สโรชา - กลับมาช่วงสุดท้ายนะคะ
สนธิ - อย่าเพิ่งกลับนะครับ
สโรชา - อย่าเพิ่งกลับนะคะ
สนธิ - ยังสนุกต่อ ผมอยากจะพูดอีกเรื่องว่าคุณทักษิณรวยได้อย่างไร จะเสียเวลาหน่อยจะเอาไหม เสร็จแล้วค่อยต่อด้วยเรื่องคำถาม คือวันนี้เป็นวันพิเศษผมก็อยากจะเลียนแบบรายการ ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร ชี้ทางรวย คือผมจะแยกเป็นส่วนๆ ว่า ส่วนที่ 1 คุณทักษิณทำอย่างไรถึงรวย ส่วนที่ 2 คุณทักษิณรอดมาได้อย่างไรเมื่อปี 2540 คือ ผมเคยพูดเรื่องนี้คุณสโรชา เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2548 คือเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวเรื่องการแก้หนี้ภาคประชาชน ที่ ครม.เตรียมประกาศเป็นนโยบายในวันที่ 18 นี้ ดูเหมือนเป็นกระบวนท่านไม้ตายที่ใช้ประจำ เป็นกระบวนท่าใช้เงินฟาดหัว คือการออกนโยบายประชานิยมในช่วงที่การเมืองขาลง จริงๆ แล้วความจริงขาลงก็ดีไปอย่าง ลงทีไรก็แจกทุกที แต่ที่มันแจกมันเงินภาษีพวกเรานะ ถ้าเขาเอาเงินเองมาแจกผมอยากให้การเมืองเขาลงตลอดเวลาแต่พอลงแล้วเขาเอาเงินของรัฐบาล ของประเทศชาติงบประมาณมาแจก มันเป็นมาตรการที่สะท้อนความล้มเหลวของการสร้างหนี้ภาคประชาชนในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่การพักหนี้เกษตรกร 3 ปี กองทุนหมู่บ้าน กองทุนละล้านบาท ธนาคารประชาชน คือส่งเสริมให้คนใช้จ่ายเป็นหนี้แล้วไม่ต้องไปสนใจวัตถุประสงค์ในการก่อหนี้ สร้างหนี้ภาคเอกชน ใช้อย่างเดียว เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่น่าสนใจ สภาพัฒน์ออกรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติออกมา พวกท่านคงไม่รู้ บอกว่า ตอนนี้คนไทยมีอัตราค่าใช้จ่ายสูง 17.7 เปอร์เซ็นต์ น่าสนใจมาก พอไปดูแล้ว 17.7 เปอร์เซ็นต์มาจากไหน มาจากค่าขนส่งและการใช้โทรศัพท์มือถือ คือ ชาวไทยที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมากจนเดี๋ยวนี้ชาวบ้าน ชาวนา คนใช้ เด็กนักเรียนใช้โทรศัพท์มือถือถือขั้นยอมขายบริการทางเพศเพียงเพื่อต้องการให้มีโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ใช้ ในทางตรงกันข้ามในขณะซึ่งคนไทยเป็นหนี้มากเหลือเกิน ถึงขนาดที่ขายเนื้อขายตัวเด็กๆ เพื่อที่จะเอาเงินไปซื้อโทรศัพท์มือถือ ในทางตรงกันข้ามคนไทยกลับได้รับข้อมูลข่าวสารในเรื่องความร่ำรวยจากนิตยสารฟอร์บส์ ฉบับวันที่ 3 ตุลาคม 2548 ที่เขาจัดอันดับบริษัทในเอเชียที่กำไรสูงสุด และการเจริญเติบโตที่มั่นคง เมืองไทยติดอันดับอยู่อันเดียว บริษัทเอไอเอส ของกลุ่มชินคอร์ป เท่านั้นไม่พอคุณสโรชา หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ที่ทรงอิทธิพลได้เลื่อนการจัดอันดับให้นายกฯ ของเราเป็นมหาเศรษฐีที่ทรงอำนาจที่สุดคนหนึ่งในโลก จากอันดับที่ 21 มาอยู่อันดับที่ 14 เลื่อนขึ้นมา 7 อันดับ ด้วยทรัพย์สิน 56,000 ล้านบาท ผมคิดว่าอันดับน่าจะสูงกว่านี้เพราะเขายังไม่รวมเงินของคนใช้และคนขับรถไปด้วย
ประชาชนที่เดือดร้อนเพราะน้ำมันแพง ต้องใช้มือถือ มีหนี้สินล้นพ้นตัว กำลังจะให้มหาเศรษฐีระดับโลกอย่างท่านนายกฯ มาออกนโยบายสร้างหนี้ให้ก่อนแล้วค่อยลดหนี้ให้ทีหลัง น่าสนใจมากกว่าว่าทำไมท่านนายกฯ ถึงร่ำรวยขนาดนี้ ผมเชื่อว่าเราต้องดูเอาไว้เป็นตัวอย่างเผื่อคุณกับผมจะเลียนแบบมั่งจะได้รวยแบบเขา
27 มีนาคม 2533 ท่านเป็นพ่อค้าวิ่งเต้นจนได้สัมปทานจากองค์การโทรศัพท์ให้เป็นผู้ดำเนินโครงการระบบเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 900 เป็นระยะเวลา 20 ปี ซึ่งตรงกับสมัยที่คุณชาติชาย ชุณหะวัน เป็นายกฯ แล้วทายซิใครเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคายุคนั้น นายสมัคร สุนทรเวช ปี 2535 วิ่งเต้นจนได้รับสัมปทานดาวเทียมไทยคม โดยการสนับสนุนจากรัฐบาลเผด็จการ รสช. โดยอิงความสัมพันธ์ที่สนิทแนบแน่นกับประธานสภารักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ คือ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ซึ่ง พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ มีทหารคนสนิทอยู่ 2 คน คนหนึ่งชื่อ พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันท์ ที่เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ผ่านมา อีกคนใครทายสิ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ที่เพิ่งได้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด
18 พฤศจิการยน 2535 เอไอเอสได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
1 ตุลาคม 2537 สมัยท่านนายกฯ ชวนชุดที่ 1 เอไอเอสเปิดระบบโทรศัพท์มือถือระบบดิจิตอลจีเอสเอ็ม ถัดจากนั้นไปอีก 2 ปี รัฐบาลชุดคุณบรรหาร ศิลปอาชา โดยมีท่านนายกฯ ทักษิณ เป็นรองนายกฯ เอไอเอสได้ลงนามสัญญาแก้ไขสัญญาสัมปทานกับองค์การโทรศัพท์โดยเพิ่มอายุสัมปทานจาก 20 ปี เป็น 25 ปี ในขณะนั้นท่านเป็นรองนายกฯ คุณบรรหารเป็นนายกฯ
ถัดไปอีก 3 ปี เอไอเอสเริ่มเปิดจำหน่ายและให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ชื่อ วันทูคอล แบบพรีเพด คือใช้บัตรเติมเงิน ไม่มีบริการรายเดือน และไม่ต้องมีการจดทะเบียนเลขหมาย 2544 ชนะการเลือกตั้งทั่วไปเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วดำเนินนโยบายเพื่อชาติ ดังต่อไปนี้
1. แปรสภาพคู่สัญญาและคู่แข่งของเอไอเอส เช่น องค์การโทรศัพทย์แห่งประเทศไทย มาเป็นบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น ทำให้รายได้ของ ทศท.อ่อนแอลงไปหมดเลย โดยยังคงลงทุนในโครงข่าย โดยให้ ทศท.ลงทุนในโครงข่ายที่ไม่คุ้มทุนเพื่อประชานิยม อะไรที่เป็นประชานิยมให้ ทศท.ลงไป แต่อะไรที่เป็นชินนิยมก็ให้เอไอเอสคิดเงินมา แปรสภาพคู่แข่งเอไอเอส การสื่อสารแห่งประเทศไทย กลายมาเป็นบริษัท กสท คอร์ปอเรชั่น เขามีการประมูลโทรศัพท์ซีดีเอ็มเอ ให้เอกชนเข้ามาสู้ บริษัท ฮัทชินสัน ของฮ่องกงก็ประมูลได้แต่ยกเลิก
สโรชา - เพราะ
สนธิ - ให้ กสทฯ ทำเอง คุณ get หรือเปล่านี่ แล้วรัฐบาลกำกับ พอ กสทฯ มันทำเอง รายได้มันก็ลดสิ อ่อนแอลงไปอีกเช่นกัน เพราะถ้าฮัทชินสันมันทำ ฮัทชินสันมันของนายลี กา ชิง นายลี กา ชิง นี่ ความรอบรู้นี่มันไม่ได้แพ้นายกฯ ทักษิณใดๆ เลยแม้แต่นิดเดียว นึกออกไหม
สโรชา - มหาเศรษฐีเหมือนกัน
สนธิ - มหาเศรษฐีเหมือนกัน แล้วถ้ามันทำโทรศัพท์ฮัทชินสันนี่ มันทำของ กสทฯ นี่ เครือข่ายทั่วประเทศ มันก็พร้อมจะลงทีละ 4-5 หมื่นล้าน เหมือนกัน มันก็จะเป็นคู่แข่งสิ ก็ถ้างั้นให้ กสทฯ มันทำแล้วกัน นี่เริ่มเห็นภาพหรือยัง ทีละนิดๆ
2546 พ.ร.ก.จัดเก็บภาษีสรรพสามิตกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ให้กระทบรายได้สัมปทานผู้ประกอบการเดิม กีดกันผู้ประกอบการรายใหม่ จนกระทั่งไม่มีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาแข่งขันเลย พฤศจิกายน 2546 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน บีโอไอ ได้มีมติส่งเสริมการลงทุนโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ ของบริษัท ชินแซทฯ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เฉพาะรายได้ที่รับจากต่างประเทศ ทั้งๆ ที่เป็นกิจการที่ลงทุนเดิมอยู่แล้ว คือการลงทุนนี่เขายิงชินแซทฯ นี่ก็คือยิงดวงที่ 1 ดวงที่ 2 ดวงที่ 3 ดวงที่ 4 เวลาเขาขอส่งเสริมเขาก็ขอในนามบริษัท และในเมื่อในนามบริษัทได้แล้ว คุณจะยิงดวงไหนมันก็เหมือนกัน ใช่ไหมฮะ บริษัทก็เลยได้รับยกเว้นภาษีไปอีก 16,459 ล้านบาทต่อปี ต้องเห็นใจ เพราะว่าเขายังไม่รวย เขายังจนอยู่
2546 ไอทีวีได้ลดค่าสัมปทาน และไอทีวีก็สามารถปรับเพิ่มรายการบันเทิงได้ ปลายปี 46 ชินคอร์ปลงทุนในสายการบินราคาถูก แอร์เอเชีย มาเป็นคู่แข่งการบินไทย โดยที่รัฐบาลก็ยังส่งคนไปดูแลและตัดสินใจนโยบายเส้นทางการบินที่เราเล่าให้ฟังเมื่อกี้นี้
2547 ชิน คอร์ปอเรชั่น เข้าสู่ธุรกิจสินเชื่อแก่ผู้บริโภค คือแคปิตอล โอเค ปล่อยสินเชื่อนอกระบบธนาคารพาณิชย์ ทำมาหากินเพิ่มเติมจากภาคประชาชน
เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นว่า 2547 นี่ อย่างเดียว บริษัทมือถืออย่างเอไอเอสนี่ มีรายได้รวมถึง 77,708 ล้านบาท เกือบๆ เท่า ปตท.นะ ไม่จำเป็นต้องเช่าโครงข่ายของ กสทฯ เหมือนกับผู้ประกอบการอื่นๆ ฟรี ท่านเข้าใจหรือเปล่าคำว่า "ฟรี" นี่ยังน้อยนะ เพราะว่าทั้งหมดนี่เบ็ดเสร็จแล้ว ถ้ามามองดูว่าสมัยที่ท่านนายกฯ คนนี้เป็นนายกรัฐมนตรี 4 ปีมานี้ เขาบอกว่าตลาดหุ้นมันเพิ่ม ทุกคนมันเพิ่มหมด เอาล่ะทุกคนอาจจะเพิ่มหมด ไม่เป็นไร ผมจะยกตัวอย่างเฉพาะในกลุ่มของท่านแล้วกัน กลุ่มของท่านมีไอทีวี ชินคอร์ปอเรชั่น เอไอเอส ชินแซท ธนาคารทหารไทย และอื่นๆ นั้น ได้รับความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น อันเป็นผลพลอยได้จากนโยบายและมาตรการของรัฐ ในปี 2546 ปีเดียว เพิ่มสูงกว่าเดิมประมาณ 205,276 ล้านบาท ถ้าผมสรุปอย่างนี้จะโดนฟ้องอีก 2 คดีไหม
สโรชา - เป็นไปได้
สนธิ - นะ คุณทักษิณ ในข้อเท็จจริงท่านจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ท่านร่ำรวยมาด้วยการวิ่งเต้น อิงอำนาจทางการเมือง แล้วท่าน เผอิ๊ญ เผอิญท่านมาเข้ามาสู่ เป็นผู้ควบคุมอำนาจรัฐ คือโดยมารยาทแล้ว ท่านต้องตัดส่วนนี้ออกไปให้หมดเลย ท่านก็ไม่ตัด บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจท่าน ท่านไปให้ลูกชายท่าน นายพานทองแท้ บริษัทฮาวคัม ไปเอาแม้กระทั่งสัมปทานโฆษณารถไฟฟ้าใต้ดิน ท่านคิดของท่านได้อย่างไร ท่านมีเงินขนาดนี้แล้ว ทำไมท่านไม่บอก เฮ้ย อยู่เฉยๆ ไปหาอะไรทำดีกว่า ไปถ่ายรูป ไปเลี้ยงปลา ไปซื้อเต่า
สโรชา - อ้าว เดี๋ยวจะหาว่าลูกท่านไม่มีความสามารถหรือเปล่าคะ
สนธิ - เมื่อตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี ตัวเองมีผลประโยชน์เต็มไปหมด ตัวเองต้องตัดตัวเองออกจากผลประโยชน์ให้หมดเสียก่อน ใช่ไหม ตัวเองก็ตัดไม่ออก หรือว่าพิสูจน์ไม่ได้ เพราะว่ามันก้ำกึ่งกันมาก มันก้ำกึ่งกันอย่างไรล่ะ ก็ในเมื่อตัวเองเป็นคนออกนโยบาย กำหนดกติกาทุกอย่าง เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อตัวเองอยู่ในธุรกิจซึ่งมีคู่แข่งขันหมดเลย แล้วถ้าเกิดอะไรไม่แฟร์ขึ้นมา คนเขาตำหนิได้ แล้วตัวเองจะไปตอบอย่างไร
สโรชา - ค่ะ เกิดคำถาม
สนธิ - นี่คือความหวังดี ความหวังดี เพราะว่าคนรวยที่ดีในโลกนี้ก็ยังมีอยู่ ใช่ไหม แต่หายากมาก เพราะฉะนั้นแล้ว วันนี้ท่านอยู่ในธุรกิจซึ่งทำให้ท่านรวยขึ้น ด้วยการที่ทำให้คนเป็นหนี้เป็นสิน ใช้โทรศัพท์มือถือมากๆ ใช้เงินกู้แคปิตอล โอเค ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว วันนี้ท่านจะมาเอาบุญคุณจากประชาชนในนโยบายลดหนี้ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าผมสรุปอย่างนี้ ท่านผู้ชม พี่น้องประชาชนจะว่าผมอคติหรือเปล่า ผมไม่ได้อคติหรอก ผมพูดในความจริง จริงๆ แล้วคำพูดผมเนี่ยเป็นดุจ คำพูดผมมีค่าดั่งทองคำถ้าท่านฟังแล้วท่าน get ประเด็นคือว่า ท่านรวยขนาดนี้แล้วท่านยุติได้ไหม ไหนท่านเคยพูดว่า ท่านมาครั้งนี้ท่านรวยแล้ว ท่านพอแล้ว
สโรชา - ท่านพูดกับคุณสนธิเองหรือเปล่าคะ
สนธิ - ท่านพูดกับทุกคน รวยแล้วไม่โกง แต่ท่านอาจจะไม่ได้โกงแต่ท่านอาจจะบอกพอแล้ว
ผมมีนิทานเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง มีคนจนอยู่คนหนึ่งกำลังไปหาคนรวย 2 คนผัวเมีย ไปขอยืมเงินเขา ผัวกำลังคุยกับเมียอยู่ บอก "เฮ้ยมีอะไร" คนนี้เข้าไปบอก "ท่านครับที่บ้านฝนมันรั่ว อยากจะขอยืมเงินไปเปลี่ยนหลังคาหน่อยหลังคามันรั่ว" "เฮ้ยยุ่ง เอาเท่าไหร่" บอก "ผมจะขอยืมซัก 10,000" โอเครอก่อน ระหว่างที่รอนอกห้องได้ยินเสียงผัวกับเมียพูดกัน เมียบอกผัวว่า "โดนสรรพากรเรียกภาษีไป 10 ล้านบาท" ผัวบอก "ไม่ได้โดน สูญเสียไป 10 ล้าน เราต้องทำกำไรเพิ่มอีกพันล้าน" เสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังตกลงว่าจะอย่างไรให้มันรวยพันล้านก็เลยเรียกคนมายืมว่า "เฮ้ยเข้ามาดิ ตกลงจะเอาเงินเท่าไหร่นะ" ไอ้นี่ยกมือไหว้ "ผมไม่เอาแล้วครับ เพราะท่านยังจนอยู่"
สโรชา - (หัวเราะ) ก็สรุปไม่เอาเพราะว่าลำบากเหมือนกัน
สนธิ - ที่ผมคิดว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักคือ แม้กระทั่งเรื่องทีพีไอ ทำไมรัฐบาลถึงต้องการยึดทีพีไอรู้ไหม มีใครรู้มั่ง ผมจะเล่าให้ฟัง ทีพีไอเป็นโรงกลั่นน้ำมันโรงสุดท้ายที่ประเทศไทยให้สร้างได้ ก็ราคากลั่นตั้ง 4.20 บาท กำไรขนาดนี้ถ้าไม่ยึดมาแล้วจะไปให้ใคร นายประชัยเลยกลายเป็นหมาบ้าไปเลย สู้สุดฤทธิ์สุดเดช เพราะว่าเขามีความรู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความยุติธรรม ปรากฏว่า เขาวิ่งไปหาผู้ร่วมทุน เขาไปได้บริษัทซิติก ที่ประเทศจีน ซิติก ก็เป็นบริษัทของประเทศจีน บริษัทลงทุน ซึ่งรัฐบาลเป็นเจ้าของ ประเทศจีนมีปัญหาเรื่องพลังงาน เขาต้องการมีพลังงาน มีเครือข่ายพลังงาน เขาเลยมองทีพีไอว่าน่าลงทุน เขาพร้อมมาถือหุ้นในทีพีไอด้วยวงเงินประมาณเกือบแสนล้านบาท เงินก้อนนี้เอามาเพื่อจ่ายคืนเจ้าหนี้ให้หมด แล้วซิติกก็ถือหุ้นใหญ่นายประชัยถือหุ้นน้อยลงแล้วเป็นผู้บริหาร ปรากฏว่าซิติก คือเรื่องนี้ถ้าซิติกเข้ามาได้ไปยื่นศาลล้มละลาย บอกว่า ผมมีคนมาลงทุนแล้วเอาเงินคืนเจ้าหนี้หมดทุกคนทุกบาททุกสตางค์ ศาลบอก ดียกเลิก ถ้าอย่างนั้นบริษัทนี้ให้ซิติกบริหารกับคุณประชัยไป มีการไปเยือนเมืองจีนครั้งหนึ่ง มีใครก็ไม่รู้ในรัฐบาลที่ใหญ่ ไปพูดกับนายกรัฐมนตรีเขาและรองนายกรัฐมนตรี บอกเรื่องทีพีไอขอให้จีนอย่าเข้ามาผมต้องการ คนที่เล่าให้ผมฟังคือเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ประเทศจีน เพิ่งเล่าให้ผมฟังที่ปักกิ่งเมื่อไม่กี่วันนี่เอง อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลยว่าใคร
สโรชา - พูดอย่างนั้นเลย
สนธิ - พูดอย่างนี้เลย เขาบอกว่าผู้ใหญ่ของคุณเป็นอะไร บอกเกิดมาไม่เคยเจอ มาประชุมกันเรื่องโน้นเรื่องนี้ผู้ใหญ่ของคุณคนหนึ่งมาพูดแต่เรื่องทีพีไอ บอกว่าจีนอย่าเข้ามานะถ้าจีนเข้ามารัฐบาลไทยจะไม่ให้ความร่วมมือ ในที่สุดเขาเห็นแก่ความสัมพันธ์เขาสั่งให้ซิติกร่างกฎหมายปฏิเสธนายประชัย คุณสโรชา
สโรชา - ทำไมอย่างนั้นล่ะ
สนธิ - ทำไมอย่างนั้นคุณไปถามเขาดูซิทำไมอย่างนั้น นี่เรื่องจริงเลย เขาพูด เขาบอกว่าประเทศไทยทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปแล้ว เขาไม่เข้าใจ
สโรชา - ทั้งที่จริงๆ แล้วเราพยายามจะดึงดูดเม็ดเงินจากจีนมาลงทุนนะ
สนธิ - จริงๆ แล้วเจ้าหนี้ถ้าได้เงินคืนก็จบใช่ไหม แต่ไม่ กลับไปหักคอเขา ไปยึดหุ้นเขามา แล้วก็ไปขายให้ใครล่ะ ปตท. และอี 30 เปอร์เซ็นต์ ปตท.ใครถือหุ้นอยู่ล่ะ อ้าว เมื่อกี้เพิ่งเล่าให้ฟัง ยังไม่ get อีกเหรอ ไอ้หุ้นทีพีไอในท้องตลาด มูลค่าตามบัญชีมันเท่ากับ 30 บาท มูลค่าในตลาด 13 บาท ซื้อขายกัน เขาขายให้ ปตท. 3 บาท 30 แล้วขายไม่หมดนะ ยังกั๊กอีกส่วนหนึ่งเป็นสิทธิที่เขาใช้อำนาจของผู้บริหารแผน บอกว่า ที่เหลือจะขายให้ผู้ลงทุนจากประเทศสิงคโปร์ คุณก็รู้ว่าสิงคโปร์นี่ใคร
สโรชา - อีกแล้ว
สนธิ - ไอ้พวกที่ใช้ nominee ตัวแทนน่ะ เห็นหรือยังคุณ นี่มันปล้นกันอย่างหน้าด้านๆ ไม่มีหิริโอตัปปะ ไม่มีความละอายกันเลยแม้แต่นิดเดียว นี่คือข้อเท็จจริง แต่วันหนึ่งความจริงจะปรากฏ ผมเชื่อ ผมอยากให้เราขึ้นรูปภาพหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2540 ก่อนวันลอยค่าเงินบาทเพียงวันเดียว หนังสือเล่มนี้ วันที่ 1 กรกฎาคม 2540 ก่อนวันลอยค่าเงินบาทเพียงวันเดียวนะ ท่านนายกฯ เราให้สัมภาษณ์ว่า
"และที่สำคัญอีกประการ เราต้องมีความชัดเจนในเรื่องของค่าเงินบาท อย่าตะบี้ตะบันว่าผมไม่ลด ยังไงก็ไม่ลด เราควรมานั่งดูพร้อมๆ กันว่า วันนี้เงินค่าบาทของเราคืออะไร ต้องยอมรับความเป็นจริง อย่ามัวมาห่วงศักดิ์ศรี คงไม่ได้ดแล้ว วันนี้ต้องยืนอยู่บนความเป็นจริงว่าค่าเงินบาทมีราคาเท่าไรในตลาดโลก อย่าไปเล่นกับศักดิ์ศรี ระบบเศรษฐกิจเป็นระบบที่สะท้อนค่าดีมานด์-ซัพพลาย ที่มันต้องอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง วันนี้เราต้องกอดคอกัน คนเราเมื่อมีสุขก็ย่อมมีทุกข์ได้ ในเมื่อคุณเอ็นจอยกับอัตราดอกเบี้ยต่ำมานาน สำหรับผู้ที่กู้เงินต่างประเทศ ภาษีดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 8 สบายมานานแล้ว แต่คนในประเทศที่กู้เงินในประเทศ บางคนไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเงินต่างประเทศคืออะไร เขาเสียดอกเบี้ยร้อยละ 12-15 มามาก ก็ต้องยอมรับความจริง เมื่อพวกคุณสุขมานาน ก็ทุกข์เสียบ้าง เป็นไปตามหลักรัฐศาสตร์ คนมีมากก็ย่อมต้องช่วยคนมีน้อย อย่ามัวไปเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่ารำคาญ"
จริงๆ แล้ว ในความเป็นจริงแล้ว ในยุคนั้น บริษัทของท่านนายกฯ ยังไม่ค่อยจะมีทุกข์เท่าไรหรอก เพราะว่าปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7-13 กรกฎาคม 2540 คุณนิวัฒน์ บุญทรง ประธานกรรมการสายธุรกิจ มีเดีย บริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นชินคอร์ป ให้สัมภาษณ์หลังจากลดค่าเงินบาทแล้ว คุณนิวัฒน์พูดอย่างนี้
"ส่วนตัวแล้วเห็นด้วยกับการลดค่าเงินบาท เพราะยิ่งช้ายิ่งแย่ ผมคิดว่านักธุรกิจส่วนใหญ่คงเห็นด้วยกับนโยบายนี้ ส่วนผลกระทบกับกลุ่มชินวัตรนั้นมีบ้าง แต่ไม่มากนัก เพราะชินวัตรติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เงินกู้ไหนสามารถชำระได้ก็รีบชำระ หรือไม่ก็ทำประกันความเสี่ยงสถาบันการเงิน"
ก็สอดคล้องกับรายงานงบดุลเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2540 ก่อนลอยค่าเงินบาท 2 วัน ปรากฏว่า บริษัทในเครือกลุ่มชินวัตรมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนกันอย่างถ้วนหน้า ถ้วนหน้าเลยนะ ทำสัญญาซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า บริษัท เอไอเอส บริษัทย่อย 114 ล้านเหรียญ บริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ บริษัทย่อย 326 ล้านเหรียญ ประกันความเสี่ยงเงินกู้ 117 ล้านเหรียญ เพราะฉะนั้นบริษัท เอไอเอส บริษัทย่อย ประกันตัวเองไว้แล้วคือ 231 ล้านเหรียญ ชินวัตร คอมพิวเตอร์ บริษัทย่อย 326 ล้านเหรียญ ประมาณสัก 600 ล้านเหรียญได้ นี่ยังไม่นับสินค้าคงเหลือที่เพิ่มมากขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 39 พอเปลี่ยนไปปั๊บ เงินบาทร่วงจาก 39 บาท 30 สตางค์ พฤศจิกายน 40 มาเป็น 53 บาท 81 สตางค์ ในระยะเวลาเดือนกว่าๆ ทุกคนเจ๊งหมด ยกเว้นบริษัทในกลุ่มชินวัตร ที่นอกเหนือจากไม่ขาดทุนในช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว กลับมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน สวนทางกับภาวะตลาดเสียอีกด้วย เฉพาะไตรมาสนั้น กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัท เอไอเอส บริษัทย่อย พันกว่าล้านบาท ชินวัตรบริษัทย่อย ร้อยกว่าล้านบาท นี่คือผลงานการรอดตัว ท่านเก่ง ท่านรู้ล่วงหน้า ท่านคำนวณถูกต้อง ท่านรอดพ้นจากวิกฤติ นะฮะ แล้วท่านเป็นมหาเศรษฐี ผมไม่มีอะไรจะพูด เรื่องพวกนี้ ผมคิดว่าท่านเป็นคนที่วิเศษสุด ท่านทำนายทายทักได้แม่นยำมากเลยว่าเงินบาทจะร่วงเมื่อไร
อ้อ ลืมบอกไป สมัยที่เงินบาทร่วงนั้น คุณทนง พิทยะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คุณทนงก็เป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงของท่าน แล้วก็มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่รู้จะเกี่ยวด้วยกันหรือเปล่านะ คงไม่น่ะ แต่จะฝากคำพูดของพระเจ้าอยู่หัวฯ ไว้นิดหนึ่ง น่าสนใจมาก
วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม 2542 ที่ศาลาดุสิตาลัย สวนจิตรฯ พระราชวังดุสิต พระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานพระราชดำรัสให้กับคณะบุคคลที่เข้าเฝ้าฯ น่าสนใจมาก พระองค์ท่านพูดถึงเศรษฐกิจพอเพียง พระองค์ท่านก็พูดไปเรื่อยๆ นะฮะ พระองค์ท่านพูดถึงว่า
"อันนี้ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่เข้าข้างตัวเอง เพราะว่าพูดมาก่อนนี้แล้ว พูดมาก่อนที่ผู้ที่เป็นตัวละครในการถกเถียงกันได้มาอยู่ในตำแหน่งนั้น พูดมานานแล้ว แต่ว่าถ้าเงิน 20 บาท 25 บาทมั่ง ต่อดอลลาร์ 50 บาทมั่ง ต่อดอลลาร์ คนที่ .... ขอใช้คำว่าหัวใส" พระองค์ท่านเรียกนะ
"เขารู้เขาไปซื้อดอลลาร์ราคา 25 บาท ไม่กี่วันดอลลาร์ขึ้นเป็น 50 เขาขาย 50 บาท ได้กำไร 2 เท่า อย่างนั้นเราเห็นว่าคนได้กำไรเราก็ยินดีด้วย ยินดีด้วยกับเขา ถ้าคนไหนรวยก็ดี แต่ที่ไม่ยินดีเพราะคนไหนที่ได้กำไรโดยมีเทคนิคสูงในการแลกเปลี่ยนหรือมีความรู้ รู้ไส้ ฝรั่งเขาเรียกว่า อินไซเดอร์" นี่พระเจ้าอยู่หัวฯ พูดนะ เดี๋ยวจะโดนข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอีก มันช่างฟ้องจริง พวกอีช่างฟ้อง พระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำรัสต่อ ฟังให้ดีๆ
"ถ้าคนไหนรู้ไส้ของเศรษฐกิจชั้นสูงๆ อย่างนี้รวย แต่ว่าคนนั้นรวยอย่างที่ว่าเรายินดีกับเขา ถ้าเขารวยแล้วเขาใจบุญ แต่ว่าอย่างนี้เศรษฐกิจพัง พังเพราะอย่างนี้ จะไม่พูดว่าอันนี้ทุจริต แต่ว่าได้พูดไปแล้ว" นี่พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทั้งดุ้นเลย วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม 2542 เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ไปคิดกันเอาเอง บางครั้งต้องใช้ปัญญาคิดเหมือนกันนะมาดูรายการนี้จะให้พูดกันฟันธงโชะ โชะ ทุกอย่างไม่ได้
สโรชา - ถึงเวลา 20.30 น. ยังไม่ได้ตอบคำถามเลยซักคำถาม ต้องต่อเวลารึเปล่า
สนธิ - ต้องขอบคุณท่าน ขอบคุณท่านเคเบิลต่างจังหวัดทุกจังหวัดที่ถ่ายทอดรายการนี้ แต่เป็นเรื่องที่ตลกตั้งแต่เขายุบรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ปรากฏว่าเคเบิลต่างจังหวัดมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเยอะ เพราะว่ามีคนดูต้องการดูรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ยกเว้นเคเบิล จ.ภูเก็ต ที่ถูกตัด พ่อแม่พี่น้องถึงต้องขนเข้ามาถึง 100 คน
สโรชา - อยากจะทักทายท่านผู้ชมที่เดินทางมาจากลอสแองเจลิส ส่งกำลังขึ้นมาขอให้กำลังใจคุณสนธิ และคุณสโรชา ชาวแอลเอดูกันมาก ฝากให้กำลังใจมาด้วยค่ะ จากคนในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มีโบกไม้โบกมือด้วยค่ะ มาไกลนะคะ
สนธิ -เอานี่ซะก่อน นี่คือแฟนพันธุ์แท้
สโรชา - ยิ่งฟังยิ่งทราบว่า ท่านดังขึ้นทุกวัน แต่ดังเหมือนตด
สนธิ - ไม่เป็นไรครับขอบคุณมาก ขอบคุณมากครับที่อุตส่าห์เขียนมา ไม่เป็นไรทั้งสิ้น เพราะว่าคุณมีหน้าที่ที่จะออกความเห็นก็ออกได้ ไม่ว่ากันอยู่แล้ว ผมใจกว้างนะ ผมมาให้คุณอ่าน ผมใจกว้างกว่านายคุณเยอะนะ
สโรชา - คุณนิด บอกว่า คุณสนธิ คุณสโรชา คุณคิดว่าน้ำท่วมที่เชียงใหม่เกิดจากเหตุใด(ผมว่าแผ่นดินมันต่ำ)
สนธิ - คนมันก็ช่างคิด แต่ว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก ผมคิดว่ามันอยู่ในส่วนหนึ่งของคำทำนายของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทำนายให้กับพระเจ้าปเสนทิโกศล 16 ข้อ มีหลายๆ ข้อ ข้อหนึ่งคือ ภัยพิบัติ คือแผ่นดินถ้าไม่มีธรรมก็จะมีภัยพิบัติ จะมีทุกอย่าง ข้อ 16 คือการล้มล้างราชาธิปไตย อันนี้อยู่ในพระไตรปิฎกนะจะมาว่าผมไม่ได้นะ มีหมดนะ ผมคิดว่า ผมไม่รู้แผ่นดินต่ำหรือไม่ต่ำแต่มันผิดปกติมาน้ำท่วมเชียงใหม่ 4 ครั้ง ไม่เคยมีมาก่อน คนโบราณจะเรียกว่า อาเพศ ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลก เวลาเราจัดเมืองไทยรายสัปดาห์ นี่ครั้งนี้ครั้งที่ 4 ใช่ไหม
สโรชา - 4 ครั้ง
สนธิ - ก่อนจัดผมบนบานสานกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระสยามเทวาธิราช ขอให้ฝนที่กำลังจะตกหยุดตก หรือขอให้ตกน้อยที่สุด ไม่รู้ว่าท่านที่เคยมาทั้ง 4 ครั้ง เคยสังเกตเรื่องพวกนี้ไหม ทั้งๆ ที่ตกทั้งวัน นี่เมื่อกี้ก่อนออกมานี้นี่ผมจุดธูป 5 ดอก ผมบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า วันนี้ลูกจะมาทำประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงขอให้คนที่มาฟังลูกอย่าได้เปียกฝนเหมือนกับลูกหมาตกน้ำเลย
สโรชา - อยากให้วิเคราะห์เรื่องเปิดการค้าเสรี ใครเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด เพราะรู้สึกว่าประเทศไทยเสียผลประโยชน์
สนธิ - ตั้งแต่เปิดการค้าเสรีมา คนที่ได้ประโยชน์เนี่ยจำนวนน้อย บริษัทต่างๆ ได้ประโยชน์ คือรัฐบาลชุดนี้พูดแล้วไม่ค่อยฟัง ชอบพูดบอกว่า คุณนี่ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก ก็ผมจะไปรู้เรื่องอะไรล่ะ ก็คุณเปิดเสรีแต่ละประเทศ ขาดทุนเขาหมดทุกประเทศ ผมมันโง่นี่ ก็คุณฉลาดนี่ คุณเป็นคนพูดตลอดเวลาเลยว่าสื่อมวลชนต้องรักชาติ ฟังผมคนเดียว ไม่ต้องไปฟังอย่างอื่น ก็เพราะว่าผมฟังคุณคนเดียว ผมก็เลยไม่เข้าใจ ว่าเวลาคุณเปิดการค้าเสรี มีอยู่ 3 บริษัท ได้กำไร แล้วทางฝรั่ง หรือคนจีน มันส่งของเข้ามา เมื่อหักกลบลบหนี้แล้วคุณก็ยังบอกกำไร โอเค อาจจะกำไรจริง แต่มันกำไรแค่ 3 บริษัทเท่านั้น แต่เกษตรกร 2 ล้านคน ฉิบหายนี่ ตกลงคุณจะเปิดการค้าเสรีโดยใช้จำนวนประชาชนที่เป็นตัววัดหรือใช้บริษัทเป็นตัววัด คุณต้องใช้ผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่เป็นตัววัด ถ้าคุณเปิดการค้าเสรีแล้วทำให้เกษตรกรเป็นล้านๆ คน เป็นแสนๆ คน ต้องพังทลายไป แล้วบริษัทดาวเทียมบริษัทหนึ่งได้กำไร หักกลบลบหนี้แล้วยังได้กำไรนี่ ไม่ใช่แล้ว อย่าเอาตัวเลขอย่างเดียวเป็นตัววัด ถ้าเอาตัวเลขวัดคุณก็ต้องถามว่า ไอ้ตัวเลขที่กำไรนั้นใครได้กำไร เมื่อคุณดูว่าใครได้กำไรแล้วคุณถามต่อว่า ใครฉิบหาย คุณเห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ฉิบหาย ถึงแม้ว่าตัวเลขกำไร คุณก็ไม่ควรจะเปิด ใช่ ไม่ใช่
สโรชา - ความคิดเห็นจากทางบ้านนะคะ จากเพชรบุรีค่ะ นายกฯ จะนำถนน ตรอก ซอก ซอย เข้าตลาดหลักทรัพย์ด้วยหรือเปล่า
สนธิ - ไม่ต้องตอบแล้วครับ ต่อเลยครับ
สโรชา - คุณผู้ชมจากชลบุรีนะคะ บอกว่า ที่นี่เปิดดูกันทุกบ้าน แล้วไปดูที่ธรรมศาสตร์กันหลายคันรถเหมือนกัน
สนธิ - ตบมือให้คนจากชลบุรีหน่อยครับ
สโรชา - ตอนนี้มีเพลงลอดลายมังกร อยากให้มีเพลงลอดลายสุนัขบ้าง / อันนี้ท่านผู้ชมจากนครนายกนะคะ มาจากความคิดเห็นในหอประชุมแห่งนี้นะคะ อยากให้มีการจัดตั้ง "กลุ่มคนขอคะแนนคืน" เพื่อให้เกิดความชัดเจน ว่าตอนเลือกให้คะแนน คือให้โอกาส เมื่อทำตัวไม่เหมาะสมก็ชอบธรรมที่จะขอคืน และหมดความชอบธรรมที่จะอ้างคะแนนเลือกตั้งอีกต่อไป / คุณตุ้ยจากฮ่องกงค่ะ บอกว่า คนฮ่องกงสามารถที่จะดูรายการช่องนิวส์วันผ่านอินเตอร์เน็ตได้ชัดเจนมาก / จากแคลิฟอร์เนีย บอกว่าคนที่อเมริกาปลื้มทั้งสองท่านมาก ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็ยินดีนะคะ / ผมขับรถมาจากลพบุรี เพื่อมาให้กำลังใจคุณสนธิกับคุณสโรชาโดยเฉพาะ ขอให้ต่อสู้ต่อไป จากคนเมืองลพบุรีนะคะ / พวกเราพนักงาน กฟผ.ที่สู้เพื่อประชาชน ขอให้คุณสนธิจงเข้าใจพวกเรา แต่คุณสนธิต้องว่าพวกผู้บริหารและสหภาพ กฟผ. ซึ่งเป็นผู้นำแรงงาน เพราะมันเข้าข้างรัฐบาล เป็นสุนัขรับใช้รัฐบาล ทำให้พนักงานที่ออกมาต่อสู้เจ็บไปตามๆ กัน ด้วยอำนาจเผด็จการของผู้บริหารที่ร่วมมือกับสหภาพแรงงาน กฟผ.ที่นำโดยประธานสหภาพ กฟผ. / ความคิดเห็นจากทางบ้านอีกรายหนึ่งนะคะ คุณวิสุ บอกว่ารายการคุณสมัคร-คุณดุสิต ทำไมชอบพูดเข้าข้างรัฐบาล ส่วนรายการวิทยุที่จัดกันก็มีว่าคุณสนธิด้วย อยากทราบว่าเป็นร่างทรงของใครหรือเปล่า
สนธิ - อย่าไปโกรธคุณสมัครฮะ ผมเคยเรียนให้ทราบ ท่านอายุมากแล้ว เราต้องรักษาท่านไว้ เพราะท่านเป็นพันธุ์เดียวที่มีอยู่ในโลกนี้ มีคนหลายคน บางคนนี่โดนท่านตำหนิติเตียนมาอย่างรุนแรงไม่หยุดเลย มาบ่นกับผม ผมบอกนั่นเป็นสิริมงคลนะ ถ้าท่านชมคุณเมื่อไร คุณรีบไปรดน้ำมนต์ 7 วัดทันที
สโรชา - จากคนเพชรบุรีนะคะ บอกว่าเรามาจาก จ.เพชรบุรี มา 2 ครั้งแล้ว ขอให้กำลังใจคุณสนธิ คุณสโรชา อย่ายอมแพ้ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ ขอบพระคุณค่ะ มี ต้องทักทายทางบ้านด้วยนะคะ เขาบอกเคเบิลภูเก็ตไม่ได้ถูกตัด
สนธิ - ทำไมครับ
สโรชา - ยังดูได้
สนธิ - อ๋อยังดูได้เหรอ ขอโทษทีครับท่านเจ้าของเคเบิลครับ ผมสมควรตาย
สโรชา - ต้องขอบพระคุณค่ะจากเพชรบูรณ์ จากกาญจนบุรี จากภูเก็ต จากสุโขทัย จาก กทม.ด้วย มีหลายต่อหลายความคิดเห็นเข้ามาคงไม่สามารถอ่านได้หมด แต่มีอันหนึ่งที่ค่อนข้างน่าสนใจจากโคราช เมื่อไหร่คุณสนธิจะนำขบวนขับไล่นายกฯ สักที
สนธิ - ท่านพ่อแม่พี่น้อง ท่านผู้ชมที่อยู่ทางบ้าน ผมต้องขอเรียนอะไรให้ฟังบางอย่าง จากส่วนลึกของหัวใจเลย ท่านเก็บผมเอาไว้เป็นสนธิ ลิ้มทองกุล อย่างนี้ดีที่สุด สังคมไทยจะมีนายกฯ ที่ดีมั่ง เลวมั่งมาตลอด แต่ว่าสังคมไทยหาคนที่มีจุดยืนทุกยุคทุกสมัยที่ยืนอยู่ที่เดียว หาไม่ค่อยได้ ผมเคยพูดตลอดเวลาว่าผมไม่ใช่ผู้นำมวลชน แต่ผมเป็นคนที่ซื่อสัตย์ในวิชาชีพผม ผมกล้ายืนอยู่ในจุดที่ผมควรจะยืน เหมือนอย่างที่คุณกุหลาบ สายประดิษฐ์ พูดว่า อาชีพของคนที่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพสื่อมวลชน เวลาแดดออกจ้าประชาชนมองเห็น เวลาเมฆฝนครึ้มมาคนจะมองไม่เห็น แต่พอแดดออกอีกครั้งเขาจะเห็นอีกครั้งว่าเรายืนอยู่ที่เก่า เราไม่เคยเปลี่ยน ผมจะมีประโยชน์กับท่านมากถ้าท่านเก็บผมเอาไว้อย่างนี้ พลังบริสุทธิ์มันเกิดขึ้น ที่สังคมเป็นเป็นเช่นนี้เพราะสังคมมันมืดมิด
ผมพูดคราวที่แล้วผมก็จะพูดอีกครั้งหนึ่ง ผมพูดมาตลอดว่า ผมเป็นคนที่กล้าจุดเทียนขึ้นมา 1 เล่ม ท่ามกลางพายุที่มันเกิดขึ้น นี่คือที่มาของการทำฉากอันนี้ เทียนนั้นเมื่อจุดแล้วมันจุดท่ามกลางพายุมันจะทำให้เทียนดับ วิธีเดียวที่เทียนไม่ดับได้ คนจุดคือผม ต้องหันมาปกป้องเทียนเพื่อไม่ให้เทียนดับ ในช่วงของการปกป้องมันจะมีเศษอิฐ เศษสังกะสี พัดมาแล้วโดนตัวผม ผมอาจจะหัวแตก ผมอาจจะเจ็บเหมือนกับที่ผมโดนอันธพาลข่มขู่ โดนอำนาจรัฐกลั่นแกล้ง ถ้าผมท้อถอย ผมถอยออกไปเทียนก็ดับ สังคมก็มืดมิดต่อไป ยกตัวอย่างธรรมเทศนาของครูบาอาจารย์ อย่างหลวงตามหาบัว ไม่มีใครกล้าลง แต่ผมกล้าลงผมก็เลยโดนฟ้อง แต่ผมโดนฟ้องผมก็ไม่ท้อถอย มีแต่คนที่กล้าที่จะจุดเทียนแล้วรักษาเทียนไม่ให้ดับมันก็จะเกิดพวกท่านนี่หละ ที่เห็นว่า มีคนเขาจุดเทียนแล้วเขาได้รับบาดเจ็บแต่เขายังกัดฟันปกป้องเปลวเทียนอยู่ พวกเรามาร่วมกันจุดคนละเล่ม คนละเล่ม คนละเล่ม
อาจจะโชคดีที่สื่อมวลชนหลายๆ เจ้าตัดสินใจว่า ปล่อยสนธิมันจุดคนเดียวไม่ไหวแล้วต้องช่วยกันจุดด้วย เรามาร่วมจุดเทียนน้อยกันคนละเล่ม เพราะอะไร เพื่อจะหลอมกันเข้ามาให้เป็นเทียนพรรษา เพื่อให้บ้านเมืองสว่างด้วยแสงไฟ เพื่อไล่เหล่าผีเปรตออกไปจากสังคม ท่านที่อยู่ในห้องนี้ ทั้งข้างนอกต้องมีอย่างน้อย 5,000 คน รัฐบาลหวั่นไหวมากที่พลังบริสุทธิ์นี้มาด้วยตัวเอง มาจากภูเก็ต มาจากเพชรบุรี มาจากลพบุรี มาจากชลบุรี เหมารถเหมาลากันมา หลายคนอยู่ในกรุงเทพฯ มาลำบากก็มากัน เราไม่ได้ซื้อท่าน เราไม่ได้จ้างให้ท่านมา แต่ท่านมาเพราะท่านต้องการสัจธรรม ท่านต้องการความจริง ท่านทนไม่ไหว 5,000 คนนี้ถ้าจุดเทียน ความหมายของการจุดเทียนก็คือ ไปบอกคนอื่นที่ยังมืดบอดอยู่ 5,000 คน ไปบอกซัก 10 คนก็ 50,000 คน 50,000 คนที่รับทราบ เขาบอกต่ออีก 10 คนก็ 500,000 คน อีก 10 คน ก็ 5,000,000 คน พลังบริสุทธิ์ตรงนี้จะเป็นตัวที่ทำให้ภูตผีปีศาจที่ไม่จริงใจต่อรัฐบาลมันอยู่ไม่ได้ เพราะว่าผีมันอยู่ท่ามกลางแสงสว่างไม่ได้ ผีมันต้องแอบซ่อนอยู่ที่มืดเพื่อมาดูด เพื่อมารังแก เพื่อมาหลอกคน
เพราะฉะนั้นแล้วรัฐบาลเขาเป็นห่วง เขาประชุมกัน เขาหาว่าผมจะนำม็อบ ผมบอกว่า ผมสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมทำเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะว่าผมต้องการจะพูดความจริง ผมตั้งคำถามถามรัฐบาลให้เขาตอบ นอกจาเขาไม่ตอบแล้ว เขายังกลั่นแกล้งผม ก็เหมือนกับเศษอิฐ เศษสังกะสี ที่มันปลิวโดนผม ผมก็กัดฟันทน มีทั้งคนพร้อมจะมาก่อกวน มีทั้งคนแจกใบปลิว มีทั้งคนเดินขบวน มีทั้งคนโทรศัพท์ไปขู่ฆ่าผม เดินทางยังเอาสันติบาลไปนั่งเฝ้าผม ผมต้องปกป้องเปลวเทียนอันนี้เอาไว้ เมื่อท่านเห็นว่าผมสู้แบบนี้ ท่านก็เลยให้น้ำใจกับผม เมื่อท่านให้น้ำใจกับผม ท่านก็ต้องคิดว่าท่านต้องไปเล่าให้คนอื่นฟังบ้าง
คำว่า "เทียน" ของผม คือความสว่างในปัญญา เราต้องบอกพี่น้อง เพื่อนฝูง ชาวบ้านที่เรารู้จัก ให้เขามีความสว่างในปัญญา ให้เขารู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรดี อะไรชั่วร้าย เมื่อความสว่างในปัญญามันมีมากในสังคมมากขึ้น แล้วมันจะหา 19 ล้านเสียง ได้จากไหนล่ะ นอกจากหาไม่ได้แล้ว พวกท่านก็จะเป็นแรงกดดัน เพราะว่าคนที่มีมิจฉาทิฐิ คนที่ยึดถืออัตตาตัวเองเป็นใหญ่ คนที่ไม่มีความจริงใจต่อชาติบ้านเมือง จะแสดงความกราดเกรี้ยว จะแสดงความอำมหิต จะใช้ลูกน้องที่กระเฬวรากทำร้ายทำลายประชาชน และเมื่อนั้นเกิดขึ้นนั่นก็คือจุดจบของเขา เพราะว่าเทียนทุกเทียนได้ถูกจุดขึ้นมาในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว ผมไม่มีความต้องการ ความปรารถนาในตำแหน่งทางการเมือง ไอ้ตำแหน่งนายกฯ สากกระเบือนี่ผมไม่เอาหรอก
เมื่อใดสังคมมีความสงบสุข มีความโปร่งใส สังคมไทยมีการตอบคำถามที่สังคมตั้งได้ แล้วตอบได้ทุกคำถาม ผมไม่อยากมานั่งตรงนี้ ผมอยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เขียนหนังสือของผม ทานอาหารที่ผมชอบ ไปท่องเที่ยว อ่านหนังสือที่ผมชอบ ผมไม่ต้องการเป็นวีรบุรุษ ผมไม่ใช่วีรบุรุษ ผมเป็นคนๆ หนึ่งในวิชาชีพที่ผมกลัวจนผมต้องกล้า เพราะฉะนั้นแล้ว พวกกระเฬวรากที่มาฟังอยู่ในที่นี้ ที่เป็นเครื่องมือ คุณไปบอกนายคุณซะ ว่าที่นี่พลังบริสุทธิ์ทั้งนั้น ไม่ต้องมากลัวผม คุณกลัวประชาชนที่นั่งอยู่ข้างล่างดีกว่า
ประเดี๋ยวเลิกแล้วคงจะมีท่านผู้ชมหลายท่านที่มาจากต่างจังหวัด อยากจะขึ้นมาถ่ายรูป ต้องขอความกรุณาว่า เนื่องจากเรารู้จักคน รู้จักหน้าไม่รู้จักใจ ก็ต้องมีการสกรีนกันเล็กน้อยนะครับ เพราะฉะนั้นแล้วอย่าโกรธ ถ้าหากท่านขึ้นมาแล้วท่านมีท่าลุกลี้ลุกลน ท่านก็อาจจะโดนคนที่เขารักใคร่ผมอยู่ข้างหลังอยู่ประมาณ 200 คนที่เตรียมมา รอรับพวกท่านกระเฬวรากทั้งหลายที่คิดมิดีมิร้ายต่อผม แต่ว่าคนที่มาด้วยจิตใจบริสุทธิ์เดี๋ยวทยอยค่อยๆ มานะครับ ผมยังไม่กลับไปไหน ยังจะอยู่ต่อ
สโรชา - สุดท้ายนี้เช่นเคยค่ะ อยากจะเรียนเชิญ
สนธิ - อาทิตย์หน้า
สโรชา - อาทิตย์หน้าเรา
สนธิ - ต้องไปที่หอประชุมเล็ก
สโรชา - หอเล็กนะคะ เรากลับไป ข้างหลังนี้เป็นหอเล็กอีกครั้งหนึ่ง
สนธิ - เพราะหอใหญ่เต็มครับ
สโรชา - แต่ว่ายังกลับมาเหมือนเดิม มาพบกันกับการสัญจรเมืองไทยรายสัปดาห์ ครั้งที่ 5 ในสัปดาห์หน้า สุดท้ายนี้เรามาร่วมกันถวายพระบารมีกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ด้วยเพลงสรรเสริญพระบารมี

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป ไฮไลท์รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 4 (56k)
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป ไฮไลท์รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 4 (256k)