วันที่ 25 ก.พ. พล.ต.ต.กมล แก้วสุวรรณ รอง ผบช.น. หัวหน้าพนักงานสอบสวนข้อเท็จจริงคดีจัดพิมพ์สติกเกอร์กระแสพระราชดำรัส และพระราชเสาวนีย์ เพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ในพื้นที่เขตคลองเตยที่ผ่านมาว่า พนักงานสอบสวนได้เรียกตัวผู้เกี่ยวข้องที่ปรากฏในสำนวนคดีจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัติย์, น.ส.ปรารถนา คงนาค เลขานุการส่วนตัวนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, นายภูมิสันต์ เสนีย์วงษ์ ณ อยุธยา คนสนิทคุณหญิงกัลยา, นายอธิวัชน์ จันทุมมี ผู้ประสานงานการเลือกตั้งเขตคลองเตย พรรคประชาธิปัติย์ และนายถนอม อ่อนเกตุพล ผู้สมัคร ส.ส.เขตคลองเตย มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 2 มีนาคมนี้ ภายหลังพบพยานหลักฐานยืนยันว่าบุคคลทั้ง 5 ร่วมกันกระทำความผิดในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งมีโทษจำคุก 3-15 ปีโดยมีการส่งหมายเรียกไปแล้วหากไม่มาพบพนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกอีกเป็นครั้งที่ 2 ถ้าไม่มาก็จะออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. กล่าวถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนในคดีทำสติกเกอร์หาเสียงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สรุปสำนวนว่ามีความผิดนั้นก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ กกต.ที่ดูแลสำนวนการร้องเรียนการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในกรณีดังกล่าวไปขอสำนวนที่แล้วเสร็จจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อนำมาพิจารณาควบคู่กับสำนวนคำร้องของ กกต.ซึ่งโดยหลักแล้ว กกต.จะต้องดูว่าการสรุปสำนวนของ บช.น.ว่ามีความผิดนั้นถือว่าเป็นความผิดทางอาญาเพียงอย่างเดียว หรือมีความผิดในทางกฎหมายเลือกตั้งรวมอยู่ด้วย ถ้าเป็นความผิดทางอาญาล้วนๆ ก็ต้องดำเนินคดีทางอาญาไป แต่ถ้ามีความผิดทางกฎหมายเลือกตั้งก็อาจจะต้องมีการเรียกพยานมาสอบเพิ่มเติม โดยถ้าพบว่า ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อที่ถูกร้องทำผิดจริงตามที่มีการกล่าวหา กกต.ก็สามารถสอยได้
พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาลให้สัมภาษณ์ว่า คณะพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนคดีขึ้นมาว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดตามจึงให้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดว่ามีใครบ้างที่จะต้องถูกดำเนินคดี
พล.ต.ต.ชัชวาลย์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ เพราะการตรวจสอบพบว่าข้อความที่นำไปพิมพ์มีการตัดต่อ ส่วนของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พบว่ามีอยู่จริง คณะกรรมการจึงเห็นว่ามีการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ฐานดูหมิ่นพระมหากษัตริย์เพราะไม่มีการขออนุญาตและเป็นการกระทำในลักษณะที่ไม่บังควร ไม่ทำในลักษณะที่เทิดทูน นำไปติดในที่ทั่วไป จึงให้คณะพนักงานสอบสวนไปสอบสวนเพิ่มเติมว่ามีใครที่อยู่ในข่ายที่กระทำความผิดและมีใครบ้าง ส่วนสอบสวนแล้วจะมีผลอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างไรก็ตาม คณะพนักงานสอบสวนจะต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการชุดใหญ่อีกครั้ง
ด้าน พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. กล่าวถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนในคดีทำสติกเกอร์หาเสียงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สรุปสำนวนว่ามีความผิดนั้นก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ กกต.ที่ดูแลสำนวนการร้องเรียนการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในกรณีดังกล่าวไปขอสำนวนที่แล้วเสร็จจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อนำมาพิจารณาควบคู่กับสำนวนคำร้องของ กกต.ซึ่งโดยหลักแล้ว กกต.จะต้องดูว่าการสรุปสำนวนของ บช.น.ว่ามีความผิดนั้นถือว่าเป็นความผิดทางอาญาเพียงอย่างเดียว หรือมีความผิดในทางกฎหมายเลือกตั้งรวมอยู่ด้วย ถ้าเป็นความผิดทางอาญาล้วนๆ ก็ต้องดำเนินคดีทางอาญาไป แต่ถ้ามีความผิดทางกฎหมายเลือกตั้งก็อาจจะต้องมีการเรียกพยานมาสอบเพิ่มเติม โดยถ้าพบว่า ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อที่ถูกร้องทำผิดจริงตามที่มีการกล่าวหา กกต.ก็สามารถสอยได้
พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาลให้สัมภาษณ์ว่า คณะพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนคดีขึ้นมาว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดตามจึงให้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดว่ามีใครบ้างที่จะต้องถูกดำเนินคดี
พล.ต.ต.ชัชวาลย์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ เพราะการตรวจสอบพบว่าข้อความที่นำไปพิมพ์มีการตัดต่อ ส่วนของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พบว่ามีอยู่จริง คณะกรรมการจึงเห็นว่ามีการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ฐานดูหมิ่นพระมหากษัตริย์เพราะไม่มีการขออนุญาตและเป็นการกระทำในลักษณะที่ไม่บังควร ไม่ทำในลักษณะที่เทิดทูน นำไปติดในที่ทั่วไป จึงให้คณะพนักงานสอบสวนไปสอบสวนเพิ่มเติมว่ามีใครที่อยู่ในข่ายที่กระทำความผิดและมีใครบ้าง ส่วนสอบสวนแล้วจะมีผลอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างไรก็ตาม คณะพนักงานสอบสวนจะต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการชุดใหญ่อีกครั้ง