สโรชา – สวัสดีค่ะ คุณผู้ชม ขอต้อนรับเข้าสู่รายการก่อนจะถึงวันจันทร์ค่ะ สัปดาห์ที่แล้วเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ เราได้นำเสนอเทปการสัมมนาพิเศษ หัวข้อ “เลี้ยงลูกอย่างไรให้เหมาะสมกับยุคไอที” นะคะ สัปดาห์นี้กลับมาพบกับเราทั้ง 3 คนเหมือนเคย คุณคำนูณ สิทธิสมาน คุณสำราญ รอดเพชร และดิฉันสโรชา พรอุดมศักดิ์ค่ะ
สำราญ , คำนูณ – สวัสดีครับ
สโรชา – คุณผู้ชมสามารถแสดงความคิดเห็นกับเราได้นะคะ โทรมาที่ 02-6394433 ค่ะ เริ่มต้นกันด้วยประเด็นของวันรัฐธรรมนูญก่อนดีกว่า เพราะว่าวันศุกร์ที่ผ่านมา วันที่ 10 ธันวาคม เป็นวันรัฐธรรมนูญ เป็นอย่างไรบ้างคะ บรรยากาศ
สำราญ – ต้องยกให้คุณคำนูณ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้
คำนูณ – ก็เหมือนเดิมๆ ก็ไปสักการะ พระบรมรูปสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่บริเวณหน้ารัฐสภา ปีนี้เป็นปีที่ 72 ของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และก็เป็นปีที่ 72 หลังจากที่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษร ฉบับแรกเป็นต้นมาเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ปี 2475 เราก็มีรัฐธรรมนูญฉบับนี้ 2540 เป็นฉบับที่ 16 หวังว่าจะเป็นฉบับสุดท้าย หวังว่านะ 72 ปี 16 ฉบับ และฉบับนี้เป็นฉบับที่ยาวที่สุดในโลกรองจากอินเดีย ฉบับนี้ก็มีความพิเศษอยู่ตรงที่เขาเรียกว่า เป็นฉบับปฏิรูปการเมือง บ้างก็ว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ก็คือไม่ได้เกิดขึ้นจากการปฏิวัติรัฐประหาร แต่ว่าเกิดขึ้นเพราะว่ามีกระแสเบื่อหน่าย พรรคการเมือง นักการเมือง เบื่อหน่ายการเมืองที่ไร้เสถียรภาพ
จุดเริ่มต้นมันเริ่มต้นจากการที่เรืออากาศตรีฉลาด วรฉัตรนั้นอดข้าว เรียกร้องรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนอะไรซักอย่าง ตอนนั้นปี 2537 ก็เกิดวิกฤติเล็กน้อย และในที่สุดรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น ก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เรียกว่า คณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย ก็มีท่านอาจารย์หมอประเวศ วะสีเป็นประธาน ก็ดำเนินการศึกษาอยู่ปีหนึ่ง ก็คลอดข้อเสนอออกมาหนาพอสมควร แล้วก็ไม่ได้ทำอะไร ก็ส่งมอบต่อรัฐสภา
แต่การเลือกตั้งปี 2538 นั้น คนสำคัญของเราคนหนึ่ง คือคุณบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้นำไปหาเสียงว่า จะดำเนินการปฏิรูปการเมืองตามแนวทางคณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย มันก็เลยเกิดเป็นประเด็นขึ้นมา ตามแนวทางก็คือเป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นทั้งฉบับ ก็เมื่อคุณบรรหารขึ้นมาเป็นนายกฯ ก็เกิดคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง จากนั้นก็มีการต่อสู้ มีการอภิปรายกันตามสมควร แต่ในที่สุดก็มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2534 มาตรา 211 ก่อให้เกิดรูปแบบที่เรียกว่า สภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา ที่มีหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับขึ้นเมื่อปี 2539
พอปี 2540 ก็เกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นมา ผู้คนก็ค่อนข้างจะสนับสนุน และก็เชื่อมั่นว่าถ้ามีรัฐธรรมนูญใหม่ มันจะทำให้การเมืองมีเสถียรภาพ เป็นแรงส่ง ตอนนั้นนี่ผมไม่แน่ใจว่าถ้าไม่มีวิกฤติเศรษฐกิจนี่ รัฐธรรมนูญอาจจะไม่ผ่านสภาก็ได้ เพราะว่าสภาร่างรัฐธรรมนูญร่างขึ้นมา เป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่เขาว่ากันว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่มีอคติต่อนักการเมือง มีองค์กรตรวจสอบยุ่บยั่บไปหมดเลย แล้วก็นักการเมืองก็เรียกว่า กระดิกตัวกันแทบไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้ 7 ปีผ่านไป เขากระดิกกันได้เรียบร้อยแล้ว เขาปรับตัวแล้ว เขาก็มีช่องทางอะไรกันเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าเพราะวิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้เกิดกระแสประชาชน ตอนนั้นก็ชูธงเขียว
สำราญ – มีคนเชื่อว่าการเมืองไม่ดี ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะรัฐธรรมนูญไม่ดี เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดการเมือง ก็เป็นตรรกะ เป็นสมการกันอยู่
คำนูณ – แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีจุดเด่นๆก็คือ เป็นรัฐธรรมนูญที่ต้องการจะสร้างเสถียรภาพทางการเมือง โดยทำให้การเมืองเหลือน้อยพรรค ทำให้เกิดแต่พรรคการเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งเราผ่านการเลือกตั้งมา 1 ครั้ง กำลังจะครบ 1 รอบ เราใช้รัฐธรรมนูญมา 7 ปีก็จริง แต่ว่าเราเพิ่งผ่านการเลือกตั้งมา 1 รอบ เราเริ่มเห็นแล้วล่ะว่าพรรคการเมืองเหลือน้อยแน่ ตอนนี้ก็คล้ายๆกับว่าแข่งกัน 4 พรรคเอง แล้วก็ 2 พรรคก็เป็น 2 พรรคใหญ่ อย่างที่พูดกันมากก็คือ คะแนนปาร์ตี้ลิสต์อาจจะเหลือแค่ 2 พรรค คือประชาธิปัตย์กับไทยรักไทย ก็จุดเด่นๆของรัฐธรรมนูญที่ว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่ทำให้เกิดแต่พรรคการเมืองใหญ่ ทำให้เกิดการเมือง 2 ขั้ว ก็ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า ถึงที่สุดแล้วมันโอเคหรือเปล่า นี่ก็เป็นประเด็นหนึ่งในหลายๆประเด็นที่เริ่มมีการตั้งข้อสงสัยกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ก็ดูเหมือนว่าประชาชนก็ยังโอเคอยู่นะ
สำราญ – แต่ก็มีบางพรรคการเมือง ชูประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประเด็นหาเสียงเหมือนกัน ก็คือพรรคมหาชน แต่เขาจะแก้ในประเด็นไหนบ้าง ก็ยังอธิบายไม่ชัดเจน แต่ดูเหมือนจะมุ่งเน้นไปในเชิงของการตรวจสอบมากกว่า ตรวจสอบให้อภิปราบนายกฯได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้ 2 ใน 5 คือ 200 เสียง
คำนูณ – คือตอนนี้คล้ายๆกับว่า รัฐธรรมนูญมาตรานึงมันเป็นหมันไปแล้ว ก็คือการอภิปรายนายกฯที่ต้องใช้เสียง 2 ใน 5 เริ่มต้นนะ ส.ส.เข้าชื่อกัน 200 ใน 500 นะ เพราะเมื่อพรรครัฐบาลเขาได้เกิน 300 นี่ ก็แปลว่าตลอด 4 ปีนั้นไม่มีสิทธิอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แล้วที่เขาพูดกันถึง 400 เสียงอีกนะ สมมุติว่า พรรครัฐบาลเขารวมกันแล้วได้ 400 เสียงขึ้นไป ไม่มีการอภิปรายรัฐมนตรีเลย
สำราญ – ฉะนั้นก็คือ มหาชนเขาใช้ยุทธศาสตร์ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญให้อภิปรายนายกฯได้ ประมาณนั้นนะครับ ส่วนประชาธิปัตย์ในเชิงลึกๆก็คือ หาเสียงไปกึ่งยอมรับความพ่ายแพ้ไป ก็คือชูยุทธศาสตร์การหาเสียงแบบ 200+1 ก็หมายถึงว่า ถ้าท่านไม่เลือกประชาธิปัตย์ หรือพรรคฝ่ายค้านให้ได้ซัก 201 หรือ 200+1 นี่นะ ก็ไม่มีสิทธิจะอภิปรายนายกฯ ดังนั้นต้องทำอย่างไร ก็คือจะเลือกเขาก็ไม่ว่านะ แต่ก็ขอให้เราหน่อย
สโรชา – อันนี้เท่ากับยอมรับความพ่ายแพ้ไปครึ่งนึงอย่างที่คุณสำราญบอก
สำราญ – ซึ่งเขาก็ต่อสู้กันในพรรคเหมือนกัน ว่าแบบนี้เท่ากับเรายอมรับความพ่ายแพ้นะ ก็อย่างว่ามันก็หมากบังคับ ไพ่บังคับน่ะ คือถ้าชูคุณบัญญัติไปสู้ บัญญัติเหนือทักษิณๆนี่ มันก็ลำบาก มันก็ดูแล้ว เหนือจริงหรือเปล่า ถ้าสู้แบบนี้ มันก็ต่อสู้กันในพรรคน่ะ แต่ก็คือสุดท้ายก็มีหลายกลุ่มชู 200+1
สโรชา – จริงๆนี่เราเชื่อมมาการเมืองแล้ว แต่ว่าที่แน่ๆคือเราไม่เห็นภาพ คือเราจะเห็นภาพคุณเอนก จากมหาชน ที่บอกว่า โอเค พร้อมที่เป็นนายกฯคนต่อไปนั้น ค่อนข้างจะชัดเจน
คำนูณ – แต่ผมว่าแกจะไม่ได้เป็น เพราะว่าอะไรรู้ไหม แกไม่ได้เป็น ส.ส. เพราะแกสมัครเบอร์ 1 ของปาร์ตี้ลิสต์
สำราญ – คือถ้าไม่ได้ปาร์ตี้ลิสต์นะ เพราะนายกฯรัฐธรรมนูญกำหนดว่าต้องมาจาก ส.ส.
คำนูณ – ตำแหน่งเดียวนะ นายกฯต้องมาจาก ส.ส. แต่รัฐมนตรีไม่จำเป็น เพราะฉะนั้นถ้าอาจารย์เอนก ซึ่งมหาชนนั้นโอกาสที่จะได้ปาร์ตี้ลิสต์ค่อนข้างน้อยมาก เราพูดกันอย่างแฟร์ๆนะ เหนื่อยมาก
สำราญ – ชาติไทยยังมีโอกาสมากกว่า แต่ก็เหนื่อยมาก
สโรชา – สรุปแล้ว 2 พรรคที่เป็นพรรคระดับกลาง ค่อนข้างที่จะเหนื่อยในปาร์ตี้ลิสต์ ถูกไหมคะ
สำราญ – ระดับกลาง ก็คือมหาชนกับชาติไทย ระบุไปเลย
สโรชา – เอาอย่างนี้ ท่าทางเราก็จะได้นายกฯคนต่อไป คือ คุณทักษิณ ชินวัตร
คำนูณ – อันนี้ไม่ท่าทาง คือถ้าไม่ฟ้าถล่ม ดินทลาย นะ ก็คืออันนี้แหละ
สโรชา – ถ้าพูดอย่างนี้แล้ว แสดงว่าประชาธิปัตย์เขาก็เดินมาถูกทางสิคะ ที่บอกว่า เอาล่ะ เหมือนกับว่าเรายอมรับความพ่ายแพ้ไปครึ่งนึงแหละ แต่อย่างน้อยที่สุดเราก็เอาส่วนที่เราคิดว่าเราจะผลักดันได้ อย่าไปเอื้อมไกลเกินไป
สำราญ – แต่บางทีการเมืองเขาบอกว่ามันไม่แน่ มันอาจจะเกิดการพลิกปั๊บเดียวมันก็พลิกกันได้ นั่นก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ที่บอกว่าชูไปเลย หัวหน้าพรรคเราว่าเป็นนายกฯได้ ประชาธิปัตย์มีคนที่จะเป็นนายกฯได้ ทำนองนี้นะ ก็อีกหลายประเด็นที่เขาต้อสู้กันในพรรคนะครับ
คำนูณ – เขาบอกว่า เอาล่ะเรื่องนี้ก็เรื่องหนึ่ง ถ้าพูดถึงรัฐธรรมนูญนะครับ นอกจากมาตรานี้จะเป็นหมัน ก็คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจท่านนายกฯ เป็นหมันไปแล้วนะ ที่เป็นหมันหรือว่าที่จะขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองเดียว ก็คืออะไรทราบไหมครับ ก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องใช้เสียงเริ่มต้น พูดง่ายๆก็คือ กึ่งหนึ่งของทั้ง 2 สภารวมกัน ก็คือกึ่งหนึ่งของ 700 เท่ากับ 350 ในสังคมไทยใครจะพูดถึงการแก้หรือไม่แก้รัฐธรรมนูญไม่สำคัญหรอก แต่สุดท้ายมันขึ้นอยู่กับ 350 คนซึ่งรัฐบาลเกินอยู่แล้ว
สโรชา – แสดงว่าถ้าเขาไม่คิดที่จะเปลี่ยน ก็อีก 4 ปีข้างหน้าเราก็คงจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง
คำนูณ – ก็ไม่เปลี่ยน หรือถ้าเขาเกิดคิดจะเปลี่ยนอะไร แต่สังคมไม่เห็นด้วยนะ เขาก็เปลี่ยนได้
สำราญ – ตรงนี้ถ้าสังคมไม่เห็นด้วยทั้งหมด แต่ว่าพรรคเขาเห็นด้วย เขาก็แก้ได้
คำนูณ – แล้วอันนี้ไม่ต้องแคร์วุฒิสภาเลยนะ เพราะว่าพรรครัฐบาลในขณะนี้ผมเชื่อว่า เขาเกิน 350 อยู่แล้ว
สโรชา – อย่างนี้ในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่เราใช้กันอยู่นี่ มุ่งเน้นว่าเราจะให้อำนาจผู้ที่เข้ามาบริหารประเทศ เพื่อที่จะเข้ามาบริหารประเทศโดยที่ไม่ต้องมากังวลเรื่องการเล่นการเมือง ถูกไหมคะ แต่ว่าตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่า ตอนนี้มันล่อแหลมไปทางที่ว่า จะให้อำนาจเขามากเกินไปหรือเปล่า ใครก็แล้วแต่ที่มาอยู่ตรงตำแหน่งนี้หรือว่า คลุมอำนาจตรงนี้ จะมากเกินไปไหม
สำราญ – คล้ายๆกับว่าการตรวจสอบจะอ่อนลง
คำนูณ – อันที่จริงสถานการณ์มันน่าจะดีกว่านี้ ถ้าเผื่อว่าองค์กรอิสระ มีความเป็นอิสระเต็ม 100 ทั้งร่างกายและจิตใจ ตามที่คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญเขาคาดหวังไว้นะครับ เพราะว่าเขาเชื่อว่า ถึงแม้ว่าในทางการเมือง ในทางสภา ทางพรรคการเมืองที่ครองเสียงข้างมากจะมีอำนาจเต็มที่ เด็ดขาด ซึ่งเขาก็ต้องการให้มันมีประสิทธิภาพ มีสมรรถภาพในการบริหารบ้านเมือง แต่เขาเชื่อว่าระบบการตรวจสอบควบคุมนั้นเข้ม แต่คราวนี้ถ้าองค์กรอิสระในระยะหลังนี้ ก็เริ่มถูกวิพากษ์วิจารณ์มากว่า มันไม่อิสระจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระบวนการได้มา ซึ่งเราก็จะพบเห็นว่า ขณะนี้มีข้อเสนอค่อนข้างมาก ผมเชื่อว่า 70-80% ของสังคมเห็นด้วยว่า การคัดเลือกที่มาขององค์กรอิสระ ควรจะตัดตัวแทนของพรรคการเมืองออก คือทีแรกเขาบัญญัติให้มีตัวแทนของพรรคการเมืองเพื่อให้เชื่อมโยงกับประชาชน แต่คราวนี้คือพรรคการเมืองมันเกิดการ เขาเรียกว่า Block Vote น่ะ คือเลือกกันเอง คือเลือกยังไงมันก็กลายเป็นว่าในระยะหลัง ในชั้นหลังๆ จะได้แต่ผู้ที่รวมตัวกัน Block
สำราญ – ก็คือพรรคการเมืองยึดได้ว่างั้นเถอะ Block กัน
คำนูณ – คือพรรคที่เกาะกลุ่มกันเป็นรัฐบาล เอากันอย่างนั้นดีกว่า
สโรชา – ก็ค่อนข้างที่จะต้องระวัง
สำราญ – อันนี้ล็อกได้ยิ่งกว่าหวย หวยนี่ก็พูดกันไปนะ เลขเบิ้ล 66,77 อะไรนี่ ตรงนี้ยิ่งกว่าหวยล็อก
คำนูณ – คือมันอาจจะมีพรรคในสภามากกว่า 4-5 พรรคนะ เพราะอย่างพรรคความหวังใหม่ คุณชิงชัยก็ยังเป็นตัวแทนอยู่ แต่ว่าในสภาคือเขาก็รวมกัน คือกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ จะมีจำนวนหนึ่งมาจากพรรคการเมือง สมมุติว่ามี 3 คนหรือ 4 คน เขาก็คือให้พรรคการเมืองเลือกกันเอง คราวนี้เลือกกันเองมันไม่ได้อิสระจริงนี่ มันรู้กันเอง มันก็เลยล็อกออกมาในชั้นต้นได้ คนที่มีความคิดไปในทางเดียวกัน แล้วคนจำนวนนี้ก็ไปล็อกตัวแทนจากส่วนอื่นๆอีก ล็อบบี้อะไรต่ออะไร ในที่สุดมันก็ได้คนที่เข้ามาให้วุฒิสภาเลือกนี่ ค่อนข้างจะเป็นคนกลุ่มที่พอจะฟังเสียงพูดกันได้ ทีนี้พอไปชั้นวุฒิสภา ที่คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญปรารถนาให้วุฒิสภาไม่มีการเมือง แต่ว่าในทางปฏิบัติมันก็มีการเกาะกลุ่มกัน น่าจะเป็น 2 ฟากฝ่ายนะ ฟากรัฐบาลนี่จะมากกว่า ฝ่ายค้านนี่จะน้อยกว่า แล้วภาคที่ดูเหมือนว่าจะเป็นอิสระจริงๆก็มีเพียง 20-30 คน
สโรชา – อย่างนี้ถ้าจะกลับไปที่ประเด็น จะสังกัดพรรค ไม่สังกัดพรรค ส.ส.ควรจะมีอิสรภาพพอที่จะไม่สังกัดพรรคได้ ถ้าหากว่าประชาชนต้องการ และเลือกเขาเข้ามา มันก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับวุฒิสภา ถูกไหมคะ คืออาจจะมีบางส่วนที่เป็นพรรครัฐบาลที่เห็นได้ค่อนข้างชัด แต่ขณะเดียวกัน เราก็มีกลุ่มอิสระอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งก็อาจจะพูดเชื่อถือได้ว่า สังคมคิดว่าเป็นอิสระ
คำนูณ – วันก่อนผมฟังคุณสนธิคุยกับคุณสโรชา ผมเห็นด้วยในประเด็นนี้ คือว่า ในวุฒิสภานี่นะ คือส.ส.เขาก็ส่งพี่น้อง สามี ภรรยา พรรคพวกลงนะ แล้วมันก็มีอยู่ 2 กลุ่มแหละ แต่ว่าจริงๆแล้วมันจะมีคนที่เรียกว่า สังคมเชื่อถืออยู่จำนวนหนึ่งนะ ที่สามารถหลุดรอดเข้ามาได้ในระบบการเลือกตั้งแบบนี้ คนอย่างอาจารย์แก้วสรรค์ อย่างครูหยุย ครูประทีป ซึ่งคนเหล่านี้ไม่สามารถที่จะหลุดมาเป็น ส.ส.ได้ในระบบอะไรๆ เพราะว่าเขาต้องสังกัดพรรคการเมือง ถ้าเผื่อไม่บังคับสังกัดพรรคนี่ เราจะมีคนเหล่านี้เข้ามา อาจจะ 20-30%
สโรชา – คล้ายๆกับวุฒิสภาใช่ไหมคะ
สำราญ – ก็คือประเด็นอย่างนี้ยังถกเถียงกันอีกได้อีกเยอะ ผมก็ฟังอยู่ที่พูดกัน มันก็เป็นหลากหลายดี ยังมีการตรวจสอบที่คนดีๆเข้ามาตรวจสอบถ่วงดุล ไม่ถูกพรรคบังคับ อันนี้เราก็คือผ่านการทดสอบมาแล้ว ทั้ง 2 แบบ ผมว่านะ จากนี้ไปก็อยู่ที่ว่าสังคมจะตกผลึกแบบไหน คือผมเชื่อว่า หลายคนก็เริ่มจะเห็นความบกพร่องของรัฐธรรมนูญนะ แต่ว่าเงื่อนไขทางเวลา ทางประวัติศาสตร์มันยังไม่สุกงอมพอที่จะนำไปสู่การแก้ไข ผมคิดว่าอีกซักพักน่ะ
คำนูณ – มันคล้ายๆกับว่า คนไทยไปตกอยู่ในมายาภาพอะไรบางอย่าง เวลาเราพูดถึง ส.ส. อิสระขึ้นมา คนมักจะพูดถึงว่า เดี๋ยวก็เหมือนปี 2512 จนต้องมีการปฏิวัติ 17 พฤศจิกายน
สำราญ – ซึ่งสุดท้ายก็ยังมีอยู่ ต่อให้มีนะ ก็ยังมีอยู่ ส.ส.ที่ไปซื้อขายตัวกันในห้องน้ำนะ คือคนการเมืองจะเข้าใจว่า ขายตัวในห้องน้ำ คือไปซื้อเสียงกันในห้องน้ำ ถึงแม้จะมีในอนาคตนะ สมมุติจะไปสู่แบบนั้น มันก็ยังมีอยู่ แต่ว่ามันคงจะดีขึ้น จะลดน้อยลง โดยรวมแล้วก็คือ โดยภาพรวมทั้งฉบับนะ คือสังคมยังไม่ตกผลึกพอตอนนี้ แต่ผมคิดว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้านะ จะต้องมีการแก้ไขแน่นอนไม่ว่าอย่างใดก็อย่างหนึ่ง ในสิ่งที่เป็นสาระสำคัญหรือหัวใจของรัฐธรรมนูญ
คำนูณ – แต่จะแก้ยังไง ถ้าเผื่อว่า 350 มันต้องสังคมออกมายืนยันบนถนน
สโรชา – พลังประชาชน
สำราญ – นั่นแหละ ผมเชื่อว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งนะ ถ้าสังคมมันไม่ไหวแล้วนะ มันก็ต้องไปแก้
คำนูณ – ต้องระดับพฤษภาคมนะ
สำราญ – หรือว่าน้องๆหลานๆอะไรก็แล้วแต่
คำนูณ – เพราะว่าไม่งั้น 350 เสียงในสภานี่เขาไม่ฟัง
สำราญ – สุดท้าย 350 เสียงนี่ก็ต้านไม่อยู่ ถ้าชาวบ้านเขาจะเอาด้วย
สโรชา – ก็เชื่อในพลังประชาชน ถ้าคนส่วนมากเห็นด้วย
สำราญ – ไม่ได้พูดแบบสูตรสำเร็จนะ แต่เราเห็นแบบนี้บ่อยครั้งแล้ว ในประวัติศาสตร์การเมืองเรา
สโรชา – เดี่ยวเราจะพักซักครู่นะคะ กลับมาเดี๋ยวเรามาคุยกับเรื่องการเมืองค่ะ บรรยากาศการหาเสียงค่อนข้างจะคึกคักนะคะ และก็เรื่องของสถานการณ์ในภาคใต้ด้วยค่ะ ซักครู่เดียวค่ะ
สโรชา – ตอนนี้เราไปคุยถึงเรื่องของการเมือง การหาเสียง ตกลงยังไงนี่ ประชาธิปัตย์เขาก็เพิ่งมีการเดินสายในกรุงเทพนะ อาจจะดูคึกคักกว่าที่ผ่านมา
คำนูณ – 2 วันนี้ถูกชกน่ะ ท่านนายกฯชก เรื่อง CD ก็ต้องยอมรับว่าพลาด
สำราญ - CD ที่ตากใบ จะตัดต่อหรือไม่ตัดต่อไม่รู้ แต่เอาไปเผยแพร่โฆษณา
คำนูณ – ประเด็นคือไม่น่านำไป
สโรชา – นี่รู้ชัดเลยเหรอคะ ว่าเป็นคนของพรรค
คำนูณ – ยอมรับเลยครับ คุณธานินทร์ ใจสมุทร ก็ยอมรับ ก็ให้สัมภาษณ์ แล้วก็บอกว่า
สำราญ –เขาบอกว่า เอามาจากโทรทัศน์บางช่อง
คำนูณ – ตอนนี้ก็มาเถียงกันว่า ตัดต่อหรือไม่ตัดต่อ เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม
สำราญ – แต่ว่าหาเสียงเมื่อคืน คุณธานินทร์ก็ยุติแล้ว ไม่เอา CD ไปฉาย
คำนูณ – คือคำที่คุณธานินทร์ยุติ แล้วก็คำที่คุณบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคบอกให้ยุติเรื่องนี้ มันก็เหมือนว่าทำให้พรรคประชาธิปัตย์ดูภาพลบนะ กรณีนี้
สำราญ – แต่ตอนนี้ก็ชัดเจน 206 เดือน 2 วันที่ 6 เลือกตั้งถูกต้องไหมครับ ซึ่งเราก็คงไม่วิจารณ์กันว่า ทำไมต้องออกมาแบบนี้ จากนี้ไปก็ต้องเตรียมการเลือกตั้งเดือนหน้ากันแบบค่อนข้างจะตึงเครียด เตรียมการโปสเตอร์หาเสียงของ กกต.เองก็ตาม TV วิทยุเอากันอย่างไร เลือกตั้งต่างประเทศให้กับคนอีก 8 แสน เลือกตั้งกันแค่ 8 หมื่นในต่างประเทศจะทำกันอย่างไร ส.ส.ปีนี้ตกลงจะให้งบกันแบบล้านเดียว เท่ากับปี 2544 หรือว่าจะ 1.5 ล้านหรือ 2 ล้าน ก็เถียงกันอยู่ แต่ว่าพรรคการเมืองเขาก็เดินสายกันหมดแล้ว ทุกพรรค ทุกจังหวัด นี่ขึ้นป้ายจะเห็น เว้นเบอร์ไว้อย่างเดียว กทม.เขาก็เปิดแล้ว ประชาธิปัตย์ ก็เหลือแต่ชาติไทย รอคุณชูวิทย์เปิดแคมเปญวันที่ 15 โปสเตอร์ คัตเอาท์ต่างๆนะครับ เปิดแล้วจะวงแตกหรือไม่ นี่เป็นอีกประเด็นเหมือนกันที่น่าจับตามอง แต่โดยรวมแล้วสีสันมันก็จัดจ้านดีนะ สีเข้มดี ไทยรักไทยเขาก็เดินสาย ปราศรัยแหลก นายกฯขึ้นเหนือเสาร์-อาทิตย์ พรุ่งนี้ก็จะไปที่สตูล พอวันอังคารก็ไปประชุม ครม.สัญจรที่ตรัง
คำนูณ – เหมือนเขียนบทเอาไว้เลยนะ ลงไปสตูลนี่ ถิ่นคุณธานินทร์ ใจสมุทร
สำราญ – คุณธานินทร์นั้นย้ายจากเขต 1 มาอยู่ที่เขต 2 แล้วต้องสู้กับคุณจิรายุส นวเกตุ ส.ส.เก่าสมัยโน้นนะ หลายปีแล้ว คุณจิรายุสเองก็อยู่มาแทบทุกพรรคแล้ว เอกภาพ ความหวังใหม่
คำนูณ – มวลชนก็มีนะ
สำราญ – เขามีฉายาว่า “ซำม่อ” เป็นชื่อของตัวหนังตะลุงตัวหนึ่ง คนปักษ์ใต้จะรู้จักดี ก็ท่านนายกฯวันอังคารก็ไปจังหวัดตรังไปปราศรัยที่เขต 1 นะ ให้กับคุณไกรสิน โตทับเที่ยง ลูกชายของปุ้มปุ้ยน่ะ
คำนูณ – เรียกว่าไปบุกกล่องดวงใจของประชาธิปัตย์เลยนะ
สำราญ – ประชาธิปัตย์ก็ขึ้นโปสเตอร์หาเสียงนะ รักษาฟรี มีงานทำอะไรทำนองนี้นะ
สโรชา – เรียกว่าดูแลตั้งแต่เกิดจนถึงตายเลยนั่นแหละ ดูแลประชาชน
สำราญ – จากครรภ์มารดา จนถึงเชิงตะกอน
คำนูณ – แต่มันไปตกอยู่ในบริบทของไทยรักไทย
สำราญ – ใช่ มันเล่นเกมเดียวกันนะ ก็คล้ายๆประชานิยมเหมือนกัน
สโรชา – ที่ไปกล่าวว่าเขาไว้เยอะนี่ ท้ายสุดนโยบายตัวเองก็ออกมาไม่แตกต่างซักเท่าไหร่
คำนูณ – คือก่อนหน้านี้ก่อนไทยรักไทยเกิดนี่ ประชาธิปัตย์มีภาพของคุณธารินทร์ อาจารย์ศุภชัย ค่อนข้างจะเสรีนิยมเต็มที่ แล้วก็ไทยรักไทยเขามาประชานิยม แจกแหลก เอื้ออาทรสะบัด พอมาประชาธิปัตย์เที่ยวนี้ก็เอาเหมือนกัน
สำราญ – รักษาฟรี มีคุณภาพ จบมามีงานทำ อายุ 60 มีเบี้ยเลี้ยง 1000 บาท ผมนี่พูดตรงๆนะ ออกจะผิดหวังพอสมควร
คำนูณ – คือกลายว่าไปเล่นในเกมของไทยรักไทย
สำราญ – มันเหมือนเลย แล้วออกมาก็ไม่ได้ไปทะลุทะลวงไทยรักไทยได้ วันนี้นักข่าวเลยไปถามคุณชวน หลีกภัยนะ นักข่าวบอกว่าไม่ต่างเลยนะแบบนี้ บริบทเดียวกัน คุณชวนก็คงนึกไม่ออกนะผมว่า ท่านก็เลยตอบไปปัญหาภาคใต้เลย
สโรชา – ถามอย่างไปอย่างเลย
คำนูณ – ไปไหนมา สามวาสองศอกเลยนะ
สำราญ – ก็มีบางอย่างที่ต่างๆ แต่ว่ารวมๆแล้วมันก็บริบทเดียวกับไทยรักไทย
สโรชา – ก็อาจจะเห็นว่า ก็คล้ายๆกับ มันฮิตนักใช่ไหม ชอบนักใช่ไหม อยากได้อ่ะ สนองไง สนอง
สำราญ – แต่ถ้าดูเอาจริงๆนะ มันแบเบอร์หน้าเสื่อหน้าไพ่ว่าไทยรักไทยจะมา
คำนูณ – มันเป็นเรื่องที่ทำให้การเมืองมันไม่ 2 ขั้วจริง ถ้า 2 ขั้วจริง ใจผมนะ ผมเสนอมาตลอดว่าอยากให้ประชาธิปัตย์ ยืนหยัดในนโยบายเสรีนิยมดั้งเดิม คัดค้านการแจกการเอื้ออาทรทุกรูปแบบ เพราะว่าจะมีผลเสียอย่างโน้นอย่างนี้อะไรต่ออะไรก็ว่าไป
สำราญ – คือกระแสของรากหญ้ามันก็บีบลูกพรรคเหมือนกัน พอไปหาเสียงนี่ไม่ได้อะไรเลย สุดท้ายก็เจอกันครึ่งทางค่อนทาง มันก็ออกมาแบบนี้ เป็นลูกผสมแบบนี้
คำนูณ – ก็เลยถูกนายกฯแซวไง แบบบางพรรคก็คือ 4 นาทีลอก
สำราญ – อ๋อ ของเขา 4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง แต่นี่ 4 นาทีลอก
คำนูณ – มันดูหมิ่นกันอย่างนี้ จริงๆแล้วมันอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ว่ามันไปสู้ในสนามที่ไทยรักไทยเขาเริ่มต้น
สำราญ – มันก็เลยบางจังหวัดก็ อย่างผมไปแถวเขตมีนบุรี ไปแถวปทุม ผู้สมัครบางคนก็ขี้เกียจจะหาเสียงแบบนี้ ก็ชูตัวบุคคลเลย รักอภิสิทธิ์ เลือกอภินันท์ทำนองนี้นะครับ แล้วก็เก๋ไปอีกแบบ คือเอาคุณอภิสิทธิ์มาช่วยเลย กระแสก็เมืองปริมณฑลก็คือขายคุณอภิสิทธิ์ไปเลย ไม่ขายรักษาฟรีอะไรหรอก
สโรชา – ไม่ต้องพูดถึงนโยบาย เอาบุคคลชูอย่างเดียว
สำราญ – ก็เหมือนไปแถวเมืองกาญจน์ ทองผาภูมิวันก่อน ไทยโยคนะ ก็มีบอกว่า รักแม้วเลือกมะ แต่ว่าก็รวมๆคือ สุดท้ายผมว่าต้องดูกัน 2 สัปดาห์สุดท้ายนะ ในทัศนะเราที่เคยทำข่าวเลือกตั้งมานะ มันจะเห็นอะไรชัด คือจะพลิกไม่พลิก คือตอนนี้มันดูเหมือนว่า ยากที่จะพลิกเกมแล้วล่ะ
คำนูณ – ผมว่ามันสนุกที่คุณชูวิทย์กับคุณแบมนะ
สำราญ – อันนี้ก็เป็นสีสัน แต่จะวงแตกก่อนหรือเปล่า
คำนูณ – ก็อยากเห็นเหมือนกันวันที่ 15 นี้ คุณแบมก็ขึ้นภาพคู่กับคุณชูวิทย์หรือเปล่า ไม่ขึ้นนะ เป็นผมผมก็ไม่ขึ้น
สำราญ – ขนาดมาว่ากันอย่างนี้ 2 แง่ 4 ง่ามอย่างนี้
คำนูณ – ใครมาบอกว่าคุณชูวิทย์ไม่พูดนี่ไม่จริง วันนั้นมาให้สัมภาษณ์เรา 2 คน แกพูดหลายครั้งหลายหน ว่าบางคนนี่ ของสงวนยังรักษาเอาไว้ไม่ได้ ของลับของหวงยังรักษาเอาไว้ไม่ได้
สำราญ – คือผมประเมินดูแล้ว ฟังน้ำเสียงจากสื่อนะ บทวิเคราะห์ที่โน่นที่นี่ก็ฟังดู เขาบอกว่า คุณชูวิทย์เที่ยวนี้ มันผิดคิว ผิดกาลเทศะ คือเขาไม่รับมุขด้วย ไม่ Get ด้วย เขาคือสื่อมวลชนส่วนใหญ่
คำนูณ - นี่แกทำเพื่ออะไร
สโรชา – นั่นสิ แกไม่เห็นได้อะไรขึ้นมาเลย ในการไปโจมตีเขาแบบนี้
คำนูณ – หรือว่าแกสำคัญผิดอะไรในบางอย่างไป
สำราญ – ผมว่าสำคัญผิดนะ
สโรชา – แค่มันๆปาก คันๆปาก คิดว่าประชาชนชอบความสะใจ
คำนูณ – ก็ต้องดูว่า ถ้าไปได้ตลอดรอดฝั่งจนถึงวันสมัครนะ ก็ต้องดูว่า คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ชาติไทยในกรุงเทพฯ จะเท่าไหร่ นั่นแหละจะเป็นตัวบ่งบอกว่า 3 แสนคะแนนของคุณชูวิทย์นี่ เอาเข้าจริงๆแล้ว ได้เท่าไหร่ คุณชูวิทย์แกบอกว่า ของเดิม 3 หมื่น
สำราญ – ในกรุงเทพฯนะ ชาติไทยมีอยู่ 3 หมื่น
สโรชา – ยังไงมันก็กระเตื้องอยู่แล้ว
สำราญ – แต่ของคุณชูวิทย์ 3 แสนนี่ จะเหลือ 3 พันหรือเปล่า
สโรชา – แต่ไม่แน่นะ คุณชูวิทย์ต้องระวังนิดนึงนะ มุขประมาณนี้เนี่ย
สำราญ – แต่ว่าถ้ามา คนน่ะ มาขอโทษเขาหน่อย แต่ว่าอย่าก้าวร้าวแบบนี้ ผมคิดว่าคนไม่เอา
คำนูณ – แกไปติดใจอะไรคุณแบมนักหนา ไม่ชอบอะไรกันมาก่อน
สโรชา – นักการเมืองสุภาพสตรีหลายท่านในบ้านเรา โดนคุณชูวิทย์ร่วงมาหลายคนแล้วนะ
คำนูณ – คืออย่างคุณปวีณาพอเข้าใจ เพราะตอนนั้นมูลนิธิปวีณาไปจับ ไปอะไรต่ออะไร เรื่องพนักงานของแก แต่ว่ากับคุณแบมนี่ก็ไม่ได้มีเหตุอะไรกันมาก่อน แล้วไปยุ่งกับของรักของหวงเขาเรื่องอะไร
สโรชา – กลับมาสู่ช่วงสุดท้ายของก่อนจะถึงวันจันทร์ ตอนนี้ต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องสถานการณ์ภาคใต้กันบ้าง
สำราญ – ภาคใต้มันก็เดิมๆ หลังสุดก็คือไปปล้นปืนอีก เที่ยวนี้เอาหน้าค่ายทหารเลย ที่เทศบาล 5 กระบอก ปืนลูกซองนะ ห่างจากค่ายอิงคยุทธแค่ 500 เมตรนะ คือพ้นรั้วทหารนี่ก็ปล้นเลย แต่เอาล่ะ ผมคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้ก็ยังคงดำรงอยู่นะ แต่ว่าปมใหญ่ที่เป็นประเด็นที่ทุกคนเฝ้าตามว่ามันจะจบลงอย่างไร คือประเด็นการเสียชีวิตของท่านรองผู้ว่าฯปัตตานี คุณสุนทร ฤทธิภักดี ที่กระสุนนัดนั้นชื่อว่า ปริศนา มันก็ยังคงเป็นปริศนา ที่พูดค้างไว้ซักนิดก็คือ ที่คุณหมอพรทิพย์ท่านพูดแถลงเมื่อวานซืน ที่บอกว่าท่านไปสอบนิติวิทยาศาสตร์ ไม่ได้ช้า ก็ไปค้นเศษกระสุนขนาด 3 มม.ในกางเกงในของรองผู้ว่าฯนะ ซึ่งถูกถอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลนะ แล้วก็มีกระสุนปืนนี่รู้เลยว่าเป็นกระสุนปืนของชนิดไหน ดังนั้นก็ได้มอบไปที่ กอ.สสส.จชต.แล้ว แล้วเขาก็สั่งการกันไป แต่ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรที่ล่าช้า ตอนนี้ก็มีข่าวว่า ไม่ใช่ว่ามีข่าวหรอก แต่มีการประเมินว่าตำรวจทำงานล่าช้าส่วนหนึ่ง
คำนูณ – ก็โดนย้ายไปเรียบร้อยแล้ว
สำราญ – ทีนี้ก็ผู้การวันก่อน ก็ย้ายไปช่วยราชการที่ภาค 9 แล้ว ผู้การปัตตานี พล.ต.ต.ธนเจริญ สุวรรณโณ
คำนูณ – ทีแรกมีข่าวว่าผู้ว่าฯโดนย้ายด้วย แต่วันต่อมาปรากฏว่าไม่ได้ย้าย
สำราญ – ท่านนายกฯพูดเมื่อวันเสาร์ออกรายการวิทยุ พูดทำนองว่า จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ คือตอนนี้ท่านไม่ได้ปักใจว่าเป็นเรื่องของปืนลั่นอะไรแล้วนะ แต่ขอให้ข้อเท็จจริงมันปรากฏ ทำไมแค่นี้ทำไม่ได้ น้ำเสียงแบบนี้ ทุกคนก็เฝ้ารอ ผมคิดว่าไม่กี่วันก็คงจะได้ความจริง แล้วกลุ่ม อส.ซึ่งตอนแรกก็ตกเป็นจำเลยนะ ของสื่อมวลชน ของสังคมด้วย ว่าทำปืนลั่นแล้วไม่ยอมรับ ตอนนี้เขาก็ตั้งป้อมสู้ แล้วก็เริ่มมีรายงานข่าวที่ไม่ยืนยันนะครับว่า หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวแล้ว ว่ามันเป็น กระสุนนั้นอาจจะมาจากพลทหารบางคน จากฝ่ายทหาร เป็นพลทหารค่ายเสนาณรงค์ที่หาดใหญ่นะครับ ซึ่งวันนั้นไปอยู่ที่เกิดเหตุ อยู่ด้านหลังผู้ว่าฯ ทำนองนี้น่ะครับ ผมคิดว่า ความจริงใกล้จะปรากฏแล้ว อันนี้ก็คือเป็น ผมคิดว่าเรื่องนี้มันก็คงจะเบี้ยวไม่ได้แล้ว
สโรชา – คือจริงๆถ้าเกิดว่า ท่านรองผู้ว่าฯไม่เสียชีวิต เรื่องมันเริ่มเงียบหายแล้วนะ คือตอนแรกบอกว่าปืนลั่นๆ คนก็เออ ปืนลั่น ก็รักษากันไป แล้วปรากฏว่ามาเสียชีวิตแบบคาดไม่ถึง ตอนแรกคิดว่าดีขึ้นแล้ว แล้วก็เกิดไตวายฉับพลัน แล้วก็เสียชีวิต ปมก็เลย ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงรอบ
สำราญ – ทีนี้ อส. เขารู้สึกว่าเขาถูกกระทำน่ะ หลังสุดได้ข่าวว่า มี อส. ต่างจังหวัดนะ ต่างพื้นที่ ก็ส่งดอกไม้ให้กำลังใจ อส.อับดุลที่ตกเป็นผู้ต้องหา
คำนูณ – คือนายกฯก็พูดนะ ว่าได้ข่าวว่าเป็น อส.คนหนึ่ง อส.คนนี้มีประวัติชอบทำปืนลั่น ก็โดนไปเรียบร้อย ถึงแม้ท่านนายกฯจะบอกว่าสันนิษฐานอะไรก็เถอะ ที่พูดตอนแรกๆนะ
สำราญ – ก็เรียนด้วยความเคารพว่าท่านนายกฯพูดเร็วไป เรื่องปืนลั่นนี่ ก็หลายเรื่องที่พูดเร็ว แล้วบางทีก็พลาดก็เป็นอย่างนี้แหละ
สโรชา – ก็ใช้เป็นประเด็นทางการเมืองเลยใช่ไหม บอกว่าสาเหตุที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง เพราะว่าท่านนายกฯไปพูดนำไว้แล้วล่ะ ว่าปืนมันลั่น คราวนี้ถ้าไม่ได้ลั่นจริง ก็เปลี่ยนไม่ได้แล้วล่ะ อะไรประมาณนั้น แต่ก็คงจะได้รู้ข้อเท็จจริงในเร็ววัน
สำราญ – ถึงขั้นนี้ก็คงมีแต่ข้อเท็จจริงที่จะตอบคำถามสังคมได้
สโรชา – แต่ก็การเมืองในประเทศก็เรื่องหนึ่ง แต่ว่าฟังการเมืองในยูเครนแล้ว ค่อนข้างจะน่าพิศวงพอสมควร แล้วก็นักการเมืองไทยควรฟังเป็นอุทาหรณ์ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะบ้านเราไม่ค่อยทานซุปครีมกันใช่ไหม ก็คือว่าการเลือกตั้งในยูเครนมีปัญหากันมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้วนะคะ เพราะว่ามีการเลือกตั้งกัน แล้วก็ผู้สมัครที่ได้ชื่อว่า รัสเซียสนับสนุน ก็ได้รับชัยชนะไป ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันว่า มีการซื้อเสียงกัน มีความผิดปกติเกิดขึ้นค่อนข้างจะเยอะ ประชาชนเรือนแสนก็มาประท้วงกัน จนกระทั่งศาลต้องตัดสินว่า มีความผิดปกติ ควรจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ เพราะฉะนั้นวันที่ 26 ธันวาคมที่จะถึงนี้ก็จะมีการเลือกตั้งใหม่ ประธานาธิบดียูเครน
ปรากฏว่าในระหว่างการหาเสียงตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ผู้ท้าชิงหรือที่เรียกว่าฝ่ายค้านของยูเครนนี่นะคะ ชื่อนายวิกเตอร์ ยุชเชนโก ก็ปรากฏว่าเกิดการไม่สบาย ใบหน้าที่เห็นอยู่ ณ ขณะนี้ คือหลังจากที่ไม่สบายมาตั้งแต่เดือนกันยายน จนกระทั่งเกิดความผิดปกติ จึงได้เดินทางไปรักษาที่กรุงเวียนนา ที่ออสเตรีย ตอนแรกก็ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร จนกระทั่งมีการสันนิษฐานว่า อาจจะโดนยาพิษ จนกระทั่งหมอได้ออกมายืนยันล่าสุดเมื่อวานนี้นะคะว่า ใช่ โดนยาพิษจริงๆ โดยที่ยาพิษนี่ก็คือ ไดอ็อกซิน ที่ใช้ฆ่าแมลงนี่นะคะ มีการสันนิษฐานกันว่า คงจะโดนในช่วงเดือนกันยายน เพราะว่าไปทานเลี้ยงกับผู้นำทางด้านความมั่นคง เจ้าหน้าที่ทางด้านความมั่นคงของยูเครนนี่แหละ แล้วก็ทานเลี้ยงกลับมาวันนั้น ภรรยาก็บอกว่า ผิดปกติ เพราะว่าจุมพิตสามีแล้วนี่ได้กลิ่นยา โดยที่สามีแล้วปกติเป็นคนที่ไม่ทานยาเลย เป็นคนที่สุขภาพค่อนข้างแข็งแรงมาก วันรุ่งขึ้นก็เกิดอาการไม่สบายกะทันหัน ได้บินไปที่ออสเตรียไปรักษาตัว ตลอดระยะเวลานั้นก็ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร จนกระทั่งบินกลับมาหาเสียง แล้วก็ดำรงชีวิตอยู่ก็ค่อนข้างจะป่วยบ่อย จะปวดหลัง จะเกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วนอยู่บ่อยครั้ง แล้วก็เป็นอัมพฤกษ์ด้วย คือบางครั้ง หน้าด้านซ้ายของเขาก็จะเกิดอาการผิดปกติ ไม่สามารถที่จะควบคุมได้ ตลอดระยะเวลานี้ก็หาเสียงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันเลือกตั้ง จนกระทั่งมีการประท้วงกัน จนจะมีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 26 นี้ อาการก็ทรุดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อวานหมอได้ออกมายืนยันว่า เป็นไดอ็อกซินจริง ซึ่งคาดว่าน่าจะผสมอยู่ในซุปครีม เขาบอกว่าผสมได้ง่ายที่สุด เพราะว่ามันจะสามารถผสมกับน้ำมันได้เป็นอย่างดีเลย เพราะฉะนั้นนี่จะไม่ค่อยเห็น แต่ว่าอาการที่เป็นและก็จากตัวอย่างเลือดที่นำไปตรวจสอบ มีไดอ็อกซินมากกว่าบุคคลปกติถึง 1000 เท่า แล้วคาดว่าเยอะขนาดนี้คงต้องรับประทานเข้าไปแน่ๆเลย คงไม่ใช่ว่าไปโดนแบบอุบัติเหตุ แต่เขาบอกว่า ถ้าล้างพิษออกไปหมดแล้ว อาการก็จะดีขึ้น แล้วผิวพรรณก็น่าที่จะกลับมาเหมือนเดิมได้
อันนี้ก็เป็นประเด็นที่ทางรัฐบาล ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ก็บอกว่าเป็นประเด็นการหาเสียง เพราะว่าช่วง 2 อาทิตย์สุดท้ายนี่ ถือว่าอะไรๆก็หาเสียงกันได้ทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้นการที่จะโจมตีเขาแบบนี้นี่ ไม่ยุติธรรมหรอก เขาจะไปใช้สารพิษมาวางยาได้อย่างไร มันรุนแรงเกินไป ลิเกเกินไปหรือเปล่า อะไรอย่างนี้
คำนูณ – แต่ถ้าเผื่อแกยอมทำร้ายตัวเองเพื่อผลทางการเมืองขนาดนี้ก็ มันลงทุนสูงเกินไปนะ เกิดไม่คืนสภาพเดิมนี่ทำยังไง
สโรชา – ก็คงเป็นผู้ไม่หวังดีจริงๆ เพราะจะว่าทำตัวเองคงไม่ใช่ เพราะอาการมันหนักหนามาก
คำนูณ – สมมุติว่าทางฝ่ายรัฐบาลทำนะ เขาได้อะไร
สโรชา – คือเขาบอกว่า จริงๆแล้วคงต้องการให้เสียชีวิต
คำนูณ – กะให้ตายเลย
สโรชา – ค่ะ ตอนนี้เหลือเวลาอีก 5 นาที ขอไปที่ไต้หวันสั้นๆเลยแล้วกัน ตอนนี้ก็เป็นที่รู้กันว่า ฝ่ายค้านของไต้หวันได้ครองเสียงข้างมาก และมีนิมิตหมายว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับจีนจะมีทิศทางไปในรูปรอยที่ดีขึ้น ผิดกับที่ประธานาธิบดี เฉิน สุ่ย เปียได้ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่มารับตำแหน่งใหม่ๆในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
สำราญ – คนส่วนใหญ่ก็อยากให้ดีกันว่างั้นเถอะ
สโรชา – ใช่ค่ะ เขาบอกว่าสหรัฐเป็นประเด็นหลักในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะว่าก่อนจะเลือกตั้ง สหรัฐออกมาเตือนว่า ประธานาธิบดีเฉินทำมากเกินไปแล้วนะ ซึ่งก็อาจจะจะส่อว่าถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา สหรัฐจะไม่ช่วยไต้หวันแล้ว คนก็เลยคิดว่าอาจจะอันตรายสูง ก็เลยลงคะแนนเสียงให้กับฝ่ายค้าน เอาล่ะค่ะ อาทิตย์หน้าจับตาอะไรกันดี
สำราญ – ก็ตอนนี้ต้องบอกว่าการเมืองล่ะนะ พรุ่งนี้ มะรืนนี้มันก็มีโครงการบางโครงการที่ต้องฟันธงกัน คือต้องลงมติชัดเจน ให้สัมปทานกัน เช่นรถไฟไปสุวรรณภูมิอย่างนี้นะ แต่ว่าที่จะซื้อขายรถไฟฟ้าใต้ดิน บนดินนะ สงสัยว่าคงจะต้องถอยก่อน เพราะซื้อตอนนี้เดี๋ยวจะถูกครหา แล้วก็เรื่องที่นายกฯไปเหยียบจมูกประชาธิปัตย์
สโรชา – ก็ต้องดูว่าไปตรังแล้วจะเป็นอย่างไร ติดตามกันค่ะ แล้วกลับมาพบกันใหม่ในสัปดาห์หน้า สำหรับสัปดาห์นี้ ลาไปเพียงเท่านี้ค่ะ สวัสดีค่ะ
สำราญ , คำนูณ – สวัสดีครับ
สโรชา – คุณผู้ชมสามารถแสดงความคิดเห็นกับเราได้นะคะ โทรมาที่ 02-6394433 ค่ะ เริ่มต้นกันด้วยประเด็นของวันรัฐธรรมนูญก่อนดีกว่า เพราะว่าวันศุกร์ที่ผ่านมา วันที่ 10 ธันวาคม เป็นวันรัฐธรรมนูญ เป็นอย่างไรบ้างคะ บรรยากาศ
สำราญ – ต้องยกให้คุณคำนูณ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้
คำนูณ – ก็เหมือนเดิมๆ ก็ไปสักการะ พระบรมรูปสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่บริเวณหน้ารัฐสภา ปีนี้เป็นปีที่ 72 ของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และก็เป็นปีที่ 72 หลังจากที่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษร ฉบับแรกเป็นต้นมาเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ปี 2475 เราก็มีรัฐธรรมนูญฉบับนี้ 2540 เป็นฉบับที่ 16 หวังว่าจะเป็นฉบับสุดท้าย หวังว่านะ 72 ปี 16 ฉบับ และฉบับนี้เป็นฉบับที่ยาวที่สุดในโลกรองจากอินเดีย ฉบับนี้ก็มีความพิเศษอยู่ตรงที่เขาเรียกว่า เป็นฉบับปฏิรูปการเมือง บ้างก็ว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ก็คือไม่ได้เกิดขึ้นจากการปฏิวัติรัฐประหาร แต่ว่าเกิดขึ้นเพราะว่ามีกระแสเบื่อหน่าย พรรคการเมือง นักการเมือง เบื่อหน่ายการเมืองที่ไร้เสถียรภาพ
จุดเริ่มต้นมันเริ่มต้นจากการที่เรืออากาศตรีฉลาด วรฉัตรนั้นอดข้าว เรียกร้องรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนอะไรซักอย่าง ตอนนั้นปี 2537 ก็เกิดวิกฤติเล็กน้อย และในที่สุดรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น ก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เรียกว่า คณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย ก็มีท่านอาจารย์หมอประเวศ วะสีเป็นประธาน ก็ดำเนินการศึกษาอยู่ปีหนึ่ง ก็คลอดข้อเสนอออกมาหนาพอสมควร แล้วก็ไม่ได้ทำอะไร ก็ส่งมอบต่อรัฐสภา
แต่การเลือกตั้งปี 2538 นั้น คนสำคัญของเราคนหนึ่ง คือคุณบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้นำไปหาเสียงว่า จะดำเนินการปฏิรูปการเมืองตามแนวทางคณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย มันก็เลยเกิดเป็นประเด็นขึ้นมา ตามแนวทางก็คือเป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นทั้งฉบับ ก็เมื่อคุณบรรหารขึ้นมาเป็นนายกฯ ก็เกิดคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง จากนั้นก็มีการต่อสู้ มีการอภิปรายกันตามสมควร แต่ในที่สุดก็มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2534 มาตรา 211 ก่อให้เกิดรูปแบบที่เรียกว่า สภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา ที่มีหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับขึ้นเมื่อปี 2539
พอปี 2540 ก็เกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นมา ผู้คนก็ค่อนข้างจะสนับสนุน และก็เชื่อมั่นว่าถ้ามีรัฐธรรมนูญใหม่ มันจะทำให้การเมืองมีเสถียรภาพ เป็นแรงส่ง ตอนนั้นนี่ผมไม่แน่ใจว่าถ้าไม่มีวิกฤติเศรษฐกิจนี่ รัฐธรรมนูญอาจจะไม่ผ่านสภาก็ได้ เพราะว่าสภาร่างรัฐธรรมนูญร่างขึ้นมา เป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่เขาว่ากันว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่มีอคติต่อนักการเมือง มีองค์กรตรวจสอบยุ่บยั่บไปหมดเลย แล้วก็นักการเมืองก็เรียกว่า กระดิกตัวกันแทบไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้ 7 ปีผ่านไป เขากระดิกกันได้เรียบร้อยแล้ว เขาปรับตัวแล้ว เขาก็มีช่องทางอะไรกันเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าเพราะวิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้เกิดกระแสประชาชน ตอนนั้นก็ชูธงเขียว
สำราญ – มีคนเชื่อว่าการเมืองไม่ดี ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะรัฐธรรมนูญไม่ดี เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดการเมือง ก็เป็นตรรกะ เป็นสมการกันอยู่
คำนูณ – แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีจุดเด่นๆก็คือ เป็นรัฐธรรมนูญที่ต้องการจะสร้างเสถียรภาพทางการเมือง โดยทำให้การเมืองเหลือน้อยพรรค ทำให้เกิดแต่พรรคการเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งเราผ่านการเลือกตั้งมา 1 ครั้ง กำลังจะครบ 1 รอบ เราใช้รัฐธรรมนูญมา 7 ปีก็จริง แต่ว่าเราเพิ่งผ่านการเลือกตั้งมา 1 รอบ เราเริ่มเห็นแล้วล่ะว่าพรรคการเมืองเหลือน้อยแน่ ตอนนี้ก็คล้ายๆกับว่าแข่งกัน 4 พรรคเอง แล้วก็ 2 พรรคก็เป็น 2 พรรคใหญ่ อย่างที่พูดกันมากก็คือ คะแนนปาร์ตี้ลิสต์อาจจะเหลือแค่ 2 พรรค คือประชาธิปัตย์กับไทยรักไทย ก็จุดเด่นๆของรัฐธรรมนูญที่ว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่ทำให้เกิดแต่พรรคการเมืองใหญ่ ทำให้เกิดการเมือง 2 ขั้ว ก็ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า ถึงที่สุดแล้วมันโอเคหรือเปล่า นี่ก็เป็นประเด็นหนึ่งในหลายๆประเด็นที่เริ่มมีการตั้งข้อสงสัยกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ก็ดูเหมือนว่าประชาชนก็ยังโอเคอยู่นะ
สำราญ – แต่ก็มีบางพรรคการเมือง ชูประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประเด็นหาเสียงเหมือนกัน ก็คือพรรคมหาชน แต่เขาจะแก้ในประเด็นไหนบ้าง ก็ยังอธิบายไม่ชัดเจน แต่ดูเหมือนจะมุ่งเน้นไปในเชิงของการตรวจสอบมากกว่า ตรวจสอบให้อภิปราบนายกฯได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้ 2 ใน 5 คือ 200 เสียง
คำนูณ – คือตอนนี้คล้ายๆกับว่า รัฐธรรมนูญมาตรานึงมันเป็นหมันไปแล้ว ก็คือการอภิปรายนายกฯที่ต้องใช้เสียง 2 ใน 5 เริ่มต้นนะ ส.ส.เข้าชื่อกัน 200 ใน 500 นะ เพราะเมื่อพรรครัฐบาลเขาได้เกิน 300 นี่ ก็แปลว่าตลอด 4 ปีนั้นไม่มีสิทธิอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แล้วที่เขาพูดกันถึง 400 เสียงอีกนะ สมมุติว่า พรรครัฐบาลเขารวมกันแล้วได้ 400 เสียงขึ้นไป ไม่มีการอภิปรายรัฐมนตรีเลย
สำราญ – ฉะนั้นก็คือ มหาชนเขาใช้ยุทธศาสตร์ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญให้อภิปรายนายกฯได้ ประมาณนั้นนะครับ ส่วนประชาธิปัตย์ในเชิงลึกๆก็คือ หาเสียงไปกึ่งยอมรับความพ่ายแพ้ไป ก็คือชูยุทธศาสตร์การหาเสียงแบบ 200+1 ก็หมายถึงว่า ถ้าท่านไม่เลือกประชาธิปัตย์ หรือพรรคฝ่ายค้านให้ได้ซัก 201 หรือ 200+1 นี่นะ ก็ไม่มีสิทธิจะอภิปรายนายกฯ ดังนั้นต้องทำอย่างไร ก็คือจะเลือกเขาก็ไม่ว่านะ แต่ก็ขอให้เราหน่อย
สโรชา – อันนี้เท่ากับยอมรับความพ่ายแพ้ไปครึ่งนึงอย่างที่คุณสำราญบอก
สำราญ – ซึ่งเขาก็ต่อสู้กันในพรรคเหมือนกัน ว่าแบบนี้เท่ากับเรายอมรับความพ่ายแพ้นะ ก็อย่างว่ามันก็หมากบังคับ ไพ่บังคับน่ะ คือถ้าชูคุณบัญญัติไปสู้ บัญญัติเหนือทักษิณๆนี่ มันก็ลำบาก มันก็ดูแล้ว เหนือจริงหรือเปล่า ถ้าสู้แบบนี้ มันก็ต่อสู้กันในพรรคน่ะ แต่ก็คือสุดท้ายก็มีหลายกลุ่มชู 200+1
สโรชา – จริงๆนี่เราเชื่อมมาการเมืองแล้ว แต่ว่าที่แน่ๆคือเราไม่เห็นภาพ คือเราจะเห็นภาพคุณเอนก จากมหาชน ที่บอกว่า โอเค พร้อมที่เป็นนายกฯคนต่อไปนั้น ค่อนข้างจะชัดเจน
คำนูณ – แต่ผมว่าแกจะไม่ได้เป็น เพราะว่าอะไรรู้ไหม แกไม่ได้เป็น ส.ส. เพราะแกสมัครเบอร์ 1 ของปาร์ตี้ลิสต์
สำราญ – คือถ้าไม่ได้ปาร์ตี้ลิสต์นะ เพราะนายกฯรัฐธรรมนูญกำหนดว่าต้องมาจาก ส.ส.
คำนูณ – ตำแหน่งเดียวนะ นายกฯต้องมาจาก ส.ส. แต่รัฐมนตรีไม่จำเป็น เพราะฉะนั้นถ้าอาจารย์เอนก ซึ่งมหาชนนั้นโอกาสที่จะได้ปาร์ตี้ลิสต์ค่อนข้างน้อยมาก เราพูดกันอย่างแฟร์ๆนะ เหนื่อยมาก
สำราญ – ชาติไทยยังมีโอกาสมากกว่า แต่ก็เหนื่อยมาก
สโรชา – สรุปแล้ว 2 พรรคที่เป็นพรรคระดับกลาง ค่อนข้างที่จะเหนื่อยในปาร์ตี้ลิสต์ ถูกไหมคะ
สำราญ – ระดับกลาง ก็คือมหาชนกับชาติไทย ระบุไปเลย
สโรชา – เอาอย่างนี้ ท่าทางเราก็จะได้นายกฯคนต่อไป คือ คุณทักษิณ ชินวัตร
คำนูณ – อันนี้ไม่ท่าทาง คือถ้าไม่ฟ้าถล่ม ดินทลาย นะ ก็คืออันนี้แหละ
สโรชา – ถ้าพูดอย่างนี้แล้ว แสดงว่าประชาธิปัตย์เขาก็เดินมาถูกทางสิคะ ที่บอกว่า เอาล่ะ เหมือนกับว่าเรายอมรับความพ่ายแพ้ไปครึ่งนึงแหละ แต่อย่างน้อยที่สุดเราก็เอาส่วนที่เราคิดว่าเราจะผลักดันได้ อย่าไปเอื้อมไกลเกินไป
สำราญ – แต่บางทีการเมืองเขาบอกว่ามันไม่แน่ มันอาจจะเกิดการพลิกปั๊บเดียวมันก็พลิกกันได้ นั่นก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ที่บอกว่าชูไปเลย หัวหน้าพรรคเราว่าเป็นนายกฯได้ ประชาธิปัตย์มีคนที่จะเป็นนายกฯได้ ทำนองนี้นะ ก็อีกหลายประเด็นที่เขาต้อสู้กันในพรรคนะครับ
คำนูณ – เขาบอกว่า เอาล่ะเรื่องนี้ก็เรื่องหนึ่ง ถ้าพูดถึงรัฐธรรมนูญนะครับ นอกจากมาตรานี้จะเป็นหมัน ก็คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจท่านนายกฯ เป็นหมันไปแล้วนะ ที่เป็นหมันหรือว่าที่จะขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองเดียว ก็คืออะไรทราบไหมครับ ก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องใช้เสียงเริ่มต้น พูดง่ายๆก็คือ กึ่งหนึ่งของทั้ง 2 สภารวมกัน ก็คือกึ่งหนึ่งของ 700 เท่ากับ 350 ในสังคมไทยใครจะพูดถึงการแก้หรือไม่แก้รัฐธรรมนูญไม่สำคัญหรอก แต่สุดท้ายมันขึ้นอยู่กับ 350 คนซึ่งรัฐบาลเกินอยู่แล้ว
สโรชา – แสดงว่าถ้าเขาไม่คิดที่จะเปลี่ยน ก็อีก 4 ปีข้างหน้าเราก็คงจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง
คำนูณ – ก็ไม่เปลี่ยน หรือถ้าเขาเกิดคิดจะเปลี่ยนอะไร แต่สังคมไม่เห็นด้วยนะ เขาก็เปลี่ยนได้
สำราญ – ตรงนี้ถ้าสังคมไม่เห็นด้วยทั้งหมด แต่ว่าพรรคเขาเห็นด้วย เขาก็แก้ได้
คำนูณ – แล้วอันนี้ไม่ต้องแคร์วุฒิสภาเลยนะ เพราะว่าพรรครัฐบาลในขณะนี้ผมเชื่อว่า เขาเกิน 350 อยู่แล้ว
สโรชา – อย่างนี้ในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่เราใช้กันอยู่นี่ มุ่งเน้นว่าเราจะให้อำนาจผู้ที่เข้ามาบริหารประเทศ เพื่อที่จะเข้ามาบริหารประเทศโดยที่ไม่ต้องมากังวลเรื่องการเล่นการเมือง ถูกไหมคะ แต่ว่าตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่า ตอนนี้มันล่อแหลมไปทางที่ว่า จะให้อำนาจเขามากเกินไปหรือเปล่า ใครก็แล้วแต่ที่มาอยู่ตรงตำแหน่งนี้หรือว่า คลุมอำนาจตรงนี้ จะมากเกินไปไหม
สำราญ – คล้ายๆกับว่าการตรวจสอบจะอ่อนลง
คำนูณ – อันที่จริงสถานการณ์มันน่าจะดีกว่านี้ ถ้าเผื่อว่าองค์กรอิสระ มีความเป็นอิสระเต็ม 100 ทั้งร่างกายและจิตใจ ตามที่คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญเขาคาดหวังไว้นะครับ เพราะว่าเขาเชื่อว่า ถึงแม้ว่าในทางการเมือง ในทางสภา ทางพรรคการเมืองที่ครองเสียงข้างมากจะมีอำนาจเต็มที่ เด็ดขาด ซึ่งเขาก็ต้องการให้มันมีประสิทธิภาพ มีสมรรถภาพในการบริหารบ้านเมือง แต่เขาเชื่อว่าระบบการตรวจสอบควบคุมนั้นเข้ม แต่คราวนี้ถ้าองค์กรอิสระในระยะหลังนี้ ก็เริ่มถูกวิพากษ์วิจารณ์มากว่า มันไม่อิสระจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระบวนการได้มา ซึ่งเราก็จะพบเห็นว่า ขณะนี้มีข้อเสนอค่อนข้างมาก ผมเชื่อว่า 70-80% ของสังคมเห็นด้วยว่า การคัดเลือกที่มาขององค์กรอิสระ ควรจะตัดตัวแทนของพรรคการเมืองออก คือทีแรกเขาบัญญัติให้มีตัวแทนของพรรคการเมืองเพื่อให้เชื่อมโยงกับประชาชน แต่คราวนี้คือพรรคการเมืองมันเกิดการ เขาเรียกว่า Block Vote น่ะ คือเลือกกันเอง คือเลือกยังไงมันก็กลายเป็นว่าในระยะหลัง ในชั้นหลังๆ จะได้แต่ผู้ที่รวมตัวกัน Block
สำราญ – ก็คือพรรคการเมืองยึดได้ว่างั้นเถอะ Block กัน
คำนูณ – คือพรรคที่เกาะกลุ่มกันเป็นรัฐบาล เอากันอย่างนั้นดีกว่า
สโรชา – ก็ค่อนข้างที่จะต้องระวัง
สำราญ – อันนี้ล็อกได้ยิ่งกว่าหวย หวยนี่ก็พูดกันไปนะ เลขเบิ้ล 66,77 อะไรนี่ ตรงนี้ยิ่งกว่าหวยล็อก
คำนูณ – คือมันอาจจะมีพรรคในสภามากกว่า 4-5 พรรคนะ เพราะอย่างพรรคความหวังใหม่ คุณชิงชัยก็ยังเป็นตัวแทนอยู่ แต่ว่าในสภาคือเขาก็รวมกัน คือกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ จะมีจำนวนหนึ่งมาจากพรรคการเมือง สมมุติว่ามี 3 คนหรือ 4 คน เขาก็คือให้พรรคการเมืองเลือกกันเอง คราวนี้เลือกกันเองมันไม่ได้อิสระจริงนี่ มันรู้กันเอง มันก็เลยล็อกออกมาในชั้นต้นได้ คนที่มีความคิดไปในทางเดียวกัน แล้วคนจำนวนนี้ก็ไปล็อกตัวแทนจากส่วนอื่นๆอีก ล็อบบี้อะไรต่ออะไร ในที่สุดมันก็ได้คนที่เข้ามาให้วุฒิสภาเลือกนี่ ค่อนข้างจะเป็นคนกลุ่มที่พอจะฟังเสียงพูดกันได้ ทีนี้พอไปชั้นวุฒิสภา ที่คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญปรารถนาให้วุฒิสภาไม่มีการเมือง แต่ว่าในทางปฏิบัติมันก็มีการเกาะกลุ่มกัน น่าจะเป็น 2 ฟากฝ่ายนะ ฟากรัฐบาลนี่จะมากกว่า ฝ่ายค้านนี่จะน้อยกว่า แล้วภาคที่ดูเหมือนว่าจะเป็นอิสระจริงๆก็มีเพียง 20-30 คน
สโรชา – อย่างนี้ถ้าจะกลับไปที่ประเด็น จะสังกัดพรรค ไม่สังกัดพรรค ส.ส.ควรจะมีอิสรภาพพอที่จะไม่สังกัดพรรคได้ ถ้าหากว่าประชาชนต้องการ และเลือกเขาเข้ามา มันก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับวุฒิสภา ถูกไหมคะ คืออาจจะมีบางส่วนที่เป็นพรรครัฐบาลที่เห็นได้ค่อนข้างชัด แต่ขณะเดียวกัน เราก็มีกลุ่มอิสระอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งก็อาจจะพูดเชื่อถือได้ว่า สังคมคิดว่าเป็นอิสระ
คำนูณ – วันก่อนผมฟังคุณสนธิคุยกับคุณสโรชา ผมเห็นด้วยในประเด็นนี้ คือว่า ในวุฒิสภานี่นะ คือส.ส.เขาก็ส่งพี่น้อง สามี ภรรยา พรรคพวกลงนะ แล้วมันก็มีอยู่ 2 กลุ่มแหละ แต่ว่าจริงๆแล้วมันจะมีคนที่เรียกว่า สังคมเชื่อถืออยู่จำนวนหนึ่งนะ ที่สามารถหลุดรอดเข้ามาได้ในระบบการเลือกตั้งแบบนี้ คนอย่างอาจารย์แก้วสรรค์ อย่างครูหยุย ครูประทีป ซึ่งคนเหล่านี้ไม่สามารถที่จะหลุดมาเป็น ส.ส.ได้ในระบบอะไรๆ เพราะว่าเขาต้องสังกัดพรรคการเมือง ถ้าเผื่อไม่บังคับสังกัดพรรคนี่ เราจะมีคนเหล่านี้เข้ามา อาจจะ 20-30%
สโรชา – คล้ายๆกับวุฒิสภาใช่ไหมคะ
สำราญ – ก็คือประเด็นอย่างนี้ยังถกเถียงกันอีกได้อีกเยอะ ผมก็ฟังอยู่ที่พูดกัน มันก็เป็นหลากหลายดี ยังมีการตรวจสอบที่คนดีๆเข้ามาตรวจสอบถ่วงดุล ไม่ถูกพรรคบังคับ อันนี้เราก็คือผ่านการทดสอบมาแล้ว ทั้ง 2 แบบ ผมว่านะ จากนี้ไปก็อยู่ที่ว่าสังคมจะตกผลึกแบบไหน คือผมเชื่อว่า หลายคนก็เริ่มจะเห็นความบกพร่องของรัฐธรรมนูญนะ แต่ว่าเงื่อนไขทางเวลา ทางประวัติศาสตร์มันยังไม่สุกงอมพอที่จะนำไปสู่การแก้ไข ผมคิดว่าอีกซักพักน่ะ
คำนูณ – มันคล้ายๆกับว่า คนไทยไปตกอยู่ในมายาภาพอะไรบางอย่าง เวลาเราพูดถึง ส.ส. อิสระขึ้นมา คนมักจะพูดถึงว่า เดี๋ยวก็เหมือนปี 2512 จนต้องมีการปฏิวัติ 17 พฤศจิกายน
สำราญ – ซึ่งสุดท้ายก็ยังมีอยู่ ต่อให้มีนะ ก็ยังมีอยู่ ส.ส.ที่ไปซื้อขายตัวกันในห้องน้ำนะ คือคนการเมืองจะเข้าใจว่า ขายตัวในห้องน้ำ คือไปซื้อเสียงกันในห้องน้ำ ถึงแม้จะมีในอนาคตนะ สมมุติจะไปสู่แบบนั้น มันก็ยังมีอยู่ แต่ว่ามันคงจะดีขึ้น จะลดน้อยลง โดยรวมแล้วก็คือ โดยภาพรวมทั้งฉบับนะ คือสังคมยังไม่ตกผลึกพอตอนนี้ แต่ผมคิดว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้านะ จะต้องมีการแก้ไขแน่นอนไม่ว่าอย่างใดก็อย่างหนึ่ง ในสิ่งที่เป็นสาระสำคัญหรือหัวใจของรัฐธรรมนูญ
คำนูณ – แต่จะแก้ยังไง ถ้าเผื่อว่า 350 มันต้องสังคมออกมายืนยันบนถนน
สโรชา – พลังประชาชน
สำราญ – นั่นแหละ ผมเชื่อว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งนะ ถ้าสังคมมันไม่ไหวแล้วนะ มันก็ต้องไปแก้
คำนูณ – ต้องระดับพฤษภาคมนะ
สำราญ – หรือว่าน้องๆหลานๆอะไรก็แล้วแต่
คำนูณ – เพราะว่าไม่งั้น 350 เสียงในสภานี่เขาไม่ฟัง
สำราญ – สุดท้าย 350 เสียงนี่ก็ต้านไม่อยู่ ถ้าชาวบ้านเขาจะเอาด้วย
สโรชา – ก็เชื่อในพลังประชาชน ถ้าคนส่วนมากเห็นด้วย
สำราญ – ไม่ได้พูดแบบสูตรสำเร็จนะ แต่เราเห็นแบบนี้บ่อยครั้งแล้ว ในประวัติศาสตร์การเมืองเรา
สโรชา – เดี่ยวเราจะพักซักครู่นะคะ กลับมาเดี๋ยวเรามาคุยกับเรื่องการเมืองค่ะ บรรยากาศการหาเสียงค่อนข้างจะคึกคักนะคะ และก็เรื่องของสถานการณ์ในภาคใต้ด้วยค่ะ ซักครู่เดียวค่ะ
สโรชา – ตอนนี้เราไปคุยถึงเรื่องของการเมือง การหาเสียง ตกลงยังไงนี่ ประชาธิปัตย์เขาก็เพิ่งมีการเดินสายในกรุงเทพนะ อาจจะดูคึกคักกว่าที่ผ่านมา
คำนูณ – 2 วันนี้ถูกชกน่ะ ท่านนายกฯชก เรื่อง CD ก็ต้องยอมรับว่าพลาด
สำราญ - CD ที่ตากใบ จะตัดต่อหรือไม่ตัดต่อไม่รู้ แต่เอาไปเผยแพร่โฆษณา
คำนูณ – ประเด็นคือไม่น่านำไป
สโรชา – นี่รู้ชัดเลยเหรอคะ ว่าเป็นคนของพรรค
คำนูณ – ยอมรับเลยครับ คุณธานินทร์ ใจสมุทร ก็ยอมรับ ก็ให้สัมภาษณ์ แล้วก็บอกว่า
สำราญ –เขาบอกว่า เอามาจากโทรทัศน์บางช่อง
คำนูณ – ตอนนี้ก็มาเถียงกันว่า ตัดต่อหรือไม่ตัดต่อ เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม
สำราญ – แต่ว่าหาเสียงเมื่อคืน คุณธานินทร์ก็ยุติแล้ว ไม่เอา CD ไปฉาย
คำนูณ – คือคำที่คุณธานินทร์ยุติ แล้วก็คำที่คุณบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคบอกให้ยุติเรื่องนี้ มันก็เหมือนว่าทำให้พรรคประชาธิปัตย์ดูภาพลบนะ กรณีนี้
สำราญ – แต่ตอนนี้ก็ชัดเจน 206 เดือน 2 วันที่ 6 เลือกตั้งถูกต้องไหมครับ ซึ่งเราก็คงไม่วิจารณ์กันว่า ทำไมต้องออกมาแบบนี้ จากนี้ไปก็ต้องเตรียมการเลือกตั้งเดือนหน้ากันแบบค่อนข้างจะตึงเครียด เตรียมการโปสเตอร์หาเสียงของ กกต.เองก็ตาม TV วิทยุเอากันอย่างไร เลือกตั้งต่างประเทศให้กับคนอีก 8 แสน เลือกตั้งกันแค่ 8 หมื่นในต่างประเทศจะทำกันอย่างไร ส.ส.ปีนี้ตกลงจะให้งบกันแบบล้านเดียว เท่ากับปี 2544 หรือว่าจะ 1.5 ล้านหรือ 2 ล้าน ก็เถียงกันอยู่ แต่ว่าพรรคการเมืองเขาก็เดินสายกันหมดแล้ว ทุกพรรค ทุกจังหวัด นี่ขึ้นป้ายจะเห็น เว้นเบอร์ไว้อย่างเดียว กทม.เขาก็เปิดแล้ว ประชาธิปัตย์ ก็เหลือแต่ชาติไทย รอคุณชูวิทย์เปิดแคมเปญวันที่ 15 โปสเตอร์ คัตเอาท์ต่างๆนะครับ เปิดแล้วจะวงแตกหรือไม่ นี่เป็นอีกประเด็นเหมือนกันที่น่าจับตามอง แต่โดยรวมแล้วสีสันมันก็จัดจ้านดีนะ สีเข้มดี ไทยรักไทยเขาก็เดินสาย ปราศรัยแหลก นายกฯขึ้นเหนือเสาร์-อาทิตย์ พรุ่งนี้ก็จะไปที่สตูล พอวันอังคารก็ไปประชุม ครม.สัญจรที่ตรัง
คำนูณ – เหมือนเขียนบทเอาไว้เลยนะ ลงไปสตูลนี่ ถิ่นคุณธานินทร์ ใจสมุทร
สำราญ – คุณธานินทร์นั้นย้ายจากเขต 1 มาอยู่ที่เขต 2 แล้วต้องสู้กับคุณจิรายุส นวเกตุ ส.ส.เก่าสมัยโน้นนะ หลายปีแล้ว คุณจิรายุสเองก็อยู่มาแทบทุกพรรคแล้ว เอกภาพ ความหวังใหม่
คำนูณ – มวลชนก็มีนะ
สำราญ – เขามีฉายาว่า “ซำม่อ” เป็นชื่อของตัวหนังตะลุงตัวหนึ่ง คนปักษ์ใต้จะรู้จักดี ก็ท่านนายกฯวันอังคารก็ไปจังหวัดตรังไปปราศรัยที่เขต 1 นะ ให้กับคุณไกรสิน โตทับเที่ยง ลูกชายของปุ้มปุ้ยน่ะ
คำนูณ – เรียกว่าไปบุกกล่องดวงใจของประชาธิปัตย์เลยนะ
สำราญ – ประชาธิปัตย์ก็ขึ้นโปสเตอร์หาเสียงนะ รักษาฟรี มีงานทำอะไรทำนองนี้นะ
สโรชา – เรียกว่าดูแลตั้งแต่เกิดจนถึงตายเลยนั่นแหละ ดูแลประชาชน
สำราญ – จากครรภ์มารดา จนถึงเชิงตะกอน
คำนูณ – แต่มันไปตกอยู่ในบริบทของไทยรักไทย
สำราญ – ใช่ มันเล่นเกมเดียวกันนะ ก็คล้ายๆประชานิยมเหมือนกัน
สโรชา – ที่ไปกล่าวว่าเขาไว้เยอะนี่ ท้ายสุดนโยบายตัวเองก็ออกมาไม่แตกต่างซักเท่าไหร่
คำนูณ – คือก่อนหน้านี้ก่อนไทยรักไทยเกิดนี่ ประชาธิปัตย์มีภาพของคุณธารินทร์ อาจารย์ศุภชัย ค่อนข้างจะเสรีนิยมเต็มที่ แล้วก็ไทยรักไทยเขามาประชานิยม แจกแหลก เอื้ออาทรสะบัด พอมาประชาธิปัตย์เที่ยวนี้ก็เอาเหมือนกัน
สำราญ – รักษาฟรี มีคุณภาพ จบมามีงานทำ อายุ 60 มีเบี้ยเลี้ยง 1000 บาท ผมนี่พูดตรงๆนะ ออกจะผิดหวังพอสมควร
คำนูณ – คือกลายว่าไปเล่นในเกมของไทยรักไทย
สำราญ – มันเหมือนเลย แล้วออกมาก็ไม่ได้ไปทะลุทะลวงไทยรักไทยได้ วันนี้นักข่าวเลยไปถามคุณชวน หลีกภัยนะ นักข่าวบอกว่าไม่ต่างเลยนะแบบนี้ บริบทเดียวกัน คุณชวนก็คงนึกไม่ออกนะผมว่า ท่านก็เลยตอบไปปัญหาภาคใต้เลย
สโรชา – ถามอย่างไปอย่างเลย
คำนูณ – ไปไหนมา สามวาสองศอกเลยนะ
สำราญ – ก็มีบางอย่างที่ต่างๆ แต่ว่ารวมๆแล้วมันก็บริบทเดียวกับไทยรักไทย
สโรชา – ก็อาจจะเห็นว่า ก็คล้ายๆกับ มันฮิตนักใช่ไหม ชอบนักใช่ไหม อยากได้อ่ะ สนองไง สนอง
สำราญ – แต่ถ้าดูเอาจริงๆนะ มันแบเบอร์หน้าเสื่อหน้าไพ่ว่าไทยรักไทยจะมา
คำนูณ – มันเป็นเรื่องที่ทำให้การเมืองมันไม่ 2 ขั้วจริง ถ้า 2 ขั้วจริง ใจผมนะ ผมเสนอมาตลอดว่าอยากให้ประชาธิปัตย์ ยืนหยัดในนโยบายเสรีนิยมดั้งเดิม คัดค้านการแจกการเอื้ออาทรทุกรูปแบบ เพราะว่าจะมีผลเสียอย่างโน้นอย่างนี้อะไรต่ออะไรก็ว่าไป
สำราญ – คือกระแสของรากหญ้ามันก็บีบลูกพรรคเหมือนกัน พอไปหาเสียงนี่ไม่ได้อะไรเลย สุดท้ายก็เจอกันครึ่งทางค่อนทาง มันก็ออกมาแบบนี้ เป็นลูกผสมแบบนี้
คำนูณ – ก็เลยถูกนายกฯแซวไง แบบบางพรรคก็คือ 4 นาทีลอก
สำราญ – อ๋อ ของเขา 4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง แต่นี่ 4 นาทีลอก
คำนูณ – มันดูหมิ่นกันอย่างนี้ จริงๆแล้วมันอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ว่ามันไปสู้ในสนามที่ไทยรักไทยเขาเริ่มต้น
สำราญ – มันก็เลยบางจังหวัดก็ อย่างผมไปแถวเขตมีนบุรี ไปแถวปทุม ผู้สมัครบางคนก็ขี้เกียจจะหาเสียงแบบนี้ ก็ชูตัวบุคคลเลย รักอภิสิทธิ์ เลือกอภินันท์ทำนองนี้นะครับ แล้วก็เก๋ไปอีกแบบ คือเอาคุณอภิสิทธิ์มาช่วยเลย กระแสก็เมืองปริมณฑลก็คือขายคุณอภิสิทธิ์ไปเลย ไม่ขายรักษาฟรีอะไรหรอก
สโรชา – ไม่ต้องพูดถึงนโยบาย เอาบุคคลชูอย่างเดียว
สำราญ – ก็เหมือนไปแถวเมืองกาญจน์ ทองผาภูมิวันก่อน ไทยโยคนะ ก็มีบอกว่า รักแม้วเลือกมะ แต่ว่าก็รวมๆคือ สุดท้ายผมว่าต้องดูกัน 2 สัปดาห์สุดท้ายนะ ในทัศนะเราที่เคยทำข่าวเลือกตั้งมานะ มันจะเห็นอะไรชัด คือจะพลิกไม่พลิก คือตอนนี้มันดูเหมือนว่า ยากที่จะพลิกเกมแล้วล่ะ
คำนูณ – ผมว่ามันสนุกที่คุณชูวิทย์กับคุณแบมนะ
สำราญ – อันนี้ก็เป็นสีสัน แต่จะวงแตกก่อนหรือเปล่า
คำนูณ – ก็อยากเห็นเหมือนกันวันที่ 15 นี้ คุณแบมก็ขึ้นภาพคู่กับคุณชูวิทย์หรือเปล่า ไม่ขึ้นนะ เป็นผมผมก็ไม่ขึ้น
สำราญ – ขนาดมาว่ากันอย่างนี้ 2 แง่ 4 ง่ามอย่างนี้
คำนูณ – ใครมาบอกว่าคุณชูวิทย์ไม่พูดนี่ไม่จริง วันนั้นมาให้สัมภาษณ์เรา 2 คน แกพูดหลายครั้งหลายหน ว่าบางคนนี่ ของสงวนยังรักษาเอาไว้ไม่ได้ ของลับของหวงยังรักษาเอาไว้ไม่ได้
สำราญ – คือผมประเมินดูแล้ว ฟังน้ำเสียงจากสื่อนะ บทวิเคราะห์ที่โน่นที่นี่ก็ฟังดู เขาบอกว่า คุณชูวิทย์เที่ยวนี้ มันผิดคิว ผิดกาลเทศะ คือเขาไม่รับมุขด้วย ไม่ Get ด้วย เขาคือสื่อมวลชนส่วนใหญ่
คำนูณ - นี่แกทำเพื่ออะไร
สโรชา – นั่นสิ แกไม่เห็นได้อะไรขึ้นมาเลย ในการไปโจมตีเขาแบบนี้
คำนูณ – หรือว่าแกสำคัญผิดอะไรในบางอย่างไป
สำราญ – ผมว่าสำคัญผิดนะ
สโรชา – แค่มันๆปาก คันๆปาก คิดว่าประชาชนชอบความสะใจ
คำนูณ – ก็ต้องดูว่า ถ้าไปได้ตลอดรอดฝั่งจนถึงวันสมัครนะ ก็ต้องดูว่า คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ชาติไทยในกรุงเทพฯ จะเท่าไหร่ นั่นแหละจะเป็นตัวบ่งบอกว่า 3 แสนคะแนนของคุณชูวิทย์นี่ เอาเข้าจริงๆแล้ว ได้เท่าไหร่ คุณชูวิทย์แกบอกว่า ของเดิม 3 หมื่น
สำราญ – ในกรุงเทพฯนะ ชาติไทยมีอยู่ 3 หมื่น
สโรชา – ยังไงมันก็กระเตื้องอยู่แล้ว
สำราญ – แต่ของคุณชูวิทย์ 3 แสนนี่ จะเหลือ 3 พันหรือเปล่า
สโรชา – แต่ไม่แน่นะ คุณชูวิทย์ต้องระวังนิดนึงนะ มุขประมาณนี้เนี่ย
สำราญ – แต่ว่าถ้ามา คนน่ะ มาขอโทษเขาหน่อย แต่ว่าอย่าก้าวร้าวแบบนี้ ผมคิดว่าคนไม่เอา
คำนูณ – แกไปติดใจอะไรคุณแบมนักหนา ไม่ชอบอะไรกันมาก่อน
สโรชา – นักการเมืองสุภาพสตรีหลายท่านในบ้านเรา โดนคุณชูวิทย์ร่วงมาหลายคนแล้วนะ
คำนูณ – คืออย่างคุณปวีณาพอเข้าใจ เพราะตอนนั้นมูลนิธิปวีณาไปจับ ไปอะไรต่ออะไร เรื่องพนักงานของแก แต่ว่ากับคุณแบมนี่ก็ไม่ได้มีเหตุอะไรกันมาก่อน แล้วไปยุ่งกับของรักของหวงเขาเรื่องอะไร
สโรชา – กลับมาสู่ช่วงสุดท้ายของก่อนจะถึงวันจันทร์ ตอนนี้ต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องสถานการณ์ภาคใต้กันบ้าง
สำราญ – ภาคใต้มันก็เดิมๆ หลังสุดก็คือไปปล้นปืนอีก เที่ยวนี้เอาหน้าค่ายทหารเลย ที่เทศบาล 5 กระบอก ปืนลูกซองนะ ห่างจากค่ายอิงคยุทธแค่ 500 เมตรนะ คือพ้นรั้วทหารนี่ก็ปล้นเลย แต่เอาล่ะ ผมคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้ก็ยังคงดำรงอยู่นะ แต่ว่าปมใหญ่ที่เป็นประเด็นที่ทุกคนเฝ้าตามว่ามันจะจบลงอย่างไร คือประเด็นการเสียชีวิตของท่านรองผู้ว่าฯปัตตานี คุณสุนทร ฤทธิภักดี ที่กระสุนนัดนั้นชื่อว่า ปริศนา มันก็ยังคงเป็นปริศนา ที่พูดค้างไว้ซักนิดก็คือ ที่คุณหมอพรทิพย์ท่านพูดแถลงเมื่อวานซืน ที่บอกว่าท่านไปสอบนิติวิทยาศาสตร์ ไม่ได้ช้า ก็ไปค้นเศษกระสุนขนาด 3 มม.ในกางเกงในของรองผู้ว่าฯนะ ซึ่งถูกถอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลนะ แล้วก็มีกระสุนปืนนี่รู้เลยว่าเป็นกระสุนปืนของชนิดไหน ดังนั้นก็ได้มอบไปที่ กอ.สสส.จชต.แล้ว แล้วเขาก็สั่งการกันไป แต่ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรที่ล่าช้า ตอนนี้ก็มีข่าวว่า ไม่ใช่ว่ามีข่าวหรอก แต่มีการประเมินว่าตำรวจทำงานล่าช้าส่วนหนึ่ง
คำนูณ – ก็โดนย้ายไปเรียบร้อยแล้ว
สำราญ – ทีนี้ก็ผู้การวันก่อน ก็ย้ายไปช่วยราชการที่ภาค 9 แล้ว ผู้การปัตตานี พล.ต.ต.ธนเจริญ สุวรรณโณ
คำนูณ – ทีแรกมีข่าวว่าผู้ว่าฯโดนย้ายด้วย แต่วันต่อมาปรากฏว่าไม่ได้ย้าย
สำราญ – ท่านนายกฯพูดเมื่อวันเสาร์ออกรายการวิทยุ พูดทำนองว่า จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ คือตอนนี้ท่านไม่ได้ปักใจว่าเป็นเรื่องของปืนลั่นอะไรแล้วนะ แต่ขอให้ข้อเท็จจริงมันปรากฏ ทำไมแค่นี้ทำไม่ได้ น้ำเสียงแบบนี้ ทุกคนก็เฝ้ารอ ผมคิดว่าไม่กี่วันก็คงจะได้ความจริง แล้วกลุ่ม อส.ซึ่งตอนแรกก็ตกเป็นจำเลยนะ ของสื่อมวลชน ของสังคมด้วย ว่าทำปืนลั่นแล้วไม่ยอมรับ ตอนนี้เขาก็ตั้งป้อมสู้ แล้วก็เริ่มมีรายงานข่าวที่ไม่ยืนยันนะครับว่า หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวแล้ว ว่ามันเป็น กระสุนนั้นอาจจะมาจากพลทหารบางคน จากฝ่ายทหาร เป็นพลทหารค่ายเสนาณรงค์ที่หาดใหญ่นะครับ ซึ่งวันนั้นไปอยู่ที่เกิดเหตุ อยู่ด้านหลังผู้ว่าฯ ทำนองนี้น่ะครับ ผมคิดว่า ความจริงใกล้จะปรากฏแล้ว อันนี้ก็คือเป็น ผมคิดว่าเรื่องนี้มันก็คงจะเบี้ยวไม่ได้แล้ว
สโรชา – คือจริงๆถ้าเกิดว่า ท่านรองผู้ว่าฯไม่เสียชีวิต เรื่องมันเริ่มเงียบหายแล้วนะ คือตอนแรกบอกว่าปืนลั่นๆ คนก็เออ ปืนลั่น ก็รักษากันไป แล้วปรากฏว่ามาเสียชีวิตแบบคาดไม่ถึง ตอนแรกคิดว่าดีขึ้นแล้ว แล้วก็เกิดไตวายฉับพลัน แล้วก็เสียชีวิต ปมก็เลย ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงรอบ
สำราญ – ทีนี้ อส. เขารู้สึกว่าเขาถูกกระทำน่ะ หลังสุดได้ข่าวว่า มี อส. ต่างจังหวัดนะ ต่างพื้นที่ ก็ส่งดอกไม้ให้กำลังใจ อส.อับดุลที่ตกเป็นผู้ต้องหา
คำนูณ – คือนายกฯก็พูดนะ ว่าได้ข่าวว่าเป็น อส.คนหนึ่ง อส.คนนี้มีประวัติชอบทำปืนลั่น ก็โดนไปเรียบร้อย ถึงแม้ท่านนายกฯจะบอกว่าสันนิษฐานอะไรก็เถอะ ที่พูดตอนแรกๆนะ
สำราญ – ก็เรียนด้วยความเคารพว่าท่านนายกฯพูดเร็วไป เรื่องปืนลั่นนี่ ก็หลายเรื่องที่พูดเร็ว แล้วบางทีก็พลาดก็เป็นอย่างนี้แหละ
สโรชา – ก็ใช้เป็นประเด็นทางการเมืองเลยใช่ไหม บอกว่าสาเหตุที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง เพราะว่าท่านนายกฯไปพูดนำไว้แล้วล่ะ ว่าปืนมันลั่น คราวนี้ถ้าไม่ได้ลั่นจริง ก็เปลี่ยนไม่ได้แล้วล่ะ อะไรประมาณนั้น แต่ก็คงจะได้รู้ข้อเท็จจริงในเร็ววัน
สำราญ – ถึงขั้นนี้ก็คงมีแต่ข้อเท็จจริงที่จะตอบคำถามสังคมได้
สโรชา – แต่ก็การเมืองในประเทศก็เรื่องหนึ่ง แต่ว่าฟังการเมืองในยูเครนแล้ว ค่อนข้างจะน่าพิศวงพอสมควร แล้วก็นักการเมืองไทยควรฟังเป็นอุทาหรณ์ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะบ้านเราไม่ค่อยทานซุปครีมกันใช่ไหม ก็คือว่าการเลือกตั้งในยูเครนมีปัญหากันมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้วนะคะ เพราะว่ามีการเลือกตั้งกัน แล้วก็ผู้สมัครที่ได้ชื่อว่า รัสเซียสนับสนุน ก็ได้รับชัยชนะไป ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันว่า มีการซื้อเสียงกัน มีความผิดปกติเกิดขึ้นค่อนข้างจะเยอะ ประชาชนเรือนแสนก็มาประท้วงกัน จนกระทั่งศาลต้องตัดสินว่า มีความผิดปกติ ควรจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ เพราะฉะนั้นวันที่ 26 ธันวาคมที่จะถึงนี้ก็จะมีการเลือกตั้งใหม่ ประธานาธิบดียูเครน
ปรากฏว่าในระหว่างการหาเสียงตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ผู้ท้าชิงหรือที่เรียกว่าฝ่ายค้านของยูเครนนี่นะคะ ชื่อนายวิกเตอร์ ยุชเชนโก ก็ปรากฏว่าเกิดการไม่สบาย ใบหน้าที่เห็นอยู่ ณ ขณะนี้ คือหลังจากที่ไม่สบายมาตั้งแต่เดือนกันยายน จนกระทั่งเกิดความผิดปกติ จึงได้เดินทางไปรักษาที่กรุงเวียนนา ที่ออสเตรีย ตอนแรกก็ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร จนกระทั่งมีการสันนิษฐานว่า อาจจะโดนยาพิษ จนกระทั่งหมอได้ออกมายืนยันล่าสุดเมื่อวานนี้นะคะว่า ใช่ โดนยาพิษจริงๆ โดยที่ยาพิษนี่ก็คือ ไดอ็อกซิน ที่ใช้ฆ่าแมลงนี่นะคะ มีการสันนิษฐานกันว่า คงจะโดนในช่วงเดือนกันยายน เพราะว่าไปทานเลี้ยงกับผู้นำทางด้านความมั่นคง เจ้าหน้าที่ทางด้านความมั่นคงของยูเครนนี่แหละ แล้วก็ทานเลี้ยงกลับมาวันนั้น ภรรยาก็บอกว่า ผิดปกติ เพราะว่าจุมพิตสามีแล้วนี่ได้กลิ่นยา โดยที่สามีแล้วปกติเป็นคนที่ไม่ทานยาเลย เป็นคนที่สุขภาพค่อนข้างแข็งแรงมาก วันรุ่งขึ้นก็เกิดอาการไม่สบายกะทันหัน ได้บินไปที่ออสเตรียไปรักษาตัว ตลอดระยะเวลานั้นก็ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร จนกระทั่งบินกลับมาหาเสียง แล้วก็ดำรงชีวิตอยู่ก็ค่อนข้างจะป่วยบ่อย จะปวดหลัง จะเกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วนอยู่บ่อยครั้ง แล้วก็เป็นอัมพฤกษ์ด้วย คือบางครั้ง หน้าด้านซ้ายของเขาก็จะเกิดอาการผิดปกติ ไม่สามารถที่จะควบคุมได้ ตลอดระยะเวลานี้ก็หาเสียงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันเลือกตั้ง จนกระทั่งมีการประท้วงกัน จนจะมีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 26 นี้ อาการก็ทรุดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อวานหมอได้ออกมายืนยันว่า เป็นไดอ็อกซินจริง ซึ่งคาดว่าน่าจะผสมอยู่ในซุปครีม เขาบอกว่าผสมได้ง่ายที่สุด เพราะว่ามันจะสามารถผสมกับน้ำมันได้เป็นอย่างดีเลย เพราะฉะนั้นนี่จะไม่ค่อยเห็น แต่ว่าอาการที่เป็นและก็จากตัวอย่างเลือดที่นำไปตรวจสอบ มีไดอ็อกซินมากกว่าบุคคลปกติถึง 1000 เท่า แล้วคาดว่าเยอะขนาดนี้คงต้องรับประทานเข้าไปแน่ๆเลย คงไม่ใช่ว่าไปโดนแบบอุบัติเหตุ แต่เขาบอกว่า ถ้าล้างพิษออกไปหมดแล้ว อาการก็จะดีขึ้น แล้วผิวพรรณก็น่าที่จะกลับมาเหมือนเดิมได้
อันนี้ก็เป็นประเด็นที่ทางรัฐบาล ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ก็บอกว่าเป็นประเด็นการหาเสียง เพราะว่าช่วง 2 อาทิตย์สุดท้ายนี่ ถือว่าอะไรๆก็หาเสียงกันได้ทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้นการที่จะโจมตีเขาแบบนี้นี่ ไม่ยุติธรรมหรอก เขาจะไปใช้สารพิษมาวางยาได้อย่างไร มันรุนแรงเกินไป ลิเกเกินไปหรือเปล่า อะไรอย่างนี้
คำนูณ – แต่ถ้าเผื่อแกยอมทำร้ายตัวเองเพื่อผลทางการเมืองขนาดนี้ก็ มันลงทุนสูงเกินไปนะ เกิดไม่คืนสภาพเดิมนี่ทำยังไง
สโรชา – ก็คงเป็นผู้ไม่หวังดีจริงๆ เพราะจะว่าทำตัวเองคงไม่ใช่ เพราะอาการมันหนักหนามาก
คำนูณ – สมมุติว่าทางฝ่ายรัฐบาลทำนะ เขาได้อะไร
สโรชา – คือเขาบอกว่า จริงๆแล้วคงต้องการให้เสียชีวิต
คำนูณ – กะให้ตายเลย
สโรชา – ค่ะ ตอนนี้เหลือเวลาอีก 5 นาที ขอไปที่ไต้หวันสั้นๆเลยแล้วกัน ตอนนี้ก็เป็นที่รู้กันว่า ฝ่ายค้านของไต้หวันได้ครองเสียงข้างมาก และมีนิมิตหมายว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับจีนจะมีทิศทางไปในรูปรอยที่ดีขึ้น ผิดกับที่ประธานาธิบดี เฉิน สุ่ย เปียได้ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่มารับตำแหน่งใหม่ๆในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
สำราญ – คนส่วนใหญ่ก็อยากให้ดีกันว่างั้นเถอะ
สโรชา – ใช่ค่ะ เขาบอกว่าสหรัฐเป็นประเด็นหลักในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะว่าก่อนจะเลือกตั้ง สหรัฐออกมาเตือนว่า ประธานาธิบดีเฉินทำมากเกินไปแล้วนะ ซึ่งก็อาจจะจะส่อว่าถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา สหรัฐจะไม่ช่วยไต้หวันแล้ว คนก็เลยคิดว่าอาจจะอันตรายสูง ก็เลยลงคะแนนเสียงให้กับฝ่ายค้าน เอาล่ะค่ะ อาทิตย์หน้าจับตาอะไรกันดี
สำราญ – ก็ตอนนี้ต้องบอกว่าการเมืองล่ะนะ พรุ่งนี้ มะรืนนี้มันก็มีโครงการบางโครงการที่ต้องฟันธงกัน คือต้องลงมติชัดเจน ให้สัมปทานกัน เช่นรถไฟไปสุวรรณภูมิอย่างนี้นะ แต่ว่าที่จะซื้อขายรถไฟฟ้าใต้ดิน บนดินนะ สงสัยว่าคงจะต้องถอยก่อน เพราะซื้อตอนนี้เดี๋ยวจะถูกครหา แล้วก็เรื่องที่นายกฯไปเหยียบจมูกประชาธิปัตย์
สโรชา – ก็ต้องดูว่าไปตรังแล้วจะเป็นอย่างไร ติดตามกันค่ะ แล้วกลับมาพบกันใหม่ในสัปดาห์หน้า สำหรับสัปดาห์นี้ ลาไปเพียงเท่านี้ค่ะ สวัสดีค่ะ