เลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของอิรัก

เมื่อวันอาทิตย์(30) ที่ผ่านมาทั่วโลกต่างจับจองดูการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศอิรัก ท่ามกลางความหวั่นวิตกว่ากลุ่มติดอาวุธภายในประเทศจะก่อความไม่สงบขึ้นในวันเลือกตั้ง แต่แล้วทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีถึงแม้ว่าจะมีการต่อต้านจากกลุ่มติดอาวุธอยู่บ้างในบางพื้นที่ก็ตาม โดยภายหลังจากปิดหีบเลือกตั้งคณะกรรมาการการเลือกตั้งแห่งชาติอิรักได้ออกมาแถลงว่ามีชาวอิรักออกมาลงคะแนนเสียงมากเกินคาดถึง57% แม้ว่าในบางหน่วยเลือกตั้งซึ่งตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ของชาวมุสลิมนิกายสุหนี่จะร้างไม่มีผู้ไปใช้สิทธิแม้แต่คนเดียวก็ตาม ส่วนในเรื่องของการนับคะแนนคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6-7 วัน และจะสามารถประกาศผลอย่างเป็นทางการได้ภายใน 10 วัน

ในส่วนของการต่อต้านจากกลุ่มติดอาวุธในวันเลือกตั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 35 คน โดยกลุ่มติดอาวุธของอาบู มุสซาบ อัลซอร์กอวีย์ ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเหตุเครื่องบินขนส่งซี130 ของกองทัพอังกฤษตกทางเหนือของกรุงแบกแดด หลังจากการปิดหีบเลือกตั้งในอิรักลงไม่นานซึ่งทำให้มีทหารอังกฤษเสียชีวิต 10 ราย ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดการตกนั้นคาดว่าน่าจะมีการระเบิดบนเครื่องก่อนที่เครื่องจะตก

หลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้งบรรดาผู้นำของชาติต่างๆ และผู้ที่มีบทบาทสำคัญบนเวทีโลกต่างออกมายกย่องการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐฯ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าชาวอิรักได้ปฏิเสธต่อความคิดต่อต้านระบอบประชาธิปไตยของเหล่าผู้ก่อการร้าย และพวกเขาได้ปฏิเสธที่จะถูกข่มขู่จากพวกผู้ร้ายและพวกมือลอบสังหาร