แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง หม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา มีครรภ์
ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงอภิเษกสมรสกับหม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา และทรงประกอบพิธีอภิเษกสมรสพระราชทาน เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2544 นั้น สำนักพระราชวังขอแถลงให้ทราบโดยทั่วกันว่า บัดนี้ หม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา ได้มีครรภ์ และคาดว่าจะมีสูติกาลประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2548
สำนักพระราชวัง วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2548
โดยเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2545 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สื่อมวลชนเข้าเฝ้าฯ และพระราชทานสัมภาษณ์เกี่ยวกับหม่อมศรีรัศมิ์ฯ อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในวันพระราชทานปริญญาบัตรแด่หม่อมศรีรัศมิ์ว่า เป็นคนเรียบร้อย สงบเสงี่ยม อยากให้เขาวางตัวเป็นที่รักของคน เป็นคนมีเมตตา อ่อนโยน เรียนรู้งานดี จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้มาก
ตอนนี้เราอายุ 50 ปีแล้ว คิดว่าควรจะเริ่มทำงานปฏิบัติหน้าที่ให้สมบูรณ์ โดยเฉพาะเรื่องครอบครัว อยากให้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ น่ารักและถูกต้องในสายตาประชาชน ไม่ใช่การมาหาเสียง หรือทำให้ป๊อปปูลาร์ แต่อยากให้ประชาชนได้สบายใจ
ตอนนี้อยู่เป็นครอบครัวมีกันอยู่ 4 คน มีเรา หม่อม พระองค์ภา และท่านหญิง อยู่กับหม่อมมาตั้งแต่ปี 2536 อยู่มานาน รู้จักกันมา 9-10 ปีแล้ว ดูใจกันมานานแล้ว โดยปีที่แล้วจดทะเบียน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานน้ำสังข์
เราอยากจะสร้างครอบครัวขึ้นมาให้ดี หม่อมมีหน้าที่ดูแลเรื่องต่างๆ ภายในบ้าน ดูแลข้าราชบริพาร รวมทั้งถวายงานสมเด็จฯ เราใช้ชีวิตกันแบบสบายๆ ไม่มีอะไร ถ้าบ้านเสร็จก็อยู่ไป ต่อไปอาจจะมีข่าวดีก็ได้ ซึ่งถ้าโชคดีก็จะมีข่าวดี
ที่ไปงานโครงการหลวงที่เชียงใหม่ เป็นการใบ้ให้รู้ว่าได้แต่งงานกับหม่อมศรีรัศมิ์ ก็มีติดตามบ้างตามงานใหญ่ๆ หม่อมเป็นคนธรรมดาๆ อยากให้เขาใช้ความสามารถ ดำเนินชีวิตของเขาเอง เพราะผู้ที่จะมาเป็นคู่ชีวิตต้องเป็นคนที่ใช้ได้ เป็นคนที่มีเมตตาต่อคน เข้ากับคนได้ รู้จักชีวิตคนธรรมดา
หม่อมเป็นคนมีความเมตตา มีความอ่อนโยน เป็นมิตรเข้ากับทุกคน และเข้ากับพระองค์ได้ หม่อมมาจากครอบครัวคนธรรมดาๆ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ความเป็นคนธรรมดาๆ นี่ก็ดี เพราะเขาเคยใช้ชีวิตมา พ่อแม่เขาก็ไม่ร่ำรวยอะไร ปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เขาไม่ชินกับพิธีรีตอง หรือระบบไฮโซทั้งหลาย เขามีความสงบเสงี่ยมเจียมตัว มีความอดทน ไม่เคยให้ร้ายใคร ใช้ชีวิตเรียบง่ายสบายๆ ที่สำคัญมีความอบอุ่นในครอบครัว ทำให้บ้านเป็นบ้าน และหน้าตาก็สวยดีด้วย"
ภายหลังพิธีพระราชทานปริญญาบัตรไม่นานนัก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระราชทานสัมภาษณ์อีกครั้ง ที่วังศุโขทัยว่า "ดวงของเราถ้าทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวมากเกินไปจะพัง วันที่จดทะเบียน เราแก้เคล็ดด้วยการใส่เสื้อยืด กางเกงวอร์ม รองเท้าแตะอยู่ที่ประทับชั่วคราว นนทบุรี ให้ราชเลขาฯถวายหนังสือตามปกติ นั่งอยู่ห้องนั่งเล่น ถึงเวลาก็ให้นายอำเภอเข้ามา เขาก็แต่งตัวธรรมดา บอกให้หม่อมแต่งตัวโทรมๆ แล้วเอากระดาษมาเซ็น พอดีท่านหญิงเข้ามาก็แสดงความยินดี แล้วก็ไปออกกำลังกายธรรมดา
วันพระราชทานน้ำสังข์ ท่านก็ดูฤกษ์ให้เอง แต่งตัวสากลเข้าไป ไม่บอกใครด้วยซ้ำ องครักษ์นึกว่าเราจะไปบิน พระราชทานน้ำสังข์เสร็จก็ไม่มีแขก พระราชทานเสร็จก็ตามเสด็จ เราทำให้เป็นเรื่องบังเอิญ เพราะตั้งใจเต็มที่แล้วจะเสีย ถ้าตั้งใจทำอะไรมากเกินไปไม่ดี แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่การวางตัวด้วย
เราอายุ 50 ปีแล้ว ไม่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ อยากได้ครอบครัวที่ดี ที่คนพอใจเป็นประโยชน์ คบได้ ไม่ใช่เป็นการเอาอะไรมาใส่ประชาชน แต่ขอให้ประชาชนยอมรับว่าคนนี้ใช้ได้ ถ้าเป็นหม่อมในพระบรมฯ ทุกคนก็ต้องกราบไหว้ มันก็พัง
10 ปีก็โอเค พิสูจน์กันพอสมควรแล้ว ชีวิตเขาเข้ามาในวังแรกๆ ก็ไม่ได้สบายนักหรอก เหมือนการปลูกต้นไม้มันต้องค่อยๆ โต เราอาจจะมีข่าวดีไม่ปลายปีนี้ (2545) ก็ต้นปีหน้า ปู่ ย่าถามว่าเมื่อไรจะมีหลานผู้ชาย ตอนนี้ก็พยายามอยู่ กำลังทำกิ๊ฟต์อยู่ก็พยายามอยากได้ลูกผู้ชาย
สำหรับหม่อมศรีรัศมิ์ฯ เกิดเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2514 เข้ามาถวายการรับใช้ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ตั้งแต่ปี 2536 โดยในฐานะข้าราชการพลเรือนในพระองค์ หลังจบการศึกษาที่กรุงเทพการบัญชีวิทยาลัย ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สาขาบัญชี จากนั้นเข้าศึกษาสาขาวิทยาการจัดการที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชตั้งแต่ปี 2540 กระทั่งเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อปี 2545 สาขาบริหารงานบุคคล
จากนั้นหม่อมศรีรัศมิ์ฯ ถวายงานศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เรื่อยมา กระทั่งวันที่ 9 ธ.ค.2546 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯเปิดร้านศูนย์ศิลปาชีพ 904 ในบริเวณจังหวัด 193 หรือกรมทหารมหาดเล็ก รักษาพระองค์ ซึ่งหม่อมศรีรัศมิ์เป็นประธานคณะกรรมการ โดย พล.ต.ไพรัตน์ วิมุกตลพ ผู้ว่าราชการจังหวัด 193 เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ เพื่อเป็นการเสริมรายได้ในครอบครัวให้แก่ข้าราชบริพาร ที่พักอาศัยภายในบ้านพัก กว่า 5,000 คน
โดยรับสมัครแม่บ้านครอบครัวข้าราชบริพารภายในจังหวัด 193 เข้าเป็นสมาชิกเมื่อประมาณกลางปี 2544 และแบ่งกลุ่มงานออกเป็น 7 แผนกคือ 1.แผนกดอกไม้ประดิษฐ์ 2.แผนกปักผ้า 3.แผนกตัดเย็บเสื้อผ้า 4.แผนกเนิร์สเซอรี่ 5.แผนกการศึกษานอกโรงเรียน 6.แผนกขนมไทยและอาหารว่าง และ 7.แผนกห้องสมุด