xs
xsm
sm
md
lg

เปิดฉากเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร "สนธิ"เปลือยธาตุแท้"ทักษิณ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ” แฉเบื้องหลัง “ทักษิณ” ก่อนเป็นนายกฯเที่ยวกราบกรานขอความสนับสนุนไปทั่ว แต่ทุกอย่างเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือหลังคุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ท้าให้แก้ปัญหาใหญ่ 3 ข้อ คือ คอร์รัปชัน-รักษาการสังฆราช 2 พระองค์ และให้คุณหญิงจารุวรรณเป็นผู้ว่าฯ สตง. แฉสัมพันธ์ใกล้ชิด “แม้ว-อากู๋” เผยวางแผน 5 เดือน ฮุบหุ้น “โพสต์-มติชน”ผ่าน 2 บริษัทหลักทรัพย์ พร้อมวิพากษ์แปรรูปรัฐวิสาหกิจ มุ่งผลประโยชน์ผู้บริหาร-เครือข่ายการเมือง แล้วให้ประชาชนรับกรรม

คลิกที่นี่ เพื่อฟังการสนทนา รายการ เมืองไทยรายสัปดาห์ สัญจร ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังการสนทนา รายการ เมืองไทยรายสัปดาห์ สัญจร ช่วงที่ 2

คลิกที่นี่ เพื่อฟังการสนทนา รายการ เมืองไทยรายสัปดาห์ สัญจร ช่วงที่ 3 จบ


สโรชา - ขอต้อนรับเข้าสู่เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 1 (23ก.ย.48) ค่ะ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ดิฉันสโรชา พรอุดมศักดิ์ มาที่นี่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นจริงๆ นอกจากจะต้องกล่าวต้อนรับทุกๆ ท่านที่อุตสาห์ฝ่าฟันมาหาเราถึงที่นี่แล้ว คงต้องกล่าวต้อนรับคุณผู้ชมที่ชมการถ่ายทอดสดอยู่ที่บ้านด้วยนะคะ ทั้งในเมืองไทย และคนไทยที่ดูอยู่ในสหรัฐอเมริกาด้วยค่ะ วันนี้คุณสนธิคะเราต้องคุยกันหลายเรื่องทีเดียว แต่ว่าดิฉันขอนิดหนึ่งได้ไหมคะ คุณสนธิต้องเตรียมตัวแล้วล่ะ เพราะว่าวันนี้นอกจากที่ดิฉันจะได้ถามคำถามคุณสนธิแล้ว ดิฉันมีคนมาช่วยเต็มเลย ทุกๆ ท่านจะสามารถถามคำถามคุณสนธิได้ เขียนใส่กระดาษมานะคะ แล้วก็ถ้าอยู่ด้านหลังรบกวนขอความกรุณาส่งเรื่อยๆ ต่อๆ กันมาถึงด้านหน้านะคะ เราจะมีเจ้าหน้าที่คอยรับ ช่วงท้ายเราจะให้คุณสนธิได้มาตอบคำถามกัน แต่ว่าวันนี้เราคงต้องเริ่มในรูปแบบปกติของเมืองไทยรายสัปดาห์ก่อน ข่าวคราวในรอบสัปดาห์ดิฉันเชื่อว่าคงไม่พ้นเรื่องราวของภาคใต้ เรื่องราวของสื่อ เรื่องราคาน้ำมัน และที่ล่าสุดเรื่องของคุณวิสุทธิ์ มนตริวัต ที่เพิ่งถอนตัวออกจากการเสนอชื่อเป็นผู้ว่าฯ สตง.คนต่อไป ไม่ทราบว่าคุณสนธิจะเริ่มเรื่องไหนก่อนดี

สนธิ - เอ่อ ขออนุญาตพูดอะไรนิดหน่อยให้กับท่านผู้ชมในหอประชุมนี้และท่านผู้ชมที่อยู่ทางบ้านที่ดูเครือข่ายโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมนะครับ แล้วก็ท่านผู้ชมที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา รายการนี้เป็นรายการที่ถ่ายทอดสดไปยังสหรัฐอเมริกา มีคนไทยดูอยู่ประมาณเกือบแสนบ้าน เรามีทั้งจดหมาย อีเมล์มา ระหว่างที่เราออกรายการ มาจากเทกซัส มาจากชิคาโก มาจากทุกแห่งหนนะครับ คือผมไม่ใช่นักปลุกระดม ในขณะนี้รัฐบาลนี้พยายามบอกว่าผมรับเงินพรรคประชาธิปัตย์มาเพื่อโค่นล้มเขา ผมพูดมาตลอดว่า ผมเป็นเพียงแต่สื่อมวลชนตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่กลัวจนต้องกล้า คือผมกลัวไปหมดเลยทุกอย่าง ผมกลัวอำนาจวาสนา กลัวทุกอย่าง จนกระทั่งในที่สุดผมบอกว่า เฮ้ย สนธิถ้ามึงกลัวอย่างนี้ต่อไป แล้วมึงมาทำ เป็นสื่อมวลชนให้มันโหลยโท่ยทำไม ถ้าอย่างงั้นก็ไปทำอาชีพอื่นดีกว่า ผมก็เลยจำเป็นที่จะต้องลุกขึ้นมายืน แล้วก็ต่อสู้กับสิ่งซึ่งมันไม่ถูกต้อง คำว่าต่อสู้นี่ เราไม่ได้มารบราฆ่าฟันกับใคร แต่เราคิดว่า อะไรที่รัฐบาลทำไม่ถูกต้อง เราควรที่จะมีสิทธิที่จะอธิบายให้เขาฟังบ้าง ไม่ใช่เพียงเพราะว่านายกรัฐมนตรีมีอารมณ์เกรี้ยวกราด แล้วทุกอย่างก็จบไป หรือว่าเพียงแต่ไปรับประทานอาหารกับนักหนังสือพิมพ์ใหญ่ๆ ยกทีมกันไป พอกินกันเสร็จเรียบร้อยวันพรุ่งนี้แล้ว เรื่องราวที่ควรจะพูด หนังสือพิมพ์ก็ไม่พูด

เป็นบุญกุศลสำหรับผมมากที่มาเปิดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากคำว่า "ธรรม" ที่ธรรมศาสตร์มีอยู่มาตลอดเวลาแล้ว หอประชุมนี้มีนัยมากคุณสโรชา

สโรชา - หอประชุมศรีบูรพาแห่งนี้นะคะ

สนธิ - ศรีบูรพานะครับ คุณอาจจะมา เกิดไม่ทัน แต่ในยุคผม ผมก็เกิดทันแต่ผมก็ยังเด็กเกินไปนะครับ ศรีบูรพา หรือคุณกุหลาบ สายประดิษฐ์ เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่ท่านมีคุณธรรมสูงส่ง ที่ซื้อขายไม่ได้ ไม่กลัวต่ออำนาจมืดหรืออำนาจเผด็จการ ท่านพูดออกมาคำนึง ท่านบอกว่า ในเวลาสงบท้องฟ้าโปร่ง สว่างจ้าด้วยแสงตะวัน ใครๆ ก็แลเห็นว่าเรายืนอยู่ที่ไหน แต่เวลาพายุกล้าฟ้าคะนองผงธุลีฟุ้งตลบไปในอากาศไม่เห็นตัวกัน พอพายุสงบฟ้าสว่างใครๆ ก็จะเห็นอีกครั้งหนึ่งว่า เรายืนอยู่ที่เดิมแล้วจักอยู่ที่นั่นตลอดไป นั่นคืออาชีพของพวกเรา อาชีพที่ไม่ทรยศต่อตัวเอง เมื่อกี้นี้มีเพื่อนในวงการคนนึงซึ่งเข้าไปคุยกับผมหลังเวที ต้องขออนุญาตนำเรื่องของท่านมาเล่าให้ฟังแต่ว่าไม่เอ่ยชื่อ ท่านเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ผมก็บอกว่า คุณจำได้มั๊ยสมัยที่คุณมีอำนาจผมรบราฆ่าฟันกับพวกคุณแทบเป็นแทบตายแล้วมาวันนี้คุณก็มาบอกว่าผมดีกับประเทศชาติ แต่สมัยคุณมีอำนาจอยู่คุณไม่เคยคิดว่าผมดีกับประเทศชาติ มีคนตั้งคำถามถามว่า คุณสนธิคุณกับคุณทักษิณรู้จักกันมานานรึยัง ผมรู้จักกับคุณทักษิณมานานพอสมควร ตั้งแต่สมัยที่ผมสู้กับอำนาจมืดของรุ่น 5 สมัยที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการตัดสินใจเสี่ยงชีวิตพิมพ์หนังสือพิมพ์ฉบับเล็กๆ ออกมาขาย ในขณะซึ่งรัฐบาลสั่งไม่ให้พิมพ์ แล้วก็แจก ขายไปทั่วสีลม จนกระทั่งประชาชนทั่วกรุงเทพฯ รู้ว่ามีการชุมนุมที่นี้ถึงเดินทางมาชุมนุมกัน วันที่ผมสู้กับสุจินดา คราประยูร พล.อ.อิสระพงษ์ หนุนภักดี วันที่เรื่องเกิดเหตุบนถนนราชดำเนิน พล.อ.อิสระพงษ์ หนุนภักดี ไปทำพิธีที่วัดชนะสงคราม คืนวันที่จะมีการตามล่า ตามเข่นฆ่าประชาชน พอพล.อ.อิสระพงษ์คล้อยหลังพวกผมกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเดินเข้าไปที่วัดชนะสงครามทำพิธีข่มพิธีอีกทีนึง

สโรชา -(หัวเราะ) เสียงปรบมือกราว

สนธิ - วันนั้นคุณทักษิณ ชินวัตร กำลังเดินอย่างสง่าผ่าเผยกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ เพื่อที่จะวิ่งเต้นสัมปทานไทยคม ท่านนายกฯ คนนี้ท่านไม่เคยเชื่อเรื่องประชาธิปไตย ชีวิตท่านอยู่กับการผูกขาดมาตลอดชีวิต ท่านเคยชินกับความเป็นตำรวจ ตำรวจเป็นยังไงก็คิดดูเอาเองก็แล้วกัน คุณสโรชาเวลาคุณจะดูคนๆ นึงคุณต้องดูประวัติ คุณต้องดูที่มาที่ไป คุณต้องดูกระบวนการต่อสู้ คุณอย่าไปดูเพียงเพราะว่าเขาพูดออกทีวีเพียงแค่นั้น ผมคิดว่าท่านนายกฯ เป็นคนมีความสามารถ คุณสโรชาเราพูดกันมาตลอดเวลา แต่ว่าเมื่อใดก็ตามที่ท่านมีความกราดเกรียวทุกคนจะกลัวท่านไปหมด แต่ผมคิดว่าสื่อมวลชนอย่างพวกเรา เราไม่มีความกลัว ความกล้า เราต้องมีแต่ความจริง ซึ่งเราต้องไปสรรหามานะครับ เหมือนอย่างที่ผมยกคำพูดของคุณกุหลาบ สายประดิษฐ์ ขึ้นมา วันนี้คุณบอกว่า เมื่อตอนต้นแรกๆ คนก็บอกว่า คุณสนธินี่ ลิ้นทาชแล็กเลียคุณทักษิณแผล่บๆๆๆ

สโรชา - คือช่วงนั้นมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างเยอะ

สนธิ - มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาก แต่ผมเป็นคนมีเหตุผลคุณสโรชา ในช่วงปีแรกนั้น คุณทักษิณ 10 วันก่อนจะลงเลือกตั้ง 2544 มาขอกินก๋วยเตี๋ยวที่บ้านผม

สโรชา - 10 วันเหรอคะ

สนธิ - 10 วัน นะฮะ คุณผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ยิ่งใหญ่ ผมขาว ยืนรออยู่ที่ศาลาหน้าบ้าน ให้ผมกับคุณทักษิณกินก๋วยเตี๋ยวกัน 2 คน คุณทักษิณบอก คุณสนธิเรารู้จักกันมานานแล้ว ผมหันมาเล่นการเมืองครั้งนี้ ผมเล่นเพื่อชาติ ผมมีเงินมากแล้ว ผมไม่โกง เป็นเพลงเก่าๆ ซึ่งตอนนั้นผมฟังแล้วผมก็เคลิบเคลิ้ม

สโรชา - ยอมรับหรือคะว่าเคลิบเคลิ้ม

สนธิ - เคลิบเคลิ้มเหมือนกันคุณสโรชา ผมก็บอกว่า คุณทักษิณครับ ณ เวลานั้น เมื่อเทียบตัวแล้วคุณสดกว่าท่านนายกฯ ชวนมาก แล้วคุณมีความคิด มีวิสัยทัศน์ซึ่งผมยอมรับ เพราะคำที่ว่า "คิดใหม่ ทำใหม่" แล้วก็ "ไทยรักไทย" ผมไม่ทราบว่ามันจะกลายเป็น "ไทยลักไทย" ผมก็รับปากท่านว่า ผมยินดี ผมคิดว่าอะไรก็ตามที่ช่วยชาติบ้านเมืองได้จากความบอบช้ำ ผมยินดีช่วย ปีแรกผมก็เห็นว่าท่านประสบปัญหาในเรื่องคดีซุกหุ้น นะครับ คนซึ่งเป็นทนายแทนรัฐ แล้วก็รุกท่านนายกฯ ฉอดๆๆ ในศาลรัฐธรรมนูญ นั่งอยู่ตรงนั้นนะเนี่ย ผมยังจำลีลาได้ หลวงตามหาบัวท่านก็น่ารัก ท่านก็เล่าให้ฟังว่า อันนี้ท่านเล่าให้ฟัง แล้วลูกศิษย์ท่าน คุณทองก้อน ก็เล่าให้ฟังต่อ ว่าคุณทักษิณนั้นไปหาหลวงตา ร้องไห้เลย โฮเลย ผมหมดกำลังใจแล้ว ผมไม่รู้ว่าการเมืองมันสกปรกอย่างนี้ หลวงตาท่านก็เมตตา ท่านก็บอกว่า ให้หยุดร้องไห้เสีย เราจะต้องเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป พอเป็นเสร็จมีคดีซุกหุ้น ท่านก็น่ารัก ท่านเมตตาลูกศิษย์ลูกหาคนนี้ของท่านมาก ท่านก็อุตส่าห์ล่ารายชื่อมาล้าน สองล้านเสียง ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญในกรณีเรื่องซุกหุ้น ช่วยลูกศิษย์คนโปรดของท่าน ต่อมาภายหลังเป็นยังไงผมคงไม่ต้องเล่าล่ะมั๊ง

สโรชา - ไม่ต้องเล่าแล้วค่ะ

สนธิ - ประวัติศาสตร์นี่ ไอ้ผมมันเรียนประวัติศาสตร์คุณสโรชา มันสนุก คุณเรียนสื่อสารมวลชนคุณไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์

สโรชา - ไม่ได้สนุกเท่า

สนธิ - ไม่สนุกเท่า ผมเป็นคนช่างจำ แล้วผมมีความรู้สึกว่า คุณสโรชาว่า สังคมไทยเป็นสังคมที่ขี้ลืม แล้วสังคมไทยเป็นสังคมซึ่ง เค้าเรียกว่าภาษาอังกฤษ ขอประทานโทษใช้ภาษาอังกฤษนิดนึง เป็นสังคมที่เค้าเรียกว่าสังคมเรียลไทม์ ก็คือว่าเห็นอะไรเกิดขึ้นตอนนี้ก็ชี้กันตรงนี้ ตัดสินกันตรงนี้ แต่ไม่เคยมองย้อนหลังไปถึงเหตุปัจจัยที่

สโรชา - ส่งผลมาให้อยู่ตรงนี้

สนธิ - ถูกต้อง ภาษาพุทธเค้าเรียกว่า ปฏิจจสมุปฺปาท ผมก็เลยสงสัยว่า เวลาเราพูดถึงคนๆ นึงเราต้องเช็ครึเปล่า คุณสโรชาคุณเป็นคนที่ค่อนข้างถือตัวแล้วก็เลือกแฟนยากมาก ผมรู้

สโรชา - เอ๊ มาเข้าเรื่องนี้ได้ยังไง

สนธิ - คุณต้องยอมรับว่าคุณเป็นคนซึ่งทนไม่ไหวถ้าแฟนคุณฉ้อฉลโกหกคุณ

สโรชา - อ้าวแน่นอน

สนธิ - แน่นอนใช่มั๊ยฮะ จะมาเบนโลคุณไม่ได้เด็ดขาด

สโรชา - ไม่ได้เลยเบนโลดิฉันไม่รับ

สนธิ - ขนาดแค่นี้คุณสโรชาคุณเป็นสุภาพสตรีคุณยังรับไม่ได้ แล้วประชาชนชาวไทยซึ่งมีผู้นำของชาติในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พูดจาแล้ว ทำอะไรแล้วมีหลักฐานปรากฏในอดีตแล้วมาวันนี้มันตรงกันข้ามกับที่พูด แล้วทำไมสังคมไทยรับได้ ที่สังคมไทยรับได้เพราะว่าสังคมไทยมันกำลังจะเป็นสังคมไทยคัทลียาไปด้วยรึเปล่า นายกรัฐมนตรีคนนี้ลงไปภาคใต้ เบ็ดเสร็จตั้งแต่ 2547-48 เบ็ดเสร็จ 12 ครั้ง ลงไปเบ็ดเสร็จ 12 ครั้ง แล้วผมจะให้ดู ผมเนี้ยไม่ใช่นักธุรกิจที่ชำนาญเรื่องของการเทกโอเวอร์ในตลาดหลักทรัพย์ แหมเมื่อคุณเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วคุณก็ต้องยอมให้เค้าซื้อหุ้น แต่ผมเป็นนักประวัติศาสตร์ คุณสโรชา ตอนที่คุณคบกับแฟนคุณปัจจุบันคุณต้องเช็ค คุณเช็คประวัติเค้าใช่มั๊ย

สโรชา - ขา

สนธิ - คุณเช็คประวัติเค้ารึเปล่า

สโรชา - (หัวเราะ) ค่ะๆๆ

สนธิ - เช็ค คุณเช็ค นายกฯ ทักษิณ 5 ม.ค.พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในทางใต้ ท่านพูดว่า ยังประมาทกันอยู่ก็สมควรตาย วันที่ 11 ม.ค. 2547 ท่านไปตีกอล์ฟที่สนามกอล์ฟเลควูด บางพลี จ.สมุทรปราการ แล้วก็มีเรื่องเหตุการณ์ทางภาคใต้ ท่านก็บอกว่าวันนี้จะได้เห็นอะไรดีๆ 26 เม.ย. 2547 ท่านบอกว่า พวกป่วนใต้มี 2 ระดับ รู้ตัวแล้วว่ากลุ่มไหน ท่านรู้แล้วนะ ตั้งแต่ 28 เม.ย. 2547 ท่านรู้แล้ว รู้แล้วตัวไหน 19 ก.ค. เมษา พฤษภา มิถุนา กรกฎา อีก 4 เดือนให้หลัง ยังมีเรื่องอีกยังไม่จบ ท่านบอกว่า เรามีรายชื่ออยู่ในมือแล้ว ผ่านไป ส.ค. 2547 ยังไม่จบอีก ท่านบอกว่า รู้ตัวผู้บงการแล้ว พอผ่านมาถึงวันที่ 27 ส.ค. 25 ส.ค.ท่านบอกว่ารู้ตัวผู้บงการแล้ว 27 ส.ค. 2 วันให้หลังท่านบอกว่า บ้าต้องเจอบ้า เสร็จเรียบร้อยแล้ว 27 ส.ค.วันนั้นท่านพูดบอกว่า จะแบ่งแยกดินแดนหรอรอชาติหน้าตอนบ่าย ส.ค.47 พ.ย. 47 ท่านพูดว่า มีการฝึกและซุ่มสุมอาวุธในมาเลเซีย ต้นปี 48 ท่านบอกว่า รู้แล้วว่าใคร จะถอนรากถอนโคนให้ได้ เรามาถูกทางแล้ว 3 มกราคม 2548 อันนี้ท่านคงด่าเผื่อมาถึงผม บอกว่าไอ้พวกนักวิชาการ แม่ง ติอยู่นั่น คือ คุณสโรชา ปัญหาบ้านเราเนี่ยมันเป็นปัญหาซึ่ง เรามีนายกรัฐมนตรีที่เวลาที่ควรจะพูด กลับไม่พูด เวลาที่ไม่ควรจะพูด กลับพูด

สโรชา - เดี๋ยวนี้ ปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นอยู่เหรอคะ

สนธิ - ท่านเป็นอยู่เหมือนเดิม ที่ท่านเป็นอยู่เหมือนเดิมเพราะอะไรรู้ไหม เพราะว่า ผมเคยเตือนท่านตลอดเวลา ในช่วงซึ่งเราออกเมืองไทยรายสัปดาห์ จำได้ไหม แล้วบอกว่า แผ่นดินนี้มันมีผู้คนหลายกลุ่มหลายก้อน เราจะชอบหรือไม่ชอบเขาเนี่ย ประเด็นไม่อยู่ตรงนั้น ประเด็นมันอยู่ที่ว่า เราไม่ชอบเขา เขาก็คือผู้ที่อยู่ใต้อาณัติการบริหารของเรา ความยุติธรรมต้องให้ทั่วถึงกัน ถ่องแท้

สโรชา - ทุกๆ กลุ่ม

สนธิ - ถูกไหมฮะ เพราะฉะนั้นแล้ว ตัวท่านเผอิ๊ญ เผอิญ ท่านไปมองว่า ถ้าอะไรที่ถูกต้องในทิศทางของท่าน ท่านก็บอกนี่คือความยุติธรรม ต้องมี แต่ถ้าเป็นกลุ่มซึ่งท่านไม่ชอบ ท่านก็บอกว่าปล่อยไป เงียบๆ นี่คือปัญหาใหญ่ของชาติบ้านเมือง เราถามว่าเขาเป็นคนเก่งไหม เขาเก่ง ถามว่าเขาไวไหม เขาไวปานลมกรด นะฮะ เขาไปแค่เจอนายบุชไม่ถึงชั่วโมง เขากลับมา เขาไปดูยูเอสเทนนิสโอเพ่น แค่นั้น เขากลับมา

สโรชา - ดอนเมืองใช่ไหม

สนธิ - กลับมาดอนเมือง เขาบอกเขาอยากให้ดอนเมืองเป็นสนามเทนนิสแบบยูเอสโอเพ่น นี่ยังโชคดีไม่ได้บินไปโลกพระจันทร์นะ ถ้าบินไปโลกพระจันทร์ กลับมาแล้วบอกว่าอยากเห็นประเทศไทยเป็นแบบโลกพระจันทร์มั่ง

สโรชา - แย่เลย

สนธิ - คือ ท่านนายกฯ เนี่ย ท่าน วันหนึ่งเมื่อท่านลงจากอำนาจแล้ว ถ้าท่านเอาเทปพวกเราไปเปิดย้อนหลัง ท่านต้องขอบคุณพวกเรานะ บอกว่าขอบคุณมากที่พูดความจริงตอนนั้น แต่ผมเนี่ยเผอิญตาบอด และหูหนวก ไม่ได้ยินเสียงพวกคุณ แล้วก็ยังมาฉุนพวกคุณ ฉุนขาดเลย สิ่งที่ผมคิดว่าพวกเรา สื่อต่างๆ พยายามทำ คือว่า หลายคนทำไม่ได้เพราะติดกติกาของความเป็นเจ้าของ ของสื่อมวลชนทางโทรทัศน์ แต่เผอิญเราทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เราทำแบบ อะไรจะเกิดให้มันเกิด คุณจำได้ไหมเราพูดตลอดเวลาว่า เราทำกันอาทิตย์ต่ออาทิตย์นะ

สโรชา - ค่ะ มีหลายๆ ท่านถามเหมือนกันค่ะคุณสนธิ ว่า เราทราบล่วงหน้าหรือเปล่าว่าจะถูกปิด เราได้คาดคะเนไว้บ้างไหม เราได้เตรียมตัวไว้หรือเปล่า แล้วที่สำคัญที่สโรชาร้องไห้สัปดาห์สุดท้ายนี่เป็นเพราะว่าเสียดายหรือเปล่าที่ไม่ได้ออกช่อง 9 อีกต่อไป

สนธิ - ไม่ใช่

สโรชา - ไม่เกี่ยวนะคะ

สนธิ - ไม่เกี่ยวเลยครับ คือคุณสโรชาเป็นคนที่อ่อนไหวมาก

สโรชา - เข้าเรื่องดิฉันอีกแล้วอ่ะ

สนธิ - มีอยู่ครั้งหนึ่ง จำได้ไหมฮะ ที่พูดเรื่องภาคใต้ แล้วเราเอาเพลงแอบเปิดตอนจบ โดยที่คุณสโรชาไม่รู้เรื่อง เพลงนั้นเป็นเพลงที่มีชื่อมาก เป็นเพลงภาษาอังกฤษ เป็นเพลงต่อต้านสงครามในเวียดนาม สมัยที่ผมยังหนุ่มๆ อยู่ เป็นเพลงของบ๊อบ ดีแลน ที่มีชื่อว่า Blowing in the Wind พูดถึงการตายของคน ว่าจะต้องตายกันอีกกี่ศพ ถึงจะหยุดตายกันได้ พูดถึงปืนใหญ่ที่จะต้องยิงกันอีกกี่นัด ถึงจะหยุดยิง แค่นั้นเอง เจ๊คนนี้ก็น้ำตาไหลพรากๆๆ สะอื้นฮัก สะอื้น แล้วเผอิ๊ญ เผอิญ มันมีใบปลิวด่าพ่อล่อแม่ผม แล้วก็บอกว่า สโรชาเนี่ยเป็นเมียน้อยผม แล้วเขาก็บอกว่า สักวันหนึ่งน้ำตาคงต้องเช็ดหัวเข่า คนมันก็เลยเชื่อเลยว่า ที่สโรชาร้องไห้เนี่ยเพราะน้ำตาเช็ดหัวเข่า แต่ว่า คุณสโรชาผมว่าเราต่อมานิดหนึ่ง ให้จบๆ กันนะฮะ ปีแรกนั้น ผมให้โอกาสท่านนายกรัฐมนตรี ผมถือว่าท่านเจอคดีซุกหุ้น ให้ท่านผ่านเสียก่อน ก็เลยคิดว่าให้กำลังใจ พอปีที่ 2 ก็เริ่มมีการโยกย้าย นี่ผมยังไม่ได้เอาคำพูดที่ท่านพูดนะ หลังจากที่ท่านชนะคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ท่านให้สัมภาษณ์ยังไง ถ้าผมเอามาให้ท่านอ่านแล้วเนี่ย ผมคิดว่าท่านคงจะอาย หน้าแทรกดิน เพราะสิ่งที่ท่านพูดหลังจากที่ท่านให้สัมภาษณ์ว่าท่านจะทำอะไรบ้างจากนี้ไป มันตรงกันข้ามกับที่ท่านทำอยู่ทุกวันนี้ นะฮะ
ปีที่ 2 ผมก็บอกว่า เอาล่ะ ท่านก็ต้องการจัดทัพท่านใช่ไหม คุณจำได้ไหมท่านย้ายปลัดกระทรวงพาณิชย์ ท่านเกริกไกร จีระแพทย์ ย้ายไปโน่น ย้ายไปนี่ เอาล่ะ ไม่เป็นไร ไหนๆ จะมาบริหารประเทศแล้ว อยากจะเอาคนของตัวเองมาอยู่ให้เต็มที่

สโรชา - เราเคยคุยกันเรื่องนี้จำได้ค่ะ

สนธิ - จำได้มั๊ยฮะ

สโรชา - ค่ะ

สนธิ - แม้กระทั่งจะตั้ง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร มาเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด เราก็ยังพูดปกป้องว่า ไม่เป็นไรถึงจะชินวัตรด้วยกันก็ยังมีสิทธิ์

สโรชา - ต้องไว้ใจคนใกล้ชิด

สนธิ - เค้ามีอาวุโส แล้วเค้าต้องไว้ใจคนใกล้ชิด จำได้มั๊ยเราพูดอย่างนี้

สโรชา - จำได้ค่ะ

สนธิ - พอผ่านมาปีที่ 2 ไปพอเริ่มปีที่ 3 เอ๊ะมันชักทะแม่งๆ โว้ย พอมันทะแม่งๆ ปั๊บ ขึ้นปีที่ 4 คุณสโรชาจำไม่ได้หรอว่า ผมจำได้สนิท สิงหาคม 2547 ผมตัดสินใจยอมหักไม่ยอมงอ ผมยอมเป็นหยกที่แหลกราญดีกว่าเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์ คุณสโรชาเองคุณแม่คุณเป็นห่วงคุณที่สุดในโลก

สโรชา - เป็นห่วงมากค่ะ

สนธิ - มาก แล้วคุณแม่คุณคงจะนึกว่าเอ๊ะเป็นเวรกรรมอะไรหรอที่คุณจะต้องมาออกรายการกับผม เพราะคุณสโรชาคุณแม่ห่วง แล้วคุณสโรชาไม่เคยผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านคมหอกคมดาบเหมือนพวกผมผ่านมาก็เลยต้องเห็นใจเด็กน้อย นกน้อยตัวนี้ เห็นใจเค้าหน่อย วันที่โดน พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ฟ้อง มือเย็นเฉียบเลย เย็นเฉียบเลย ตัวสั่นงันงกเลย พอชนะคดีศาลยกฟ้องค่อยยิ้มออก ก็เอาเป็นว่า ผมก็เลยจำเป็นต้องทำตามหน้าที่ของผม ก็เล่าประวัติให้ฟังนิดนึงว่า จริงๆ แล้วทุกๆ คนเราต้องให้โอกาสเค้า แม้กระทั่งทุกวันนี้ผมยังให้โอกาสท่านนายกฯ พวกเราก็ควรจะให้ถ้า ข้อที่ 1. ถ้าท่านกล้าพอที่จะดำเนินการ จัดการเรื่องปัญหาคอร์รัปชั่น ไม่ใช่ลงไปที่ปลาซิวปลาสร้อย ท่านกล้าพอที่จะเล่นงานวงศาคณาญาติของท่านหรือไม่ ท่านกล้าที่จะจัดการกับเรื่องรัฐมนตรีที่คอร์รัปชั่นอย่างไม่ไว้หน้าได้รึไม่ เรื่องที่ 2 ท่านกล้าพอที่จะจัดการให้คนไทยเลิกสับสนในเรื่องสมเด็จพระสังฆราชฯ 2 พระองค์ได้หรือไม่ เรื่องที่ 3 ท่านกล้าพอหรือไม่ที่จะดำเนินการที่จะให้คุณหญิงจารุวรรณกลับมาเป็นผู้ว่าฯ สตง.อีกครั้งหรือไม่ คุณสโรชามันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย มันเป็นเรื่องที่ธรรมดาสามัญที่สุด นั่นคือคำถามที่พวกเรา คุณสโรชา ตั้งถามมาตลอดว่าช่วยตอบข้อที่ 1 ข้อที่ 2 ข้อที่ 3 ข้อที่ 4 ซิ ตอบให้ฟังหน่อยได้มั๊ยว่า ทำไมมันเป็นอย่างนี้ ทำไมมันเป็นอย่างนี้ ทำไมมันเป็นอย่างนี้ ทำไมมันเป็นอย่างนี้ นอกจากไม่ตอบแล้วไอ้พวก 1 บาทมันก็เลยมาสั่งปิดรายการเรา

สโรชา - พวกบาทเดียว บาทเดียว ต้องเรียกว่าบาทเดียว

สนธิ - อะไรฮะ พวกบาทเดียว

สโรชา - คุณสนธิคะดิฉันขอขัดจังหวะสักนิดนึงได้มั๊ยคะ

สนธิ - ได้ครับ

สโรชา - เพราะว่าเดี๋ยวทางทีวีเราต้องเบรคโฆษณากันสักแป๊บนึงนะคะ เรามีดนตรีเตรียมไว้ให้กับทุกๆ ท่านที่มาฟังเราที่นี้ด้วย แต่ย้ำซักนิดนึงสำหรับคุณผู้ชมที่ชมอยู่ทางบ้านว่า สามารถโทรมาสอบถาม มีข้อคิดเห็นจะฝากกำลังใจถึงคุณสนธิก็ทำได้ที่ 0-2629-4433 คำถามที่ท่านโทรเข้ามาจะถูกออนไลน์โดยตรงมาที่คอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหน้าดิฉันตรงนี้เลยนะคะ ส่วนคุณผู้ชมที่นี้สามารถเขียนคำถามมาได้อย่างที่เรียนตอนต้น เดี๋ยวเราพักกันสักครู่นึงตรงนี้ไปฟังดนตรีเพราะๆ จาก ดร.สุวินัย ภรณวลัย ด้วยค่ะ สักครู่เดียวค่ะ

คลิก เพื่อชมวิดีโอคลิป การบรรเลงกู่เจิ้ง “ยิ้มเย้ยยุทธจักร” โดย ดร.สุวินัย ภรณวลัย

*****************************************************

สโรชา - กลับเข้าสู่เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 1 กันต่อนะคะ คุยถึงเรื่องภาคใต้กันก่อนค่ะคุณสนธิ

สนธิ - ได้ครับ

สโรชา - เราเคยคุยกันหลายต่อหลายครั้งในรายการเรื่องราวของภาคใต้เป็นระยะๆ เลย แต่ว่าดิฉันว่าอยากจะกลับมาย้ำอีกซักครั้งนึงว่า จริงๆ แล้วปัญหามันเกิดจากอะไร และทำไมถึงมาปะทุช่วงนี้ ช่วงปีสองปีนี้ คือมีเหตุเป็นระยะๆ หลายสิบปีที่ผ่านมาแต่ว่ามันปะทุจริงๆ ก็ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

สนธิ - มันเหมือนเราอยู่ในซอยๆ นึงแล้วจู่ๆ เด็กในปากซอย หรือเด็กแถวซอยกลายเป็นคนที่กร้าวร้าวที่เอาก้อนหินไปขว้าง ขว้างหลังคาบ้านคน คนเดินเข้าซอยก็ไปลวนลามผู้หญิง หรือว่าจู่ๆ ก็ไปปล้นคนในซอย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นไม่มี ผมบอกว่า วันนี้เรามองถึงการตายของทหารเรือ 2 ท่าน เป็นเรื่องที่น่าเศร้าโศกเสียใจมาก แต่ผมคิดว่าอย่าไปมองเฉพาะการตายตรงนี้แล้วมาตัดสินว่า จะต้องฆ่ามันให้หมด เราต้องมองเหตุปัจจัยที่ก่อให้เกิดขึ้น ผมพูดอยู่ตลอดเวลาเลยว่า พระพุทธเจ้าพูดว่า ธรรมนั้นเกิดจากเหตุ ถ้าต้องการดับทุกข์ให้แก้ที่เหตุ ถ้าเรามองเหตุให้ดี คือผมอยากจะเรียนคุณสโรชาและท่านผู้ชมที่อยู่ในหอประชุมนี้ว่า ถ้าเรามองย้อนหลังไปทางภาคใต้ซักนิดนึงเราจะเห็นว่ามันมีความสมดุลในภาคใต้พอสมควร 3 จังหวัดภาคใต้ มันมีโจรก่อการร้าย ซึ่งพูโล หรือชื่อบ้าชื่อบออะไรก็ตาม มันมีของมันอยู่อย่างนั้นมานมมานานแล้ว แล้วมันก็ไม่ได้เป็นขบวนการยิ่งใหญ่มหาศาลขนาดไหน เป็นเพียงแต่ว่ากำลังอ่อนแอลงไป เป็นเพียงแต่ว่าพยายามทำให้คนระลึกเสมอว่าฉันยังอยู่นะ ก็มีขบวนการนี้อยู่ วันดีคืนดีก็ส่งจดหมายร่อนไปเรียกค่าคุ้มครองสวนยางบ้าง เพื่อเอาเงินมาเลี้ยงชีพ เอาเงินมาแบ่งปันกันนะฮะ นั่นคือกลุ่มนึง อีกกลุ่มนึงก็คือ กลุ่มพวกพ่อค้า พวกคนซึ่งไปทำมาหากินทางใต้ที่ผิดกฎหมายร่วมกับทางการ อีกกลุ่มนึงก็คือ ประชาชนทั่วไปที่ทำมาหากินโดยสุจริต ที่ตื่นเช้ามาก็ทำอาหารให้ลูกทานแล้วลูกก็ไปเรียนหนังสือแล้วถึงเวลาก็ไปทำมาหากินของตัวเอง ถ้าชาวพุทธวันพระก็เข้าวัด ชาวมุสลิมก็ละหมาดวันละ 5 ครั้ง สังคมมันถูก เค้าเรียกว่าบาลานซ์ สร้างความสมดุลของมันอยู่อย่างนั้นมานานแล้ว ถามว่ามีปัญหาอะไรบ้างมั๊ย มีแต่ว่าไม่ได้หนักหนาสาหัสเหมือนทุกวันนี้ เพราะว่าสมัยก่อนมี ศอบต. ศอบต.สมัยก่อนคนที่ดูแลเรื่องนี้เค้ามองการไกลเค้าก็รวมศูนย์การบริหารปกครอง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ภายใต้ศูนย์นี้ศูนย์เดียว แล้วก็มีคนเป็นผู้อำนวยการศูนย์ ไม่ว่าจะเป็นคุณอนันต์ อนันตกูล ซึ่งอดีตท่านเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ท่านก็บริหารศูนย์ได้ดีพอสมควร ก็คือมีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ในที่สุดก็รู้ว่าใครทำอะไรอยู่ที่ไหน บางครั้งก็ปิดตาข้างนึง อยากขนของเถื่อนขนไปแต่ว่าเอาพวกนี้ไปกั๊ก เอาพวกผู้ก่อการร้ายก็ว่ากันไป สังคมสงบพอสมควร

สโรชา - คือบริหารแต่ละกลุ่มให้อยู่ในความพอดี

สนธิ- คือสังคมมันมีอยู่แล้วในลักษณะอย่างนั้น

สโรชา - ยอมรับและเข้าใจในสิ่งนั้น

สนธิ - ยอมรับ พอพ้นจากคุณอนันต์ไปซักพักช่วงหลังเป็นคุณพลากร สุวรรณรัฐ คุณพลากร สุวรรณรัฐ ทำอยู่ซักพักนึงก็เข้ามาในกระทรวงเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย คงจะกลัวว่า อาวุโสมากจะขึ้นเป็นปลัดมหาดไทยก็เลยเกิดอะไรขึ้นไม่ทราบคุณพลากรต้องลาออกจากกระทรวงมหาดไทย พอลาออกเสร็จคล้ายๆ ว่าอยู่กับรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ ก็เป็นเรื่องที่แปลก พอลาออกปั๊บพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็ตั้งเป็นองคมนตรีเลย ก็เหมือนกับ ดร.เกษม วัฒนชัย อยู่กระทรวงศึกษาฯ ไม่ได้ลาออก พระองค์ท่านก็ตั้งเป็นองคมนตรีอีก เอ่อก็แปลกดี ไม่รู้หมิ่นรึเปล่านะนี่เดี๋ยวมันจะฟ้องผมอีก ทีนี้เหตุที่มันเกิดขึ้นก็เพราะว่า ความที่ท่านนายกฯ ท่านเป็นตำรวจเก่า ท่านก็เป็นตำรวจรุ่นน้องมั่งรุ่นพี่มั่ง พอมีนายกรัฐมนตรีเป็นตำรวจตำรวจมันใหญ่

สโรชา - รู้จักสนิทสนม

สนธิ - คุณสันต์ ศรุตานนท์ ตอนนั้นก็มีความรู้สึกว่า ตอนนี้เรามีนายกรัฐมนตรีเป็นตำรวจแล้วเราน่าจะดำเนินการทางภาคใต้ให้ตำรวจเป็นคนจัดการ เผอิญคุณสันต์ท่านมีเพื่อร่วมรุ่นชื่อ พล.ต.ท.ธวัชชัย จุลสุคนธ์ คุณรู้จักมั๊ย ถ้าคุณไม่รู้จักผมจะบอกให้ก็ได้

สโรชา - จำได้

สนธิ - คือคนที่เซ็นอนุญาตอาบ อบ นวดเอไลน่า

สโรชา - ใช่แล้ว เมื่อเร็วๆ นี้เอง

สนธิ - คุณธวัชชัยท่านก็เป็นผู้บัญชาการตำรวจภาค 9 คือคุม 3 จังหวัดภาคใต้ด้วย ท่านก็บอกว่า ท่าน ผบ.ครับ ไอ้พวกนี้นี่มันโจรกระจอกนะฮะ เพราะฉะนั้นแล้วเอาทหารมาอยู่ทำไม นี่อำนาจหน้าที่ของตำรวจ ถอนออกให้หมด ถอนฝ่ายปกครอง ถอนทหารออกให้หมด ให้ตำรวจคุมแต่ผู้เดียว ทีนี้ตำรวจนี่นิสัยมีอยู่อย่างหนึ่ง คือ คนที่เข้าโรงเรียนนายร้อยนี่จะเป็นคนที่เรียนเก่ง แต่พวกนี้จะตกเลข คือบวกเป็นแล้วหารไม่เป็น เพราะฉะนั้นแล้ว..
สมัยก่อนผลประโยชน์มันก็ถูกกระจายไปเฉลี่ยนะฮะ ทหารบ้าง ตำรวจบ้าง ข้าราชการฝ่ายปกครองบ้าง นึกออกไหมฮะ พอตอนนี้เอาคนตกเลขไปบริหารจัดการแต่ผู้เดียว ก็บวกลูกเดียว

สโรชา- หารไม่เป็น

สนธิ- หารไม่เป็นเลย ใช่ไหมฮะ ทีนี้พอหารไม่เป็นอะไรมันเกิดขึ้นล่ะฮะ ก็หมายความว่ากระบวนการต่างๆ ที่ผิดกฎหมายก็เริ่มฮึกเหิม ก็มีการที่จะต้องพึ่งพิงอิงแอบอาศัยกัน นะฮะ บางครั้งพวกโจรก่อการร้ายก็อาจจะต้องพึ่งอีกฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่ง เฮ้ย มึงไปก่อความไม่สงบหน่อย เอาตังค์ไป เพื่ออะไร เพื่อให้การคงไว้ซึ่งอำนาจในการบริหารจัดการ เหมือนช่องแคบไต้หวันเนี่ย หรือเหมือนเกาหลี ถ้าไต้หวันกับจีนเป็นเพื่อนกัน จับมือกันแล้ว อเมริกาจะมีบทบาทไหม ไม่มี ก็ต้องให้ไต้หวันกับจีนมันทะเลาะกันทุกวัน นะฮะ เพื่ออเมริกาจะได้มีบทบาท เหมือนอเมริกาตอนนี้ต้องการให้ไทยกับมาเลเซียทะเลาะกัน อเมริกาจะได้มีบทบาท ฉันใดฉันนั้น
พอทีนี้ ตำรวจเข้ามาบริหารจัดการ ท่านนายกฯ ความที่ท่านเป็นพหูสูต รู้ไปหมดทุกเรื่อง เท้าท่านแตะแผ่นดิน ท่านบอกว่ารู้แล้ว เรื่องนี้รู้หมดแล้ว นะฮะ แต่พอถามเรื่องสื่อ ท่านบอกท่านไม่รู้ ท่านบอกท่านไม่รู้ท่านไม่เกี่ยว แต่เรื่องอื่นท่านรู้หมด ท่านก็เลยเชื่อในข้อมูลต่างๆ ที่ตำรวจเสนอไป นั่นคือที่มาของคำพูดอมตะ ที่จะต้องถูกจารึกในประวัติศาสตร์ ที่ว่า "พวกโจรกระจอก"
จากนั้นก็ไม่ต้องให้พูดแล้ว เหตุการณ์ก็เลยถูกพัฒนาไปในรูปแบบของความรุนแรงตลอดเวลา การบริหารจัดการที่ไม่เป็น คำว่า "ไม่เป็น" ก็คือว่า จริงๆ แล้วตัวท่านนายกฯ เป็นคนสั่งการหมด แต่ท่านจะมอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ไปคุมมั่ง ท่านจะมอบหมายให้รัฐมนตรีมหาดไทยไปคุมมั่ง แล้วท่านก็เปลี่ยนเขาเป็นว่าเล่น เพราะฉะนั้นแล้ว เขาเรียกว่าเส้นทางการบังคับบัญชา มันก็ไม่มี ทุกคนเมื่อถูกมอบหมายให้ไปบังคับบัญชา ไอ้ข้างล่างมันมีเส้นสาย มันก็รายงานต่อนายกฯ บางคนสนิทสนมกับคุณเนวิน ชิดชอบ ก็ไปรายงานคุณเนวิน คนอีสาน จ.บุรีรัมย์ ที่มีเชื้อเขมร จะไปรู้เรื่องภาคใต้ได้ยังไง

สโรชา- มีคนส่งข่าว

สนธิ- อะไรฮะ

สโรชา- มีคนส่งข่าวใช่ไหมคะ

สนธิ- ก็กลายเป็นผู้รู้ไปหมดเลย คุณเนวินถึงมีบทบาทลงไปแก้ปัญหาทางใต้ คือด้วยความเคารพในเรื่องของเชื้อชาติแล้วก็ภูมิภาค ถ้าเราเข้าใจอย่างนึงเนี่ย คนใต้เนี่ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนมุสลิม จะไม่ชอบคนอีสาน โดยพื้นฐานนะฮะ นี่เราพูดกันตรงไปตรงมา ที่ไม่ชอบเพราะว่าวิถีชีวิตไม่เหมือนกัน คนอีสานนี่ชอบจับแย้ จับพวกสัตว์ต่างๆ กิน แต่คนมุสลิมจะรังเกียจ คนอีสานชอบกินสุนัข หรือชอบเลี้ยงสุนัข คนมุสลิมจะไม่เลี้ยงสุนัข เขาถือว่าเป็นสัตว์ที่สกปรก

สโรชา- คือความเป็นอยู่แตกต่างกันค่อนข้างเยอะ

สนธิ- ความเป็นอยู่ไม่เหมือนกัน วิถีชีวิตไม่เเหมือนกัน นั่นคือที่มาของมัน มันก็เลยถูกพัฒนาไปในเชิงที่รุนแรงขึ้นไป รุนแรงขึ้นไป แล้วในที่สุดโอกาสของการซึ่งสากลได้เข้ามาเกี่ยวข้องก็เข้ามา ก็ถามต่อว่ามาเลเซียมาเกี่ยวข้องอะไร มาเลเซียก็มีแต่ได้ คุณสโรชา นี่เป็นจุดเดียวที่ผมเห็นด้วยกับทางการทหาร คือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ต้องรักษาเอาไว้ให้ได้สุดชีวิต แต่ไม่ใช่รักษาด้วยวิธีนายกฯ

สโรชา- มีหลายท่านอาจจะถามต่อค่ะคุณสนธิ ว่าถึงขั้นนี้แล้ว เหตุการณ์ที่เราเห็นมาเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานี้เอง ทำยังไงที่มันจะไม่ต้องใช้ความรุนแรงเข้าไปแก้ไข

สนธิ- คืออย่างนี้ฮะ คือ ผมยังพูดไม่จบ ทำไม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถึงสำคัญกับเรา สำคัญกับเราในแง่เศรษฐกิจและวัฒนธรรม ที่เราต้องเก็บ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้กับเราเพราะเราต้องการพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าถึงจะต่างศาสนา ต่างวิถีชีวิต ต่างวัฒนธรรมก็เป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น แต่ทำยังไงที่จะให้เขามีความรู้สึกว่าเรายื่นมือให้เค้าเป็นคนไทยด้วยความเต็มใจ และเขาเข้ามาด้วยความเต็มใจไม่ใช่ไปข่มขู่เขา และทางเศรษฐกิจ ท่านผู้ชม ท่านผู้ฟังอยู่ท่านยังไม่รู้ ไม่มีใครคิดเรื่องนี้ ท่านจับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้วางดูในแผนที่นะ ท่านตั้งมุมฉากขึ้นไปเลยตามลักษณะกฎหมายทะเลระหว่างประเทศ ถ้า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หลุดจากประเทศไทยมุมฉากบ้าตามกฎหมายระหว่างประเทศมันจะกินไปครึ่งอ่าวไทย ครึ่งอ่าวไทย หมายถึง ทรัพยากรไม่ว่าน้ำมันหรือแก๊สต่างๆ นี่คือเหตุผลนึงว่าทำไมมาเลเซียถึงปิดตาข้างนึง เพราะยังไงก็ตามเค้ามีแต่ได้ประโยชน์ ผมถึงบอกว่าการแก้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องแก้ด้วยปัญญา

สโรชา - เราเคยคุยกันหลายรอบแล้วนะคะเรื่องระหว่างการใช้นโยบายทางการทหารกับนโยบายสายพิราบที่จะเข้าไปแก้พร้อมๆ กัน เห็นรึยัง

สนธิ - ต้องไปด้วยกัน ไปด้วยกันก็คือว่า ต้องใช้กำปั้นและต้องใช้ผ้าแพร แต่ว่าเราต้องถามตัวเราเองก่อนเพื่อนว่าเราเคยให้คำตอบในเรื่องความยุติธรรมของเขาบ้างรึเปล่า ตรงนั้นคุณตอบก่อน ถ้าเราบอกว่า 2 นาวิกโยธิน เป็นความสูญเสียของพวกเราอย่างมหาศาล ผมเห็นด้วย แต่ต้องเตรียมรับคำถามของเขาเหมือนกัน เขาก็ถามว่า แล้วคนของเขาเป็นพันๆ คนที่หายไป ถูกอุ้มไปใครจะรับผิดชอบ คือมันไม่จบไงคุณสโรชาตรงนี้ มันไม่จบ วิธีจบผมจะบอกให้ เรามีความกล้าหาญพอมั๊ยที่เราจะออกมาแล้วเราบอกว่า เอาละเรื่องเก่าที่ผ่านมาเราขอโทษเพราะว่าเจ้าหน้าที่สมัยก่อนทำไม่ดี คุณสโรชาจำได้มั๊ย ผม พวกเราเคยเอาเทปของท่านบาบอ มะกะ ถ้าใครดูเมืองไทยรายสัปดาห์ช่วงนั้นจะจำได้ว่าเรามีเทปท่านบาบอ มะกะ ท่านบาบอคือครูของครู ท่านบาบอ มะกะเป็นคนไทย เป็นลูกศิษย์ท่านพุทธทาส แล้วท่านไปเป็นครูของครูอยู่ที่กรุงมะกะ ท่านอยู่ 48 ปีแล้วท่านไม่กลับ แล้วลูกศิษย์ท่านไปหาท่านบอกว่า ช่วยพูดอะไรให้คนใต้สงบได้มั่งมั๊ย ท่านก็พูดแล้วท่านบอก ท่านบาบอ มะกะ ท่านเป็นครูของครู ท่านเป็นครูของครูของท่านวันนอร์ ท่านเป็นครูของครูของท่านบาดาวี แล้วกษัตริย์หลายกษัตริย์ในภาคตะวันออก ภาคกลางเป็นลูกศิษย์ของท่าน ท่านบอกว่า กรณีกรือเซะ กรณีตากใบเป็นพวกเขาทำ คือพูดรัฐบาลไทยทำ แต่เขาพูดต่อ บอกว่า แต่ช่างมันเถอะลืมไปให้อภัยไปซะ ท่านบาบอ มะกะพูดอย่างนี้ ท่านบอกว่าให้พวกเรา คือท่านหมายถึง ท่านพูดถึงคนไทยมุสลิมว่าให้อภัยไปซะ ผมคิดว่าตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เมื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้วมันขาดคนเอาไปสานต่อ เอาไปสานต่อในเรื่องของการให้อภัย

สโรชา - มันต้องมีจุดเริ่มต้นว่า มายอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตนั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะต้องเกิดแล้วขอโทษเค้าซะ แล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่ นั่นเป็นวิธีการก้าวแรกที่จะต้องทำ ถูกไหมคะ

สนธิ- ครับ ถูกต้องฮะ

สโรชา- ถ้าเกิดว่าไปมองในแง่ของเรื่องอื่นบ้างค่ะ คุณสนธิ เมื่อวานนี้ท่านนายกฯ ท่านไปพบสื่อมวลชนที่ทำเนียบฯ มา แล้วท่านก็พูดถึงเรื่องภาคใต้ส่วนหนึ่งล่ะ แล้วท่านก็พูดถึงเรื่องสื่อ แล้วท่านก็พูดถึงเรื่องราคาน้ำมัน ปั๊บๆๆๆ นิดๆ หน่อยๆ เราพูดถึงเรื่องสื่อกันต่อสักนิดดีไหมคะ

สนธิ- ได้ครับ

สโรชา- คือท่านนายกฯ ท่านบอกว่า กรุณาอย่าลากท่านเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การฮุบซื้อมติชนและบางกอกโพสต์ คุณสนธิฟังแล้ว ยังไงคะ

สนธิ- ท่านก็คงจะไม่เกี่ยวข้องล่ะ เพราะว่า หนึ่ง ชื่อไปเป็นชื่อของคุณไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม

สโรชา- ใช่ค่ะ

สนธิ- แต่ท่านก็ลืมบอกไปว่า ท่านกับคุณไพบูลย์นั้นสนิทสนมกันมาก ถึงกับไปทานข้าวเย็นกันอยู่เรื่อย ที่บนชั้น 7 ของตึกแกรมมี่ สั่งอาหารญี่ปุ่นจากข้างล่างขึ้นไป ความสนิทสนมนี้ ก็ท่านไปทานบอก ท่านสนิทมาก ท่านบอกว่าท่านเป็นเพียงแต่คนที่รู้จักกัน นะฮะ ก็ไม่ทราบ แต่ก็ทานข้าวกันบ่อยมาก ผมก็เข้าใจว่าท่านคงจะรับทราบว่าคุณไพบูลย์จะทำอย่างนี้ ส่วนท่านเอง ท่านไม่ได้เป็นคนทำก็ถูกต้องแล้ว ท่านไม่ได้เป็นคนทำ ใช่ไหมฮะ อันนี้ก็ว่าท่านไม่ได้ ท่านก็คงจะพูดความจริงออกไป ก็ต้องเห็นใจท่าน แต่ว่ามันก็น่าประหลาดใจอยู่หลายๆ ข้อ ข้อแรกคือ เรื่องนี้คิดกันมา 5 เดือนแล้ว

สโรชา- 5 เดือนเหรอคะ

สนธิ- 5 เดือน แล้วก็คิดมาโดย 2 บริษัท บริษัทหนึ่งก็คือบริษัท เอเซียพลัส ของคุณก้องเกียรติ โอภาสวงการ อีกบริษัทหนึ่งคือบริษัทหลักทรัพย์ภัทร ที่คุณบรรยง พงษ์พานิช เป็นกรรมการผู้จัดการ 2 คนนี้ก็ไปเที่ยวไล่กว้านซื้อหุ้นที่ต่างประเทศ นะฮะ ผมก็ประหลาดใจอย่างหนึ่งว่า ถ้าหากไม่มีความต้องการที่จะยึดมติชนแล้ว ทำไมถึงต้องวางแผนกันยาวขนาดนั้น และอีกประการหนึ่ง ผมคิดว่าการ คือเป็นเรื่องที่ตลกสำหรับผม จู่ๆ พอเรื่องมติชนจบไป คุณไพบูลย์ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ผมอยากจะเข้าไปทำความรู้จักกับกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เพื่อให้เขารู้ว่าผมเนี่ยเป็นคนดีนะ คำถามก็คือว่า แล้วตอนแรกที่คุณคิดจะทำกับมติชน ทำไมคุณไม่คุยกับเขาเสียก่อน คุณมาเพิ่งคุยกับเขาเมื่อเขาจับได้ว่าคุณกำลังย่องเบาขึ้นบ้านเขา ใช่ไหมฮะ เพราะฉะนั้นแล้ว...คือ ไอ้เรื่องสื่อเนี่ยพูดกันไม่รู้จักจบ สื่อมวลชนในสภาวะสังคมทุนนิยมนั้น อยู่ในสภาวะที่ท่านนายกฯ พูดอีกก็ถูกอีก คือมันลำบาก คือสื่อมวลชนนั้น ผมคิดว่า เอาเป็นว่าเลวน้อยที่สุดเนี่ยดีที่สุด ไม่มีสื่อไหนที่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก เอาเป็นว่าเลวน้อยที่สุดนะฮะ พอแล้ว แล้วที่สำคัญคือให้คิดถึงชาติมากๆ นะฮะ เดี๋ยวเราจะพูดกันเรื่องชาติสักนิดหนึ่งนะฮะ ตอนใกล้ๆ จบ ผมก็ยังเชื่อว่ากระบวนการที่จะฮุบสื่อ ท่านนายกฯ จะรู้หรือไม่รู้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นก็คือว่า มันก็มีความคิดอยู่ตลอดเวลานะครับ เอ้า ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ถ้าคิดในเชิงทุนนิยมแบบที่ท่านนายกฯ พูด ก็ต้องซื้อบางกอกโพสต์ ซื้อเนชั่น ซื้อมติชน 3 ตัว มารวมกัน นะ นี่คิดอย่างทุนนิยมนะ พอรวมแล้วอะไรเกิดขึ้น บางกอกโพสต์ก็เป็นหนังสือพิมพ์ฉบับเช้า เนชั่นก็เป็นหนังสือฉบับบ่าย นะ เอาคม-ชัด-ลึก กับข่าวสด มารวมกัน เรียกว่า สด-ชัด-ลึก นะฮะ ก็บอกลูกค้าทั้งสองฝ่ายว่า ตอนนี้ไม่มีแล้วนะ มีฉบับเดียว สองฉบับรวมกัน คือ สด-ชัด-ลึก คนอ่านก็จะสูง เผลอๆ จะมากกว่าไทยรัฐ สองแล้วนะฮะ มติชนก็เป็นหนังสือแนวการเมืองไป ซื้อผู้จัดการอีกอันหนึ่ง ก็เอาผู้จัดการ กรุงเทพธุรกิจ รวมกัน เรียกว่า ผู้จัดการกรุงเทพธุรกิจ หนึ่ง ในเชิงการธุรกิจเนี่ย ตลาดโฆษณา ตลาดคนซื้อ ก็จะถูกล้อมกรอบให้อยู่เฉพาะหนังสือไม่กี่ฉบับนี้ คนที่อ่านโพสต์ก็ไม่ต้องไปอ่านเนชั่น เพราะได้อ่านเนชั่นตอนบ่าย ตลาดโฆษณาก็ลงหมู่นี้ ตลาดโฆษณาหนังสือธุรกิจก็ลงผู้จัดการกรุงเทพธุรกิจ ตลาดแนวกว้างก็ลง นี่คือมองในแง่ทุน ทีนี้มองอีกด้านหนึ่ง ในแง่ของจิตวิญญาณ เมื่อมามองอย่างนี้แล้ว ลักษณะข่าวก็จะเป็นลักษณะข่าวซึ่งเป็นไปตามทิศทางของทุน เป็นไปตามทิศทางของทุน ทุนว่ายังไงต้องว่าอย่างงั้น ถ้าทุนเกิดออกสินค้าชิ้นหนึ่ง แล้วสินค้ามันเลว แต่ทุนมีโฆษณาให้หนังสือพิมพ์ฉบับนี้เยอะพอสมควร นะฮะ หนังสือพิมพ์ต้องทำตาม มันมีตัวอย่างมามากแล้ว ทีนี้ ในประเทศอย่างเช่นสหรัฐอเมริกา ทำไมปัญหาถึงมีไม่เหมือนเรา เพราะว่าในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น หนังสือพิมพ์ทุกฉบับยอมรับระบบทุน ว่าทุนนิยมนั้นเป็นวิถีชีวิตเดียวที่เขามีอยู่ เพราะฉะนั้นแล้วไม่ว่าจะเป็นนิวยอร์กไทมส์ ไม่ว่าจะเป็นวอชิงตันโพสต์ ลอสแองเจลิสไทมส์ ยูเอสเอทูเดย์ ก็จะไปในแนวเดียวกันหมด จะต่างกันเพียงแต่พฤติกรรมปฏิบัติของประธานาธิบดีแต่ละยุค บางคนก็บอกว่าไอ้บุชนี่โง่ บางคนบอกคลินตันนี่ฉลาด แต่ว่าเป็นนักกามารมณ์เด็ก สุดแล้วแต่ แต่ในที่สุดแล้วทั้งสองคนยอมรับในระบบทุนิยม แต่เผอิญสังคมไทยมันไม่ใช่สังคมอย่างสหรัฐอเมริกา สังคมไทยความลักลั่นทางชนชั้น ความลักลั่นทางเศรษฐกิจมันมีไม่เท่ากัน นี่ก็คือที่มาของน้ำมัน ซึ่งประเดี๋ยว ผมคันปากมาก ผมอยากจะพูดเรื่อง ปตท. และ กฟผ. ผมเห็นท่านโสภณ สุภาพงษ์ นั่งยิ้มอยู่เนี่ย แล้วผมจะชี้ให้เห็นว่าทุนเนี่ยนะ ถ้ามันรุกเข้ามาในสังคม ที่สังคมเนี่ยไม่มีทางต่อสู้ เป็นการรุกที่อำมหิตที่สุด เป็นการรุกแบบเพชรฆาต เป็นการรุกแบบฆ่าคนที่รายได้น้อย แล้วก็ส่งเสริมให้คนที่อยู่ชั้นบนร่ำรวยมากขึ้น
เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อสื่อมันเป็นอย่างนี้แล้ว ผมก็เลยคิดว่า มองในแง่ของทุนน่ะถูกต้อง แต่ว่า สังคมไทยเป็นสังคมที่สื่อต้องมีความหลากหลาย ต้องมีความหลากหลาย สื่อบางอันก็อาจจะชอบ สะท้อนแนวคิดปรัชญาผม ก็จะมีเฉพาะคนที่ชอบปรัชญาผม ก็สนใจจะอ่าน บางอันก็บอกว่า เฮ้ย ผมไม่ชอบให้คุณสนธิฟันธงมากจนเกินไป จุดยืนชัดเกินไป ผมไม่ชอบ ผมชอบประเภทเล่นอีแอบมั่ง แอบๆ อยู่ แล้วพอทำท่าชนะก็โผล่ออกมา นะฮะ ก็ว่ากันไป บางคนชอบแบบนั้น บางคนก็ชอบประเภทสื่อประเภททุกวันอาทิตย์ต้องมีรูปโป๊ขึ้น ก็ว่ากันไปนานาจิตตัง แต่ว่า ความหลากหลายนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะว่าสังคมไทยนั้นเป็นสังคมแห่งความหลากหลาย เรามีคนลาว เรามีคนภาคอีสาน ที่พูดภาษาอีสาน เรามีคนเหนือพูดภาษาเหนือ เรามีคนใต้ พูดภาษาใต้ แล้วยังมีคนใต้ที่พูดภาษายาวี เรามีคนหลายประเภท ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เสียหายนะครับ

สโรชา- เพราะฉะนั้นก็มีสื่อที่หลากหลายเพื่อที่จะรองรับตรงนี้

สนธิ- ดีกว่าครับ

สโรชา- ไปต่อเรื่องราคาน้ำมันเลยดีไหม ในเมื่อคันปาแล้วล่ะก็

สนธิ- ยังมีเวลาอีกเท่าไรถึงจะเบรค

สโรชา- มีค่ะ เขาบอกว่ายาวไปได้เลย แล้วแต่เรา

สนธิ- ยาวได้เลยใช่ไหม เอาๆ

สโรชา- เรามาอยู่เวทีนี้แล้ว

สนธิ- คือไม่รู้ว่าท่านผู้ชมที่อยู่ในสถานที่นี้ แล้วก็ท่านผู้ชมที่อยู่ในบ้านที่ดูเคเบิล ยังจำได้ไหม ว่าเหตุผลหนึ่งที่พวกเราไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์ ก็เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายเศรษฐกิจขายชาติ แล้วพรรคไทยรักไทยก็ใช้การต่อต้านนโยบายนี้ ว่าพรรคไทยรักไทยเห็นด้วย และจะต่อสู้เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว เข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วก็จะแก้ไขกฎหมายขายชาติ ซึ่งกฎหมายขายชาติอันนี้รวมไปถึงการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ นี่คือเหตุผลว่า ทำไมประชาชนถึงทุ่มเท เทเสียงให้พรรคไทยรักไทยในตอนนั้น ถ้าเรายังจำกันได้นะ ปี 2543 จำได้มั๊ย แล้ว 44 เราก็เท สหภาพทั้งหลายไม่ว่าจะชื่ออะไรก็ตามตอนนั้นเห็นท่านนายกฯ ทักษิณเป็นเทวดาไปหมด ทีนี้พอเข้ามาแล้วการกลับตรงกันข้ามหมดเลย การแก้กฎหมายไม่ได้มีการแก้คุณสโรชา ไม่มี ไม่มีการแก้จนกระทั่งต้องมีคนเรียกร้องให้แก้ ถามว่าท่านเคยพูดแบบนี้รึเปล่า ปรากฏว่าในที่สุดท่านจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดนึง โดยมีคุณพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้ เพื่อมาพิจารณา มีนายแพทย์เหวง ร่วมด้วย มีคุณสุธรรม แสงประทุม อยู่หลายๆ คนอยู่ คณะกรรมการชุดนี้พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้วมีมติออกมาว่า การแปรรูปจำเป็นต้องเลือกแปร คือแบ่งอะไรบ้างที่ควรแปรอะไรบ้างที่ไม่ควรแปรอะไรบ้างที่แปรบางส่วนได้ แบ่งออกมาชัดเลย คือคณะกรรมการชุดนี้ก็ไม่ใช่เป็นคณะกรรมการที่ไม่มีสติปัญญา ก็เห็นว่าความหลากหลายในการแปรรูปนั้นต้องแบ่งบ้าง อะไรที่เป็นอันตรายต่อประชาชนในแง่สาธารณูปโภคนั้นอย่าไปแปร อะไรที่สามารถแปรได้แปร เสร็จสับเรียบร้อยแล้วส่งไปให้ท่านนายกฯ ท่านเซ็นมาด้วยลายมือของท่านว่า เห็นด้วยในหลักการนี้ เซ็นชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้น ไม่เป็นไรครับคุณป้าใจเย็นๆ ให้ผมอภิปราย อย่าแย่งผมอภิปราย อย่าแย่งผมอภิปราย คือผมเป็นคนซึ่งไม่ต่อต้านการแปรรูปและต่อต้านการแปรรูปไปในเวลาเดียวกัน อะไรบ้างที่ควรแปร การบินไทยต้องแปรร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะอะไร เพราะการบินไทยเป็นธุรกิจที่ต้องไปแข่งขันในต่างประเทศ ต้องแข่งขันกับสิงคโปร์แอร์ไลน์ ต้องไปแข่งขันกับคาเธ่ย์แปซิฟิก และเครื่องบิน ตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ-ฮ่องกง กรุงเทพฯ-ลอสแองเจลิส กรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น ไม่ใช่ความจำเป็นของพวกเรา ความจำเป็นของพวกเราคือ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ค่าแก๊สหุงต้ม พวกเราไม่ต้องบินไปญี่ปุ่นเราก็ไม่ตาย ทีนี้การบินไทยที่มันไม่แปรเพราะอะไร คุณสโรชารู้มั๊ย

สโรชา - ไม่ทราบค่ะ

สนธิ - รู้หน่อยซิ คุณทำงานกับผมมาตั้ง 2 ปีกว่าแล้ว คุณบอกไม่ทราบเดี๋ยวเค้าก็หาว่าคุณรู้กับผม

สโรชา - มันก็มีอะไรอยู่เบื้องหลัง คุณสนธิเคยเล่าให้ดิฉันฟังแล้วละ

สนธิ - การไม่แปรรูปการบินไทยก็เพราะว่า ต้องการให้รัฐบาลถือหุ้นเป็นรัฐวิสาหกิจ เพื่อรัฐบาลจะได้ส่งข้าราชการประจำไปนั่งเป็นบอร์ดแล้วให้นักการเมืองคุมข้าราชการประจำเพื่อจัดซื้อจัดจ้าง ท่านผู้มีเกียรติที่นั่งในที่นี้แล้วท่านผู้ฟังที่บ้าน ถ้าท่านมีความจำซักนิดท่านไล่ไปดูเหตุการณ์เก่า นี่ข้อดีของคนเรียนประวัติศาสตร์ มีลูกมีหลานต้องให้เรียนประวัติศาสตร์ ท่านไปไล่เลยนะทุกรัฐบาลไม่มีเว้น ทุกรัฐบาลพอมันขึ้นมาเป็นรัฐบาลปังปั๊บสิ่งแรกที่พวกมารดามันทำก็คือว่า ซื้อเครื่องบินใหม่ที่การบินไทย มันซื้อกันจังเครื่องบิน ทำไมเพราะมันซื้อเครื่องบินมันมีคอมมิชชั่นตายตัว 3 เปอร์เซ็นต์แน่นอนซื้อโบอิ้ง แอร์บัสก็ 3 เปอร์เซ็นต์ แต่ว่าถ้าเป็นแอร์บัสตกรุ่นที่คนอื่นเค้าเลิกใช้กันแล้ว หรือใช้น้อยลงจะได้เกิน 3 เปอร์เซ็นต์ ทีนี้วิธีซื้อเครื่องบินต้องทำยังไง ต้องสร้างโครงการ รัฐบาลนี้มันเป็นรัฐบาลเจ้าโครงการ โครงการมันมีไปหมด ผมคิดว่าอีกไม่นานคงมีโครงการส้วมสาธารณะทั่วประเทศไทย ต้องสร้างโครงการ ต้องหาความชอบธรรมในการซื้อเครื่องบิน วิธีสร้างความชอบธรรมคือ การสร้างเส้นทางการบินใหม่ การบินไทยมาพิจารณาแล้วตอนนี้เครื่องบินเราเก่าเรามีความจำเป็นต้องขยายเส้นทางการบินเพื่อศักยภาพในการต่อสู้ในต่างประเทศเพราะฉะนั้นเราจะเปิดเส้นทางการบินที่ยังไม่ไป ไม่ว่าจะเป็นมอสโก ไม่ว่าจะเป็นแอฟริกาใต้ ไม่ว่าจะเป็นนิวยอร์ก พอเสร็จเรียบร้อยแล้วอ้าวตายละ มันลงล็อกพอดี มันก็เลยต้องซื้อเครื่องบินแอร์บัส 340-500 8 ลำ ซื้อทีเดียว 8 ลำ นะฮะ ทีนี้จำได้ไหมฮะตอนที่จะซื้อ ไอ้ประธานการบินไทยมันชื่อทนง พิทยะ มันเพื่อนผมเอง นักเรียนอัสสัมฯ ศรีราชา รุ่น 18 รุ่นเดียวกัน มันก็ออกมาอ้างเหตุการณ์ชักแม่น้ำทั้งห้า ว่า การบินไทยไฟลท์รูทนิวยอร์ก มันต้องกำไร อย่างโง้น อย่างนี้ ก็ซื้อเสร็จเรียบร้อย ปรากฏว่า เอ เราก็เป็นคนซึ่งของสังเกตสังกา เราก็เข้าไปดูเว็บไซต์ในเรื่องของธุรกิจการบิน ปรากฏว่าไอ้ไฟลท์สิงคโปร์-นิวยอร์ก ฮ่องกง-นิวยอกร์ก เนี่ย เขายกเลิกไปแล้วว่ะ ของคาเธ่ย์แปซิฟิก กับสิงคโปร์แอร์ไลน์ เพราะมันเจ๊ง แต่การบินไทยดันไปซื้อ อ้าวซื้อก็ซื้อ ไม่เป็นไร พอมาวันนี้คุณสังเกตไหม พอซื้อเครื่องบินเสร็จ แล้วจังหวะซื้อเครื่องบิน เซ็นสัญญานี่มันจังหวะใกล้เลือกตั้ง เซ็นกันก่อนเลือกตั้งนะ แล้วพอเลือกตั้งเสร็จ เครื่องบินซื้อเสร็จ คุณทนงก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนั่งเป็นประธานการบินไทย ก็เลยมาอยู่กระทรวงการคลังแทน ที่น่าสนใจอย่าง จู่ๆ พอย้ายคุณสุริยะ หลายจึงนี่นะ

สโรชา- จึงเรื่องรุ่งเรื่องเรืองกิจ

สนธิ- จึงซีทีเอ็กซ์

สโรชา- ไม่ใช่สิ

สนธิ- พอย้ายคุณสุริยะไป เอาคุณพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล เข้าไปนั่ง คุณสุริยะนี่เป็นเลขาฯ พรรค แต่คุณพงษ์ศักดิ์นี่เป็นเด็กของนายหญิง เอาไปนั่งที่กระทรวงคมนาคม แล้วต้องการจะเปลี่ยนคุณกนก อภิรดี โดยผลักดันเอาคุณสมใจนึก เองตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานการบริหารการบินไทย เหตุผล การบินไทยขาดทุน เพราะว่ารูทนิวยอร์ก นี่มันไม่กี่เดือนเองนะ ก่อนหน้ามันซื้อเครื่องบิน มันบอกว่า รูทนิวยอร์กกำไรฉิบหายเลย แต่พอมันซื้อเสร็จเรียบร้อย ไม่รู้ใครรับกันบ้าง มันจะเปลี่ยนคน มันบอกว่ารูทนิวยอร์กขาดทุน ผมอยากให้อ่านหนังสือพิมพ์แล้วหมั่นสังเกตกันมั่ง อย่าไปอ่านให้มันผ่านไป ให้จำกันไว้สักนิดหนึ่ง เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย นี่คือการจับโกหกคำโตๆ เนี่ยการบินไทย ถ้าการบินไทยแปรรูป 100 เปอร์เซ็นต์ ผมไม่แคร์ จะเป็นชินคอร์ปมาซื้อก็ได้ ไม่เป็นไร ซื้อไปสิ ไม่เป็นไร แต่ว่าขายยกล็อตไปเลย มันจะได้ไม่ต้องพึ่งพิงอิงแอบ อาศัย เอาสิทธิประโยชน์ของความเป็นรัฐวิสาหกิจ เพื่อที่จะให้นักการเมือง ข้าราชการประจำ มาทำมาหากินในการบินไทย ทีนี้ถ้าการบินไทยวันพรุ่งนี้เป็นเอกชน อะไรเกิดขึ้น สิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือเขาต้องลดต้นทุน ต้นทุนแรกที่เขาต้องลดก็คือว่าไอ้บรรดาข้าวของที่มันซื้อกันแพงเนี่ย มันจะเริ่มซื้อถูกกันแล้ว

ข้อที่สอง มันมาก เขาต้องปกป้องผลประโยชน์การบินไทย เพราะว่าเป็นกิจการที่เขาลงทุน เขาจะไม่มีวัน จู่ๆ ใช้อำนาจทางการเมืองมายกเลิกรูทที่กำไรของการบินไทย แล้วก็ยกให้แอร์เอเชียไปบิน

คุณสโรชาพูดบ้างสิ เดี๋ยวจะหาว่าผมพูดอยู่คนเดียว

สโรชา- อ้าว ก็เห็นกำลังมัน เรื่องนี้คันปากอยู่ ไม่ใช่ คือสรุปแล้วรัฐวิสาหกิจที่คุณสนธิเห็นด้วยกับการแปรรูป แต่แปรรูป 100 เปอร์เซ็นต์ นะคะ คือการบินไทย

สนธิ- คือผมบอกว่า กำลังจะพูดบอกว่า การแปรรูปนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องที่ไม่ดี เหมือนทุน ทุนไม่ใช่เป็นเรื่องน่าเกลียด แต่ทุนต้องมีศีล ถ้าทุนไม่มีศีล เป็นทุนอัปลักษณ์ ใช่ไหมฮะ ทุนมันต้องต่อทุน แล้วต่อทุน มันต้องเป็นทุนที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่ทุนที่สร้างความกำไรให้คนเพียงหยิบมือเดียว แล้วสร้างความเดือดร้อนให้กับคนเยอะแยะไปหมด เพราะฉะนั้นแล้วการแปรรูปนั้นต้องเลือกแปร บางอย่างควรจะแปร 100 เปอร์เซ็นต์ บางอย่างอาจจะแปร อ่ะ องค์การโทรศัพท์ฯ ทำไมไม่แปรล่ะตอนนี้ รอทำไม หรือว่าจะรอให้องค์การโทรศัพท์ฯ มันอ่อนแอลงไปเรื่อยๆๆๆๆๆ จนใกล้เจ๊ง แล้วค่อยแปร องค์การโทรศัพท์ฯ พร้อมที่จะแปรรูป 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะมีคู่แข่งอยู่แล้ว มีทรู มีดีแทค มีเอไอเอส มีทีทีแอนด์ที มีฮัทช์ 5 เจ้านี่ยังไม่รวม กสทฯ 6 แปรไปสิ หรือว่ารอให้เจ้าอื่นๆ แข็งกว่านี้มากๆ ขึ้นไป ให้องค์การโทรศัพท์ฯ อ่อนแอ แล้วค่อยถึงเวลาแปร นี่ยกตัวอย่างให้ฟัง ต้องดูให้ลึกซึ้ง

สโรชา- ค่ะ คือแต่ละรัฐวิสาหกิจก็มีจุดอ่อนและจุดแข็งที่ต่างกัน

สนธิ- ถูกต้อง

สโรชา- จะต้องวิเคราะห์เป็นรายๆ ไป

สนธิ- คือวิเคราะห์เป็นรายๆ แล้วที่สำคัญที่สุด จิตใจต้องรักประชาชน การแปรรูปโดยไม่เอาจิตใจตั้งว่าต้องรักประชาชนนี่จะแปรไม่ได้ เพราะผมเห็นมันแปรรูปกันทุกวันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือผู้บริหารจะได้เงินเดือนเพิ่มอย่างน้อย 5-7 เท่า

สโรชา- มียกตัวอย่างไหมคะ

สนธิ- อสมทฯ 1 บาท นี่เป็นตัวอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่รู้ว่าคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ จะกล้าพอที่จะเล่าให้ประชาชนฟังได้ไหมว่าก่อนแปรรูป ในฐานะผู้อำนวยการ คุณได้เงินเดือนประมาณแสนนึงมั๊ง แสนเศษๆ พอแปรเสร็จแล้วคุณได้เงินเดือนประมาณ 7 แสน ใช่หรือไม่ใช่ คุณตอบผมมาหน่อยได้ไหม นี่คือเหตุผลทำไมผู้บริหารรัฐวิสาหกิจถึงอยากแปรกัน อยากแปรกันด้วยเหตุผล 2-3 ประการ ประการแรก เพิ่มรายได้ที่ตัวเองมี 3 เท่า 4 เท่า 5 เท่า 6 เท่า 7 เท่า ประการที่สอง สิทธิของผู้บริหารนั้นมีสิทธิที่จะได้หุ้นจากการแปรรูปในราคาต้นทุน ได้กันเท่าไร ไม่เคยเล่าให้พวกเราฟัง ชอบพูดอยู่ตลอดเวลาว่า ผมขายหุ้นอย่างโปร่งใส ไปซื้อได้ตามแบงก์ แต่ที่พวกมึงแอบชักกันในบอร์ดไปเท่าไร มึงไม่เคยเล่าเลย

สโรชา- เหลือเวลาช่วงนี้ประมาณ 15 นาที เราจะเข้าเรื่อง ปตท.เลยมั้ย

สนธิ- ยังไม่เข้าเลยนะเนี่ยคุณ

สโรชา- ยังไม่เริ่มเลยค่ะ

สนธิ- เดี๋ยวต้องมีตอบคำถาม อ๋อ ยังมีเวลา ไอ้นี่คือข้อดีของการจัดที่นี่

สโรชา- ดิฉันเชื่อว่า 15 นาที 15 นาทีไม่พอสำหรับ ปตท.

สนธิ- ผมคิดว่าเราจะจัดที่นี่ทุกวันศุกร์ โอเคไหมฮะ ไม่เสียตังค์ แล้วก็บรรดาสายลับทั้งหลาย ถ้าไม่อยากมาเพราะเหนื่อย แอบกระซิบเดี๋ยวจะส่งเทปไปให้ แล้วรายการนี้เป็นรายการที่ไม่ต้องเสียบัตรเข้ามา ผมสงวนสิทธิ์ที่จะให้ใครนั่งอยู่ข้างใน หรือว่าถ้าก่อกวน ผมก็ขอสงวนสิทธิ์ในการเชิญออกไปข้างนอกเหมือนกัน
เอาล่ะ มาถึงพระเอกเรามั่ง ปตท. และ กฟผ.

สโรชา- พระเอกกับพระรอง

สนธิ- คือ บางครั้งผมจะกราบเรียนท่านผู้ชมและท่านผู้ฟังที่อยู่ในห้องนี้ ตลอดจนถึงคุณสโรชา อ่านหนังสือพิมพ์เนี่ย อย่าไปแค่อ่านผ่านๆ ศึกษานิดหนึ่ง เมื่อวานซืนมันมีข่าวชิ้นหนึ่ง ผมอ่านแล้ว สำหรับนักลงทุนเขาสนใจ แต่ผมอ่านแล้วผมทุเรศมากๆ คือ กฟผ. กฟภ. และ กฟน. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ การไฟฟ้าฝ่ายภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง มันมานั่งทะเลาะกัน มันทะเลาะกันเรื่องอะไรรู้ไหม ไอ้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตบอก เฮ้ยไม่ได้นะ ต้นทุนผมต้องเท่านี้ ผมยอมขาดทุนตั้งเท่านี้แล้ว ผมต้องได้เท่านี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตบอกว่า เฮ้ย ผลตอบแทนผมต้องได้ไม่ต่ำกว่า 8.7 เปอร์เซ็นต์ ไม่งั้นแล้วหุ้นผมไม่มีราคา ไอ้การไฟฟ้าฝ่ายภูมิภาค พอมันได้ไปมันก็ มันกำลังจะเข้าตลาดเหมือนกันนี่ มันก็จะบอก เฮ้ยไม่ได้ ของผมก็ต้องได้ 8.7 เปอร์เซ็นต์ ไอ้การไฟฟ้านครหลวงมันบอก ผมก็ต้อง 8.7 เปอร์เซ็นต์ ไอ้คนฉิบหายคือพวกเราไง

สโรชา- คือทุกคนจะเอากำไรกันทั้งนั้นเลย

สนธิ- ทุกคนมันต้องการกำไรหมด เพื่ออะไรรู้ไหม เพียงเพื่อให้หุ้นมันสูง แล้วให้ไอ้ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมันแอบจำหน่ายไปให้พรรคพวกมัน ได้หุ้นสูงๆ ทั้งนั้น แล้วราคาหุ้นสูงมาจากไหนล่ะ หุ้นสูงมาจากกำไรที่มันมากขึ้น แล้วใครจ่ายให้มารดามันล่ะ คือพวกเรา เนี่ยจริงๆ คุณสโรชา มันเป็นอย่างนี้จริงๆ เอาอย่างนี้ ง่ายๆ ขบวนการฆ่าคนอย่างเลือดเย็นนี่ไม่มีใครเกินหน้า ปตท. เขาเรียกว่ามือสังหารเลือดเย็น นะฮะ มันมีท่าดาบท่าหนึ่งที่เรียกว่า ท่าพิฆาตประชาชน คือ ปตท.เนี่ย ผมอาจจะรู้ไม่มากเท่าท่านโสภณ แต่ว่า พอผมเอาเรื่องแต่ละเรื่องมาผูกต่อกันแล้ว ผมก็เลยต้องไปเปิดร้านอึ้งกิมกี่ เพราะผมมีความรู้สึก ว่าเออ มันเป็นอย่างนี้รือหนอที่พระพุทธเจ้าบอกว่า ได้คนชั่วยังไงมันก็ต้องชั่วตลอดไป วันที่คุณประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการ ปตท. ให้สัมภาษณ์อย่างภูมิอกภูมิใจหลายเดือนมาแล้ว ว่า ปตท.ครึ่งปีแรกกำไร 66,000 ล้าน เค้าภูมิใจมาก แล้วเราเอามาใส่เค้าในรายการของเรา เท่านั้นเองตัวยาวเลยรีบปฏิเสธใหญ่ กำไรจากน้ำมันมัน 4 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่กำไรจากแก๊ส เราก็เลยกลับมาหาเค้ามั่ง อ๋อคุณกำไรจากแก๊สหรอ คุณกำไรจากแก๊สใช่มั๊ย คุณแน่ใจนะคุณกำไรจากแก๊สเราก็เลยมองดูว่า แก๊สธรรมชาติของแกมันกำไร มันกำไรจากแก๊สมันส่ง 1 ล้านบีทียูไปให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตมันคิด 175 บาทต่อ 1 ล้านบีทียู การไฟฟ้าฝ่ายผลิตรับมาในราคา 175 มันก็มาบวกกำไรปั่นไฟแล้วก็คิดค่าไฟเราเพิ่ม เสร็จเรียบร้อยแล้วแก๊สอันเดียวกันที่มันมีมันส่งให้พวกมันเองเข้าโรงงานแยกแก๊สในราคา 120 บาท เพื่อจะผลิตเป็นแก๊สหุงต้มแล้วมันก็ขึ้นจากกิโลละ 160 เป็น 280 คนจ่ายก็คือพวกเราอีก นี่เห็นมั๊ย คือค้าขายแบบนี้เค้าไม่ได้เรียกว่าเก่ง ตลาดหลักทรัพย์ให้เป็นผู้บริหารดีเด่น ไอ้นี้มันค้าขายแบบโจร มันไม่ได้ค้าขายแบบผู้บริหาร ไม่ใช่ ถ้าแน่จริงก็ส่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่ 120 ซิ ใช่มั๊ย อย่างน้อยที่สุดลดลงมา อ้าวไม่เป็นไรมาดู 4 เปอร์เซ็นต์ของน้ำมัน เค้าบอกส่วนต่าง 4 เปอร์เซ็นต์เอง ปตท.มันมีบริษัทลูกเยอะจริงๆ แล้วมันซ่อนกำไรในบริษัทลูก ประการแรก ปตท.มันจะมีบริษัทๆ นึงเค้าเรียก ปตท.สผ.ไอ้บริษัทสติไม่สมบูรณ์อันนี้มันเป็นบริษัทผูกขาดการสั่งแก๊ส สั่งน้ำมันให้กับ ปตท. ผูกขาดยังไง ต้องผ่านโต๊ะนี้ พอผ่านปั๊บ นี่มันทำเหมือนโต๊ะศุลกากร หรือโต๊ะที่กรมที่ดินเลยนะ เหมือนกันเป๊ะเลย ไม่รู้มันติดนิสัยใครมา พอผ่านปั๊บ ปตท.สผ.สั่งปั๊บมันจะบวกราคา บวกทันทีแล้วส่งไปให้ ปตท. ปตท.เอาไปทำต่อ ที่นี้พอ ปตท.ถูกบวกราคาปั๊บปตท.เอาน้ำมันไปกลั่น มันก็ไปกลั่นที่โรงกลั่น โรงกลั่นน้ำมันระยอง โรงกลั่นไทยออย เราบอกว่าเออโรงกลั่นนี่นะ เราก็เลยสงสัยว่า ทำไมปตท.มันถึงอยากจะมายึดทีพีไอเหลือเกิน เราก็เลยเพิ่งถึงบางอ้อ ก็เพราะว่าเมื่อปี 2546 2 ปีที่แล้วนะ 12 เดือนในปี 2546 โรงกลั่นไทยออย เฉพาะไทยออยมีกำไรจากการกลั่นน้ำมัน 1,800 กว่าล้านบาท 2546 กลั่นน้ำมัน 1,800 ล้านบาท ครึ่งปีแรกของปีนี้ ม.ค.-มิ.ย. โรงกลั่นเดียวกัน สถานที่ภูมิศาสตร์ไม่ได้เปลี่ยน โรงกลั่นไม่ได้เพิ่ม พนักงานเท่าเดิม มันกำไร 8,000 กว่าล้านบาท ผมก็ลงไปดู อ๋อสมัยก่อนมึงคิดค่ากลั่นลิตรละ 1.20 บาท พอมาวันนี้มึงกระทืบกูมึงคิดลิตรละ 4.20 บาท นี่คือข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้นสิ้นปีนี้มันจะกำไร 1,600 ล้านบาท ไอ้โรงกลั่นไทยออย ปตท.ถือหุ้นอยู่ 49 เปอร์เซ็นต์ นักข่าวถามคุณวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อดีตผู้ว่า ปตท. ถามว่า ค่ากลั่นที่แพงลดได้มั๊ย คุณวิเศษน่ารักมาก เค้าเป็นเอกชนผมไปสั่งเค้าไม่ได้หรอก ผมก็เลยเพิ่งถึงบางอ้อ อ๋อมิน่ามันถึงอยากจะยึดทีพีไอของได้เสี่ยประชัยมัน ก็ด้วยเหตุนี้ เพราะลิตรละ 4.20 ไม่ได้ด้วยเล่ห์เอาด้วยกล ก็ถ้ายึดด้วยวิธีหน้าด้านๆ ก็ต้องยึดด้วยหน้าด้าน มันยึดยังไง มันบังคับให้ ปตท. ให้ทีพีไอของเสี่ยประชัยขายหุ้นให้ ปตท.ราคา 3.30 บาท ในขณะที่ราคาในตลาด 14 บาท แล้วสุนัขตัวไหนที่รู้ข้อมูลภายในอย่างนี้ ก็ไอ้ประเภท สุนัขที่ชอบกินอาจม ทำความเดือดร้อนให้กับพวกเราทั้งนั้น ไอ้พวกบ้านี่มีอยู่ไม่กี่คน มันก็รวยกันไม่กี่คน เท่านี้เอง เห็นมั๊ย เพราะฉะนั้นแล้ว อันนี้จะเรียกว่าอำมหิตหรือเปล่า อำมหิตมาก เพราะคนจ่ายคือพวกเรา แล้วคนพวกนี้ชอบขี้โม้ เวลาถ่ายรูปลงหนังสือพิมพ์แล้วเขาให้สัมภาษณ์นี่นะ จะโม้แหลกเลย บริษัทเราเป็นบริษัทที่มีธรรมาภิบาลสูง การทำงานของพวกเรานะครับ เราวางแผนล่วงหน้า 2 เดือน เราระมัดระวังมาก ผมก็เลยคิดในใจว่า เอ..ถ้ามึงบอกมึงวางแผน 2 เดือน ก็แสดงว่าน้ำมันที่มึงซื้อทุกวันนี้มึงซื้อล่วงหน้า 2 เดือนใช่ไหม แล้วทำไมไอ้น้ำมันนี่มันขึ้นเมื่อวาน แล้วมึงขึ้นน้ำมันกูพรุ่งนี้ทันทีเลยล่ะ แล้วตลกคุณสโรชา

สโรชา- คือน้ำมันที่เราใช้วันนี้ ถ้าเกิดเป็นตามนโยบายนี้ เขาซื้อไว้ตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว

สนธิ- ตามที่มันพูดน่ะนะ มันต้องซื้อไว้ 2 เดือนที่แล้ว แล้วมันขึ้นทำไม แล้วปรากฏว่าที่น่าเกลียดก็คือ ไอ้บางจาก มันออกมาให้สัมภาษณ์หน้าตาเฉย มันปลื้มมากเลย มันบอกว่าปีนี้บางจากกำไรพันกว่าล้าน

สโรชา- แฮปปี้

สนธิ- แฮปปี้ แต่ซักไปซักมา อ๋อ มึงกำไรจากสต๊อกน้ำมัน ก็คือซื้อมาถูก ขายแพง

สโรชา- คือแทนที่จะอั้นไว้ตรงนั้นให้เราซื้อถูกด้วย

สนธิ- ทีนี้ ไอ้ 66,000 ล้าน ที่มันกำไรครึ่งปี สิ้นปีนี่มัน 132,000 ล้าน ที่ต้องกำไร ง่ายๆ คูณ 2 มันแปลกนะ พวกเราเคยคิดบ้างมั๊ย เวลามันมีวิกฤติน้ำมันเนี่ย มึงต้องลำบากพร้อมกูสิ แต่ทำไมกูลำบากแล้วมึงรวยเอาๆ ล่ะ มันผิดธรรมชาติ

สโรชา- ที่น้ำมันแพงขึ้น กำไรเขาไม่ควรจะขึ้นด้วย

สนธิ- คือถ้าเขาบริหารตามต้นทุนจริง เพราะว่าผมเห็น คุณสโรชาไม่เคยสังเกตเหรอ พวกนี้มันจะเก่งอยู่อย่าง เนื่องจากว่าตอนนี้น้ำมันในตลาดโลกขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วเราก็มีความจำเป็นต้องขึ้นอีก 40 สตางค์ นะ แต่เวลาน้ำมันตลาดโลกลดลง ไม่เห็นมันประกาศว่ามันลดลงบ้าง หรือว่ามันขึ้น 40 สตางค์ ขึ้นมา 3-4 ครั้ง เป็นบาทกว่า เวลามันลด มันลด 30 สตางค์ มันจะตลอดเวลา ทีนี้ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่า ให้ ปตท.มันกำไร 3 แสนล้านไปเลย ให้มันคิดไปเลย ลิตรละ 50 บาท แต่ขอให้เป็นของประเทศไทยคนเดียวได้ไหม

สโรชา- ของประเทศไทยคนเดียว หมายความว่า ???

สนธิ- ประเทศไทยเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องไปแอบแปรรูป ขายให้ไอ้พวกโกงชาติโกงบ้านโกงเมือง ที่ไปใช้คำว่า nominee ที่สิงคโปร์ และแอบซื้อมาตอนต้น คุณตีหัวผมไปเลยลิตรละ 50 บาท ผมอย่างมากผมก็ด่าแม่คุณ 2-3 ที แล้วในที่สุดผมก็บอกว่าช่างแม่งเถอะ ไหนๆ มันก็เป็นของรัฐบาลแล้ว เอาเข้าไปเป็นภาษีอากรมาช่วยพวกเรา ทำไมจะต้องไปแบ่งให้ไอ้ 30 เปอร์เซ็นต์นั้น มันมาพึ่งพิงอิงแอบความเป็นรัฐวิสาหกิจ อ้างอิงสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อพวกมันเท่านั้นเอง
พูดบ้างสิคุณสโรชา ผมแสบคอแล้ว

สโรชา- ดิฉันว่าเราพักกันแป๊บนึงดีกว่า นะคะ พักแป๊บนึง

สนธิ- ดีเหมือนกัน ให้อาจารย์สุวินัยมากู่เจิ้งสักหน่อยดีไหมฮะ

สโรชา- กู่เจิ้งนิดนึงนะคะ แล้วเดี๋ยวกลับมา

สนธิ- อาจารย์สุวินัยเล่นนานหน่อยก็ไม่เป็นไรนะฮะ

สโรชา- มีคำถามอยู่นะคะ แล้วก็มีคำถามจากทางบ้านเข้ามา 70 กว่าสาย นี่คือแค่เบื้องต้นนะคะ เดี๋ยวกลับมาตอบกันช่วงต่อไปค่ะ

คลิก เพื่อชมวิดีโอคลิป การบรรเลงกู่เจิ้ง “ยิ้มเย้ยยุทธจักร” โดย ดร.สุวินัย ภรณวลัย ช่วงที่ 2

*****************************************************

อ่านเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร (2) ต่อ....คลิก
กำลังโหลดความคิดเห็น