อุบัติเหตุรถไฟใต้ดินชน
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดอุบัติเหตุรถไฟฟ้าใต้ดินชนกัน ที่บริเวณสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทำให้ผู้โดยสารบาดเจ็บ ทั้งเล็กน้อยและสาหัสรวมเกือบ 200 ชีวิต จากที่รถในขบวนที่ถูกชน มีผู้โดยสารร่วม 700 คน ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรื่องกิจ รมว.คมนาคม สั่งการให้หยุดให้บริการเป็นการชั่วคราว โดยไม่มีกำหนด จนกว่าจะมีมาตรการมารองรับที่ดีขึ้น
จากเหตุรถไฟฟ้าใต้ดินชนกัน ทำให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ชุดแรกเป็นการสอบสวนสอบสวนเพื่อหาผู้รับผิดชอบ และอีกชุดเป็นการสอบสวนของกระทรวงคมนาคม ที่มีการสอบสวนถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น สุดท้าย เบื้องต้น ตำรวจฟันธงว่า อุบัติเหตุขึ้นจากตัวบุคคล โดยเมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังการสอบสวนผ่านไป 5 วันเต็มๆ
พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัต ผบช.น. พล.ต.ต.กมล แก้วสุวรรณ รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวน พร้อมตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้แถลง
ว่าพนักงานสอบสวนได้สอบคนที่เกี่ยวข้องไปแล้วทั้งหมด 137 ปาก แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ควบคุมสั่งการ และพนักงานควบคุมรถ ซึ่งสอบไปแล้ว 12 ปาก สำหรับกลุ่มพยานผู้ได้รับบาดเจ็บ มีทั้งเจ็บมากและเจ็บน้อย รวมถึงบาดเจ็บสาหัส มีทั้งหมด 241 คน ได้สอบสวนไปแล้ว 125 คน เป็นผู้บาดเจ็บสาหัส 15 คน และต้องมีการติดตามผู้ได้รับบาดเจ็บมาสอบปากคำ 116 คน
สำหรับทรัพย์สินของผู้เสียหายทาง รฟม. ได้มีการส่งคืนให้กับเจ้าของที่เสียหายเกือบทั้งหมดแล้ว มีเพียงโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ที่เสียหายแต่ยังหาไม่พบ สำหรับขบวนรถไฟที่เสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน ส่วนที่สอบอีกกลุ่มเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทซีเมนส์ และสอบคีย์อินสตรัคเจอร์ ซึ่งเป็นผู้สอนในระดับครู 2 คน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานอีกส่วนหนึ่งด้วย
พล.ต.ท.ปานศิริ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องพยานเอกสารและพยานวัตถุ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้เทปบันทึกภาพขณะเกิดเหตุจากซีซีทีวี รวมถึงเทปบันทึกเสียงการสั่งการระหว่างเจ้าหน้าที่กับพนักงานขับรถระหว่างเกิดเหตุ ส่วนหนึ่งเป็นเอกสารการถอดเทป การติดต่อสื่อสาร ซึ่งมีการส่งมอบเป็นทางการมาแล้ว พยานเอกสารที่สำคัญ คือ คู่มือการปฏิบัติเกี่ยวกับการควบคุมบังคับรถ มีทั้งหมด 4 คู่มือ เป็นคู่มือของผู้สั่งการซีทีอาร์ที่ศูนย์ คู่มือของซีทีโอ เป็นคู่มือระดับหัวหน้า และคู่มือของอีโอ สำหรับผู้ควบคุมรถและขับรถ
จากการสอบสวนทั้งพยานบุคคล พยานหลักฐาน และพยานวัตถุ ที่ได้มาจนถึงวันนี้พบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความประมาทของบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 4 คน คือ 1.นายกุลชาติ เลาอโศก หัวหน้าควบคุมการเดินรถขณะเกิดเหตุ 2.นายรังสรรค์ สวัสดิมงคล เจ้าหน้าที่ควบคุมการเดินรถในขณะเกิดเหตุ 3.นายธวัชชัย กัญญา พนักงานควบคุมรถขบวนอีมู 17 คันที่ใช้ดัน และ4.นายธนพล นิธิโชติยานนท์ พนักงานขับรถอีมู 08 คันที่จอดอยู่
วันเดียวกันหลังพนักงานสอบสวนสรุปชัดเจนว่า มีผู้ต้องถูกดำเนินคดี 4 คน นายกุลชาติ เลาอโศก หัวหน้าควบคุมการเดินรถขณะเกิดเหตุ นายรังสรรค์ สวัสดิมงคล เจ้าหน้าที่ควบคุมการเดินรถในขณะเกิดเหตุ นายธวัชชัย กัญญา พนักงานควบคุมรถขบวนอีมู 17 คันที่ใช้ดัน พร้อมกับนายฤทธิ์บูรณ์ เจยาคม ผู้จัดการส่วนการเดินรถและทนายความได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.มณเฑียร ประทีปะวณิช รอง ผบก.น.1 ที่ศูนย์อำนวยการสอบสวนบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เพื่อรับทราบข้อหาความผิดฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นความผิดทางกฎหมายอาญา มาตรา 300 และ390 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พ.ต.อ.มณเทียร กล่าวว่า หลังจากที่ทั้ง 3 คนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้วพนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำ พิมพ์ลายนิ้วมือไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนี้จะปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากไม่ใช่คดีร้ายแรงและไม่มีพฤติการณ์หลบหนี หากมีประเด็นเพิ่มเติมจะเรียกตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนนายธนพล นิธิโชติยานนท์ พนักงานขับรถขบวนเปล่า อีมู 08 ที่บาดเจ็บสาหัสอยู่ระหว่างนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหัวเฉียวนั้น พนักงานสอบสวนได้รับการติดต่อจากทนายความว่าหลังออกจากโรงพยาบาล นายธนพล จะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวและไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดอุบัติเหตุรถไฟฟ้าใต้ดินชนกัน ที่บริเวณสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทำให้ผู้โดยสารบาดเจ็บ ทั้งเล็กน้อยและสาหัสรวมเกือบ 200 ชีวิต จากที่รถในขบวนที่ถูกชน มีผู้โดยสารร่วม 700 คน ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรื่องกิจ รมว.คมนาคม สั่งการให้หยุดให้บริการเป็นการชั่วคราว โดยไม่มีกำหนด จนกว่าจะมีมาตรการมารองรับที่ดีขึ้น
จากเหตุรถไฟฟ้าใต้ดินชนกัน ทำให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ชุดแรกเป็นการสอบสวนสอบสวนเพื่อหาผู้รับผิดชอบ และอีกชุดเป็นการสอบสวนของกระทรวงคมนาคม ที่มีการสอบสวนถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น สุดท้าย เบื้องต้น ตำรวจฟันธงว่า อุบัติเหตุขึ้นจากตัวบุคคล โดยเมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังการสอบสวนผ่านไป 5 วันเต็มๆ
พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัต ผบช.น. พล.ต.ต.กมล แก้วสุวรรณ รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวน พร้อมตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้แถลง
ว่าพนักงานสอบสวนได้สอบคนที่เกี่ยวข้องไปแล้วทั้งหมด 137 ปาก แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ควบคุมสั่งการ และพนักงานควบคุมรถ ซึ่งสอบไปแล้ว 12 ปาก สำหรับกลุ่มพยานผู้ได้รับบาดเจ็บ มีทั้งเจ็บมากและเจ็บน้อย รวมถึงบาดเจ็บสาหัส มีทั้งหมด 241 คน ได้สอบสวนไปแล้ว 125 คน เป็นผู้บาดเจ็บสาหัส 15 คน และต้องมีการติดตามผู้ได้รับบาดเจ็บมาสอบปากคำ 116 คน
สำหรับทรัพย์สินของผู้เสียหายทาง รฟม. ได้มีการส่งคืนให้กับเจ้าของที่เสียหายเกือบทั้งหมดแล้ว มีเพียงโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ที่เสียหายแต่ยังหาไม่พบ สำหรับขบวนรถไฟที่เสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน ส่วนที่สอบอีกกลุ่มเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทซีเมนส์ และสอบคีย์อินสตรัคเจอร์ ซึ่งเป็นผู้สอนในระดับครู 2 คน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานอีกส่วนหนึ่งด้วย
พล.ต.ท.ปานศิริ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องพยานเอกสารและพยานวัตถุ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้เทปบันทึกภาพขณะเกิดเหตุจากซีซีทีวี รวมถึงเทปบันทึกเสียงการสั่งการระหว่างเจ้าหน้าที่กับพนักงานขับรถระหว่างเกิดเหตุ ส่วนหนึ่งเป็นเอกสารการถอดเทป การติดต่อสื่อสาร ซึ่งมีการส่งมอบเป็นทางการมาแล้ว พยานเอกสารที่สำคัญ คือ คู่มือการปฏิบัติเกี่ยวกับการควบคุมบังคับรถ มีทั้งหมด 4 คู่มือ เป็นคู่มือของผู้สั่งการซีทีอาร์ที่ศูนย์ คู่มือของซีทีโอ เป็นคู่มือระดับหัวหน้า และคู่มือของอีโอ สำหรับผู้ควบคุมรถและขับรถ
จากการสอบสวนทั้งพยานบุคคล พยานหลักฐาน และพยานวัตถุ ที่ได้มาจนถึงวันนี้พบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความประมาทของบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 4 คน คือ 1.นายกุลชาติ เลาอโศก หัวหน้าควบคุมการเดินรถขณะเกิดเหตุ 2.นายรังสรรค์ สวัสดิมงคล เจ้าหน้าที่ควบคุมการเดินรถในขณะเกิดเหตุ 3.นายธวัชชัย กัญญา พนักงานควบคุมรถขบวนอีมู 17 คันที่ใช้ดัน และ4.นายธนพล นิธิโชติยานนท์ พนักงานขับรถอีมู 08 คันที่จอดอยู่
วันเดียวกันหลังพนักงานสอบสวนสรุปชัดเจนว่า มีผู้ต้องถูกดำเนินคดี 4 คน นายกุลชาติ เลาอโศก หัวหน้าควบคุมการเดินรถขณะเกิดเหตุ นายรังสรรค์ สวัสดิมงคล เจ้าหน้าที่ควบคุมการเดินรถในขณะเกิดเหตุ นายธวัชชัย กัญญา พนักงานควบคุมรถขบวนอีมู 17 คันที่ใช้ดัน พร้อมกับนายฤทธิ์บูรณ์ เจยาคม ผู้จัดการส่วนการเดินรถและทนายความได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.มณเฑียร ประทีปะวณิช รอง ผบก.น.1 ที่ศูนย์อำนวยการสอบสวนบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เพื่อรับทราบข้อหาความผิดฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นความผิดทางกฎหมายอาญา มาตรา 300 และ390 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พ.ต.อ.มณเทียร กล่าวว่า หลังจากที่ทั้ง 3 คนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้วพนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำ พิมพ์ลายนิ้วมือไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนี้จะปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากไม่ใช่คดีร้ายแรงและไม่มีพฤติการณ์หลบหนี หากมีประเด็นเพิ่มเติมจะเรียกตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนนายธนพล นิธิโชติยานนท์ พนักงานขับรถขบวนเปล่า อีมู 08 ที่บาดเจ็บสาหัสอยู่ระหว่างนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหัวเฉียวนั้น พนักงานสอบสวนได้รับการติดต่อจากทนายความว่าหลังออกจากโรงพยาบาล นายธนพล จะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวและไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี