คงเป็นอุณหภูมิที่ร้อนผ่าวต้อนรับหน้าร้อนที่กำลังย่างกายเข้ามา..หรืออาจจะเป็นเพราะราหูทับดวงเมืองก็เป็นไปได้ที่อาจารย์ “ธีรยุทธ”แหวกม่านประเพณีขยันออกมาวิจารณ์รัฐบาลบ่อยครั้งขึ้นเป็นพิเศษ...
บันทึกจากเด็กวัดย่านสนามหลวง
เปรียบรัฐบาลชุดนี้ว่า เป็นยุคเผด็จอำนาจเบ็ดเสร็จแบบสีเทาซูเปอร์ชิลด์มีโครงสร้างแบบศาลาวัดมีหลายเสาค้ำจุน
1.เสาค่านิยมของชาวบ้าน
2.เสาหลักคุณธรรมของสังคม
3.เสาสถาบันสังคมต่างๆ แต่ปัจจุบันชาวบ้านถูกกรรมการวัด เปรียบได้เป็นข้าราชการ และนักการเมืองเปรียบได้เป็นเจ้าอาวาส และพระผู้น้อยผู้ใหญ่ ยุให้จัดงานวัด งานบุญ งานรื่นเริง ทอดกฐิน แห่เทียน กันมากกว่าที่จะสนใจพระธรรมคำสอน โดยระดับบนนโยบายเอื้ออาธรรมเกิดจากการที่เจ้าอาวาสวัดไทยารามได้เลื่อนขั้นจากชั้นเทพ เทวดาทักษิณ เป็นพระธรรมทักษิณ ดวงตามองเห็นธรรม ทุกๆ อย่างตั้งแต่ อบายมุข การฆ่าตัดตอน แบ่งแยกชั้นประชาชน บูรณาการการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศให้ประโยชน์เข้ากลุ่มพวกพ้อง การทับซ้อนต่างๆ เป็นความว่างเปล่า
ส่วนเกจิอื่นๆ ของวัด เช่น หลวงปู่เหนาะ หลวงพี่สุ หลวงพี่สมศักดิ์ หลวงพี่พินิจธรรมาจารย์ หลวงพี่ห้อย แม่ชีสุ แม่ชีแดง ฯลฯ ไม่สนใจปรับปรุงเสา แถมยังรื้อบางเสาทิ้งหรือเอาไปเสริมกุฏิของตัวเองอีกด้วย เสาหลักที่ถูกรื้อไป คือ เสาคุณธรรม เสารากหญ้า เสาค่านิยม เสาสถาบันราชการสำคัญๆ เสาองค์กรอิสระ เสาพรรคฝ่ายค้าน ฯลฯ ชาวบ้านอาจเพลิดเพลินกับงานบุญ จนลืมดูว่ามีอะไรบ้างกำลังถูกรื้อทำลาย ในที่สุดถ้าพระไม่ยับยั้งตัวเอง ชาวบ้านไม่ยับยั้งตัวเอง ศาลาวัดจะพังโครมมาทั้งศาลา กลายเป็นวัดไทยสิ้นศรัทธารามได้
วันรุ่งขึ้นเจ้าอาวาส “พระธรรมทักษิณ” แห่งวัดไทยาราม
ได้ยกธรรมมะขึ้นมาข่มเด็กวัดว่า...อันปัญญาวิมุตนั้นไม่ยาก พอไหวอยู่ แต่อีกอันหนึ่งคือ เจโต วิมุต เป็นการแสวงหาความหลุดพ้นด้วยการปฏิบัติอันนี้ก็เลยพยายามจะปฏิบัติเพื่ออยากแสวงหาความหลุดพ้นเพราะอยากมีสุทธิ ปัญญา เมตตา ขันติ แล้วถามว่าทำไมต้องมีขันติ เพราะเดี๋ยวนี้พวกไอ้เด็กวัดที่ไล่ให้ไปอ่านพระไตรปิฎกก็ไปนอนหลับหลังพระไตรปิฎก แล้วออกมาเกเร เมื่อก่อนเกเรปีละหน เดี๋ยวนี้เกเรปีละหลายหน เพราะญาติโยมที่ศรัทธา จะต้องมีความสุข ฉะนั้น อาตมาเองต้องทำขันติ ขันติก็ต้องมีปฏิบัติ ตอนนี้เลยต้องทำเจโตวิมุต หากจะทำเจโต วิมุตได้ก็คงไม่ต้องพูดมาก นี่คือคำที่ฝากส่งต่อไปยังเด็กวัดคนนั้น !!!
ยังไม่จบแค่นี้ยังมีเสียงจาก“แม่ชีสุ”และกรรมการวัดบางคนตอบโต้เด็กวัดว่า ...แต่ก่อนเด็กวัดคนนี้ที่เป็นที่ยอมรับของสังคมแต่พักหลังๆออกมาวิจารณ์บ่อยขึ้นงานวิชาการก็ไม่ค่อยทำ เลยทำให้บทบาทของเด็กวัดคนนี้กลายเป็น“ขาโจ๊ก”ไม่น่าเชื่อถืออีกแล้ว