จากกรณีที่เงินทดรองจ่ายของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นสึนามิ ได้สูญหายไปจากตู้เซฟในห้องนิรภัยของสำนักงานคลังจังหวัดภูเก็ต บนศาลากลางจังหวัดภูเก็ต จำนวน 2,050,000 บาท และทางจังหวัดได้ตั้งกรรมการสอบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อคลี่คลายคดีนั้น
พ.ต.ท.เศียร แก้วทอง สวส.สภ.อ.เมืองภูเก็ต เจ้าของคดีดังกล่าวเปิดเผยว่า จากการสอบสวนล่าสุดพบว่าเงินไม่ได้หายไปจากห้องนิรภัยของคลังจังหวัดอย่างแน่นอน แต่ได้หายจากภายนอกก่อนนำมาส่งมอบให้คลังจังหวัด ซึ่งจะต้องทำการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคนเพื่อหาหลักฐานมัดตัวผู้กระทำความผิด ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตัดชื่อข้าราชการออกไปแล้ว 5 รายเพื่อกันไว้เป็นพยาน โดยขณะนี้เหลือข้าราชการเพียง 2 รายที่ยังให้การซัดทอดกันอยู่ และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนออนุมัติศาลขอออกหมายจับเร็วๆ นี้ และคาดว่าอาจจับกุมทั้ง 2 คนได้
ด้าน นายอุดมศักดิ์ อัศวรางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าไม่จะเป็นเรื่องของการฉ้อโกง หรือการโกงเงินหลวง แต่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบรับและเบิกจ่ายที่ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามปกติแต่ขาดการระมัดระวังดูแลให้เป็นไปตามระเบียบกฎเกณฑ์ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงเรื่องเงินจำนวนมากๆ จะต้องดูแลให้เรียบร้อยตามหน้าที่ที่หัวหน้าส่วนราชการที่รับผิดชอบ เช่น รองผู้ว่าราชการจังหวัด หรือหัวหน้าส่วนราชการขออนุมัติเงินจากผู้ว่าราชการจังหวัด และอนุมัติแล้วก็ไปเขียนเช็คเบิกจ่ายเงินไปตามปกติอยู่แล้ว แต่ไม่เป็นไปตามระบบธนาคารจึงทำให้เกิดปัญหาขึ้น ซึ่งหากเบิกจ่ายตามระบบธนาคารจะไม่เกิดปัญหา
“เรื่องเงินหายครั้งนี้ คาดว่าไม่น่าจะเป็นการฉ้อโกงหรือยักยอก เป็นการประมาทเลินเล่อมากกว่า เพราะไม่ทราบว่าหายในห้องหรือนอกห้องต้องไปสอบถามตำรวจดูว่า ห้องหรือกุญแจถูกงัดแงะหรือไม่ ถ้าหายนอกห้องต้องดูในเรื่องของการกำกับดูแลว่าในการหิ้วไปแจกนั้นดำเนินการอย่างไร ลงบัญชีครบหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่หัวหน้าส่วนที่กำกับดูแลต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้” ผู้ว่าฯ ภูเก็ต กล่าว
พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้วหลายปาก ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคลังจังหวัด เจ้าหน้าที่ธนาคารที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และเร็วๆ นี้จะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นมาสอบอีกหลายปาก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งหลักฐานต่างๆ ส่งตรวจพิสูจน์ที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง ถือว่าความคืบหน้าการสอบสวนคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่นำเงินดังกล่าวไปได้
ส่วนการสอบสวนหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่จังหวัดตั้งขึ้นนั้น พ.ต.อ.ก่อเกียรติ กล่าวว่า ได้สอบสวนหาข้อเท็จจริงไปแล้วบางส่วน และขณะนี้การสอบสวนยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
พ.ต.ท.เศียร แก้วทอง สวส.สภ.อ.เมืองภูเก็ต เจ้าของคดีดังกล่าวเปิดเผยว่า จากการสอบสวนล่าสุดพบว่าเงินไม่ได้หายไปจากห้องนิรภัยของคลังจังหวัดอย่างแน่นอน แต่ได้หายจากภายนอกก่อนนำมาส่งมอบให้คลังจังหวัด ซึ่งจะต้องทำการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคนเพื่อหาหลักฐานมัดตัวผู้กระทำความผิด ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตัดชื่อข้าราชการออกไปแล้ว 5 รายเพื่อกันไว้เป็นพยาน โดยขณะนี้เหลือข้าราชการเพียง 2 รายที่ยังให้การซัดทอดกันอยู่ และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนออนุมัติศาลขอออกหมายจับเร็วๆ นี้ และคาดว่าอาจจับกุมทั้ง 2 คนได้
ด้าน นายอุดมศักดิ์ อัศวรางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าไม่จะเป็นเรื่องของการฉ้อโกง หรือการโกงเงินหลวง แต่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบรับและเบิกจ่ายที่ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามปกติแต่ขาดการระมัดระวังดูแลให้เป็นไปตามระเบียบกฎเกณฑ์ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงเรื่องเงินจำนวนมากๆ จะต้องดูแลให้เรียบร้อยตามหน้าที่ที่หัวหน้าส่วนราชการที่รับผิดชอบ เช่น รองผู้ว่าราชการจังหวัด หรือหัวหน้าส่วนราชการขออนุมัติเงินจากผู้ว่าราชการจังหวัด และอนุมัติแล้วก็ไปเขียนเช็คเบิกจ่ายเงินไปตามปกติอยู่แล้ว แต่ไม่เป็นไปตามระบบธนาคารจึงทำให้เกิดปัญหาขึ้น ซึ่งหากเบิกจ่ายตามระบบธนาคารจะไม่เกิดปัญหา
“เรื่องเงินหายครั้งนี้ คาดว่าไม่น่าจะเป็นการฉ้อโกงหรือยักยอก เป็นการประมาทเลินเล่อมากกว่า เพราะไม่ทราบว่าหายในห้องหรือนอกห้องต้องไปสอบถามตำรวจดูว่า ห้องหรือกุญแจถูกงัดแงะหรือไม่ ถ้าหายนอกห้องต้องดูในเรื่องของการกำกับดูแลว่าในการหิ้วไปแจกนั้นดำเนินการอย่างไร ลงบัญชีครบหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่หัวหน้าส่วนที่กำกับดูแลต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้” ผู้ว่าฯ ภูเก็ต กล่าว
พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้วหลายปาก ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคลังจังหวัด เจ้าหน้าที่ธนาคารที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และเร็วๆ นี้จะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นมาสอบอีกหลายปาก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งหลักฐานต่างๆ ส่งตรวจพิสูจน์ที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง ถือว่าความคืบหน้าการสอบสวนคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่นำเงินดังกล่าวไปได้
ส่วนการสอบสวนหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่จังหวัดตั้งขึ้นนั้น พ.ต.อ.ก่อเกียรติ กล่าวว่า ได้สอบสวนหาข้อเท็จจริงไปแล้วบางส่วน และขณะนี้การสอบสวนยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง