นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้บริหารกระทรวงการคลัง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อประเมินผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนค่าเงินหยวนของจีนนั้น ปรากฏว่า การเปลี่ยนแปลงของเงินบาทไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และการแข็งค่าขึ้น ก็มีสัดส่วนน้อยกว่าการแข็งค่าของเงินหยวน ซึ่งจะทำให้การส่งออกไทยยังได้เปรียบจีนอยู่ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านด้วย จึงทำให้การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดน่าจะเริ่มดีขึ้น ดังนั้นในช่วงนี้เท่าที่ประเมินน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า โดยหลังจากนี้ทาง ธปท. จะคอยติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะจากที่เคยหารือกับรองนายกรัฐมนตรีของจีนแล้ว ยอมรับว่าการปรับเปลี่ยนเงินหยวนจะไม่ให้กระทบต่อค่าเงินของประเทศเพื่อนบ้าน และจะดำเนินแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งรัฐบาลจะใช้จังหวะช่วงนี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ดังนั้น เชื่อมั่นว่าสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น
ส่วนการเปลี่ยนแปลงค่าเงินริงกิตของมาเลเซียนั้น ที่ผ่านมามาเลเซียผูกติดกับเงินดอลลาร์สหรัฐมานาน ดังนั้น มาเลเซียจึงใช้จังหวะนี้ในการปลดภาระต่าง ๆ ที่มีอยู่ แต่มีผลกระทบกับไม่มากนักกับไทย เมื่อสถานการณ์เช่นนี้ หากไทยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจประมาณร้อยละ 4-5 ก็นับว่าเป็นระดับที่น่าพอใจ และเชื่อว่าการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดน่าจะไม่ถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะขณะนี้ปัญหาราคาน้ำมันในตลาดโลกก็เริ่มลดลงมาบ้างแล้ว หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเข้ามาเพิ่มเติม