ปรับ 2 พัน“โจอี้ บาซู” มือซนจับก้นพริตตี้สาว
คดีอื้อฉาว"นายสุรเดช ทับทิมใส"หรือ โจอี้ บาซา อายุ 35 ปี นักร้องเพลงแดนซ์วงบาซูชื่อดัง ตกเป็นจำเลย ในความผิดข้อหากระทำอนาจารหญิงอายุกว่า 15 ปี ต่อหน้าธารกำนัล กรณีมือซนไปจับก้น น.ส.กรรณิกา นุรักษ์ อายุ 22 ปี ผู้เสียหาย ขณะเข้าไปเสนอขายอาหารขบเคี้ยวชื่อ “โซดา สเน็ก” ที่ร้านกาเซ่ผับ ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
โดยคดีนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำพิพากษาไปแล้ว เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยหลังศาลพิเคราะห์ คำเบิกความ และพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า แม้โจทก์จะมีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเพียงปากเดียว ที่ยืนยันว่าจำเลยกระทำอนาจาร ซึ่งผู้เสียหายไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อน ทั้งจำเลยยังช่วยอุดหนุนซื้อสินค้า จึงไม่มีเหตุจูงใจที่จะต้องกลั่นแกล้งปรักปรำใส่ร้ายจำเลย ในครั้งแรกที่ถูกเข่ากระแทกนั้นผู้เสียหายไม่ได้นำมาเป็นเหตุกล่าวหา แต่ขณะกลับเข้าไปพบในร้านอีกครั้งจำเลยได้จับก้นด้านซ้าย และจะจับแก้มอีกด้วย การที่จำเลยให้การปฎิเสธมาตั้งแต่ต้น และไม่ได้หลบหนี หาใช่ข้อพิสูจน์หักล้างว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง
แต่การกระทำของจำเลยไม่รุนแรง ทั้งไม่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง อีกทั้งจำเลยไม่เคยกระทำความผิดหรือได้รับโทษในลักษณะนี้มาก่อน สมควรลงโทษสถานเบา พิพากษาให้ปรับเงินจำนวน 2,000 บาท
หลังฟังคำพิพากษาและชำระค่าปรับตามคำสั่งศาลแล้ว นักร้องหนุ่ม ได้เปิดใจด้วยสีหน้าที่ยิ้มเจื่อนๆว่า ตนเห็นว่าศาลคงต้องการให้เรื่องจบๆกันไป ด้วยการปรับเงิน โดยไม่มีความผิดที่ต้องโทษจำคุก ซึ่งศาลยังให้โอกาสอุทธรณ์หากต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แต่ตนเห็นว่าหากอุทธรณ์ตนชนะก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะที่ผ่านมาชื่อเสียงของตนนั้นเสียหายป่นปี้ไปหมดแล้ว ไม่สามารถจะเรียกร้องกลับคืนมาได้อีกแล้ว ทุกวันนี้ตนเดินไปซื้อของที่ร้านชำใครๆเห็นก็ทักว่า โจอี้ เป็นโรคจิตหรือเปล่า บ้ากามหรือเปล่า ทำให้เกิดความเครียดมาก
อีกทั้งยังต้องเดินทางไปมาศาลอยู่ตลอดจนไม่มีเวลาไปทำมาหากิน จึงไม่คิดจะอุทธรณ์อีกเพราะค่าจ้างทนายที่ใช้ว่าความในคดีนี้ก็หมดไปนับแสนบาทแล้ว และไม่ได้หวังจะเรียกค่าเสียหายจาก ผู้เสียหายคืน หลังจากเกิดเรื่องขึ้นกาเซ่ผับ ก็ขาดทุนจนต้องปิดตัวลง ถือเสียว่าเป็นคราวซวยของตน จากนี้ไปคงมุ่งทำงานแสดงภาพยนตร์ที่กำลังถ่ายทำอยู่ 2 เรื่อง ส่วนงานเพลงกับ วงบาซู นั้นคงจะพักไว้ชั่วคราว
คดีอื้อฉาว"นายสุรเดช ทับทิมใส"หรือ โจอี้ บาซา อายุ 35 ปี นักร้องเพลงแดนซ์วงบาซูชื่อดัง ตกเป็นจำเลย ในความผิดข้อหากระทำอนาจารหญิงอายุกว่า 15 ปี ต่อหน้าธารกำนัล กรณีมือซนไปจับก้น น.ส.กรรณิกา นุรักษ์ อายุ 22 ปี ผู้เสียหาย ขณะเข้าไปเสนอขายอาหารขบเคี้ยวชื่อ “โซดา สเน็ก” ที่ร้านกาเซ่ผับ ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
โดยคดีนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำพิพากษาไปแล้ว เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยหลังศาลพิเคราะห์ คำเบิกความ และพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า แม้โจทก์จะมีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเพียงปากเดียว ที่ยืนยันว่าจำเลยกระทำอนาจาร ซึ่งผู้เสียหายไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อน ทั้งจำเลยยังช่วยอุดหนุนซื้อสินค้า จึงไม่มีเหตุจูงใจที่จะต้องกลั่นแกล้งปรักปรำใส่ร้ายจำเลย ในครั้งแรกที่ถูกเข่ากระแทกนั้นผู้เสียหายไม่ได้นำมาเป็นเหตุกล่าวหา แต่ขณะกลับเข้าไปพบในร้านอีกครั้งจำเลยได้จับก้นด้านซ้าย และจะจับแก้มอีกด้วย การที่จำเลยให้การปฎิเสธมาตั้งแต่ต้น และไม่ได้หลบหนี หาใช่ข้อพิสูจน์หักล้างว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง
แต่การกระทำของจำเลยไม่รุนแรง ทั้งไม่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง อีกทั้งจำเลยไม่เคยกระทำความผิดหรือได้รับโทษในลักษณะนี้มาก่อน สมควรลงโทษสถานเบา พิพากษาให้ปรับเงินจำนวน 2,000 บาท
หลังฟังคำพิพากษาและชำระค่าปรับตามคำสั่งศาลแล้ว นักร้องหนุ่ม ได้เปิดใจด้วยสีหน้าที่ยิ้มเจื่อนๆว่า ตนเห็นว่าศาลคงต้องการให้เรื่องจบๆกันไป ด้วยการปรับเงิน โดยไม่มีความผิดที่ต้องโทษจำคุก ซึ่งศาลยังให้โอกาสอุทธรณ์หากต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แต่ตนเห็นว่าหากอุทธรณ์ตนชนะก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะที่ผ่านมาชื่อเสียงของตนนั้นเสียหายป่นปี้ไปหมดแล้ว ไม่สามารถจะเรียกร้องกลับคืนมาได้อีกแล้ว ทุกวันนี้ตนเดินไปซื้อของที่ร้านชำใครๆเห็นก็ทักว่า โจอี้ เป็นโรคจิตหรือเปล่า บ้ากามหรือเปล่า ทำให้เกิดความเครียดมาก
อีกทั้งยังต้องเดินทางไปมาศาลอยู่ตลอดจนไม่มีเวลาไปทำมาหากิน จึงไม่คิดจะอุทธรณ์อีกเพราะค่าจ้างทนายที่ใช้ว่าความในคดีนี้ก็หมดไปนับแสนบาทแล้ว และไม่ได้หวังจะเรียกค่าเสียหายจาก ผู้เสียหายคืน หลังจากเกิดเรื่องขึ้นกาเซ่ผับ ก็ขาดทุนจนต้องปิดตัวลง ถือเสียว่าเป็นคราวซวยของตน จากนี้ไปคงมุ่งทำงานแสดงภาพยนตร์ที่กำลังถ่ายทำอยู่ 2 เรื่อง ส่วนงานเพลงกับ วงบาซู นั้นคงจะพักไว้ชั่วคราว