xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวในรอบสัปดาห์ 9-15 ตุลาคม 2548

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อรับชมและฟัง ในรูปแบบ Photo Slide Show


1.ฝนร่ำไห้ร่วมรำลึก 32 ปี 14 ตุลา ญาติวีรชน-ประชาชนแห่ร่วมงานคึกคัก

เหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยของเหล่าวีรชนคนกล้าเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 ยังอยู่ในความทรงจำของคนไทยอย่างไม่รู้ลืม เนื่องในโอกาสวันที่ 14 ตุลาคมปีนี้ ซึ่งครบรอบ 32 ปี หลายฝ่ายจึงได้จัดงานเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นกันในหลายพื้นที่ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด โดยที่อาคารรัฐสภาการจัดงานต้องล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม เนื่องจากเกิดฝนตกหนักในช่วงเช้ามืดเสมือนหนึ่งว่าร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้ด้วย แต่เมื่อฝนหยุดตกก็ได้เริ่มงานกันตามปกติ ซึ่งบรรยากาศเริ่มมีความคึกคักมีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก โดยเฉพาะบุคคลสำคัญๆ เช่น นายโภคิน พลกุล ประธานรัฐสภา นายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ หรือ “ไอ้ก้านยาว” ภายในงานมีการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 32 รูป และมีการประกอบพิธีกรรมทั้ง 3 ศาสนา คืออิสลาม คริสต์ และศาสนาพุทธ ซึ่งภายในงานรำลึกได้มีการสัมมนาทางวิชาการ การฉายภาพยนตร์ตลอดทั้งวันจนถึงเวลาประมาณ 20.30 น.

ส่วนในพื้นที่อื่นๆ เช่นที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ในช่วงเช้าเป็นไปด้วยความทุลักทุเลเนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้พิธีตักบาตรพระสงฆ์อุทิศให้กับผู้ล่วงลับในเหตุการณ์ 14 ตุลา ต้องย้ายจากด้านหน้าเข้าไปด้านในอนุสรณ์สถาน โดยมีญาติวีรชน ผู้ร่วมเหตุการณ์ 14 ตุลา และนักการเมืองมาร่วมงาน ส่วนพิธีการภายในงานได้มีการตีกลองสะบัดชัย ประกาศตุลาธรรม ตุลาชัย เป็นอาณัติสัญญาณเริ่มพิธีกรรมทางศาสนารำลึก 14 ตุลา ซึ่งมีพิธีกรรมทางศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม จากนั้นเป็นพิธีกล่าวสดุดีวีรชนประชาธิปไตย โดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะตัวแทนนายกรัฐมนตรี สรุปใจความว่า รัฐบาลต้องการส่งเสริมให้เกิดประชาธิปไตยในทุกระดับ โดยยึดถือเหตุการณ์ 14 ตุลา เป็นแบบอย่างและบทเรียน และส่งเสริมให้เยาวชนได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่เกี่ยวกับการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยและความเป็นธรรม นำมาปรับใช้กับปัจจุบันและอนาคตต่อไป

บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จ.นครราชสีมา เครือข่าย 14 ตุลาโคราช 2516 ได้มีการจัดพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์เพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่วีรชนคนกล้าในครั้งนั้นเช่นเดียวกัน โดยมีพ่อค้า ประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมาที่เคยร่วมในเหตุการณ์สำคัญดังกล่าวเข้าร่วมจำนวนมาก เช่น นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น นอกจากนี้ ภายในงานดังกล่าวยังจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 เช่น ภาพเหตุการณ์ชุมนุมของเหล่านักศึกษาและประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้รวมตัวกันปักหลักชุมนุมที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในช่วงเกิดเหตุการณ์ 14

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยเขตหาดใหญ่ จ.สงขลา มีสมาชิกวิทยาลัยวันศุกร์ สมัชชาจังหวัดสงขลาเพื่อการปฏิรูปการเมือง ประชาชน และปัญญาชน ร่วมกันเสวนาในหัวข้อ ‘32 ปี 14 ตุลา กับการปฏิรูปการเมือง’ โดยในวงเสวนาได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย ซึ่งสืบเนื่องมาร่วม 73 ปี นับตั้งแต่ที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ประเทศต้องผ่านเหตุการณ์ที่สำคัญต่างๆ มากมายหลายครั้ง ทั้ง 14 ตุลา, 6 ตุลา และพฤษภาทมิฬ มีการพยายามปฎิรูปการเมืองจนมีรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2540 ที่ถือว่าทันสมัยที่สุดนับแต่เคยมีมา แต่พัฒนาการของประชาธิปไตยในประเทศไทย กลับไม่ได้พัฒนาไปเท่าที่ควรจะเป็น หลังจากที่การเสวนาจบลง ผู้เข้าร่วมเสวนาได้ร่วมกันพับนกกระดาษ พร้อมกับขับร้องบทเพลง“นกสีเหลือง” เพื่อเป็นการรำลึกถึงการจากไปของวีรชนเดือนตุลา

หนุนเหตุการณ์ 14 ตุลา บรรจุหลักสูตรเยาวชนสานต่อ ปชต.
รำลึก 32 ปี 14 ตุลา คึกคัก-ประชาชนฝ่าสายฝนร่วมงานแต่เช้า


2.เทียบเทวทัต-“ทักษิณ”ฟ้อง“ผู้จัดการ”เรียกอีก 500 ล้าน

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาหากพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมาแล้วคงไม่มีข่าวคราวหรือความเคลื่อนไหวใดน่าจับตาเท่ากับกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ทนายความยื่นฟ้องอาญาและแพ่งกับหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันเรียกค่าเสียหาย 500 ล้านเมื่อวันจันทร์ที่ 10 ต.ค. โดยยกเอากรณีการเผยแพร่คำเทศนาของพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เรื่อง “เทวทัตยังรู้โทษ” กำลังมุ่งสู่ประธานาธิบดี มาเป็นชนวนในการฟ้องร้อง หลังจากก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ และบริษัทไทยเดย์ด็อทคอม จำกัด เรียกค่าเสียหายไปแล้ว 500 ล้านบาท

การฟ้องร้องทั้งสองกรณีดังกล่าวได้ถูกจับตามองและวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในประเด็นการเลือกปฏิบัติ เช่นในคดีแรกเลือกฟ้องเฉพาะ นายสนธิ น.ส.สโรชา และบริษัทไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด ขณะที่ในกรณีหลังได้เลือกฟ้องเฉพาะหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ไม่ฟ้องหลวงตามหาบัวทั้งที่หลวงตาได้ออกมาเรียกร้องให้ฟ้องพร้อมทั้งยืนยันว่าได้เทศนาไปตามความเป็นจริง

อย่างไรก็ดีในแง่มุมของกฎหมายนั้นมีนักวิชาการบางคนเสนอให้หลวงตามหาบัวร้องต่อศาลขอ “ร้องสอด” ในคดีแพ่งเพื่อขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วมหรือเป็นคู่ความร่วม หรือขอเป็นพยานในชั้นศาลได้ ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่าจะดำเนินการในลักษณะไหนอย่างไร โดย นายสนธิ กล่าวว่าจะปรึกษากับผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งหลวงตาด้วยว่ามีความเหมาะสมหรือจำเป็นหรือไม่ด้วย

แต่ขณะเดียวกันยังมีประเด็นสำคัญที่ร้อนแรงแตกตัวขึ้นมาอีกนั่นคือคำพูดของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ที่ออกมาปกป้องนายกรัฐมนตรีในทำนองว่าการฟ้องร้องครั้งเป็นการใช้สิทธิฟ้องส่วนตัว ไม่ใช้ตำแหน่งนายกฯกลั่นแกล้งสื่อ พร้อมทั้งระบุว่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ใช้คำเทศนาหยาบคายมีความเกลียดชังส่วนตัว และที่น่าจับตาก็คือคำพูดที่พูดว่า “พระดียังมีอีกเยอะ” ทำให้เกิดเสียงตำหนิตามมาจากหลายฝ่ายว่าไม่เหมาะสม เพราะถึงอย่างไรหลวงตาเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ และเป็นพระป่าพูดตรงไปตรงมาไม่ปรุงแต่ง

“ปรีชา” ชี้ช่องดัดหลัง - “ร้องสอด” สู้คดี “ทักษิณ” ฟ้องหมิ่นพันล้าน
“หลวงตามหาบัว” ท้า “ทักษิณ-วิษณุ” ฟ้อง ข้องใจฟ้อง “สนธิ” ทำไม
“หลวงตา” สังเวช “ทักษิณ” ฟ้อง “สนธิ” เป็นเรื่องเลวร้ายที่สุด – ย้ำถ้าผิดจริงให้ฟ้องหลวงตา
“วิษณุ” อ้าง “ทักษิณ” ป้องสิทธิ์ ฟ้อง “สนธิ-ผู้จัดการรายวัน”


3. ทรท.ไม่ส่งเลือกซ่อมสตูล-เน้นรักษา 3 ที่นั่งเดิม

การหาเสียงเลือกตั้งซ่อมใน 4 เขตเลือกตั้ง โดยเฉพาะใน 3 เขตเลือกตั้งอันได้แก่ เขต 3 จังหวัดสิงห์บุรี เขต 3 จังหวัดพิจิตร และเขต 1 จังหวัดอุทัยธานี บรรยากาศการหาเสียงเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าในพื้นที่เขต 2 จังหวัดสตูล พรรคไทยรักไทยไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้
โดยนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เหตุผลรวมๆว่าไม่ต้องการทำลายบรรยากาศความร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์ในการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ดีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุหลักน่าจะเป็นเพราะโอกาสที่จะได้รับชัยชนะมีน้อย อีกทั้งเป็นที่นั่งเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ที่อดีต ส.ส.เก่าคือ นายธานินทร์ ใจสมุทร โดนใบแดง และที่สำคัญไม่ต้องการพะวักพะวงกับการทุ่มเทหาเสียงเพื่อรักษาที่นั่งเดิมใน 3 เขตดังกล่าว

แต่ที่น่าจับตาเป็นพิเศษคือการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่เขต 3 จังหวัดพิจิตร ที่เป็นการชนช้าง เป็นสงครามตัวแทนระหว่างพรรคมหาชนที่ส่ง นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ลูกชายของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน ลงล้างตากับ นายนาวิน บุญเสรฐ อดีต ส.ส.เก่า ลูกชายของ พ.ต.ท.อดุลย์ บุญเสรฐ ส.ส.พิจิตร อีกคนหนึ่งของพรรคไทยรักไทย ทั้งนี้การเลือกตั้งมีความหมายทั้งสองฝ่ายฝ่ายหนึ่งคือ พล.ต.สนั่นและฝ่ายค้านต้องการแจ้งเกิดนอกจากเป็นการเพิ่ม ส.ส.ให้ฝ่ายค้านแล้ว พรรคมหาชนยังสามารถมีบทบาทโดยเฉพาะสามารถขับ สอง ส.ส.ของพรรคที่มักฝ่าฝืนมติพรรคอยู่เสมอได้อีกด้วย ขณะที่ฝ่ายไทยรักไทยหากพ่ายแพ้หมายถึงเครดิตทั้งจาก พ.ต.ท.อดุลย์ จะลดลงซึ่งจะส่งผลไปถึงการเลือกตั้งใหญ่คราวหน้าด้วย ดังนั้นบรรยากาศการขับเคี่ยวจึงเข้มข้นมีการกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามมากขึ้นเรื่อยๆ

ปชป.ย้ำฝ่ายค้านผนึกสู้เลือกซ่อม-แจงเหตุพายุงดปราศรัยสตูล
ฝ่ายค้านทุ่มช่วย “เสธ.หนั่น” ชิงพื้นที่พิจิตร-เติมเต็ม 125 เสียง
“สุรนันทน์” โต้ ปชป.อ้างผลประโยชน์ชาติ-ไม่ส่งคนชิงเก้าอี้สตูล



4. วุฒิสภาคว่ำญัตติพิจารณาสถานะ “จารุวรรณ”

ในที่สุดที่ประชุมวุฒิสภาลงมติไม่รับพิจารณาญัตติของ 22 ส.ว.ที่เสนอให้พิจารณาสถานะของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตามความคาดหมาย ด้วยคะแนนเสียง 91 ต่อ 47 เสียง งดออกเสียง 9 เสียง ที่ว่าตามความคาดหมายก็คือ ส.ว.กลุ่มนี้เกือบทั้งหมดเป็น ส.ว.ที่เคยลง5.5มติสนับสนุนให้ นายวิสุทธิ์ มนตริวัต เป็นผู้ว่าฯสตง.แต่ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯจนต้องขอถอนตัวในเวลาต่อมา

ขณะเดียวกันถูกตั้งข้อสังเกตว่าการลงมติคว่ำญัตติดังกล่าวยังเป็นการหาทางออกให้กับ นายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภาสามารถใช้เป็นข้ออ้างก่อนหน้านี้ว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับมติของวุฒิสภา แต่ที่สำคัญถูกมองว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนของการยื้อเวลาออกไปให้นานที่สุด เนื่องจากวาระของวุฒิสภาชุดนี้จะสิ้นสุดลงในอีก 6 เดือนข้างหน้า

“แก้วสรร” พ้อทำดีที่สุดแล้ว-ย้ำ คตง.ต้องสางปม “จารุวรรณ”
วิชามาร! ร่อนใบปลิวทั่วสภาถล่ม “ส.ว.ข้างน้อย-จารุวรรณ” ยับ
ตามคาด! มติสภาสูงไม่รับญัตติถกสถานะ “จารุวรรณ”
เปิดรายชื่อ ส.ว.เห็นด้วย-ไม่เห็นด้วยถกญัตติสถานะ “จารุวรรณ”


5. พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุก“เป๊าะ” 30 ปี 4 เดือน-สท.เหี่ยว 25 ปี

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุก นายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแสนสุข จ.ชลบุรี และ นายภาสกร หอมหวล หรือ สท.เหี่ยว สมาชิกสภาเทศบาลเมืองแสนสุข จำเลยที่ 1- 2 ในความผิดฐานจ้างวานฆ่านายประยูร สิทธิโชติ หรือกำนันยูร อดีตกำนันตำบลท่าเสม็ด จ.ชลบุรี เสียชีวิตโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเวลาคนละ 25 ปี เนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวมีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองทำผิดตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 1 กำนันเป๊าะ ให้นับโทษต่อจากโทษคดีแดงที่ 843/48 ของศาลจังหวัดชลบุรี คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินสาธารณะ ต.เขาไม้แก้ว จ.ชลบุรี เพื่อสร้างบ่อกำจัดขยะอีก 5 ปี 4 เดือนรวมจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 30 ปี 4 เดือน ทั้งนี้ในการฟังคำพิพากษานายสนธยา นายวิทยา และนายอิทธิพล สส.ไทยรักไทย บุตรชายกำนันเป๊าะ พร้อมด้วยญาติสนิทและคนใกล้ชิดกว่า 30 คน เดินทางมาให้กำลังใจ ภายหลังฟังคำพิพากษาเจ้าหน้าราชทัณฑ์กว่า 10 คนได้นำตัวทั้งสองไปควบคุมที่ห้องควบคุมใต้ถุนศาล ต่อมา น.ส.จิราภรณ์ บุตรสาว ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์มูลค่า 32 ล้านบาทเศษ ขอประกันตัว กำนันเป๊าะ และ ส.ท.เหี่ยว ต่อมาศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยทั้ง 2 มีอาชีพและที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวจำเลยทั้งสองไว้ชั่วคราว และห้ามจำเลยทั้งสองเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต หลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว นายสมชายและนายภาสกรมีสีหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นได้เดินทางกลับ จ.ชลบุรี ด้วยรถโฟล์คตู้ทันที

“เป๊าะ-ส.ท.เหี่ยว” รอดนอนคุก ศาลให้ประกันคนละ 15 ล้าน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 30 ปี 4 เดือน “กำนันเป๊าะ”
ศาลอุทธรณ์ชี้ชะตา “กำนันเป๊าะ” คดีจ้างฆ่า “กำนันยูร” วันนี้


6. ฮ.ตกกลางอุทยาน "ผบ.กองกำลังผาเมือง"ดับ

เย็นวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ เบล 206 ที่นำ พล.ต.ไพรัตน์ ทองจัตตุ ผบ.พล.ร.ม.1 รอ. ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พร้อมด้วย พ.ต.วิสิฎฐ์ วรวิทย์วัฒน นายทหารคนสนิท (ทส.) และนักบิน 2 นายคือ ร.อ.ทองหล่อ นาคพู่ นักบินที่ 1 ร.อ.ภูมินทร์ ทาอุทัย นักบินที่ 2 ซึ่งบินขึ้นจากกองทัพภาคที่ 3 ไปยังจังหวัดเชียงใหม่ แต่ได้ขาดการติดต่อกับหอบังคับการบินในเวลาประมาณ 16.05 น.ขณะอยู่ห่างจากเขต จ.ลำปาง ประมาณ 25 ไมล์ หรือขณะบินอยู่บริเวณอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เร่งค้นหาทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศจนกระทั่งถึงเวลา 13.30 น.วันที่ 14 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ชุดค้นหาได้รายงานว่าค้นพบศพของทหารทั้ง 4 นาย และซาก ฮ.บริเวณด้านทิศเหนือของอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย บริเวณน้ำตกห้วยเกี๊ยง หมู่ 7 ต.แม่เกี๊ยง อ.วังชิ้น จ.แพร่ สภาพเครื่องเสียหายอย่างหนัก เหลือเฉพาะส่วนหางของเครื่องที่ยังคงสภาพอยู่ หน่วยทหารชุดกู้ศพจึงได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุซึ่งพบว่า สภาพศพของนายทหารทั้ง 4 นายถูกไฟไหม้ทั้งตัว จนต้องใช้วิธีการพิสูจน์หลักฐานมาพิสูจน์ว่าเป็นศพของใคร เมื่อตรวจสอบและพิสูจน์หลักฐานต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ก็ได้ลำเลียงศพทหารทั้ง 4 นายออกมาจากจุดเกิดเหตุด้วยการเดินเท้าอย่างยากลำบาก เพราะสภาพพื้นที่เป็นป่าเขาไม่สามารถนำรถยนต์เข้าไปได้ เพื่อนำศพเก็บไว้ที่อ.วังชิ้น ต่อมาศพของทหารทั้ง 4นาย ก็ได้ถูกลำเลียงด้วยเครื่อง ซี 130 ของกองทัพอากาศไปยังจังหวัดพิษณุโลก โดยศพของผู้บัญชาการกองกำลังผาเมืองได้นำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดคูหาสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ที่เป็นวัดใกล้บ้านพัก ส่วนของศพนายทหารและนักบินจะถูกส่งกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ภูมิลำเนา อย่างไรก็ตามยังไม่มีการกำหนดวันฌาปนกิจศพแต่อย่างใด พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกได้พิจารณาปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ให้กับพล.ต.ไพรัตน์ ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ ฮ.ตก และได้เลื่อนยศเป็นกรณีพิเศษ เป็น พลเอก นอกจากนั้น ยังได้สิทธิกำลังพลทดแทน รวมถึงบำเหน็จพิเศษให้กับทายาท สินไหมทดแทน 50,000 บาท ค่าจัดการศพขั้นต้น 20,000 บาท เงินช่วยเหลือพิเศษ 3 เดือน ในขณะที่ รายอื่นยังไม่ทราบขั้นเงินเดือนปัจจุบัน ทางกองทัพจะเร่งหาข้อมูลและพิจารณาให้เงินชดเชยและค่าตอบแทนสูงสุด เนื่องจาก นายทหารทั้ง 4 นายได้เสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติหน้าที่

พลิกแผ่นดินค้นหาแต่ยังไร้วี่แวว ฮ.ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง
ศพ “ผบ.กองกำลังผาเมือง”กำหนดเคลื่อนถึงพิษณุโลกวันนี้
เตรียมส่งทีมกู้ 4 ศพนายทหารเย็นนี้
พบศพ ผบ.กองกำลังผาเมือง-พร้อมซากเฮลิคอปเตอร์แล้ว !
ประวัติ พล.ต.ไพรัตน์ ทองจัตุ


7. คลังได้ข้อสรุปแนวทางปรับโครงสร้างหนี้ เตรียมเสนอครม. 18 ต.ค.นี้

นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชนร่วมกับทางสมาคมธนาคารไทย ว่า ที่ประชุมในครั้งนี้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ส่วนบุคคลที่เป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ระหว่างฟ้องร้องดำเนินคดี มูลหนี้เงินต้นไม่เกิน 200,000 ล้านบาท ตัด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 ซึ่งรวมถึงยอดหนี้เอ็นพีแอลที่อยู่ในบริษัทบริหารสินทรัพย์ (เอเอ็มซี) ด้วย แต่จะไม่นับรวมหนี้ภาคเกษตร เคหะ และหนี้บัตรเครดิต โดยทางสถาบันการเงินทุกแห่งจะกลับไปรวบรวมตัวเลขหนี้ใหม่ทั้งหมด ซึ่งคาดว่ามูลหนี้จะเพิ่มขึ้นจาก 7,000 ล้านบาทมากพอสมควร และหลังจากนั้นจะมีการลงนามสัญญาความร่วมมือ (MOU) ร่วมกันให้เร็วที่สุด ถ้าไม่ติดปัญหาอะไร คาดว่าน่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ในวันอังคารที่ 18 ตุลาคม 2548 นี้ สำหรับเงื่อนไขในการชำระหนี้นั้น ลูกหนี้สามารถติดต่อธนาคารเจ้าหนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549 เพื่อขอชำระหนี้ โดยธนาคารจะตัดหนี้เงินต้นให้ทันที 50% หากหนี้นั้นอยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนดดังกล่าว ขณะที่ลูกหนี้จะต้องชำระหนี้ครั้งเดียวทั้งจำนวน แต่มีเวลาให้ชำระได้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2549 ส่วนลูกหนี้ที่ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ได้ หากมีเงินเดือนหรือมีรายได้สามารถใช้วิธีรีไฟแนนซ์จากธนาคารออมสินได้ โดยตกลงเงื่อนไขกับธนาคารออมสินตามกรณี แต่ต้องผ่อนชำระกับธนาคารออมสินให้หมดภายใน 3 ปี และต้องชำระอัตราดอกเบี้ยในอัตราปกติของธนาคาร ส่วนคนที่ไม่ติดต่อขอชำระหนี้เลยจะต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดี

“ทนง”ดีเดย์ต้นปีหน้าดึงออมสินปล่อยกู้แก้หนี้คนจน

กำลังโหลดความคิดเห็น