ยกเครื่องโรงพัก"ซีอีโอ"
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถือว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยที่ รัฐบาล มุ่งหวังที่จะให้ ตำรวจเป็น ตำรวจของประชาชนอย่างแท้จริง โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช.ได้ประชุมคณะกรรมการ เพื่อหารือวาระ การจัดทำยุทธศาสตร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยนายชัยอนันต์ได้เสนอร่างยุทธศาสตร์ฯ 6 ด้าน เพื่อปรับปรุงสตช. คือ ยุทธศาสตร์ด้านการบริการประชาชน ด้านการบริหารการจัดการที่ดี ด้านการอำนวยความยุติธรรม ด้านการป้องกันและควบคุมอาชญากรรมให้อยู่ในระดับที่ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างสงบสุข ด้านจราจร และด้านความมั่นคง โดยเฉพาะแนวทางยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และการปรับปรุง สตช. มีสถานีตำรวจและบุคลากรประจำสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุดเป็นหน่วยงานที่จะตอบสนองการแก้ปัญหาและการบริการประชาชนได้ เหมือนกับการกระจายอำนาจไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นโรงพักซีอีโอ จุดนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับปรุงและนำไปสู่การปรับปรุงทั้งระบบ
อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมรับว่า อุปสรรคก็คือสตช.ใหญ่เกินไป มีตำรวจ 240,000 คน งบประมาณที่มีให้ ไม่เพียงพอต่อการทำงานของตำรวจ เหมือนอย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่า ตำรวจหนึ่งโรงพักไม่รู้ว่าจะไปแก้ปัญหาให้ประชาชนหรือเป็นภาระประชาชน เพราะงบประมาณส่วนใหญ่กลายเป็นค่าตอบแทนของตำรวจ ค่าน้ำและค่าไฟฟ้า แต่ค่าใช้จ่ายในการทำงาน พัฒนาโรงพัก และเครื่องมือตอบสนองการบริการประชาชนไม่มี งบประมาณตรงนี้ยังขาดอยู่ จึงต้องมาปรับปรุง
ดังนั้น จากการปรับยุทธศาสตร์ สตช.ยุค นายกฯทักษิณ จะทำให้ตำรวจเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หรือ ตำรวจยังคงอยู่เหมือนเดิม โดยเปลี่ยนเฉพาะนโยบาย ที่รัฐบาล กำหนด แต่ตำรวจ ไม่ได้ปฎิบัติ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลง ที่น่าจะติดตาม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถือว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยที่ รัฐบาล มุ่งหวังที่จะให้ ตำรวจเป็น ตำรวจของประชาชนอย่างแท้จริง โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช.ได้ประชุมคณะกรรมการ เพื่อหารือวาระ การจัดทำยุทธศาสตร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยนายชัยอนันต์ได้เสนอร่างยุทธศาสตร์ฯ 6 ด้าน เพื่อปรับปรุงสตช. คือ ยุทธศาสตร์ด้านการบริการประชาชน ด้านการบริหารการจัดการที่ดี ด้านการอำนวยความยุติธรรม ด้านการป้องกันและควบคุมอาชญากรรมให้อยู่ในระดับที่ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างสงบสุข ด้านจราจร และด้านความมั่นคง โดยเฉพาะแนวทางยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และการปรับปรุง สตช. มีสถานีตำรวจและบุคลากรประจำสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุดเป็นหน่วยงานที่จะตอบสนองการแก้ปัญหาและการบริการประชาชนได้ เหมือนกับการกระจายอำนาจไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นโรงพักซีอีโอ จุดนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับปรุงและนำไปสู่การปรับปรุงทั้งระบบ
อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมรับว่า อุปสรรคก็คือสตช.ใหญ่เกินไป มีตำรวจ 240,000 คน งบประมาณที่มีให้ ไม่เพียงพอต่อการทำงานของตำรวจ เหมือนอย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่า ตำรวจหนึ่งโรงพักไม่รู้ว่าจะไปแก้ปัญหาให้ประชาชนหรือเป็นภาระประชาชน เพราะงบประมาณส่วนใหญ่กลายเป็นค่าตอบแทนของตำรวจ ค่าน้ำและค่าไฟฟ้า แต่ค่าใช้จ่ายในการทำงาน พัฒนาโรงพัก และเครื่องมือตอบสนองการบริการประชาชนไม่มี งบประมาณตรงนี้ยังขาดอยู่ จึงต้องมาปรับปรุง
ดังนั้น จากการปรับยุทธศาสตร์ สตช.ยุค นายกฯทักษิณ จะทำให้ตำรวจเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หรือ ตำรวจยังคงอยู่เหมือนเดิม โดยเปลี่ยนเฉพาะนโยบาย ที่รัฐบาล กำหนด แต่ตำรวจ ไม่ได้ปฎิบัติ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลง ที่น่าจะติดตาม