xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าว 27 ธ.ค.47 - 2 ม.ค.48

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


1.“ในหลวง”พระราชทานพรปีใหม่ให้คนไทยสามัคคี-ช่วยผู้ประสบภัย“สึนามิ”

เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2547 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานพรปีใหม่แก่พสกนิกรชาวไทย เนื่องในวารดิถีขึ้นปีใหม่ ประจำปี 2548 ความว่า “ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดี มาอวยพรให้ท่านทั้งหลายทั่วกัน และขอขอบใจท่านเป็นอย่างยิ่ง ที่มีไมตรีจิต สนับสนุนข้าพเจ้าในภารกิจทั้งปวง ด้วยดีเสมอมา ตลอดปีที่แล้วมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นหลายอย่าง ดีดีก็คือ การที่นักกีฬาของเราไปรับเหรียญรางวัลหลายประเภท ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และที่ไม่ดีก็มีอยู่มาก เราต้องประสบเหตุไม่ปกติต่างๆ จนทำให้เกิดความวิตก ห่วงใยกันอยู่ทั่วไป ใกล้ถึงสิ้นปีก็เกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ ทำให้สูญเสียชีวิต และทรัพย์สินอย่างร้ายแรง เราคงต้องช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ และฟื้นฟูสถานะของบ้านเมืองเป็นการใหญ่ รวมทั้งหาทางป้องกัน เตือนภัยให้มีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม เหตุต่างๆ นั้น ได้ทำให้เห็นแจ้งถึงน้ำใจของพวกเราอย่างเด่นชัดว่า ทุกคนในผืนแผ่นดินไทย ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน มีความสามัคคีกัน ต่างห่วงใยกันด้วยใจจริง ได้แสดงเจตนารมณ์ ที่จะอยู่ร่วมกันโดยสันติสุข และเมื่อเกิดภัยพิบัติ คนไทยไม่ทิ้งกัน ต่างพร้อมเพรียงกันเข้าปฏิบัติช่วยเหลือทันทีด้วยความเสียสละ และจริงใจ ไม่เลือกว่า เป็นชาวไทย หรือต่างประเทศ ข้าพเจ้าอยากกล่าวย้ำแก่ท่านทั้งหลาย เหมือนที่เคยกล่าวมาเมื่อหลายปีก่อนว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้น จะให้มีแต่ความปกติสุขอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีทุกข์ มีภัย ผ่านเข้ามาด้วยเสมอ ยากจะหลีกเลี่ยงพ้น ในปีใหม่นี้ข้าพเจ้าจึงขอให้ทุกคนรักษาความสามัคคีและจิตใจอันดีนี้ไว้เป็นนิจ เพราะสิ่งนี้คือคุณลักษณะพิเศษที่ช่วยให้ชาติบ้านเมืองของเราอยู่รอดปลอดภัย และช่วยให้เราทุกคนอยู่ร่วมกันด้วยความร่มเย็นเป็นสุขมาช้านาน ตราบใดที่เราทั้งหลายรักษาคุณลักษณะนี้ไว้ได้ ก็มั่นใจได้ว่าชาติบ้านเมืองของเราจะดำรงมั่นคงอยู่ตราบนั้น

ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยเคารพบูชา จงอภิบาลรักษาท่านทุกคนให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย ให้มีความสุขกาย สุขใจและประสบแต่สิ่งที่พึงประสงค์ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน”

2.โลกสลด! คลื่นยักษ์ถล่มเอเชียตายกว่าแสน

เช้าวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติต้องบันทึกไว้ว่า เป็นวันที่เกิดการสูญเสียมากที่สุดอีกวันหนึ่ง เวลา 07.58 น. ตามเวลาในประเทศไทย ได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในทะเลบริเวณนอกชายฝั่งของเกาะสุมาตราตอนเหนือ ความแรงของแผ่นดินไหวขนาด 9.0 ริกเตอร์ ทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำขนาดมหึมา ที่เรียกว่า “สึนามิ” กระแทกเข้าใส่ชายฝั่งของอินโดนีเซีย กวาดเอาชีวิตผู้คน บ้านเรือน ต้นไม้ สิ่งของที่อยู่บริเวณชายฝั่งหายไปพร้อมกับกระแสน้ำ

พลังมหาศาลที่ปล่อยออกมาจากรอยแผ่นดินแยกทำให้แรงคลื่นไปไกลถึงฝั่งศรีลังกา อินเดีย บังคลาเทศ ทวีปอาฟริกา และไทย ทำลายชีวิตผู้คนไปจำนวนมาก โดยยอดล่าสุดถึงวันที่ 2 ม.ค. 48 อยู่ที่ 126,000 คนแล้ว โดยเฉพาะอินโดนีเซีย จุดที่อยู่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหวมากที่สุด จึงต้องรับแรงประทะจากคลื่นยักษ์มากที่สุดโดยปริยาย และคาดการณ์กันว่าชาวเกาะสุมาตราน่าจะเสียชีวิตมากกว่า 1 แสนคน

สหประชาชาติประเมินว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยกว่า 10 ปี เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับคืนสภาพดังเดิมได้ ท่ามกลางความหวาดหวั่นว่าจะเกิดโรคระบาดซ้ำขึ้น หากยังไม่สามารถจัดการเก็บซากศพจำนวนมหาศาลที่นอนเรียงรายตามซากปรักหักพัง

สำหรับประเทศไทย แม้ว่าจะมีส่วนบนของเกาะสุมาตราบังทิศทางการพุ่งตัวของกระแสคลื่นจากศูนย์กลางอยู่ แต่ความแรงของคลื่นมรณะก็ยังมาถึงชายฝั่งภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง และสตูล เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น. ของวันเดียวกัน สร้างความสูญเสียให้กับแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของไทยอย่างโหดร้ายที่สุด ล่าสุดถึงช่วงเย็นวันที่ 2 ม.ค. 2548 พบศพผู้เสียชีวิตในไทยแล้ว 4,985 ศพ บาดเจ็บ 10,350 คน และสูญหายอีก 6,424 คน โดยผู้เสียชีวิตเกือบครึ่งหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

จากความเสียหายครั้งนี้ ทำให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ประเมินว่า ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือการท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินจากธุรกิจบริการด้านนี้หายไปราว 3-4 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ หรือ จีดีพี ต่ำกว่าที่เคยประมาณการณ์ไว้ร้อยละ 0.3

ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประเมินว่า คงจะใช้เวลาในการฟื้นฟูการท่องเที่ยว 6 จังหวัดอันดามันให้กลับสู่สภาพเดิมได้ภายในเวลา 1 เดือนครึ่ง

3. “คุณพุ่ม” ถึงแก่อนิจกรรมในเหตุการณ์คลื่นยักษ์

ความเศร้าสลดจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์ถล่มซัดชายฝั่ง 6 จังหวัดอันดามันของไทย เพิ่มทับทวีคูณเมื่อคนไทยทุกคนทราบว่า คุณภูมิ หรือ คุณพุ่ม เจนเซน โอรสของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ถึงแก่อนิจกรรมในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย

คุณพุ่ม เจนเซน วัย 21 ปี เดินทางไปที่เขาหลัก จ.พังงา กับทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ เพื่อพักผ่อนเนื่องในวันคริสต์มาส ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม

คุณพุ่มหายตัวไป ในช่วงเช้าวันที่ 26 ธันวาคมขณะคลื่นยักษ์ซัดเข้าชายฝั่ง และทีมค้นหาได้พบศพในช่วงเช้าของวันต่อมา ในจุดที่ห่างจากโรงแรมที่พัก 100 เมตร

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฏราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินไปที่จ.ภูเก็ตโดยเครื่องบินเที่ยวพิเศษโบอิ้ง 737 ซึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงขับเครื่องลำดังกล่าวด้วยพระองค์เอง เพื่อเชิญศพคุณพุ่ม กลับมาบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมศพ ยังศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศราชวงศ์ และทรงรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์เป็นเวลา 7 วัน

เวลา 19.45 น. วันที่ 27 ธันวาคม สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมารเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมศพคุณพุ่ม เจเซน ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง

คุณพุ่ม เจนเซ่น เป็นโอรสองค์เดียวของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เกิดที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2526 อายุ 21 ปี ศึกษาจนจบเกรด 10 จากรัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อนมาศึกษาเพิ่มที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นประธานโครงการกุศลหลายโครงการเพื่อแบ่งเบาพระกรณียกิจของทูลกระหม่อมหญิงฯ

4. ในหลวงทรงนำธารน้ำใจหลังไหลสู่ภาคใต้

แม้ความโศรกเศร้าจะแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกหัวระแหงของประเทศไทย แต่สิ่งที่ยังพอปลอบประโลมให้ทุกคนมีกำลังใจขึ้นมาได้ ก็คือน้ำใจของคนไทยด้วยกันเอง นับแต่วันเกิดเหตุ ธารน้ำใจต่างหลังไหลไปสู่พี่น้องใน 6 จังหวัดภาคใต้ ทั้งในรูปสิ่งของเครื่องใช้เงินบริจาค โดยผ่านองค์กรการกุศลต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพียงไม่กี่วันข้าวของเครื่องใช้ที่ได้รับบริจาคก็มีมากเกินกว่าความต้องการ จนต้องมีการประกาศงดรับ และขอให้บริจาคเป็นเงินแทน

ที่สำคัญยิ่ง คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นจำนวนเงิน 30 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือพสกนิกรที่ประสบภัยในภาคใต้ ผ่านมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในฐานะองค์ประธานมูลนิธิชัยพัฒนาได้มีพระราชดำรัสให้นำเงินมูลนิธิจำนวน 20 ล้านบาทไปช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยคลื่นสึนามิโดยผ่านมูลนิธิราชประชานุเคราะห์เช่นกัน ทำให้ยอดเงินบริจาคผ่านมูลนิธิราชประชามีสูงกว่า 140 ล้านบาท

ขณะที่การรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรณีพิบัติ 6 จังหวัดฝั่งอันดามัน ณ ศูนย์รับบริจาคทำเนียบรัฐบาล ยอดรับบริจาคตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2547 ถึง 1 มกราคม 2548 มียอดรวมแล้วกว่า 435 ล้านบาท

5.ทั่วโลกร่วมฟื้นฟูประเทศเหยื่อสึนามิ

หายนะจากคลื่นยักษ์ซัดชายฝั่งเอเชียและอาฟริกาตะวันออก ทำให้นานาชาติฉลองปีใหม่เริ่มขึ้นด้วยความเศร้าสร้อย ทั้งในเอเชีย ยุโรปและอเมริกาก็ต่างลดธงครึ่งเสา เพื่อร่วมไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิต ด้านอินโดนีเซียประกาศเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำนานาชาติ ที่กรุงจาการ์ตา ในวันพฤหัสนี้(6)เพื่อหารือช่วยเหลือประเทศในเอเชียซึ่งประสบภัยคลื่นยักษ์สึนามิ คาดว่าจะเจ้าหน้าที่อาวุโสจากบรรดาประเทศริมมหาสมุทรอินเดียซึ่งประสบภัย รวมทั้งจะเชื้อเชิญผู้นำของ 10 ชาติสมาชิกอาเซียน บรรดาประเทศผู้บริจาครายใหญ่ อันได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ รวมทั้งเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ โคฟี่ อันนัน ด้วย

ทั้งนี้ ยอดเงินบริจาคแก่ผู้ประสบภัยเพิ่มขึ้นเป็น 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 8 หมื่นล้านบาท) แล้ว โดยมีญี่ปุ่นเป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่สุด ด้วยยอดบริจาค 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ประเทศร่ำรวยที่ไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดนเฉพาะสหรัฐฯที่ถูกกดดันให้เพิ่มเงินช่วยเหลือ จากเดิม 15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 35 เหรียญสหรัฐฯ และเป็น 350 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ คอลิน พาวเวลล์ พร้อมด้วย เจ็บ บุช ซึ่งมีประสบการณ์จัดการกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในรัฐฟลอริดา และเป็นน้องชายของประธานาธิบดีจอร์จ บุช เตรียมเดินทางเยือนประเทศที่ได้รับผลกระทบ ในวันที่ 2 มกราคม เพื่อประเมินความเสียหาย และความความช่วยเหลือที่สหรัฐฯจะมอบให้แต่ละประเทศได้


กำลังโหลดความคิดเห็น