป็นปัจเจกพระพุทธเจ้า

ผมไม่เข้าใจว่าท่านนายกฯ เคยทราบตำนานพวกนี้หรือเปล่า ก็เห็นท่านชอบอ่านแต่หนังสือฝรั่ง เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อหลวงตามหาบัวท่านเทศน์มาแบบนี้ พอท่านเทศน์มาแบบนี้ท่านเตือนสติเป็นครั้งสุดท้าย หลวงตามหาบัวท่านเตือนสติท่านนายกฯ เป็นครั้งสุดท้าย เพราะว่าท่านเมตตาท่านนายกฯ มาตลอด วันที่เครื่องบินระเบิด ผมเอาความลับมาเปิด ขออนุญาตครูบาอาจารย์ ท่านให้ทองก้อนถือจดหมายด่วนฉบับหนึ่ง ท่านตื่นมาท่านบอกทองก้อนบอกว่า ท่านเห็นเครื่องบินนายกฯ ระเบิด ท่านให้ถือจดหมายฉบับหนึ่งให้วิ่งไปหาท่านนายกฯ ให้ไปทันที ไปเฝ้าที่บ้านนายกฯ ก็ออกไปแล้ว ตามตัวจนกระทั่งเจอแล้วถึงไม่ได้ขึ้นเครื่องบิน ถึงรอดตายมา

นี่คือข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครรู้ ผมอยากให้คุณหญิงอ้อ ผมอยากให้ตระกูลดามาพงศ์ ตระกูลชินวัตร สำเหนียกตรงนี้เอาไว้ นี่คือข้อเท็จจริง เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2544 นี่เอง เพิ่งไม่กี่ปีนี่เอง พวกคุณลืมกันไปแล้วหรือว่า ครูบาอาจารย์คนนี้ช่วยชีวิตคนไว้แบบไหน เสร็จเรียบร้อยแล้วคุณมาโอหังมะมังกา คุณมาจาบจ้วงคุณบอกคุณไปเมตตาพระชั้นผู้ใหญ่ พระอริยะ การที่ท่านเทศน์แบบนี้ ท่านหลวงตามหาบัวพอท่านฟังท่านนายกฯ พูด วันรุ่งขึ้นท่านเทศน์ต่อ ท่านพูดเลยว่า การที่นายกฯพูดแบบนี้คือนายกฯ หาเรื่องด่าท่าน แต่ไม่กล้าพูดตรงๆ ก็เลยมาบอกว่าเมตตาท่าน เพราะฉะนั้นแล้วผมจะเตือนว่า ตอนนี้หลวงตามหาบัวท่านถึงขั้น ท่านวางอุเบกขาแล้ว

สโรชา - เฉยแล้ว

สนธิ - เฉยแล้ว ก็คือว่า ช่างท่าน ช่างท่านนายกฯ เวรกรรมจะมาปล่อยให้มาไปเลย หลวงตาพูดตลอดเวลา ไม่ยอมวิสัชนาคำพูดของท่าน ท่านพูดตลอดเวลา บอกว่า คนเราหนีกรรมไม่ได้ หนีกรรมไม่ได้ ผมก็ถือโอกาสอยากจะฝากคำพูดหนึ่งให้ท่านนายกฯ รับทราบนิดหนึ่งนะฮะ ไม่เป็นไรวันนี้เราจะมาเช็กบิลกันนะฮะ หลังจากที่ท่านถือโอกาสพูดจาออกโทรทัศน์ทุกช่อง ผมออกได้เฉพาะห้องประชุมนี้ กับโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่ลงในเคเบิล แต่ผมอยากให้ลิ่วล้อของท่านทุกคนเอาคำพูดของท่านไปกราบเรียนท่านนะฮะ มีคำพูดซึ่งผมอยากจะฝากให้ท่านคิด "ชีวิตนี้น้อยนัก แต่ชีวิตนี้สำคัญนัก เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นทางแยกที่จะไปสูง จะไปต่ำ จะไปดี ไปร้าย ก็ทำได้ในชีวิตนี้ พึงสำนึกเป็นให้จงดี แล้วจงเลือกเถิด เลือกให้ดีเถิด" คนที่พูดคือสมเด็จญาณฯ ผมฝากให้ท่านนายกฯ คิด ชีวิตนี้อยู่ที่ท่านเลือก ท่านจะไปดี หรือท่านจะไปร้าย นะฮะ

ทีนี้ ผมคิดว่า ธรรมดาแล้วคนเรานี่ถ้าเชื่อในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าพูดตลอดเวลาว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว หลายๆ คนอาจจะคิดว่า เอ๊ะ ทำไมไอ้คนทำไม่ดีมันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณสโรชา บุญเก่าเขายังมี บางครั้งบุญเก่าเขามีแต่ใกล้จะหมด แล้วมีครูบาอาจารย์มาช่วยปกป้องให้ มาช่วยบำเพ็ญภาวนาให้ ก็ยังช่วยชะลอกรรมที่กำลังจะตามมา วันนี้ครูบาอาจารย์ที่มาตัวเป็นเกราะแก้วปกป้องเขา วางอุเบกขาแล้ว เพราะฉะนั้นอะไรๆ ถ้ามาถึงเขา จะมาถึงเขาเร็วมาก ผมเตือนสติเอาไว้ก่อน ผมพูดตลอดเวลา ผมเพิ่งฝากข้อความไปให้คนใกล้ชิดเขา คนหัวขาว ผมบอกว่า พวกคุณไปบอกไอ้คนหัวขาวมันนะ ผมบอกว่า ถ้าคุณคิดว่านายคุณเป็นอมตะ นิรันดร ก็ทำไป อยากแกล้งใครแกล้งไป อยากแกล้งผม แกล้งไป อยากจะ...วันจันทร์นี้ส่งสรรพากรมาตรวจบัญชีบริษัทผม มาเลยฮะวันจันทร์นี้ ส่งมา ไม่เป็นไรนะ อยากจะให้ธนาคารกรุงไทย ซึ่งผม...บริษัทเป็นหนี้อยู่ เป็นลูกหนี้ธรรมดานี่ ฟ้องเรียกหนี้คืนทันที ทำไป ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน เวลาผมไปต่างประเทศอยากจะมีสันติบาลยืนอยู่ มีปัญญาทำ ทำไป แต่เมื่อเวรกรรมมันมาถึงแล้ว ถ้านายคุณไม่ได้อมตะนิรันดรอย่างที่คิดนะ หรือว่าถ้าบรรดาหมอผีทั้งหลายที่นายคุณเชิญมาจากประเทศเขมร ประเทศพม่า มาช่วยปกป้องคุณ แล้วปกป้องไม่ได้ ถึงวันที่คุณต้องพินาศฉิบหายลงไป วันนั้นฟ้าจะลงโทษคุณ ผมพูดไป ผมเปิดเผย ผมหงายไพ่ ผมไม่ใช่หมาลอบกัด เพราะฉะนั้นแล้วผมก็พูดเรื่องนี้ไปแล้ว ผมถึงบอกไงคุณสโรชา ว่าท่านนายกฯ ท่านไม่รู้จะทำอย่างไรกับท่านแล้วตอนนี้ เพราะว่าถ้าหลวงตามหาบัว ซึ่งเป็นพระที่มีเมตตาสูงที่สุดองค์ในประเทศไทย ท่านพูดออกมาอย่างนี้แล้วผมก็จนปัญญาจริงๆ เพราะว่าท่านจาบจ้วงมากๆ ที่ไปพูดแบบนี้

สโรชา - คือหลายคนบอกว่า ท่านหลวงตาวางเฉยไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย

สนธิ - ไม่ดีสิ จะไปดีได้อย่างไร ครูบาอาจารย์ที่มีอภิญญาทั้งหลาย ท่านรักเราเหมือนลูก ดูแลเรา เวลาท่านนั่งสมาธิกลางคืนท่านก็ส่งจิตมาหาเรา ท่านคุ้มครองเราอยู่ ทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้ทุกคนก็รู้ แต่ละคนก็มีครูบาอาจารย์ทั้งนั้น หลวงพ่อช่วยลูกด้วย ทุกคนมี ท่านนายกฯ เป็นคนขี้ลืม ท่านขี้ลืมว่าท่านเคยไปร้องไห้กับหลวงตามหาบัวให้หลวงตามหาบัวช่วยท่านในเรื่องการเลือกตั้งให้ท่านมาเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านบอกเราต้องเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วท่านก็ช่วยให้ นายกฯ ลืม ลืมว่าวันที่โดนคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญหลวงตามหาบัวให้นายทองก้อนคนนี้เป็นคนล่ารายชื่อประชาชนเกือบ 2 ล้านคนเพื่อมาสนับสนุน คุณมาบอกหลวงตาเมตตาคุณแล้วคุณต้องเมตตาคืนหลวงตา นี่มันเมตตาต่างตอบแทนนี่หว่า คุณยังติดนิสัยเอาเงินฟาดหัวคนอยู่หรือนี่

สโรชา - ดิฉันข้องใจเป็นการส่วนตัวว่า ที่บอกว่ามีหมอจากเขมรมา

สนธิ - เยอะแยะหมด

สโรชา - มีใครจะมาทำของเรารึเปล่า

สนธิ - มีสมเด็จพระสังฆราชฯ มาองค์หนึ่ง อย่าให้บอกเลยว่ามาจากประเทศไหน ไม่รู้ใครนิมนต์มาก็ไม่รู้ คือเป็นเรื่องของไสยศาสตร์ทั้งหมด และทุกวันนี้แม้กระทั่งการเดินทางไปต่างประเทศ จริงๆ เดินทางไปแก้เคล็ด แก้ดวง วิ่งหนีดวง บ้ากันไปเรียบร้อยหมดแล้วตอนนี้ พระธรรมคำสั่งสอนที่ดีที่สุดไม่เคารพ หิริโอตัปปะ พระพุทธเจ้าสอน ก็ไม่มี ปานาติปาตา เวระมณี ก็ไม่มี อทินนา ของที่เป็นของแผ่นดินก็ทะลึ่งเอามาเป็นของตัว หมดทุกข้อ ธรรมธรรมดาสามัญที่สุดที่พระพุทธเจ้าสอนไม่รู้จักใช้ ไปพึ่งพวกจอมขมังเวทย์ทั้งหลาย มีใครมั่งที่เป็นจอมขมังเวทย์แล้วอยู่ยงคงกระพัน ผมไม่เห็นมีใครอยู่ยงคงกระพันซักคน มีแต่ธรรมเท่านั้นเป็นที่ค้ำจุนโลก มีแต่องค์เทพของเรา คือ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ถวายความจงรักภักดีด้วยความจริงใจ ปฏิบัติให้ท่าน ปฏิบัติบูชา ไม่ใช่ริสต์แบนด์บูชา แล้วไหนๆ จะพูดแล้วก็ต้องต่อ คุณไปย้ายนายแพทย์จักรธรรม ธรรมศักดิ์ ทำไม

สโรชา - เอาเรื่องนี้ก่อนเลยใช่ไหมคะ

สนธิ - ก็อันเดียวกันหมดเลยคุณสโรชา มาถึงเรื่องหลวงตามหาบัวแล้ว

สโรชา - คือย้ายจาก ผอ.สำนักพระพุทธศาสนา

สนธิ - คือ ผู้อำนวยการพุทธศาสนานี่สมัยก่อนเป็นตำแหน่งของ พล.ต.ท.อุดม เจริญ คือตอนแรกก็งงว่าเอาตำรวจมาเป็นผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา พอเช็กไปเช็กมา อ๋อ เพิ่งจะถึงบางอ้อ

สโรชา - ว่า...

สนธิ - คุณอุดม เจริญ นี่เป็นคู่เขยกับรัฐมนตรีช่วย สมชาย สุนทรวัฒน์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว รัฐมนตรีช่วยสมชาย สุนทรวัฒน์ นี่เป็นญาติกับคุณบุญคลี ปลั่งศิริ คุณบุญคลีท่านเป็นลูกศิษย์บวชที่วัดสระเกศ ก็เลยเอา พล.ต.ท.อุดม เจริญ มา พอ พล.ต.ท.อุดม เจริญ มา ก็เอาองครักษ์พิทักษ์พุทธศาสนาเข้ามาร่วม เสร็จเรียบร้อยแล้ว พอ พล.ต.ท.อุดม เจริญ เกษียณอายุ ก็จะตั้งลูกน้องตัวเองชื่อยศพลตำรวจตรีขึ้นมาคนหนึ่งเป็น แต่ปรากฏว่าเบื้องบนขอให้นายแพทย์จักรธรรม ธรรมศักดิ์ มา เหตุผลเพราะว่าเป็นลูกชายของอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ที่สำคัญคือตระกูลธรรมศักดิ์เป็นตระกูลที่ปฏิบัติธรรมทั้งตระกูล คุณหมอจักรธรรมนี่มาเป็นผู้อำนวยการพุทธศาสนา ศูนย์พิทักษ์พุทธศาสนาก็ไม่ยอม จะให้หมอจักรธรรมทำตาม หมอจักรธรรมก็เคยให้สัมภาษณ์มาตลอด หมอจักรธรรมบอกว่า ผมจะไปทำตามเขาได้อย่างไร อะไรที่ดีผมก็ทำ ผมต้องวางตัวเป็นกลาง สิ่งแรกที่หมอจักรธรรมมา มีพระ 3 รูป ที่ท่านไปกราบ

สโรชา - ใช่ค่ะ ตอนที่เข้าไปเป็น ผอ.นะคะ

สนธิ - เข้าเป็น ผอ.ใหม่ รูปแรกคือ สมเด็จญาณสังวรฯ รูปที่ 2 คือสมเด็จวัดสระเกศ รูปที่ 3 คือ หลวงตามหาบัว ท่านกราบหมดทุกรูป ท่านให้ความเป็นธรรม เป็นกลาง ตั้งแต่นายแพทย์จักรธรรมมา ประชาชนเพิ่งจะเริ่มเห็นกิจกรรมของสมเด็จญาณฯ ก่อนหน้านั้นไม่เคยเห็น เพราะว่าสำนักพระพุทธศาสนาไม่เคยเอามาตีแผ่ให้คนเห็น ไม่เคยเอามาตีแผ่ให้คนเห็นว่าพระองค์ท่านเป็นแค่คนแก่อายุ 92 พระองค์ท่านยังไปไหนมาไหนได้ พอหมอจักรธรรมมาก็เลยเอาเรื่องราวต่างๆ พวกนี้ออกมาให้ประชาชนเห็น พอเห็นเสร็จเรียบร้อยแล้วที่สำคัญก็คือ ไม่ว่าจะไป เสด็จไปเยือนพิพิธภัณฑ์ที่อัมพวา ไม่ว่าจะไปอาบน้ำหลวงศพให้กับหลวงปู่เหรียญ หรือว่าหลวงพ่อสุกิม หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม ที่วัดเทพศิริทราวาส หรือว่าลงอุโบสถวันวิสาขบูชา นะ นอกจากนั้นแล้ว หมอจักรธรรมยังจัดงานประสูติให้กับสมเด็จพระสังฆราชที่ยิ่งใหญ่มาก ปีนี้เป็นปีแรกในหลายๆ ปีที่พวกเราเห็นกัน ก่อนหน้านั้นเราไม่เคยเห็นเลยแม้แต่นิดเดียว ปีนี้เป็นปีซึ่งผู้หลักผู้ใหญ่ไปกราบท่าน มีการนิมนต์ไป มีการ ท่านให้พรออกมาอย่างเห็นได้ชัด เสร็จเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ คุณวิษณุ เครืองาม นี่ผมไม่อยากเอ่ยชื่อคนๆ นี้เลย ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยในเรื่องพุทธศาสนา คนที่เกี่ยวข้องคือคุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ

สโรชา - คือท่านเป็นรองนายกฯ ดูแลสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

สนธิ - ถูกต้อง คุณสุวัจน์เขาดูแลเรื่องพุทธศาสนา ไม่รู้เรื่อง อยู่ที่ภูเก็ต คุณวิษณุ เครืองาม เรียกหมอจักรธรรมไปพบ บอกว่าจะย้ายกลับกระทรวงสาธารณสุข ว่ายังไง คุณหมอจักรธรรมบอก ผมเป็นข้าราชการ เมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งมาผมก็ต้องทำ แต่คุณหมอจักรธรรมก็ให้สัมภาษณ์ว่าท่านไม่อยากกลับ นี่ไง แล้วยังไง แล้วจะให้ผมพูดยังไงต่อล่ะเรื่องพวกนี้

สโรชา - คือเรื่องความเดิมไม่ค่อยมีใครทราบ จนมาถึงวันการประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

สนธิ - ถูกต้องครับ

สโรชา - ก็มีเรื่องจากกระทรวงสาธารณสุขขอตัวคุณหมอกลับไปที่กระทรวง แล้วอนุมัติ คือย้ายจากสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติไปเป็นผู้ตรวจการ

สนธิ - คือ คุณหมอจักรธรรมเมื่อท่านเข้ามาสำนักพระพุทธศาสนา ท่านมาจัดระเบียบสงฆ์ วิธีจัดระเบียบสงฆ์ท่านจัดอย่างไร ช่วงคุณหมอจักรธรรมยังไม่ได้เข้า ช่วง พล.ต.ท.อุดมเจริญ พวกสังฆาธิการบรรดาที่แย่งชิงสมณศักดิ์กัน เดี๋ยวนี้พระมีการวิ่งเต้น

สโรชา - มีวิ่งเต้นกันด้วยเหรอคะ

สนธิ - มีให้เงินให้ทองเพื่อเอาพัดยศ เพื่อเอาตำแหน่ง ก็ปรากฏว่ามีพระหลายรูปได้สมณศักดิ์แล้วต่อมาภายหลังก็มีลูกมีเมีย มีหนี้มีสิน มีเรื่องมีราว คุณหมอจักรธรรมก็เลยมาจัดการว่าจากนี้ไปการจะขอสมณศักดิ์อะไรต้องตรวจสอบกันก่อน ท่านให้สำนักพุทธศาสนาซึ่งมีตัวแทนทุกจังหวัด ให้ตรวจสอบว่าใครบ้างที่สมควรจะได้ให้เสนอชื่อมาแล้วให้เล่าประวัติให้ฟัง ให้ตรวจสอบว่าประวัติมีที่ด่างพร้อยไหม ก็เลยมีคณะสงฆ์ชุดหนึ่งโกรธ หาว่าไปแทรกแซง คือคุณหมอจักรธรรมท่านไม่ต้องการให้รายชื่อพวกนี้ขึ้นไปข้างบน เมื่อถึงขั้นที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งพระองค์ท่านเป็นมหาบพิธเจ้า คำว่ามหาบพิธเจ้า คือ พระองค์ท่านเป็นสมภารใหญ่ที่มีสิทธิ์แต่งตั้งใครก็ได้ตามกฎหมาย แต่ว่าแต่งตั้งหลังจากรัฐบาลเสนอไปแล้ว คือ ลงพระปรมาภิไธย ทีนี้ลงนึกดูซิว่าส่งไปให้ในหลวงลงพระปรมาภิไธยลงยังไม่ทันไรพระองค์นี้เกิดถูกจับสึกปาราชิกเพราะมีลูกมีเมีย พระองค์นี้ไปมีหนี้มีสิน มันไม่ได้ไง คุณหมอจักรธรรมเลยมาจัดระเบียบพวกนี้ซะ

สโรชา - คุณสนธิกำลังหมายความว่า การย้ายครั้งนี้เป็นไปได้ที่ 2 สาเหตุนี้หรอคะ เพราะการที่มีข้อมูลของพระสังฆราชฯ ออกมาบ่อยๆ

สนธิ - คือ ไม่มีเหตุผลที่จะไปย้ายท่าน ท่านกำลังปรับปรุงสำนักพระพุทธศาสนาไปได้ดีอยู่แล้ว แล้วผมก็พนัน ถ้าคุณสโรชา คุณหมอจักรธรรมไม่อยู่คนที่มาใหม่จะปิดข่าวสมเด็จพระสังฆราชฯไป ไม่ยอมให้ประชาชนรับทราบว่าพระองค์ท่านเป็นอย่างไรต่อไป ตรงนี้ต่างหากคุณสโรชา ตรงนี้ผมในฐานะพุทธมามะกะผมเจ็บช้ำน้ำใจ เข้าใจรึยังคุณสโรชา ผมถึงบอกว่าสิ่งซึ่งมันเกิดขึ้นมันผิดจรรยาบรรณ มันผิดคุณธรรม มันผิดไปหมด สังคมนี้มันกำลังจะตกต่ำ สังคมนี้กำลังมืดบอด เราถึงต้องมาจุดเทียนไล่ภูตผีปีศาจกันไง

สโรชา - หลังจากที่ท่านนายกฯ เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ แล้วเมื่อวานนี้มีการพบสื่อมวลชนตามปกติในทุกวันพฤหัสฯ แล้วมีการพูดคุยกันหลายเรื่อง ซึ่งซักพักเราคงจะได้คุยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง นครสุวรรณภูมิ รวมไปถึงความสัมพันธ์ไทย-มาเลย์ เป็นอย่างไร รวมไปถึงเรื่องราวของการฟ้องสื่อด้วย ซึ่งอันนี้คงไม่ต้องพูดมากแล้วมั่งคะเพราะว่า ถึงแม้ท่านจะไม่เอ่ยชื่อแต่หลายๆ คนก็เข้าใจว่าน่าจะพูดถึงคุณสนธิ เดี๋ยวเราไปฟังกันนิดหนึ่งนะคะว่าท่านนายกฯ พูดว่าอย่างไรบ้าง

(เทปนายกฯ)

สโรชา - คุณสนธิคะ

สนธิ - ที่ผมไหว้นี่ผมขอบคุณท่านนายกฯ ที่พูดออกมา เพราะว่าชีวิตผมอมเลือดมามากแล้ว บางครั้งผมจะพูดอะไรออกมาโดยที่ไม่มีคนพูด จะเป็นคนที่กินปูแล้วร้อนท้อง เหมือนกับว่าท่านเปิดฉากชกผม เมื่อถึงเวลาแล้วท่านก็เปิดหน้าผม ตอนนี้มีสิทธิ์ชกกลับแล้ว เพราะก่อนหน้านั้นผมจะอธิบายความยังไงก็ไม่มีสิทธิ์ คนก็ถามว่าคุณสนธิทำไมต้องกินปูนแล้วร้อนท้อง พวกกเฬวราก ลูกโล่ ลูกไล่ หรือพวกสุนัขรับใช้ของท่านนายกฯ เนี่ย ไปเผยแพร่กระจายข่าวในสังคมดังต่อไปนี้

ข้อที่ 1 ผมโกรธท่านนายกฯ เพราะว่าท่านนายกฯ ไม่ได้ช่วยเรื่องหนี้สินที่ผมเป็นหนี้อยู่ ... 2 ผมโกรธท่านนายกฯ ก็เพราะว่า ผมขอท่านนายกฯ หลายอย่างแล้วท่านนายกฯ ไม่เคยให้

โอเค ไม่เป็นไร เดี๋ยวมาชี้แจงกันนิดหนึ่ง คือเวลาจะพูดอะไร นายกฯ คนนี้พูดเพราะความคะนองปาก ไม่เคยดูหลักฐาน ไม่เคยดูว่าในอดีตตัวเองพูดอะไรบ้าง ซึ่งวันนี้ผมเรียบเรียงคำพูดนายกฯ ในบางเรื่องมาให้ท่านผู้ชมได้ชม

ผมถูกธนาคารนครหลวงไทยในยุคพรรคประชาธิปัตย์ คุณธารินทร์ นิมมานเหมินท์ แกล้งผม ฟ้องผมล้มละลายเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2543 นะครับ เป็นคดีหมายเลขดำที่ ล 222/2542 แล้วมาพิพากษา 2543 พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ล้มละลาย 2543 แล้วผมมาหลุดพ้นการล้มละลายหลังจากนั้นอีก 3 ปี ผมถามว่า ไอ้คนซึ่งมันพ้นจากการล้มละลายแล้วมันไม่มีหนี้สินเลยแม้แต่บาทเดียว นายกฯ มาช่วยอะไรผม นายกฯ บ้าหรือเปล่า มาช่วยอะไรผม มาช่วยอะไรผม เมื่อผมไม่มีหนี้แล้วทำไมจะต้องมาช่วยผมประนอมหนี้ แล้ว 2543 นายกฯ ยังตีหน้าเศร้า บอกประชาชนว่า ตัวเองขอเข้ามารับใช้ในลักษณะคิดใหม่ ทำใหม่ อยู่ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย เห็นไหมคุณสโรชา ผิดประเด็น

เรื่องที่ 2 ว่าผมไปขอนายกฯ ผมทำธุรกิจ ผมทำธุรกิจอะไร ผมทำธุรกิจสื่อ ผมไปทิ้งธุรกิจอื่นเพื่อมาโจมตี ผมไม่เคยโจมตีท่าน 2543 ท่านไปกินก๋วยเตี๋ยวบ้านผม ผมเคยเล่าให้ฟังแล้ว บอกคุณสนธิ ผมจะเข้ามาบริหารประเทศ ผมจะขอสู้ในการเลือกตั้ง ช่วยผมหน่อย เพราะว่าท่านนายกฯ รวยแล้ว นั่นนะซิผมมีเงินเล่นการเมือง ผมก็ไม่รู้ว่าท่านเอาเงินพิเศษจากไหนมาเล่นการเมือง เพราะธรรมดาแล้วท่านเป็นคน 1 บาท ท่านก็ไม่ยอมให้หลุดจากกระเป๋าท่าน ผมก็บอกว่า ท่านนายกฯ ถ้าท่านตั้งใจทำงานผมก็ยินดี ปีแรกเป็นปีที่ติดกรณีซุกหุ้น คุณกล้านรงค์ จันทิก นั่งอยู่นี่เป็นพยานได้

สโรชา - ขาประจำของเรา

สนธิ - 2544 ทั้งปีเขาต้องมาวุ่นวายกับการต่อสู้กับกรณีซุกหุ้น ตอนนั้นก็เห็นใจเขาทั้งประเทศ ผมก็เห็นใจเขาด้วย หลวงตามหาบัวก็เห็นใจ ก็ยกประโยชน์ให้จำเลยไปปีแรก ปีที่ 2 ปี 2545 เป็นปีที่เขาเริ่มหลุดพ้นจากคดีซุกหุ้นเขาก็เริ่มมาบริหารจัดการ เขาก็ย้ายปลัดกระทรวง ปลัดเกริกไกร จีระแพทย์ จากกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะที่ไม่สามารถทำงานกับคุณอดิศัย โพธารามิก ได้ ย้ายออกไปคุณเกริกไกรก็ไปฟ้องศาลปกครอง เสร็จเรียบร้อยย้ายคนโน้นย้ายคนนี้ ตอนนั้นคนก็ด่าเขาพอสมควร ผมออกมาปกป้องเขา เหตุผลที่ผมออกมาปกป้องเขาเพราะว่าผมถือว่า เมื่อคุณจะบริหารงานแล้ว สิทธิในการเอาคนที่จะมาบริหารงานคุณเป็นสิทธิของคุณ แต่พอหลังจากนั้นแล้วเขาเริ่มเอาญาติพี่น้องเขาเข้ามา แม้กระทั่ง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร มาเป็นผู้บัญชาการทหารบก ผมเองยังจำได้ ผมออกมาต่อสู้ให้เขา ผมบอกไม่เป็นหรอกท่านนามสกุลเดียวกัน ผมก็มีญาติผม ผมมีน้องชายผมเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์บุญเลิศ ลิ้มทองกุล ผมมีพี่ชายผมเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตร นายสุเทพ ลิ้มทองกุล ผมมีพี่สะใภ้คนเป็นรองอธิบดีอยู่กระทรวงพาณิชย์ ถ้าพวกเขามีความสามารถผมไม่ห้ามเขา เพราะถ้าเขาขึ้นไปเดี๋ยวจะหาว่าสนิทสนมกับนายสนธิ ก็ไม่ยุติธรรมใช่ไหม

คุณสโรชาจำได้ไหมในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ผมเป็นคนให้โอกาสคน ผมซิให้โอกาสคน นายกฯ ไม่เคยให้โอกาสคน ไม่เคย 2545 ท่านโยกย้าย 46 ผมทำเมืองไทยรายสัปดาห์ไปผมเริ่มไม่สบายใจ ผมมีความรู้สึกว่าในบางอาทิตย์ที่ผมออกมาพูดนั้นผมจะอ้วก เพราะว่าผมไม่รู้ มโนธรรมผมกำลังทะเลาะกับตัวผมเองว่า เฮ้ยสนธิมึงจะเอายังไงวะ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่มึงจะต้องลุกขึ้นมาชูธงโต้กระแสทวน ผมก็ตัดสินใจเมื่อเดือน ส.ค. 2547 ถ้าคุณสโรชาจำได้ ผมเริ่มที่จะวิพากษ์วิจารณ์เขา แล้วผมก็บอกคุณสโรชาตลอดเวลาว่า เราอย่าไปยึดติด ถ้ารายการเราถูกปิดอาทิตย์ไหนถือว่าปิดไป

สโรชา - คือคุณสนธิเคยบ่นว่าเบื่อ ช่วงนั้น

สนธิ - แต่ต้องทำ ผมก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลตั้งแต่ปี 47 มาเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดท้าย สุดท้ายที่เขาทนไม่ได้มากที่สุด รัฐบาลทนไม่ได้คือวันที่ 9 ก.ย. ในเรื่องของ ผมตัดสินใจเปิดเรื่องสมเด็จพระสังฆราชฯ 2 พระองค์ เรื่องคุณหญิงจารุวรรณ เรื่องเอาจดหมายลูกแกะหลงทางมาอ่าน ตรงนั้นก็เลยทำให้ใครบางคนสติแตก โทรศัพท์จากเมืองนอกมาสั่งคนบางคนใน อสมทฯ ว่า ให้หาเหตุปิดรายการทันที คนใน อสมทฯ ก็สติแตก เพราะว่าผมเคยบอก 'พวกมัน' เอาไว้ ต้องใช้คำว่าพวกมัน ผมบอกว่า "เฮ้ย ไม่อยากให้ผมออกเมื่อไร มากระซิบบอกผม ผมจะยุติเวทีนี้ เพราะว่าผมไม่สนใจ" แต่ว่ามันนั่งแถลงออกโทรทัศน์ 9 นาที เป็นระยะๆ หาว่าที่ปิดผมนี่เพราะว่าผมพูดจาข้างเดียว ผมพูดจาข้างเดียวทั้งๆ ที่รายการเช้ามันมีนายสมัคร นายดุสิต พูดข้างเดียวอยู่ มันไม่เคยพูดสักคำ จะรู้เรื่องอะไรต้องใช้หลักปฏิจจสมุปบาท ผมหวังว่าท่านนายกฯ คงเข้าใจคำว่า "ปฏิจจสมุปบาท" คือผลมันเกิดขึ้นเพราะมันมีเหตุ ที่มาที่ไป ต้องเล่าให้ทุกคนฟังก่อน แล้วต้องพึ่งพี่น้องประชาชน พ่อแม่ที่นี่ เอาไปขยายความเล่าให้คนอื่นฟัง คนจะได้หายมืดบอด จะได้รู้ว่าเรานี่มีคนที่โกหก กะล่อน สับปลับ ที่สุดในโลกคนหนึ่ง
พอเสร็จเรียบร้อย เอามาอ้างว่าผมดึงฟ้ามาต่ำ ไปถามท่านราชเลขาฯ ไปถามยังไงรู้ไหม ไปถามบอกว่า พระเจ้าอยู่หัวฯ มอบหมายให้นายสนธิมาออกรายการอย่างนี้หรือ ก็มึงถามอย่างนี้เขาก็ต้องตอบว่าไม่ใช่สิ นี่มันถามหาเรื่องเข้าใจมั้ย นี่คือที่มาของ "ทำไมผมต้องฟ้องมันบาทเดียว" ผมก็เลยตัดสินใจฟ้องเขา 4 คดี คดีแรกผมฟ้องที่เขาหมิ่นประมาทผม หาว่าผมดึงข้างบนลงมา โกหก หมิ่นประมาทผม นั่นคือข้อแรก คือถ้าเขามากระซิบบอกผมว่า "คุณสนธิ นายกฯ หรือว่ารัฐบาลไม่พอใจรายการ อย่าให้ผมเดือดร้อนได้ไหม" ผมเคยบอกคุณสโรชาใช่ไหม

สโรชา - จำได้ค่ะ

สนธิ - บอกเราพร้อมจะไปทุกอาทิตย์นะ ไปเงียบๆ ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น คดีที่ 2 เป็นเรื่องของบริษัทกับบริษัท อสมทฯ ยกเลิกรายการ ทำให้บริษัทที่ทำรายการเสียหาย เขาฟ้องเรียกค่าเสียหาย คดีที่ 3 ฟ้องละเมิด ทำให้ผมเสียหาย แต่ผมมันเป็นคนที่รวย ผมเรียกแค่บาทเดียว "ผมเป็นคนที่รวยคุณธรรม" ผมเรียกบาทเดียวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ คุณสโรชา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ ว่าถ้าผมชนะบาทเดียวนี่ถือว่าผมชนะ และอีกประการหนึ่ง สมมุติถ้าผมจะหน้าด้านเหมือนคนบางคนเรียกสัก 500 ล้าน ถ้าสมมุติผมชนะ เนื่องจาก อสมทฯ 70 เปอร์เซ็นต์ ยังถือหุ้นโดยรัฐ ถ้าสมมุติต้องจ่าย 70 เปอร์เซ็นต์ ของ 500 ล้าน คือ 350 ล้าน คือเงินของประชาชน ผมรับไม่ได้ ผมเลยเรียกบาทเดียว

คดีที่ 4 คดีที่ 4 ซึ่งกำลังจะฟ้องเร็วๆ นี้ เป็นคดีของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานรัฐวิสาหกิจ เข้าข่ายมาตรา 157 เหมือนราชการ ซึ่งกำลังร่างอยู่ ซึ่งผมก็เรียนให้ท่านผู้ชมแล้วคุณสโรชา ฟังตั้งนานแล้วว่า การฟ้องครั้งนี้เหมือนวิ่งชนกำแพงเหล็ก เพราะว่าจะเลยก็คือ อดีตอัยการสูงสุด รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เด็กสร้างของนายกฯ แล้วนายกฯ ยังมีน้องเขยเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม แต่ผมต้องทำ ผมไม่ทำผมนอนไม่หลับ แพ้ชนะไม่ใช่เรื่องสำคัญ ทีนี้พอมาถึงเรื่องตรงนี้ท่านนายกฯ กลับมาจากอเมริกา พอท่านกลับมาท่านก็ฟ้องผมทันที ฟ้องผมฟ้องคุณ หมิ่นประมาทและละเมิด ท่านยังจนอยู่ท่านเลยเรียก 500 ล้าน

สโรชา - คุณสนธิถ้าเกิดว่าเราถอดคำพูดของท่านนายกฯ ที่พูดเมื่อวานนี้เรื่อง personal interest มีหลายคนคงจะตั้งคำถาม

สนธิ - เดี๋ยวๆ ยังๆ ยังไม่จบ กำลังเล่า คือคุณจะฟังคุณต้องฟังเรื่องเป็นตอนๆ ไป ทีนี้พอท่านฟ้องท่านรู้สึกว่าท่านต้องฟ้องอีกเพราะว่าผมยังไม่หยุด ที่ยังไม่หยุดเพราะว่าผมตั้งคำถามโง่ๆ 4 คำถามให้ท่านตอบท่านไม่เคยตอบ ท่านมาหาว่าผมไปโจมตีท่าน ผมถามท่านเรื่องพระสังฆราชฯ 2 พระองค์ ผมถามท่านเรื่องคุณหญิงจารุวรรณ ผมถามท่านเรื่องโน้นเรื่องนี่ท่านไม่เคยตอบผมซักคำถามเลย ท่านไม่เคยตอบ เมื่อท่านไม่ตอบแล้วผมก็เอาธรรมะหลวงตามหาบัว ซึ่งท่านเทศน์ออกมาพอดี ท่านเทศน์ว่า ท่านนายกฯ ท่านเลยเทวทัตไปแล้ว เอาลง ทีนี้ควันออกหู ก็เลยฟ้องหนังสือพิมพ์ผู้จัดการแต่ไม่กล้าทะเลาะกับหลวงตามหาบัว นั่นคือที่มาของว่า ทำไมถึงต้องเมตตาหลวงตามหาบัว พอทีนี้กระแสเริ่มมากขึ้น ข่าวก็มีบอกว่า ท่านนายกฯจะให้ทนายยื่นให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินให้เรายุติการพูดจาไหม คุณจำได้ไหม

สโรชา - จำได้ค่ะ

สนธิ - ท่านนายกฯ ตอบว่าไม่ เพราะว่า มันมีคนบางคนที่ใกล้ตัวชักจะมีสติขึ้น บอกว่าอย่าไปทำอย่างนั้นเดี๋ยวจะเสียทางการเมือง แค่นี้ก็เสียมากพอแล้ว ก็เลยพลิกประเด็นเป็นว่า ช่วยผมไม่ได้แล้วมีการขัดผลประโยชน์ คำว่าขัดผลประโยชน์ของท่าน ท่านคงหมายความว่า ครั้งหนึ่งผมเคยทำข่าวออกช่อง 11/1 ท่านไปเข้าใจผิด ประชาชนไปเข้าใจผิด ผมไม่ได้เป็นคู่สัญญาช่อง 11/1 บริษัท บีทีวี ถ้าใครที่ดูยูบีซีก็คือเจ้าของรายการช่องยูบีซี 9 ช่องเฉลิมพระเกียรติ ช่อง 27 ช่องยูบีซี 9 ช่องตำรวจ เจ้าของช่องได้สัมปทานมาจากช่อง 11 มาจ้างพวกเรา คุณสโรชา ทำข่าวให้เขา ตกลงกันเดือนละเท่าไหร่ ทำอยู่พักหนึ่งพูดอะไรก็พูดไม่ได้ พูดอะไรก็โดนเบรก ตลอดจนเสร็จเรียบร้อยเงินก็จ่ายมั่งไม่จ่ายมั่งเราก็เลยถอนตัวออกมา ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยท่านนายกฯ ท่านพูด ท่านพูดจาระวังนิด เพราะว่าท่านเอ่ยชื่อขึ้นมาแล้วผมจะฟ้องท่านหมิ่นประมาทได้แล้วนะคราวนี้ เอาล่ะ..

สโรชา - ไม่เกี่ยวนะ 11 นิวส์วัน เราไม่ใช่คู่สัญญา

สนธิ - เอาล่ะ ไม่เกี่ยว ของเราไม่เกี่ยวเลย เราไม่เกี่ยวข้องเลย เขาไปได้สัมปทานมาแล้วเขาหาคนทำข่าวไม่ได้ เขามาจ้างเราทำ เราทำกับเขาแล้วเราไม่พอใจเขาเราก็ถอนตัวออกมา เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องของเจ้าของสัมปทานกับเขา ผมไม่เกี่ยวเลยแม้แต่นิดเดียว เอาล่ะ ท่านนายกฯ ผมถามท่านในฐานะพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ถ้าท่านยังมีความจำดีอยู่ ท่านจำได้หรือเปล่าใครเป็นคนให้หุ้นไออีซีท่านในราคา 10 บาท นานมาแล้ว สิบกว่าปีที่แล้ว ผมซื้อบริษัทไออีซีมาจากเครือซีเมนต์ไทย ผมซื้อมา คุณอรนพเป็นกรรมการผู้จัดการ ผมซื้อมาหมด 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็แต่งตัวจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ผมยกหุ้นให้เขา มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ราคาอันเดอร์ไรต์ 250 บาท มูลค่า 400 ล้านบาท ให้เขา

คุณสโรชา ใจมันผิดกัน ท่านนายกฯ แน่จริงออกมาโต้กับผมเรื่องนี้ ท่านนักเลงนัก หลักฐานยังมีอยู่ ท่านยังเคยเข้าไปเป็นกรรมการไออีซีพักหนึ่งเลย เพราะผมเชิญเข้าไป ผมไม่เคย บาทหนึ่งก็ไม่เคยได้จากท่าน มีแต่ท่านได้จากผมไป 400 ล้านบาท ไอ้พวกกเฬวรากทั้งหลาย ไอ้พวกที่ผีถึงป่าช้า พวกสุนัขรับใช้ รับทราบเอาไว้ด้วย เมื่อกี้ผมถึงต้องยกมือไหว้ท่านไง ขอบคุณท่านหลายที่ท่านพูดออกมา

สโรชา - จะได้พูดบ้าง

สนธิ - ผมจะได้พูดบ้าง เพราะว่านักเลงตัวจริงไม่ซี้ซั้วพูด พูดทีไรต้องเป็นเรื่อง ไม่ใช่พูดวันนี้แล้วพรุ่งนี้จำไม่ได้ว่าวันนี้พูดอะไร ช่วยผมทีเถอะพ่อแม่พี่น้อง ช่วย...ช่วยไปกระจาย ช่วยไปเล่าให้ทุกๆ คนฟังหน่อย

สโรชา - เดี๋ยวเราจะเบรกกันก่อนไหมคะ

สนธิ - ยังฮะ เอาให้จบเลยฮะ วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด ผมนี่อึดอัดใจมามากแล้ว ผมโดนรังแกมาตลอดผมไม่เคยบ่น ผมไปประเทศจีนก็โดนตรวจสอบ ท่านนายกฯ ให้ลูกน้องท่าน นายตำรวจรุ่น 26 ที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ช่วยตรวจสอบหน่อยได้ไหมท่านมีคนนามสกุลเดียวกับท่านเดินทางไปสิงคโปร์ถี่จังเลยทุกวันนี้ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เดินทางไปทีมีกระเป๋าใบใหญ่ๆ ไป 3-4 กระเป๋าตลอดเวลา ผมไม่รู้ว่าหอบอะไรกันไปเยอะแยะนัก อย่ามาตรวจสอบผมเลย ตรวจสอบพรรคพวกท่าน ขอความสงบหน่อยนะครับผมเป็นผู้อภิปราย อย่าแย่งผมพูด เอาละคุณสโรชาเวลาจะหมดแล้วเบรคแรก เรามาพูดถึงวันที่ 23 ต.ค.

สโรชา - ใช่ค่ะ วันอาทิตย์นี้ วันปิยมหาราช

สนธิ - วันปิยมหาราช เสด็จพ่อรัชกาลที่ 5 มีคุณูประการกับเรามาก นอกจากเป็นการเลิกทาสแล้ว รศ.112 เป็นช่วงที่เราสูญเสียแผ่นดินไปให้กับต่างชาติ เราเป็นเมืองขึ้นกับฝรั่ง ฝรั่งเอาเรือปืนเข้ามาขู่เรา พระองค์ต้องเสียอวัยวะเพื่อรักษาร่างกายเอาไว้ เสียฝั่งขวาของแม่น้ำโขง เสียกลันตัน ตรังกานู ปะลิส ไปแล้วก็เกือบจะเสียปัตตานี ที่ไม่เสียปัตตานีเพราะมีวัดอยู่ 1 วัด วัดนั้นทางไทยอ้างว่า มีศิลปวัฒนธรรมไทยอยู่ฝรั่งถึงไม่เอาไป วัดนั้นเลยชื่อ วัดพิทักษ์แผ่นดินไทย ที่ จ.ปัตตานี พระองค์ท่านช้ำพระราชหฤทัยมากจนกระทั่งพระองค์ท่านไม่สบาย ไม่ยอมเสวยยา พระองค์ท่านแต่งกลอนเหมือนกับกลอนลาตาย พระองค์ท่านแต่งว่า "กลัวเป็นทวิราช บตริป้องอยุธยา เสียเมืองต้องนินทา บละเว้นฤวางวาย คิดใดจะเกี่ยงแก้ ก็บพบซึ่งเงื่อนสาย สบหน้ามนุษย์อาย จึงจะอุดแลเลยสูญ”
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ตอบพระราชนิพนธ์นี้ เพราะว่าพระองค์ท่านมีความท้อถอย ไม่ต้องการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว พระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงท่านพูดว่า "ดุจเหล่าพละนา วะเหว่ว้ากะปิตัน นายท้ายฉงนงัน ทิศทางก็คลางแคลง ... อึดอัดทุกหน้าที่ ทุกข์ทวีทุกวันวาร เหตุห่างบดียาน อันเคยไว้น้ำใจชน"
คือพระองค์ท่านเปรียบเทียบว่าเหตุการณ์บ้านเมืองเหมือนกับเรือที่ขาดกัปตันทำให้ลูกเรือทั้งหมดเกิดสับสนไม่รู้จะเดินไปในทางทิศใด ทุกคนต่างอึดอัดเพราะไม่มีองค์ผู้นำเป็นศูนย์รวมน้ำใจ ในที่สุดพระองค์ท่านเลยมีกำลังใจกลับมาบริหารราชการแผ่นดินต่อ พระองค์ท่านเลยเดินทางไปต่างประเทศไปติดต่อ สมัยนั้นที่พระองค์ท่านไปรัสเซีย ไปเยอรมัน เพราะพระองค์ท่านต้องการเอารัสเซียกับเยอรมันมาทานอังกฤษ อเมริกา และฝรั่งเศส นี่คือหน้าที่พระองค์ท่าน พระองค์ท่านเดินทางไปเพื่อให้ต่างชาติเข้ามา เพื่อช่วยแก้ปัญหา แต่เราไม่รู้ช่วงหลังๆ เราเดินไปเพื่อขายประเทศ มันคนละเรื่องกัน ทีนี้สมัยก่อนเราเสียดินแดน วันนี้เราก็เสีย

สโรชา - ฮะ

สนธิ - เราเสียเศรษฐกิจ เศรษฐกิจถูกครอบงำหมด

สโรชา - อ๋อ

สนธิ - สิงคโปร์เป็นเจ้าของธนาคารไปหมด นี่ยังไม่นับซูเปอร์ฯ ขายชาติที่เปิดบริการ 20 บริการที่เราจะพูดกันเบรค 2 ว่ามีอะไรอีก เราสูญเสียหมดทุกอย่าง ไม่มีเหลือ แล้วอีก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถ้านายกฯ คนนี้ยังอยู่ต่อไปเราสูญเสียแน่

สโรชา - ก็ถือว่าเป็นเรื่องราวที่จะต้องพูดคุย จะต้องนำมาเล่าให้รับทราบกัน เดี๋ยวเราพักกันแป๊บนึงนะคะ

สนธิ - นิดนึงก่อนจบ นิดเดียว ยังไม่ได้ตอบท่านนายกฯ

สโรชา - ว่า

สนธิ - ท่านบอกถ้าผมสำนึกตัวแล้วท่านจะให้อภัย

สโรชา - ถ้าเกิดสำนึกตัวจะไปขอโทษท่านพร้อม เป็นคนให้อภัยคน

สนธิ - เอาอย่างนี้ดีกว่าท่านนายกฯ อย่าว่าแต่สำนึกเลย ผมจะคลานจากหน้าทำเนียบเข้าไปหาท่านด้วยหัวเข่า 2 ข้าง คลานขึ้นบันได ไม่ขึ้นลิฟต์ด้วย ไปถึงที่โต๊ะทำงานท่าน ผมจะพนมมือ 10 นิ้ว ที่ผมเคยกราบแต่พระ กราบพ่อ กราบแม่ กราบเท้าท่าน ถ้าท่านแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นของประเทศชาติ ถ้าท่านแก้เรื่องสมเด็จพระสังฆราชฯ 2 พระองค์ ถ้าท่านแก้เรื่องคุณหญิงจารุวรรณ ถ้าท่านนำความยุติธรรมกลับมาสู่สังคม ถ้าท่านไม่ให้เครือญาติของท่านทั้งหลายทั้งแหล่มาสูบเลือดสูบเนื้อ แล้วก็เครือพรรคพวกของท่านมาคอร์รัปชั่น ดึงทรัพยากรของประชาชนออกไป ถ้าท่านทั้งหมดเหล่านี้ได้ ผมจะกราบท่านเช้า กราบท่านเย็น

สโรชา - พักกันแป๊บหนึ่งค่ะ เดี๋ยวกลับมาค่ะ




สนธิ - ก่อนคุณแอ้มจะเริ่ม จะเรียนเล่าให้ท่านผู้ชมฟังนิดหนึ่ง เวลานี้มีคนใช้วิชามารก่อกวนเว็บไซต์ผู้จัดการตลอดเวลาขณะนี้ โดยผมเข้าใจว่าคงจะเป็นคนซึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยีอยู่ในกรุงเทพฯ นี่แหละ ชี้ให้ดูว่า ท่านผู้ชมที่อยู่ที่บ้าน คุณสโรชา แล้วท่านผู้ชมที่อยู่ในนี้ ท่านนายกฯ ครับ ท่านชอบพูดอยู่เรื่อยว่าท่านต้องการสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมองค์ความรู้ พวกเราจำคำนี้ได้ทุกคนไม่ใช่หรือ

สโรชา - โนว์เลดจ์โซไซตี้ (knowledge society)

สนธิ - องค์ความรู้ แล้วผมจะถามท่านว่า องค์ความรู้จะเกิดขึ้นได้อย่างไรถ้าท่านไปปิดปากสื่อ องค์ความรู้มันต้องเปิดให้เสรีภาพของข่าวสารไหลเวียน คนจะได้มีทางเลือก ท่านเป็นคนพูดเองว่าสังคมมีความหลากหลายมาก เมื่อมีความหลากหลายแล้วท่านต้องยอมรับความหลากหลายตรงนี้ ท่านต้องยอมรับความเห็นที่ต่างออกไปจากตัวท่าน ท่านต้องยอมรับตรงนี้ แต่ท่านไม่ยอมรับ เมื่อท่านไม่ยอมรับแล้วท่านไปบังคับให้สังคมรับข่าวสารข้อมูลเฉพาะด้านที่ท่านพอใจ แล้วสังคมองค์ความรู้มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร มันไม่เกิดขึ้น

สโรชา - ต้องเปิดทุกทาง

สนธิ - ทุกทางครับ สังคมคนจะฉลาดขึ้นเพราะว่าความรู้และความคิดเห็นมันหลากหลาย คนเอามาคิดแล้วเปรียบเทียบกันได้ เพราะฉะนั้นแล้วบางครั้งท่านพูดไปท่านไม่รู้ว่าท่านพูดอะไรไป ท่านพูดในความสวยหรู แต่ว่าเวลาท่านปฏิบัติแล้วมันตรงกันข้ามสิ่งที่ท่านพูด คุณสโรชาสังคมไทยยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะไม่มีวันเป็นสังคมองค์ความรู้ได้ มันเป็นไม่ได้ เพราะว่าท่านไม่ยอมเปิดตัวท่าน

สโรชา - คือท่านไม่ปล่อยให้มีความหลากหลายหรือคะ

สนธิ - ไม่ปล่อยไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นแล้วคนที่นั่งอยู่หน้าจอทีวีถึงโง่เอา โง่เอาทุกวันนี้

สโรชา - วันนี้คุณสนธิเอาหนังสืออะไรมาคะ

สนธิ - คุณประสงค์ สุ่นศิริ เขียนหนังสือ 2 เล่ม เล่มหนึ่งชื่อว่า สุนัขตัวนั้น ผมยังไม่ได้อ่านครับ “ขอมอบด้วยคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ด้วยความนับถือ และเป็นกำลังใจให้ในการต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง ชอบธรรม เพื่อชัยชนะในที่สุด” ขอบคุณครับท่าน น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ นะครับ มีคนห่วง คุณสโรชา

สโรชา - มีคนห่วงเยอะค่ะ

สนธิ - มีคนห่วงว่าผมถูกฟ้องไปแล้ว 1,000 ล้าน ผมบอกว่าน้อยไป ผมอยากให้เขาฟ้องซัก 10,000 ล้าน หรือ 20,000 ล้าน หรือ 50,000 ล้าน มีปัญญาฟ้องอีกเป็นแสนล้านฟ้องมาเลย ผมอย่างมาก สมมุติก็แล้วกันว่า ถ้าผมพึ่งอะไรไม่ได้ แล้วผมไม่มีอะไรเลย ผมมีเพื่อนอยู่ทุกจังหวัด ผมเชื่อว่าท่านผู้ชมที่อยู่ในห้องนี้พร้อมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงข้าวผมวันละ 3 มื้อไปจนผมตาย ถ้าผมไม่มีบ้านอยู่หลายคนคงบอกว่า มาอยู่บ้านผมก็ได้ แต่ท่านนายกฯ วันที่ท่านลงจากตำแหน่งนั้นผมไม่รู้ว่าท่านจะมีเพื่อนได้ 1 ใน 100 ที่ผมมีรึเปล่าก็ไม่รู้ ท่านนายกฯ ครับ เรื่องเงินจำเอาไว้นะครับไม่ใช่เรื่องสำคัญในชีวิตเลย เรื่องน้ำใจ เรื่องคุณงามความดี เรื่องคุณธรรม เรื่องความจริงใจที่มีต่อชาติต่อบ้านเมือง เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

สโรชา - โปรดิวเซอร์ส่งสารมาค่ะ บอกว่า มีผู้ชมรายการฝากบอกมารายงานกับทีมงานเราว่ามีคนของสำนักงานอัยการคอยรายงานและเตรียมสำนวนเล่นงานคุณสนธิอยู่ วงเล็บด้วยนะคะว่าใส่เสื้อสีฟ้า แล้วก็ถือโทรศัพท์มือถือยี่ห้ออะไร

สนธิ - ไม่เป็นไรๆๆ ครับ นั่งครับ ไม่เป็นไรครับ คือต้องเข้าใจหน้าที่เขา ต้องเข้าใจนะ ไม่เป็นไรครับๆ อย่าๆๆๆ คือบางทีอาจจะไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง แต่ผมเรียนนิดหนึ่ง ขอความกรุณาเงียบนิดเถอะครับ ผมเรียนนิดหนึ่งว่า ในการต่อสู้เพื่อความถูกต้องนั้น คนที่มีอำนาจรัฐจะใช้อำนาจรัฐทุกวิถีทาง ด้วยเหตุนี้ถึงไม่ค่อยมีใครกล้าลุกขึ้นมาต่อสู้ แต่ผมมันเป็นคนซึ่งกลัวจนจะต้องกล้า เพราะมันกลัวมากจนต้องกล้า เพราะฉะนั้นแล้ว ผมเรียนให้ทราบแล้วว่า ไม่ต้องเกรงใจผม อย่าครับ อย่าช้าที่จะฟ้องผม รีบร่างตั้งสำนวนฟ้องมาให้เต็มที่เลย ฟ้องมาเถอะครับ เพราะว่าในประวัติศาสตร์การต่อสู้นั้น ในที่สุดแล้ว ในตอนต้นธรรมะจะแพ้อธรรมเสมอ แต่พอตอนจบทุกทีผมไม่เคยเห็นอธรรมชนะธรรมะได้สักที เพียงแต่พวกคุณที่ขยันขันแข็งรับใช้อยู่ ที่เป็นข้าราชการนี่ หลบได้หลบซะ อย่าให้ผมจำชื่อคุณนะ เท่านั้นเอง

สโรชา - มีหลายเรื่องค่ะคุณสนธิ ทั้งเรื่องของภาคใต้ เรื่องของเรากับมาเลเซีย เรื่องหวัดนก แล้วก็เรื่องนครสุวรรณภูมิ คุณสนธิจะพูดเรื่องอะไรก่อนดีคะ

สนธิ - คุณอยากฟังเรื่องอะไรล่ะ

สโรชา - อยากฟังเรื่องอะไรคะ (ถามท่านผู้ชม) ... นครสุวรรณภูมิหรือเปล่า เดี๋ยวภาคใต้ต่อได้ เอานครสุวรรณภูมิก่อนดีไหมคะ

สนธิ - คือ เอาอย่างนี้ดีกว่า นครสุวรรณภูมิ มันต้องผูกไปกับเรื่องของสิทธิประโยชน์ที่เขามอบให้กับชาวต่างชาติ เข้ามาประกอบอาชีพได้ 20 อย่าง มันจะโยงกันไปสู่นครสุวรรณภูมิ คือนครสุวรรณภูมินี่มันเป็นภาพสะท้อนของการปลิ้นปล้อน โกหก หลอกลวง ของคนที่อยู่ในรัฐบาลอย่างเห็นได้ชัด ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ก็แล้วกันนะฮะ คือ นครสุวรรณภูมินี่ ผมเรียนให้ทราบว่า ถ้าเราเข้าใจข้อมูลดีๆ เราสังเกต ผมถึงพูดให้ท่านผู้ชมฟังตลอดเวลาว่า เวลาอ่านข่าวหรือดูท่านนายกฯ พูด ให้หยุดคิดสักนิดหนึ่ง คือสมัยก่อนผมไปมองท่านในแง่บวก เพราะฉะนั้นแล้วพออะไรเกิดขึ้นมาผมก็จะประหลาดใจ ผมก็จะบอกว่า "เฮ้ย สงสัยท่านไม่รู้ มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง" แต่ผมเริ่มเปลี่ยนทัศนคติ ผมเริ่มมองท่านในแง่ลบ ผมกลับทำนายทุกก้าวที่ท่านเดินได้หมด ถูกเป๊ะๆๆ หมดเลย มันเป็นอย่างนี้จริงๆ นะ

สโรชา - แสดงว่าทราบอยู่แล้วว่าต้องออกมาลักษณะนี้

สนธิ - คือ น่าสนใจมาก คือท่านนายกฯ ท่านเคยให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2535 ท่านนายกฯ ท่านไม่รู้หรอกว่าผมเอาคำพูดของท่านตั้งแต่ 2532 ท่านพูดอะไร พูดไว้อย่างไร พูดที่ไหน มันอยู่ในเมมโมรีชิปผมเรียบร้อยหมดแล้ว ผมดึงไฟล์ออกมาได้ทุกเรื่อง ถ้าท่านพูดถึงเรื่องคอร์รัปชั่น ผมก็พูดได้ ถ้าท่านพูดถึงเรื่องนั้น ผมก็พูดได้ว่าครั้งหนึ่งท่านเคยพูดว่าอย่างไร ครั้งหนึ่งท่านเคยพูดให้สัมภาษณ์ในหลังสือพิมพ์หลักไทย ในปี 2535 คนเขาบอกว่า ท่านมองธุรกิจอย่างไร ท่านบอกว่า ผมมองธุรกิจไม่เหมือนคนอื่น อย่างเช่น มะพร้าวลูกหนึ่งบางคนก็แค่กินน้ำมะพร้าวแล้วทิ้งไป แต่ผมไม่ทิ้งเพราะยังมีเนื้อมะพร้าวเอามาทำประโยชน์ได้ หมดเนื้อก็ยังมีกะลามะพร้าวเอามาทำประโยชน์ได้อีก หมดเนื้อหมดกะลาก็ยังมีเปลือกเอามาทำประโยชน์ได้อีกเหมือนกัน รวมความแล้วมะพร้าวลูกหนึ่งเอามาใช้ได้ทั้งหมด
เพราะฉะนั้นแล้วประเด็นซึ่ง ถ้าท่านอยู่ในวงการธุรกิจท่านเอามะพร้าวลูกหนึ่งมาแล้วท่านทำธุรกิจในลักษณะนั้นก็จะเป็นการทำธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่พอท่านมาบริหารชาติบ้านเมืองแล้ว คำถามที่ชาวบ้านถามว่า มะพร้าวลูกนั้นท่านได้มาอย่างไร ชอบธรรมหรือเปล่าเพราะว่ามันเป็นของแผ่นดิน ถ้ามันได้มาไม่ชอบธรรมแล้วแล้วถ้าท่านกินจนไม่เหลือให้ใครเลยแล้วกินรวบท่านจะอยู่ในแผ่นดินนี้ได้อย่างไร คือท่านนายกฯ ผมเป็นห่วงท่าน ผมเตือนท่าน เพราะว่าตัวตนที่แท้จริงของท่านท่านแสดงออกมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ว่าสื่อมวลชนยังไม่มีใครลงไปเจาะ เผอิญผมเสือกรู้ทันท่าน ท่านก็เลยไม่ค่อยชอบขี้หน้าผม ส่วนสนามบินสุวรรณภูมิกับเมืองสุวรรณภูมินั้นคือเข้ากระบวนทัศน์มะพร้าว เหมือนกันหมด

สโรชา - (หัวเราะ) ท่าน ส.ว.ท่านถูกอกถูกใจ

สนธิ - อย่าดังครับเดี๋ยวเขาจะหาว่าเป็นหน้าม้า เขายิ่งว่าอยู่คราวที่แล้ว ใครบ้างครับท่านผู้ชมที่มาในหอประชุมใหญ่คราวที่แล้วยกมือหน่อย

สโรชา - โอ้โฮ

สนธิ - นายสมัคร นายดุสิต อ้างว่าที่หอประชุมใหญ่พวกท่านมาเพราะว่าพวกท่านไปดูคอนเสิร์ตที่สนามหลวงแล้วเดินข้ามมา ผมบอกว่าอย่าไปโกรธเขาคุณสโรชา

สโรชา - แต่ว่ามี เห็นบอกว่ามีการกล่าวถึงว่า ถ้าเกิดมาแล้วจะมีคนดักทำร้ายด้านหน้าหรืออะไร

สนธิ - ก็ท่านสมัครท่านไปใช้จิตใจที่ไม่เหมือนวิญญูชนของท่านมาวัดคนอื่นเขานะซิมันก็เลยเป็นอย่างนี้ คือนครสุวรรณภูมิ มันไม่ได้เกิดขึ้นจู่ๆ มีไอเดียเกิดขึ้นหรอก มันวางแผนกันมานานแล้ว วางแผนกันมานานแล้ว ถ้าไม่วางแผนกันมานานจะมีการกว้านซื้อที่ดินกันเยอะขนาดนั้นได้อย่างไร

สโรชา - เขาบอกว่าซื้อกันเป็นสิบปีเลยนะคะ ซื้อกันไว้ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้วก่อนจะสร้างสนามบินด้วยซ้ำ

สนธิ - ผมไม่รู้ ต้องเอามาตีแผ่กันนิดหนึ่ง ท่านพูดก็พูดได้ ผมอยากจะรู้นิดหนึ่งข้อมูลพวกนี้ซื้อ ซื้อในชื่อใคร บางครั้งซื้อในชื่อใครก็เซ็นโอนลอยเอาไว้ได้ แต่ประเด็นไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ประเด็นก็คือว่า เมื่อมันพิสูจน์ออกมาแล้วว่า มีคนใกล้ชิดถือสนามบิน ที่ในสนามบินอยู่แล้วตัวเองไปสร้างโครงการนครสุวรรณภูมิ ถ้ามียางอายอยู่ซักนิดต้องหยุดก่อน ต้องหยุดเรื่องนี้ก่อน ต้องหยุดเลยถ้ามียางอายนะ แต่เผอิญยางที่มีนั้นมันเกิดจากกล้ายางที่ไม่มีคุณภาพที่ไปหลอกขายชาวไร่ชาวนาของคนอีสาน และทั่วประเทศไทยเอาไว้

สโรชา - ก็เลยมีปัญหาเล็กน้อย

สนธิ - มันก็เลยไม่มียางอาย มันก็เลยไม่มีน้ำยาง คือนครสุวรรณภูมินี่เป็นประเทศในประเทศไทย เพราะว่าที่เขาออกมาแบบมานี่ เท่าที่ฟังคำให้สัมภาษณ์แล้วดูเจตนารมณ์นี่ คือการที่จะสร้างกฎหมายขึ้นมากฎหมายหนึ่ง ที่กฎหมายที่มีอยู่ปัจจุบันไม่ครอบคลุมไปถึง มีผู้ว่าการนคร นะฮะ เหมือนกับท่านนายกฯ ท่านอยากจะมีนครหลวงของท่านเอง

สโรชา - คือมีผู้ว่าฯ ได้รับการเลือกตั้ง นะคะ แล้วก็มีกฎหมายเฉพาะที่จะปกครอง

สนธิ - การเลือกตั้งจากใครล่ะฮะ

สโรชา - คนในนั้นสิคะ เขาบอกว่าจะมีประชาชนประมาณ 4-5 แสนคน ที่พักอยู่ในนครสุวรรณภูมิแห่งนี้

สนธิ - แล้วก็พิมพ์บัตรเลือกตั้งที่กองสลากฯ ด้วยใช่ไหม แล้วเวลาเลือกตั้งก็จะมีทหาร มีตำรวจ ลงไปเป็นร้อยๆ พันๆ เลยใช่ไหม แล้วก่อนเลือกตั้งนี่ก็จะมีแจกบ้านเอื้ออาทรคนละหลังใช่ไหม แหมไอ้ลูกเล่นเก่าๆ แบบนี้มันมุกเก่า วันหลังต้องเปลี่ยนมุกบ้างแล้ว มันไม่ไหว ตอนนี้คนเริ่มรู้แล้ว เอาล่ะกลับมาเรื่องนครสุวรรณภูมินิดหนึ่ง คือนครสุวรรณภูมิจะมีกฎหมายของตัวเอง ทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นแล้วในนครสุวรรณภูมินี้ นอกจากจะให้สิทธิพิเศษใครก็ได้ ยังสามารถจะตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นบ่อนการพนันได้ทันที
ธรรมชาติของสนามบินนี่ ที่เขาตั้งอยู่นอกเมืองเพราะว่าเขาไม่ต้องการให้จราจรติดขัด ฮ่องกงมันถึงหนีจากสนามบินไคตั๊ก (Kai Tak) ไปอยู่แช็ก แลป ก๊อก (Chek Lap Kok) ... คันไซ โอซากา (Kansai, Osaka) ถึงต้องถมทะเลออกไปข้างนอกนะครับ จังอี้ (Shangi) ที่มันอยู่ใกล้สิงคโปร์ ก็เพราะว่าสิงคโปร์มันเป็นที่ๆ เล็กมาก เผลอๆ มันจะเล็กกว่าเขตสัมพันธวงศ์เสียด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นแล้วมันไม่มีทางเลือก มันก็เลยอยู่ที่นั่น นะครับ ไปดูสนามบินอินชอน (Incheon) ของเกาหลี เขาก็อยู่นอกเมืองโซล เขามีแต่หนีเมือง นี่ดันไปทะลึ่งสร้างเมืองในสนามบิน

สโรชา - มันกลับหลักการนะ

สนธิ - อะไรฮะ

สโรชา - มันกลับกันใช่ไหมคะ หลักการที่ว่านี่

สนธิ - มันกลับกันหมด แล้วไอ้ที่ดินตรงนั้นเดิมทีพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริว่า น่าจะเก็บเอาไว้เป็นแก้มลิงสำหรับกักน้ำ เพราะเป็นที่ลุ่ม เอาล่ะ ก็มีผู้อยู่ผังเมือง ก็อยากจะรับใช้นักการเมือง ก็บอก เฮ้ย ทำได้ เราก็ขุดคลองกว้าง 64 เมตร สวยงาม ยังเก็บน้ำได้ ทิวทัศน์ดี ปลูกต้นไม้ อย่างโน้นอย่างนี้ ผมก็ถามบอกว่า ธรรมดาแล้ว การปลูกบ้านปลูกเรือนนี่ การสร้างโครงสร้าง สนามบินหนองงูเห่านี่มันต้องถมทรายตั้งไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนกี่ล้านคิว ถมแล้วถมอีก ถมแล้วถมอีก ขนาดโกงทราย เขาให้ทรายแม่น้ำยังทะลึ่งไปเอาทรายเป็ด เพราะว่าค่าคิวมันต่างกัน คือมันโกงหมดทุกอย่าง ต้นทุนมันก็สูง เพราะฉะนั้นแล้วใครก็ตามที่ไปอยู่ที่นั่น ฐานรากของการสร้างบ้าน ระหว่างดินที่แข็งกับที่ลุ่ม มันจะแพงกันกี่เท่าตัว เพราะฉะนั้นใครไปอยู่ที่นั่นก็ฉิบหายกันทุกคน นี่ข้อที่ 1
ข้อที่ 2 ต้นทุนการสร้างโครงการสาธารณูปโภคนี่ มันจะต้องแพงกว่าธรรมดาอย่างน้อย 2-3 เท่า นี่กำลังพูดถึงเงิน 5 แสนล้าน เงินล้านล้าน หรือว่าถ้ามันเกิน 5 แสนล้าน 6 แสนล้านแล้ว มันน่าทำ เพราะว่า 20 เปอร์เซ็นต์ มันเท่าไหร่ ผมว่าเขามองกันตรงนี้มากกว่า เสร็จเรียบร้อยแล้วที่น่ากลัวก็คือว่า ไอ้เมืองสุวรรณภูมิอันนี้ ดูให้ดีๆ แล้ว มันจะเข้า ลงล็อกเข้าไปสู่จุดของเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพราะเขตเศรษฐกิจพิเศษ คุณสโรชาจำได้ไหม รัฐบาลชุดนี้เคยพยายามจะทำ แล้วโดนต่อต้านหนัก

สโรชา - เคยค่ะ แล้วก็ถอยไป

สนธิ - เขตเศรษฐกิจพิเศษนี่เขาเตรียมทำที่เชียงราย เตรียมทำที่นครนายก เตรียมทำที่กรุงเทพมหานครหลายๆ แห่ง ประเด็นสำคัญ เขตเศรษฐกิจพิเศษก็คือพิเศษจริงๆ พิเศษตรงที่ว่า จะเวนคืนที่ใครก็ได้ในที่นั้น ให้ราคาเท่าไรก็ได้ ที่ธรณีสงฆ์ไม่มีความหมาย ยึดคืนได้หมดทุกอย่าง ราคาเท่าไร หลวงพ่อ หลวงพี่ท่านพอใจแค่ไหน สุดแล้วแต่ผู้ว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษจะกำหนดว่าราคาได้เพียงแค่นี้ก็แค่นี้ ไม่มีมากกว่านี้ แล้วก็มีสิทธิที่จะให้อภิสิทธิ์ใครก็ได้ ทีนี้มันก็เลยโยงกลับมาต่อถึงกระบวนการตั้งคุณบุญคลีขึ้นมาเป็นประธานอนุกรรมการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ประธานอนุกรรมการคณะกรรมการอนุมัติให้สิทธิพิเศษผู้มาลงทุน คือ จะตั้งคุณบุญคลีเป็นเทวดาผมก็ไม่ว่า แต่ว่า ใช้ธรรมรัฐในการตั้งนิดหนึ่งได้ไหม

สโรชา - นี่คือบีโอไอนะคะ

สนธิ - ฮะ บีโอไอ คือคุณบุญคลีนี่ท่านก็ไม่ได้ผิดอ่ะ ท่านก็เก่งฉกาจฉกรรจ์ ท่านก็อยู่ สมัยท่านอยู่การสื่อสารแห่งประเทศไทย ท่านก็ดูแล รับใช้ให้ความสะดวกสบายกับท่านนายกฯ ทักษิณในการทำโทรคมนาคม จนท่านนายกฯ เห็นฝีมือ ท่านก็เลยเอามาอยู่ชินคอร์ปด้วยกัน ก็ร่วมมือกันแต่งตั้ง บางครั้งประชุม ครม. อย่างที่กองบัญชาการทหารเรือคราวที่แล้ว ท่านก็สะเออะเข้าไปนั่งกับเขาด้วย ไม่รู้ในตำแหน่งอะไรนะฮะ ทีนี้พอท่าน คุณบุญคลีเนี่ย ... อ่อ สวัสดีคุณธนา ยังอยู่ที่บ้านใช่ไหม ดูรายการอยู่เตรียมร่างคำฟ้องไว้ด้วยนะ ... คือ คุณบุญคลีท่านเป็นคนเก่ง แต่สถานภาพของคุณบุญคลีเป็นผู้บริหารสูงสุดของชินคอร์ป ชินคอร์ปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของชินแซทเทิลไลท์ ชินแซทเทิลไลท์เป็นเจ้าของไอพสตาร์ ไอพีสตาร์ได้สิทธิ์ลดภาษี ยกเว้นภาษีจากบีโอไอ ทำให้ประหยัดภาษีไป 16,500 ล้าน เพราะฉะนั้นแล้วโดยสถานภาพแล้วคุณบุญคลีจะมานั่งตรงนี้ได้อย่างไร ถูกไหมคุณสโรชา

สโรชา - คือมันมีสิทธิเชื่อมโยงกันอยู่

สนธิ - มันมีความขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนมันไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่ มันจะมาอยู่ได้อย่างไร แล้วบอกว่าคุณบุญคลีมานั่งตรงนี้มันทำให้นักลงทุนต่างชาติเชื่อใจ

สโรชา - มีความเชื่อมั่น

สนธิ - ประเทศไทยถ้านักลงทุนต่างชาติจะมาเขาดูเสถียรภาพของประเทศไทย คุณรู้ไหมเขาดูที่ไหน

สโรชา - ที่ไหนคะ

สนธิ - เขาดูที่พระมหากษัตริย์ เขาดูที่สถาบันกษัตริย์

สโรชา - เหรอคะ

สนธิ - เขาไม่ได้ดูที่พวกคุณ เพราะเขาบอกว่าสถาบันกษัตริย์คือศูนย์รวมจิตใจของประชาชนทั้งชาติ เพราะฉะนั้นเสถียรภาพทางการเมืองระยะยาวมีแน่นอน เพียงแต่ถ้ามันจะขาดตอนในช่วงสั้นๆ มันก็ขาดตอนชั่วคราว แต่มันก็กลับเป็นปกติ เพราะว่าสถาบันกษัตริย์ยังเป็นหลักอยู่ และศาสนายังเป็นหลักอยู่ เขาไม่ได้ดูฝ่ายการเมือง เขาไม่ได้ดูคุณบุญคลี ปลั่งศิริ แล้วเผอิญมหานครสุวรรณภูมิอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย ก็คือ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา ซึ่งภรรยาท่านเป็นเลขาคนสนิทของคุณหญิงอ้อ เสร็จแล้วรัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย ซึ่งดูแลเรื่องนี้เผอิญชื่อคุณสมชาย สุนทรวัฒน์ เป็นญาติคุณบุญคลีอีกตั้งหาก นี่เขาไม่ได้กินมะพร้าวคนเดียวนะเขาเรียกว่าชวนญาติพี่น้องมากินมะพร้าวพร้อมกัน คือจริงๆ ผมไม่รู้ว่าเขาคิดได้อย่างไรเรื่องพวกนี้ เรื่องที่เป็นประโยชน์แล้วเป็นปัญหาเขาไม่รู้จักไปแก้ อย่างเรื่องกองทุนหมู่บ้าน
เรื่องการทำบัญชีแบบศรีธนญชัย ก็คือว่า บัญชีค่าใช้จ่ายบางอย่างไม่ปรากฏในงบประมาณ เพราะว่าเขาโยนออกไปนอกงบประมาณ ให้ธนาคารกรุงไทยรับเอาไว้บ้าง ให้ธนาคารออมสินรับเอาไว้บ้าง ให้ธนาคารการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รับเอาไว้บ้าง ก็ไม่ปรากฏอยู่ในงบประมาณ เหมือนกองทุนหมู่บ้าน ท่านนายกฯ เดี๋ยวท่านนายกฯ จะหาว่าผมซี้ซั้ว ผมส่งทีมข่าวลงไปทั้งหมด 12 ทีม ทั้ง 4 ภาค เจาะเรื่องกองทุนหมู่บ้านของท่าน เจาะมาได้ผลสรุปอย่างนี้ครับสั้นๆ แล้วผมจะลงในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ที่ท่านฟ้อง ให้ประชาชนได้อ่านกัน
สรุปกองทุนหมู่บ้านมีหนี้ที่ยังไม่เสีย ที่เขาคืนมาให้ 98 เปอร์เซ็นต์ ถูกต้องไม่ผิด แต่ว่าความจริงนี่มันบอกกันไม่หมด ใน 98 เปอร์เซ็นต์นั้น มีอยู่ 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งชาวบ้านกู้กองทุนหมู่บ้านใช้ไปในทิศทางที่ไม่เกิดประโยชน์ ไปซื้อมอเตอร์ไซค์ ซื้อโทรศัพท์มือถือ แล้วถึงเวลาต้องคืนเงิน ไปกู้เงินนอกระบบมาคืน เพราะฉะนั้นชาวบ้านก็เลยเสียดอกเบี้ย 2 เด้ง เด้งแรกเสียดอกเบี้ยกองทุนหมู่บ้าน เด้งที่สอง ดอกเบี้ยเงินกองทุนนอกระบบ ร้อยละ 10 ร้อยละ 20 ต่อเดือน นะครับ เพราะฉะนั้นแล้วมันก็เลยเป็นเงินซึ่งหมุนอยู่แค่นี้ มันก็เลยทำให้เงินนอกระบบมาพึ่งพิงอิงแอบกับเงินกองทุนหมู่บ้าน เท่ากับทำให้เงินนอกระบบนั้นยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้แก้ปัญหาเลยแม้แต่นิดเดียว
ทีนี้ถ้าท่านไปทำลายเงินนอกระบบเสีย สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ กองทุนหมู่บ้านก็เจ๊ง แต่ถ้าท่านไม่ทำลายเงินนอกระบบ ประชาชนก็เจ๊ง เพราะฉะนั้นแล้ว นี่คือ เขาเรียกว่าดาบสองคม ท่านหันไปคมไหนก็โดนบาด ท่านหันไปอีกคมหนึ่งก็โดนบาด ก็เพราะว่าท่านไปคิดวิสัยทัศน์ของกองทุนหมู่บ้าน ท่านไม่ได้คิดให้เป็นองค์รวม ท่านไม่ได้คิดให้ประชาชนเข้าไปทำมาหากิน ท่านคิดเงินกองทุนหมู่บ้านเพื่อให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอย เมื่อจับจ่ายใช้สอยท่านก็คิดว่า การหมุนเวียนของเงินนั้นมันก็จะเกิดพลวัตรของเศรษฐกิจ มันก็จะเกิดเงินหมุนต่อเงินหมุนต่อเงิน แต่ท่านลืมนึกไปว่า การลงทุนแบบนั้นคือการจับจ่ายใช้สอยในเชิงบริโภค ไม่ใช่ในเชิงผลิต มันก็อุปมาไมยเหมือนท่านเอาฟางมาฟางหนึ่ง แล้วเอาไม้ขีดจุด ไฟมันก็ไหม้ฟาง ประเดี๋ยวเดียว วื้ดเดียวก็หมดแล้ว
เพราะฉะนั้นเงินกองทุนหมู่บ้านตอนนี้ถึงทางตัน ภาพดูดี แต่ว่าประชาชนวิ่งไปเอาเงินนอกระบบมาจ่ายเงินในระบบ แล้วก็มากู้เงินกองทุนหมู่บ้านต่อ เอาออกมาคืนนอกระบบ พอถึงดีล ก็เอานอกระบบมาคืนในระบบ ก็คือเหมือนลูกบอลอ่ะ เหมือนลูกบอลที่ถูกเตะกันไปเตะกันมา ประชาชนคือลูกบอล นี่ผมยกตัวอย่างให้ฟังคุณสโรชา นะฮะ เพราะฉะนั้นเรื่องพวกนี้ เดี๋ยวจะมาหาว่าผมอีกว่าผมไปวิพากษ์วิจารณ์ท่าน เพราะว่าทำให้ท่านเสียหาย เดี๋ยวก็ฟ้องผมมาอีก เพราะฉะนั้นแล้วคุณสโรชาจะเห็นได้ชัดว่า นครสุวรรณภูมินี่จะเป็นลักษณะคล้ายๆ กองทุนหมู่บ้าน คือขอให้โทรศัพท์มือถือขายได้ ขอให้ซิมการ์ดขายได้ ขอให้มอเตอร์ไซค์ขายได้ แล้วจบไป เหมือนมหานคร ถึงจุดๆ หนึ่งขายที่ดินออก ใครหลวมตัวไปซื้อ ใครไปเซ้งที่ ก็จบตรงแค่นี้

สโรชา - แต่ระยะยาว

สนธิ - ระยะยาวมันตายแล้ว มันไม่ตายได้ยังไง คือท่านผู้ชมฮะ เราต้องแยกให้ถูกระหว่างวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 กับปัญหาที่เราเจอวันนี้ วิกฤติเศรษฐกิจ 2540 เป็นปัญหาระหว่างผู้ประกอบการอย่างผม อย่างบริษัทใหญ่ๆ ที่ไปกู้เงินต่างประเทศมา นะ แล้วก็เรามีการส่งออกที่ถดถอยลง เรามีการปกป้องค่าเงินบาทที่ไม่ควรจะปกป้อง แล้วในที่สุดเราก็เลยถูกบังคับให้ลดค่าเงินบาทโดยที่เราไม่มีทางเลือก นะฮะ ในการลดค่าเงินบาทก็มีคนหัวใสกำไรไป ไม่เป็นไร ช่างมันนะ ถือว่าโกงชาติ โกงบ้านเมือง ก็โกงได้ครั้งเดียว เวรกรรมก็คงจะมาถึง แต่ว่าวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนั้น คนที่เจ๊งก็คือผู้ประกอบการ แต่ว่าประชาชนรากหญ้ายังไม่เป็นไร แต่มาครั้งนี้ เศรษฐกิจในลักษณะเชิงเอื้ออาทร เศรษฐกิจที่เอาเงินฟาดหัว เมื่อใดคะแนนเสียงตกต่ำก็เอาเงินฟาดหัว เมื่อใดมีปัญหาขึ้นมาก็สร้างเมกะโปรเจ็กต์ให้คนลืม นะฮะ เศรษฐกิจลักษณะนี้เป็นเศรษฐกิจกินตัว อุปมาอุปไมยเหมือนบ้านหลังหนึ่งที่มีเสา 2540 วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดจากค่าเงินบาทนั้น อุปมาอุปไมยเหมือนว่าข้างบนนั้นไฟไหม้ เมื่อไฟไหม้แล้ว หมดแล้ว เสายังอยู่ เรามาปูพื้นใหม่ เรามาสร้างโครงขึ้น แต่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้อุปมาอุปไมยเหมือนปลวกที่มันกัดเสาทุกเสา เมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง เสาทั้งหมดมันล่มสลาย บ้านทั้งบ้านมันพัง แล้วจะโตเกิดขึ้นมาอีกครั้งนี่มันโตไม่ได้ มันไม่เหมือนกัน

สโรชา - อันนี้ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่จะเปิดอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจ

สนธิ - อ๋อ เปิดคนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจ 20 ประเภทนั้น ก็คือการขายชาติแท้ๆ เพราะว่าสมัยก่อน

สโรชา - คือสมัยก่อนเราเห็นช่วงรัฐบาลชุดที่แล้วที่เขากล่าวกัน เรียกกันกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ตอนนั้นมีคนต่อต้านกันค่อนข้างเยอะ

สนธิ - เอาอย่างนี้ดีกว่าเพื่อพิสูจน์นะคุณสโรชาว่ารัฐบาลชุดนี้สับปลับแล้วก็โกหกกันอย่างหน้าด้านๆ จนไม่รู้ว่าใครโกหกบ้าง นายการุณ กิตติสถาพร อัสสัมศรีราชา รุ่น 18 เพื่อผมเอง รุ่นเดียวกับผม ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การที่กฎกระทรวง คือกฎกระทรวงที่ออกในเรื่องการอนุญาตให้ธุรกิจต่างชาติเข้ามาออกเป็นกฎกระทรวง ไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.เมื่อวานนี้ ก็คือวันที่ 18 ต.ค. ไม่ใช่เป็นเพราะมีการดึงเรื่องไว้ แต่เป็นไปตามขั้นตอนของการเสนอ ครม. เพราะหลังจากผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีที่มี เบื่อจริงๆ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้พิจารณาเห็นชอบแล้ว คือเขาบอกว่าเรื่องกฎกระทรวงที่อนุญาตให้ 20 อาชีพของต่างชาติเข้ามาเปิดได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีนายวิษณุเป็นประธานแล้ว เรื่องก็ไปอยู่ที่สำนักงานเลขาธิการ ครม. การจะเอาเข้าไปสู่การพิจารณา ครม. สำนักงานจะต้องเป็นผู้บรรจุวาระ ซึ่งคาดว่าจะเป็น 1-2 สัปดาห์หน้า
เอาละนักข่าวเลยไปถามนายวิษณุ ขอประทานโทษที่ต้องเอ่ยนามให้ต้องระคายเคืองหู นายวิษณุ ก็พูดว่า ไม่รู้เขาเอามาจากไหนเกิดมาผมยังไม่เคยเห็น ผมเพิ่งเห็นเมื่อวานซืนนี้โดยผ่านตาในคณะกรรมการกลั่นกรองเสนอ ครม.ที่ผมเป็นประธาน เรื่องนี้เสนอมาจากกระทรวงพาณิชย์ โดยคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ น่าสนใจมาก ผมไม่ทราบว่าผลกระทบจะเกิดอะไรเพราะจะต้องสอบถามไปยังกระทรวงพาณิชย์ เพราะเขาเป็นเจ้าของเรื่อง แล้วกระทรวงพาณิชย์เสนอมาเพื่อพิจารณากฎหมายนี้ เสร็จก็ส่งให้คณะกรรมการชุดคุณสมคิดเพื่อดูต่อไปในเรื่องนโยบาย นายวิษณุกล่าว ทีนี้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ บอกว่า คุณวิษณุได้พิจารณาเห็นชอบแล้วในฐานะประธาน คุณวิษณุบอกว่า แค่ผ่านตาเป็นประธานแต่ไม่รู้หรอกว่าผลกระทบเป็นอย่างไรให้ไปถามกระทรวงพาณิชย์ ก็ไม่รู้ว่าคุณวิษณุเป็นประธานประสาอะไร นี่ข้อที่ 1 นะ นักข่าวก็เวียนหัว อาชีพพวกผมไม่เคยลำบากยากเย็นแสนเข็นเหมือนไอ้รัฐบาลชุดนี้
นักข่าวไม่รู้จะไปถามใครก็เลยไปถามคุณสมคิดตามคำแนะนำคุณวิษณุ ปรากฏว่าหนักเข้าไปใหญ่ คุณสมคิดปฏิเสธ โดยอ้างว่ายังไม่ทราบว่ามีร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเข้าไปสู่คณะกรรมการกลั่นกรองในชุดที่ตนเป็นประธานแต่อย่างไร ใครตอแหลกัน มันเวรกรรมประเทศไทยจริงๆ ที่มีพวกตระบัดสัตย์ ขายชาติ ปลิ้นปล้อนกระล่อนไปวันๆ ทำงานอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง หลักฐานมีหมด พวกคุณพูดกันเอง ปลัดกระทรวงพูดอย่างหนึ่ง คุณวิษณุพูดอย่างหนึ่ง คุณสมคิดพูดอีกอย่างหนึ่ง คุณสโรชา บ้านนี้เมืองนี้มันจะไปได้หรือไงตอนนี้ คุณนึกดู ทีนี้ไอ้อาชีพบ้าๆ ที่มันจะให้เข้ามานี่มันสนุกมากคุณสโรชา

สโรชา - อาจจะเป็นไปได้ไหมว่า ตอนแรก คือพอเป็นข่าวปุ๊บรู้สึก เข้าใจว่าเป็นข่าววันจันทร์ถ้าจำไม่ผิดนะคะ แล้วก็สร้างความฮือฮาพอสมควรว่าไอ้ 20 ธุรกิจที่ว่านี้จะเปิดให้ต่างชาติเข้ามาทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ก็เลยเหมือนกับ เอ๊ะ ตอนนี้ไม่ค่อยดีสักเท่าไร รอก่อนจะดีไหม อะไรประมาณนี้หรือเปล่า

สนธิ - คือ ผมเพียงแต่หวังว่าท่านนายกฯ จะเป็นเพียงแค่กุเรื่องขึ้นมาเหมือนกับหุ้นลิเวอร์พูล โครงการรถไฟฟ้ารางคู่ 9 แสนล้านบาท โครงการเมืองใหม่ที่นครนายก รถไฟฟ้า 5 แสนล้านบาท เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ทำหลอกๆ ขึ้นมา พอถึงเวลาไม่ได้ทำจริง เพียงเพื่อกลบกระแสการทุจริตคอร์รัปชั่น เรื่องสมเด็จพระสังฆราชฯ เรื่องการละเมิดพระราชอำนาจเท่านั้น ทีนี้รัฐบาลชุดนี้ชอบมีท่าไม้ตายเป็นประจำ เพื่อเบี่ยงเบนกระแสทางการเมือง

สโรชา - คืออะไรคะ

สนธิ - ท่าไม้ตายมีอยู่ 3 ท่า เผอิญใช้มาจนกระทั่งพวกเราเริ่มโดนท่าไม้ตายนี้ประจำจนเริ่มรู้แล้วว่า ท่านี้คือท่าไหน ท่าแรกก็คือ ออกนโยบายประชานิยม ใช้เงินฟาดหัว ท่าที่สอง สร้างกระแสบ้าคลั่งชาตินิยมอย่างไร้เหตุผลจนแผ่นดินลุกเป็นไฟ ท่าที่ 3 สร้างขวัญเมกะโปรเจ็กต์ กะล่อนหลอกชาวบ้านไปเรื่อยๆ นี่คือรัฐบาลชุดนี้ คือ ผมเหนื่อยนะคุณสโรชา ไม่ใช่ผมมีความสุขนะที่มาออกทุกวันศุกร์เนี่ย

สโรชา - ค่ะ

สนธิ - นะ ผมก็ภาวนาเมื่อไรมันจะไปเสียที ผมจะได้พักผ่อนบ้าง

สโรชา - นี่ยังค้างอยู่นะคะ ยังค้างเรื่องของมาเลเซีย มาเลเซียนี่เราคุยกันเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว

สนธิ - เดี๋ยวๆ ยังไม่จบเรื่องอาชีพ

สโรชา - ยังไม่จบเหรอคะ เรื่องอาชีพนี่ยังไม่จบนะคะ

สนธิ - คืออาชีพนี่มันมีอยู่ 3 กลุ่ม ต้องแบ่งให้ถูกนะฮะ

สโรชา - ค่ะ

สนธิ - กลุ่มแรกคือกลุ่มพวกหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาการลงทุน การจัดการกองทุนรวม คือตลาดทุนนะฮะ อาชีพนี่มีทั้งหมดที่เขาจะเปิดก็คือ 13 อาชีพ

สโรชา - เกี่ยวกับการเงินนะคะ

สนธิ - การเงิน การตลาดทุน กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่ทำมาหากินในภาคการเงินประชาชนไทยทั่วไป แล้วก็ทำลายกลุ่มธุรกิจคนไทยที่ยังไม่พร้อมให้หมด ในขณะที่ยอมให้พวกต่างชาติแข่งกันทำกำไรแล้วขนเงินกลับนอกประเทศ กลุ่มที่ 3 คือกลุ่มที่ทำมาหากินทางวัฒนธรรม เปิดโรงเรียนได้เต็มที่ เปิดมหรสพได้ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เปิดได้นะฮะ เผื่อไว้ไง เปิดเผื่อเพื่อที่จะเอามาเปิดบ่อนได้ นี่เรื่องจริงนะฮะ กลุ่มที่ 4 คือกลุ่มที่ทำมาหากินกับประชาชนรากหญ้า คืออะไรรู้ไหม อนุญาตให้มาทำกิจการโรงรับจำนำ อีกหน่อยก็จะมีพวกคนจีนในสิงคโปร์ที่ฮ่องกง พวกไต้หวัน มาเปิดโรงรับจำนำกันเต็มไปหมดนะฮะ
ทีนี้มันมีอะไรที่น่าสนใจอยู่อย่างหนึ่ง ผมอยากจะยกตัวอย่างให้ท่านผู้ชมฟัง คือเดี๋ยวนี้ เวลานักการเมืองมันฉ้อโกง มันก็จะขนเงินไปฝากที่สิงคโปร์นะ เหตุผลทำไมต้องสิงคโปร์ เพราะสิงคโปร์มีกฎหมาย เหมือนที่เกาะเคย์แมน ก็คือว่า ห้ามเปิดเผยรายชื่อบัญชีผู้ฝากเด็ดขาด เป็นกฎหมายตายตัวเลย อย่างที่ผมเคยพูดในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ว่า ตามกฎหมายแล้วธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารกรุงเทพ ที่มีสาขาอยู่สิงคโปร์ สำนักงานใหญ่จะเช็กยอดบัญชีของใครบ้างในสิงคโปร์นี่ เช็กไม่ได้ เขาไม่ให้เช็ก เพราะว่าผิดกฎหมายเขา เพราะฉะนั้นแล้วนักการเมืองขี้ฉ้อ ทั้งอินโดนีเซีย แล้วก็ทั้งเมืองไทย ก็จะขนเงินไปฝากไว้ที่สิงคโปร์ วิธีไปช่วงหลัง เนื่องจากเงินบาทตอนนี้ซื้อขายกันได้ ไม่ใช่ขนเฉพาะดอลลาร์แลกในเมืองไทย ขนเงินบาทเนี่ย เงินแบงก์พันเนี่ย เป็นกระเป๋าๆ ไป แล้วก็ไปฝากที่แบงก์ที่สิงคโปร์

สโรชา - เอ๊ะ จริงๆ แล้วเขาห้ามออกนอกประเทศกี่ เข้าใจว่าหลักหมื่นเองไม่ใช่หรือคะที่เอาเงินสดออกไปได้เนี่ย

สนธิ - คุณสโรชา คุณนี่อินโนเซ้นส์ อินโนเซนส์นะ

สโรชา - อ้าวก็ดิฉันเห็นป้ายที่ดอนเมืองออกใหญ่

สนธิ - คุณพูดอินโนเซนส์จนดูไม่ออกว่าคุณ 35 แล้วนะ

สโรชา - อุ๊ย! ไม่ใช่ ยังไม่ถึงค่ะ แหมชอบใส่ร้าย

สนธิ - คือ คุณสโรชา พวกผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเวลามันไป มันมีคนส่งมันไป บางครั้งมันไม่ต้องไป มันเหมาเครื่องบินส่วนตัวมาแล้วมันก็ขนเป็นสัก 20 กระเป๋า ใส่ในเครื่องบิน แล้วมันก็บินลงสิงคโปร์ ก็เอาไปฝาก ทีนี้พอฝากแล้วมันเอากลับมาเมืองไทยยาก ทีนี้ทำไมมันต้องเอากลับมาเมืองไทยล่ะ ทีนี้สมมุติว่ามีนครสุวรรณภูมิแล้ว กูจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อที่ กูจะเอาเงินที่ไหนไปสร้างตรงโน้นสร้างตรงนี้ ก็ต้องใช้วิธีส่งเงินกลับมา ทีนี้ส่งยังไงล่ะ เพราะส่งไปนี่แบงก์ชาติตรวจสอบได้หมดเลย นี่คือที่มาของการเปิดเสรีทางการเงินเพื่อให้ต่างชาติเข้า ก็คือว่า คุณก็ไปตั้งกองทุนรวมที่สิงคโปร์ ที่ฮ่องกง หน่วยกองทุนรวม เอ้า บริษัทเก๋าเจ๊งอะไรก็ได้ ตั้งขึ้นมา ชื่อบริษัทเก๋าเจ๊งแล้วกัน ของไอ้พวกเก๋าเจ๊งทั้งหลายพวกนี้นะ ตั้งขึ้นมาปั๊บแล้ว บอกว่ามีเงินลงทุน 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก็คือ 2 พันกว่าล้านบาท ขายเป็นหน่วยลงทุนหน่วยละล้านเหรียญ มี 20 หน่วย ใครเป็นคนซื้อหน่วยลงทุนล่ะ ก็คุณเป็นคนซื้อไง แต่ว่าใช้ฝรั่งออกหน้า เอาหน่วยลงทุนนี้เนี่ย เอามาที่เมืองไทย แล้วก็เอาหน่วยลงทุนตรงนี้เนี่ย เอาไปซื้อกิจการ ซื้อหุ้นบ้าง ซื้อกิจการโรงแรมบ้าง ซื้อกิจการโรงพยาบาลบ้าง หรือว่าออกนโยบายอะไรที่เอื้ออำนวยกับพวกคุณแล้วพวกคุณเอาเงินพวกนี้มาเตรียมซื้อกิจการไว้ล่วงหน้า
นี่คือโกงทรัพย์สิน นี่คืออทินนาทานาเวระมณีสิขาปะทังสะมาธิยามิ เอาทรัพย์สินที่เป็นของชาติยักยอกใส่กระเป๋าตัวเองส่งออกไปฝากเมืองนอก แก้ไขกฎหมายให้กิจการของการลงทุนที่สมัยก่อนต้องมาลงทุนในเมืองไทยโดยให้บริษัทคนไทยเป็นหลักสามารถให้บริษัทเมืองนอกเข้ามาลงทุนได้โดยที่เอาเงินเมืองนอกมา ถือว่าเป็นหน่วยลงทุนที่มาอย่างถูกต้องตามกฎหมายแต่ตัวเองเป็นเจ้าของหน่วยลงทุน เข้าใจหรือยัง มิน่ามันถึงเกลียดผมจริงๆ เพราะว่าผมรู้มันไปหมด

สโรชา - อธิบายได้เป็นฉากๆ

สนธิ - คือเรื่องเลวทรามอย่างนี้ผมก็ทำเป็น แต่ว่าผมเชื่อว่าพ่อแม่ผมสั่งสอนมาดี ไม่ๆ คุณสโรชาคิดให้ดีๆ วัตถุประสงค์มีอยู่ประเภทนี้ คุณอย่าลืมนะหลายๆ นโยบายเกิดขึ้นมาเพียงเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เท่านั้นเอง กระทรวงไอซีทีตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร เพื่อที่จะแปรรูปสัมปทานโทรคมนาคม แล้วแปรรูปไปในรูปของการเสียภาษีสรรพสามิต จบแล้วใช่ไหม พอจบแล้วก็มีข่าวว่าจะยุบกระทรวงไอซีทีมารวมกับกระทรวงเทคโนโลยี เขาเรียกว่า เป้าหมายสำเร็จเรียบร้อยแล้ว นี่คือวิธีการ อ.ธีรยุทธ บุญมี เรียกว่า สังคมสีเทา ถามว่าผิดกฎหมายไหมไม่ผิด แต่ชั่วไหม ชั่ว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คุณสโรชาอยากถาม

สโรชา - ใช่ค่ะ เรื่องมาเลเซีย เพราะว่าเราคุยกันเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วดิฉันจำได้คุณสนธิบอกว่า น่าจะมีการนั่งจับเข่าคุยกับท่านบาดาวี ว่า อย่างไร ทำไม ไม่พอใจอะไรหรือเปล่า แต่แล้วเราก็เห็นมาถึงวันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับมาเลเซียค่อนข้างที่จะไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าเมื่อวานนี้ท่านนายกฯ ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ค่อนข้างยาวว่าท่านเองก็สนิทกับท่านบาดาวี สมัยที่เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศด้วยกัน ในยุคสมัยเดียวกัน

สนธิ - คุณสโรชาเห็นนี่ไหม ตัวอักษรสีเขียว คือ ไฮไลต์ที่ผมเช็คมาว่านายกฯ พูดอะไรบ้างเรื่องเกี่ยวกับมาเลเซีย

สโรชา - นี่ปี 2548

สนธิ - มีหมด 47- 48 เวลาผมพูดอะไรผมมีหลักฐานนะ ผมไม่ซี้ซั้วต่ามายืนเที่ยวด่าคนโน้นคนนี้นะ
6 ก.ย. 2548 ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านมาเลเซียหวังว่าไทยจะมีวิธีการฉันท์มิตรในการแก้ปัญหาและให้มาเลเซียได้มีส่วนร่วมแก้ไข เนื่องจากมาเลเซียไม่ต้องการเห็นปัญหาลุกลาม โดยรัฐบาลไทยไม่ควรใช้วิธีการที่แข็งกร้าวเพราะอาจจะมีชาวไทยมุสลิมที่หวาดกลัวหลบหนีเข้ามาเลเซียเป็นจำนวนมาก หากไทยยังไม่เปลี่ยนแปลงวิธีการ นายฮูซัม มูซา พรรคฝ่ายค้านมาเลเซีย สมาชิกรัฐสภา รัฐกลันตัน กล่าวถึงการแก้ปัญหาภาคใต้ 6 ก.ย.นะ 2548
7 ก.ย. 2548 เดี๋ยวนี้โลกาภิวัตน์มันมาเร็ว ไอ้เรื่องเกรงกลัวชาติหน้าสายๆ คนอย่างผมไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่าพรรคฝ่ายค้านมาเลเซียอยู่เบื้องหลังกรณีภาคใต้ มาเรื่อยๆ มีเยอะครับเอาเฉพาะสำคัญ
4 ต.ค. 2548 พวกที่ไปยื่นหนังสือหน้าสถานทูตไทย-มาเลเซีย ว่าไทยมีการปราบปรามอย่างรุนแรงทางจังหวัดภาคใต้ คนที่มายื่นเป็นหัวหน้าโจร เพราะโจรฆ่าคนไทย ทั้งไทยพุทธ ไทยมุสลิม เต็มไปหมด แสดงว่าคนที่ไปยื่นหนังสือเป็นพวกเดียวกับโจร"
9 ตุลาคม "ต้องบอกกับทางมาเลเซียว่า ไม่ต้องห่วงระดับสิทธิมนุษยชนของเราถือว่าระดับสูงแล้ว"
15 ตุลาคม 2548 นายไซเอ็ด ฮามิด อัลบาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย "ผมแปลกใจมากที่ประเทศไทยทำไมถึงมีแถลงการณ์ที่รุนแรงจริงๆ"
16 ตุลาคม 2548 บินกลับมาจากยุโรป หลังเริ่มชนกำแพงแล้ว "พวกเราเนี่ยเขียนข่าวบิดนิดบิดหน่อยเพื่อให้มันสีสัน ซึ่งมันไม่ดีเลย ทางทูตเขายืนยัน ไม่จริง เขาไม่พูดอะไรขนาดนั้น" ซวยอีก นี่ๆ เห็นหรือยัง คุณสโรชา

สโรชา - ค่ะ

สนธิ - 18 ตุลาคม "สิ่งที่เราเป็นห่วงคือการที่มาเลเซียให้สัมภาษณ์ออกมาในการที่ทำให้การแก้ไขปัญหายากขึ้นไปอีก ผมอยากจะเห็นการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด มีความจริงใจ เราอยากให้คนไทยทั้ง 131 คน กลับประเทศ"
20 ตุลา พ.ต.ท.ทักษิณ "ไม่มีอะไรหรอก โธ่เอ๊ย คนบ้านอยู่ติดกัน ยังไงก็ไม่มีปัญหาหรอก นอนกรนดังหน่อยไม่เป็นไร อยู่บ้านติดกัน รั้วติดกัน คนนอนกรนดังหน่อย คนก็หนวกหูบ้างเป็นธรรมดา เดี๋ยวตื่นมาคุยกัน ยิ้มใส่กัน ไม่มีอะไร"
ผมดักอารมณ์ท่านไม่ถูกเลย เพราะฉะนั้นแล้ว คุณสโรชาจำได้ไหม ท่านผู้ชม ผมเคยพูดมาหลายครั้ง ผมบอกว่ามองปัญหาภาคใต้อย่ามองเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มองภูมิรัฐศาสตร์ที่เกี่ยวพันกันระหว่างสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย และสหรัฐอเมริกา ผมพูดมาตลอด

สโรชา - ใช่ค่ะ

สนธิ - อินโดนีเซีย อินโดฯ นี่ตอนนี้หงุดหงิดเรามากแล้ว ไม่มีใครรู้ใช่ไหมว่าเรื่องอะไร ทะลึ่งจะไปเสนอทำบาร์เตอร์เทรดกับเขา ให้เขาซื้อข้าวเราในราคา 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เขาซื้อไปเรียบร้อยแล้ว ตามข้อตกลง เราต้องไปซื้อเครื่องบินที่เขาผลิต คือคาซาร์ ในมูลค่าเดียวกัน เสือกไม่ซื้อเพราะไม่มีค่าคอมมิชชั่น ก็เลยไป กำลังพิจารณาซื้อเครื่องบินจากบราซิล เพราะว่าซื้อจากเอกชน เพราะว่าบริษัทคาซาร์เป็นรัฐวิสาหกิจของอินโดนีเซีย ท่านประธานาธิบดี ตั้งแต่สมัยซูการ์โนปุตรี ผู้หญิงคนนั้น เขาทวงถามมาแล้วนะ ก็ไม่ตอบเขา บัมบัง ยุโดโยโน ก็เตือนอีกครั้งหนึ่ง แล้วการที่จะมาพบเดือนพฤศจิกายนนี้ เรื่องนี้เป็นวาระแรกที่เขาจะถามนะ อ้าวไหนคุณบอกจะซื้อเครื่องบินผม ผมอุตส่าห์ซื้อข้าวคุณไปแล้ว นี่ไง นี่ยกตัวอย่างให้ฟังนะฮะ เรื่องพวกนี้ท่านนายกฯ ไม่เคยเล่าให้คนไทยฟัง ชอบเล่านักว่าผมไปขัดผลประโยชน์ แต่เรื่องพวกนี้เวลาท่านขัดผลประโยชน์ของประเทศชาติท่านไม่เคยพูดเลยแม้แต่คำเดียว ประหลาด
สิงคโปร์กับมาเลเซียไม่ถูกกัน อเมริกาต้องการยึดช่องแคบมะละกา เพื่อควบคุมการเดินเรือ เพราะอเมริกาต้องการจะ make sure ว่า ช่องแคบมะละกานั้นปราศจากผู้ก่อการร้าย ทำให้การขนส่งน้ำจากตะวันออกกลางออกมาสู่มหาสมุทรแปซิฟิก แล้วต่อไปทางอเมริกานั้นไม่ติดขัด มาเลเซียเป็นประเทศอิสลาม ช่องแคบมะละกาอยู่มาเลเซียเป็นหลัก แล้วเกี่ยวพันกับอินโดนีเซีย เพราะฉะนั้นมาเลเซียจะไม่มีวันแฮปปี้ได้ ให้อเมริกาเข้ามาคุม มาเลเซียปฏิเสธไปแล้ว มาเลเซียบอกในการประชุมทุกครั้งว่า ช่องแคบมะละกามาเลเซียดูแลเองได้ ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง ผู้ก่อการร้ายจัดการได้ สิงคโปร์ไม่ได้เป็นประเทศแต่เป็นนายหน้า สิงคโปร์เป็นนายหน้าของสหรัฐอเมริกา นั่นคือที่มาว่าทำไมสิงคโปร์ถึงต้องมาเช่าสนามบินอุดรธานี ของกองทัพอากาศ เพื่อที่จะใช้ฝึกบิน ประเทศมันมีเครื่องบินไม่กี่ลำหรอก ทำไมต้องมาเช่าเป็นเวลา 15 ปี อยากจะมาฝึกบินขอเป็นครั้งๆ เราก็ให้ นอกจากนั้นยังไม่พอ สิทธิการบินเหนืออธิปไตยประเทศไทยเราให้เขาไปด้วย เสร็จเรียบร้อยไปเช่าที่กาญจนบุรีเป็นที่ฝึกยิงปืน แล้วมีกองทหารสิงคโปร์ตั้งอยู่ คนไทย คราวที่แล้วพูด คนไทยและหมาไทยเข้าไม่ได้ ที่ขอนแก่นก็มีสนามยิงปืนที่สิงคโปร์เช่าอยู่
ผมถามว่านี่ไม่เรียกว่าการขายชาติแล้วเรียกว่าอะไร ท่านนายกฯ ท่านพูดออกมาซิเรื่องพวกนี้ ทำไมท่านไม่พูด พูดมาหน่อยได้ไหม เปิดเผย เรื่องพวกนี้ไม่เคยเข้ารัฐสภาเลยนะ จู่ๆ ก็งุบงิบทำกันเอง มาเลเซียมันไม่ไว้ใจอเมริกาแล้วมันก็ไม่ไว้ใจสิงคโปร์ พี่ไทยจู่ๆ ท่านนายกฯ ท่านไปพบนายบุช ภูมิใจนัก คุยกัน 45 นาที กลับมาบอกได้พบนานที่สุด กลับมาไม่ถึงเดือนเลย ออกกฎกระทรวงบ้า แล้วเปิดอาชีพ 20 อาชีพให้ทันที คุณไปตกลงอะไรกันลับๆ คุณไม่เห็นบอกพวกเราเลยแม้แต่นิดเดียว นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วถ้ามองตามภูมิรัฐศาสตร์ บาดาวีก็ยิ้มซิ เอาละมึงเล่นกับสิงคโปร์นักเดี๋ยวกูรับเอง 131 คนเข้ามา เพราะฉะนั้นแล้วเอาเลย ยะลา ปัตตานี นราธิวาสเอาเป็นรัฐกันชนมันซะเลย เหมือนกับที่ที่เขาเรียก บัฟเฟอร์ (Buffer) ที่คราวที่แล้วผมพูดแล้วมีท่านผู้ชมถามว่า บัฟเฟอร์คืออะไร คือรัฐกันชน เหมือนกับที่เราเคยใช้มอญ กะเหรี่ยง ไทใหญ่เป็นรัฐกันชนให้กับพม่า เหมือนอย่างไงอย่างนั้น เขาเรียกว่ากรรมตามสนอง เชื่อกฎแห่งกรรมนะ วันนึงอย่างไรก็ต้องกลับคืนมา ต้องมีรูปใดรูปหนึ่ง พอมาเป็นอย่างนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วมันก็เลยแก้ไม่ตกปัญหานี้ มันแก้ไม่ตก แล้วผมจะบอกให้รู้ด้วยว่า ปากดีกันนัก ทะเลาะกันไปกันมา ยั่วยุกันนัก อย่าทำให้น้ำลายของพวกผู้นำบ้านเราก่อให้เกิดสงครามระหว่างทหารไทยกับทหารมาเลเซีย อย่าเป็นอันขาด แล้วผมจะบอกให้รู้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จะช้ำพระทัยขนาดไหน ถ้าในยุคสมัยของพระองค์ท่านภายใต้นายกรัฐมนตรีคนนี้ทำให้เราต้องสูญเสีย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไป เพราะการบริหารงานของเขา

สโรชา - เดี๋ยวเราขออนุญาตพักกันสักครู่ และกลับมาเดี๋ยวเรามาตอบคำถาม

สนธิ - สุดท้าย สุดท้าย คุณสโรชา

สโรชา - มีอีกเหรอคะ

สนธิ - มีอีกนิดหนึ่ง ผมบอกว่าผมเหนื่อยผมถึงอยากให้มันจบเร็วๆ ดร.วุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ มารึเปล่าครับวันนี้ ดร.วุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ จบ ดร.จากเอ็มไอที (Massachusetts Institute of Technology: MIT) เป็นคนหนุ่มที่อัจฉริยะมาก เก่งมาก เขียนหนังสือเมื่อประมาณปี 25... มิ.ย. 2543 ในช่วงรัฐบาลชุดนายกฯ ชวน หลีกภัย เขียนเรื่องอะไรรู้ไหม "คู่มือทรราช" เดี๋ยวๆ ฟังก่อนๆ น่าสนใจมาก เขียนในช่วงซึ่งรัฐบาลชุดพรรคประชาธิปัตย์กำลังถูกกล่าวหาว่าขายชาติผ่านไอเอ็มเอฟ
ปรากฏว่า สัจจธรรมไม่มีวันตาย ท่านเขียนเมื่อปี 2543 นะ ชุดรัฐบาลชวน 2 "คู่มือทรราช" ข้อที่ 1 ยึดธุรกิจผูกขาด 6 ประเภทหลัก อันได้แก่ สถาบันการเงิน ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจโทรคมนาคม ธุรกิจขนส่ง ธุรกิจประปา
ข้อ 2 ยึดรัฐบาล กวาดต้อนซื้อ ส.ส. พยายามตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ใช้เงินซื้อเสียง ซื้อ ส.ส. แล้วจึงมาหาเงินคืนทุนทีหลัง นี่เขียนตั้งแต่ 43 นะ
ข้อ 3 ยึดองค์กรรัฐ เอาคนของตัวเองเข้าไปในตำแหน่งราชการและรัฐวิสาหกิจ พยายามเอาพวกทรราชเข้าไปเป็นผู้บัญชาการทหารที่สำคัญๆ ส่งคนเข้าไปในสื่อของรัฐ ทั้ง อสมทฯ และกรมประชาสัมพันธ์ ยึดหัวหาดคนในคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ข้อ 4 ทำลายคู่แข่งทางการเมือง ใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่งทุกครั้งผ่านสื่อของรัฐ
ข้อ 5 ทำลายคนดี คนดีเป็นอุปสรรคในการปล้นชาติ โกงประชาชน จึงต้องทำลายให้สิ้น พวกนี้มักมาในรูปนักต่อสู้ นักเคลื่อนไหว วิธีที่ใช้ได้บ่อยคือสื่อของรัฐที่พูดฝ่ายเดียว ใส่ร้ายไปเรื่อยๆ จะให้ดีต้องซื้อสื่อด้วย
ข้อ 6 ทำลายภาคประชาชน วิธีทำลายต้องทำลาย 3 ชั้น ชั้นแรก คือการศึกษา ชั้นที่สอง องค์กร ชั้นที่สาม ข้อมูลข่าวสาร ประชาชนจะได้ไม่ต้องรู้เรื่อง หรือเกาะกลุ่มรวมตัวกันมากจนเกินไป
ข้อ 7 ขัดขวางการปฏิรูปการเมือง ทรราชจะมีความพึงพอใจมาก หากประชาชนทั่วไปมีความพึงพอใจได้เพียงแค่หย่อนบัตรเลือกตั้ง 4 ปีครั้งนึง จะได้โกงชาติโกงแผ่นดินได้อย่างไม่ต้องอายฟ้าอายดิน
ข้อ 8 สร้างภาพลักษณ์
ข้อ 9 สร้างเครือข่ายพันธมิตรทรราช นักธุรกิจใหญ่ ข้าราชการระดับสูง ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ นายทหารใหญ่ เจ้าพ่อมาเฟีย และสื่อสารมวลชนอาวุโส แต่เรื่องการสัมพันธ์กับสื่อเพื่อทำลายคนดีต้องระวังให้มาก เพราะมีสื่อปากเสียบางประเภทชอบคาบข่าวลับของเครือข่ายไปปูดข้างนอกจนเสียงาน แต่เจ้าพ่อมาเฟียในเครือข่ายคงพอช่วยคุมประพฤติได้บ้าง
ข้อ 10 บริหารองค์กรทรราชให้เป็นสังคมทรราช ต้องกระจายจัดสรรให้พรรคพวกได้คอร์รัปชั่น คอยเชือดไก่ให้ลิงดู เสียสมุนส่วนน้อยรักษาส่วนใหญ่ สร้างความแตกแยกในหมู่ทรราช จะได้ไม่รวมตัวกันโค่นหัวหน้าทรราชได้
นี่ ดร.วุฒิพงษ์ เขียนเมื่อปี 2543 คุณสโรชา ผมไม่ค่อยให้คุณอยากพูดเท่าไรหรอกนะ เดี๋ยวคุณเป็นจำเลย แต่ว่าผมจะบอกอย่างหนึ่งนะ ปิศาจมันคือปิศาจ เพราะฉะนั้นบุคลิกลักษณะ องค์ประกอบของปิศาจ จะกี่ยุคกี่สมัยมันเหมือนกันหมด ขอเพียงให้รู้ทันกันนะฮะ

สโรชา - พักกันก่อนนะคะ เดี๋ยวกลับมา มาตอบคำถามกัน สักครู่ค่ะ

***เมืองไทยฯ สัญจร 5: สนธิยันไม่เคยให้ทักษิณ "ช่วย" (ช่วงสุดท้าย)***

คลิกชมแผนที่ สวนลุมพินี: เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งที่ 6




***เมืองไทยฯ สัญจร 5: สนธิยันไม่เคยให้ทักษิณ "ช่วย" (ช่วงสุดท้าย)***

คลิกชมแผนที่ สวนลุมพินี: เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งที่ 6


คลิกที่นี่ เพื่อฟัง การแสดงดนตรีจากวง “คีตาญชลี” และบรรยากาศก่อนเริ่มรายการ

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งที่ 5 ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งที่ 5 ช่วงที่ 2

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งที่ 5 ช่วงที่ 3 จบ


กำลังโหลดความคิดเห็น