สนธิ อยากให้เข้าใจความหมายวันลอยกระทงที่แท้จริง ไม่ใช่วันวาเลนไทน์ของไทย และยังแสดงความเห็นกรณีขึ้นเงินส.ส. ว่าทำตัวกร่าง จนคนไหม้ไส้-ร้องยี้ แถมโดดประชุมสภาฯ นอกจากนี้ยังให้ความเห็นกรณี “จอยซ์ ทีเค” ว่าไม่สงสาร แต่ไม่สมน้ำหน้า พร้อมแฉยังมีดารา- นักร้องติดยาอีกเยอะ
สโรชา – สวัสดีค่ะคุณผู้ชม ขอต้อนรับเข้าสู่รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ อาหารสมองก่อนเข้านอนในทุกคืนวันศุกร์ค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้งกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ดิฉัน สโรชา พรอุดมศักดิ์ วันนี้มาพบกับคุณผู้ชมในวันลอยกระทงนะคะ คิดว่าคุณผู้ชมคงจะกลับมาจากลอยกระทงเรียบร้อยแล้ว เรา 2 คน คุณสนธิยังไม่ได้ไปลอยเลย จะไปลอยที่ไหนค่ะ หลังรายการ
สนธิ – ผมไม่ไปลอย แต่ผมในคลองหรือในอ่าง ขึ้นกับว่าอ่างไหน
สโรชา – ดิฉันไม่ถามต่อดีกว่าอ่างไหน แต่ว่าความเป็นมาของลอยกระทง คุณสนธิ เล่าให้คุณผู้ชมฟังซักนิดนึงได้ไหมค่ะ ตัวดิฉันเองก็ไม่ทราบ
สนธิ – คงต้องพูดกันยาวนิดนึง เพราะว่าคนไทยมีประเพณีสนุกสนานเยอะมาก แต่ที่มาที่ไปของประเพณี เราไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย คือคุณสโรชา ผมเห็นคนไทยฉลองนะครับ คนไทยฉลองคริสต์มาส ข้อที่หนึ่งนะ ร้อนก็ร้อน แต่ก็ยังดันฉลองคริสต์มาสกับเขานะครับ และฉลอง เป็นพุทธก็เป็นพุทธนะ ก็ไปฉลอง ไม่เป็นไร แต่เผอิญคริสต์มาสมันเป็นเทศกาลแห่งความรัก ความเอื้ออาทรและการให้ ฝรั่งเขามีคริสต์มาสกันตรงที่ว่า คริสต์มาสอีฟ เพื่อให้คุณสโรชา กับครอบครัวอยู่บ้าน ทานข้าวด้วยกัน และคริสต์มาสเดย์ก็เข้าโบสถ์ หรือว่าให้ของขวัญกัน แต่คนไทยไม่ได้สนใจ คำว่าฉลองคริสต์มาสก็คือ แฟนกันแฟนกันเที่ยวกัน
สโรชา – ไปทานข้าว
สนธิ – คือสรุปง่ายๆ ว่าทุกเทศกาลที่เขามีนัยในเชิงวัฒนธรรม ปรัชญา ความดำรงอยู่ คนไทยแปลเปลี่ยนเป็นงานรื่นเริงไปหมด ขอให้มีเอี่ยว ในทุกๆ ประเภท และไม่เคยเข้าใจเหมือนกับลอยกระทง ลอยกระทงเองก็มีนัยที่มากกว่าไปการซึ่งเหมือนคนบางคน ผมดูทีวี เขาบอกว่าลอยกระทงคือการลอยทุกข์ลอยโศก จุดธูปบนบานเข้าไป บางคนถึงกับบอกว่าวันลอยกระทง คือวันวาเลนไทน์ ของไทยนะ ขนาดนั้นเลย คือพูดง่ายๆว่า เนื่องจากเป็นวันพระจันทร์วันเพ็ญ เพราะฉะนั้นวันลอยกระทง ถ้าหากจะขออะไรแฟนหรือจะคุยอะไรกับแฟน หรืออยากได้ในสิ่งซึ่งแฟนไม่เคยให้ วันนั้นแฟนจะให้ คือเป็นบ้ากันไปหมดแล้ว
สโรชา – ก็คิดว่าคงต้องคุยกันยาวใช่ไหมค่ะ เรื่องลอยกระทง เดี๋ยวจะกลับมาคุยกัน อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องคุยกันคือ เรื่องการขึ้นเงินเดือน ส.ส. ส.ว. คุณสนธิ วิพากษ์วิจารณ์กันเยอะแยะมากมาย ตรงนี้เรามีสติ๊กเกอร์เซอร์ไพรส์ด้วยนะ เพราะผู้จัดการทราบมาล่วงหน้า ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว
สนธิ – 2 ปีที่แล้วว่าต้องขึ้นแน่นอน
สโรชา – ค่ะ เดี๋ยวเราจะมาบอกว่าสติ๊กเกอร์ที่ว่าเขียนว่าอะไรนะคะ อีกประเด็นหนึ่ง เป็นประเด็นที่ซีเรียสซักนิดนึง เป็นประเด็นทางสังคม ซึ่งคิดว่าหลายๆ ท่านทราบข่าวคุณจอยซ์ วงทีเค ไทรอัมส์ คิงดอมแล้ว ก็คงจะอดรู้สึกไม่ได้ว่าสังคมสมัยนี้มันเป็นอะไรกันไปหมด คุณสนธิพูดมาหลายครั้งแล้วนะคะ เรื่องนี้
สนธิ – พูดแล้วพูดอีกและคงต้องพูดต่อไปจนผมตาย เพราะว่ามันไม่ใช่ความผิดของคุณจอยซ์คนเดียว มันเป็นความผิดของสังคมทั้งสังคม เพราะว่าผมรับไม่ค่อยได้กับการที่ผมอ่านข่าวและผมมาเจอตัวแฟนคุณจอยซ์ ซึ่งหนังสือพิมพ์ไปสัมภาษณ์ว่าทำไมทำอย่างนั้น ไปดึงคุณจอยซ์เข้ามา และแกพูดยังไงรู้ไหม แกบอกว่าอยู่ด้วยกันต้องช่วยกันทำมาหากิน เพราะรับไม่ได้ว่าต้องช่วยกันทำมาหากิน เพราะฉะนั้นการทำมาหากินโดยผิดกฎหมายหรือทำมาหากินโดยเอาอะไรก็ตามไปให้เด็ก ให้วัยรุ่น ซึ่งเป็นยาเสพติด ผมมองเป็นเรื่องธรรมดาว่าเป็นการทำมาหากิน ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก และมันแปรเปลี่ยนไปว่าทัศนคติของคนสมัยนี้ มันเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องซึ่งเราจะต้องคุยกันให้ยาว
สโรชา – ค่ะ เพราะฉะนั้นวันนี้นะคะ 3 ประเด็นหลักๆ ที่จะต้องพูดคุยกัน พักซักครู่ เดี๋ยวกลับมาคุยกันเรื่องของลอยกระทงกันก่อนค่ะ
****************
สโรชา – กลับมาสู่เมืองไทยรายสัปดาห์นะคะ เมื่อซักครู่นี้เราคุยกันถึงว่าคนไทยมักจะขอมีเอี่ยวในหลายๆ เทศกาล จริงๆ แล้วคงไม่ทราบหรอกว่าเทศกาลเหล่านั้นมีนัย มีความหมายว่าอย่างไร มีความเป็นมาว่าอย่างไร วันนี้วันลอยกระทงค่ะ เรามาคุยกันถึงความเป็นมาและนัยของเทศกาลลอยกระทงซักนิดนึงดีกว่า
สนธิ – ลอยกระทง ถ้าเวลาพูดถึงลอยกระทง คุณสโรชา คิดถึงอะไรบ้าง เล่าให้ผมฟังซัก 5 อย่าง
สโรชา – ก็คิดว่าเราขอขมาพระแม่คงคาก่อน
สนธิ – หนึ่ง มันมีกระทงใช่ไหม
สโรชา- มีกระทง มีธูป มีดอกไม้ มีสตางค์ที่ใส่ลงไปในกระทง ใช่ไหมค่ะ
สนธิ - อันนั้นอย่างหนึ่ง เป็นส่วนประกอบกระทงทั้งหมด อย่างที่สอง แม่น้ำ อย่างที่สาม
สโรชา – คำอธิษฐาน
สนธิ – พระจันทร์เต็มดวง อย่างที่สี่ เราคิดถึงดอกไม้ไฟ พลุ อย่างที่ห้า คือเพลงลอยกระทง ทั้งหมด เวลาเราพูดถึงวันลอยกระทง มันจะเป็นวันซึ่งเรามีความรู้สึกมีความสุขเหลือเกิน คุณสโรชาเองก็เป็นคนบอกผมว่าวันลอยกระทงเป็นวันซึ่งอยากจะไปลอยกระทงถึงแม้ว่าจะดึกค่ำหน่อย ก็อยากจะไปลอยกระทง คือถ้านึกถึงวันลอยกระทงเราก็จะเห็นภาพที่สมัยผมเด็กๆ ผมเห็นแม่น้ำมีแต่ไฟแวบๆ แวมๆ ลุกขึ้นมา มีกระทงลอยไป และมีผู้คนอยู่ริมฝั่งคลาคล่ำ สมัยก่อนรถจะไม่เยอะเหมือนขณะนี้ ประเดี๋ยวก็มีเสียงพลุจุด มีดอกไม้ไฟ มันเป็นวันซึ่งทั้งพ่อ ทั้งแม่ จะต้องจูงมือพาลูก พาหลานไปที่แม่น้ำ หรือไปที่คลอง ช่วยกันลอยกระทง บางคนก็มีหนองเล็กๆ ก็ลอย ประเพณีลอยกระทง ผมคิดว่าไม่ได้น้อยกว่าประเพณีสงกรานต์ คือคนทั่วโลกรู้จักหมด อย่างน้อยที่สุด เพลงประจำชาติเรา คนบางคนบอกว่าเป็นเพลงบัวขาว เห็นบัวขาวนะ แต่ผมกลับคิดว่าเพลงลอยกระทงเป็นเพลงประจำชาติไทยไปแล้ว คุณสโรชาไม่เชื่อนะ เวลาคุณพูดถึงเกาหลี เพลงของเกาหลีเพลงอะไรที่เป็นเพลงประจำชาติ อารีรัง อารีรัง คุ้นหู ลอยกระทงก็เหมือนกันนะครับ ถึงแม้จะไม่เข้าใจในเนื้อหา แต่ว่าทำนองเราจะเข้าใจ เหมือนไต้หวัน เพลงอาลีซาน อาลีซานทีกูเหนี่ยง ขอโทษวันนี้เบาๆ แล้วกันนะ เพราะว่าเราเครียดมามากแล้วหลังจากที่อาทิตย์ที่แล้วเราไปทิ้งระเบิดที่สนามบินอุดรฯ เขา จนกระทั่งท่านออกแถลงการณ์ตอบโต้ แต่ไม่เป็นไรครับเรื่องเล็ก จะออกแถลงการณ์ยังไง ก็ไม่เป็นไร เพราะผมถือว่าเราคนไทยเรามีสิทธิ์จะออกความเห็นกันได้ และเราก็ทำหน้าที่เตือนสติเขา ถ้าเขาคิดว่าเราพูดจาไม่ถูกต้องอะไร ก็บอกเรามา เราไม่ว่ากัน ทีนี้คุณสโรชาสังเกตไหม เวลามีงานระดับชาติ หรือแม้กระทั่งงานระดับภูมิภาคที่เราเป็นคนจัด อย่างเช่นงานเอเชียนเกมส์ เวลาเขาใช้เพลงที่สื่อถึงประเทศไทย เขาจะใช้เพลงลอยกระทง ซึ่งถ้าพูดตามประสาคน ก็มันโดนแล้วเพลงนี้ ทีนี้ต้องยกความสามารถ คุณสโรชาเป็นคนรุ่นใหม่ รู้ไหมใครแต่ง
สโรชา – ไม่ทราบค่ะ
สนธิ – ครูแก้ว อัจฉริยะกุล ผู้ประพันธ์เนื้อ และคนที่ประพันธ์ทำนอง ก็คือครูเอื้อ สุนทรสนาน ทีนี้ลอยกระทงเป็นประเพณีจริงๆ แล้ว คุณสโรชาไม่ได้มีแค่เมืองไทยนะครับ มีมาตั้งแต่อินเดียสมัยโบราณ มาจนถึงพม่า และก็ไปถึงเขมร ลอยกระทงต้นเหตุแท้ที่จริงคือการบูชาแม่น้ำ คือคนโบราณถือว่าน้ำเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขาถึงตั้งชื่อสายน้ำ สายใหญ่ๆ ว่าแม่น้ำ คือยกคุณสมบัติของแม่ซึ่งเป็นสิ่งซึ่งสูงสุดในชีวิตให้เรียกว่าเป็นแม่ ทีนี้ในอดีตนานมาแล้วครั้งหนึ่ง ลอยกระทงมีที่มาคือในอดีตนานมาแล้วเป็นพันๆ ปี คนเราบูชาธรรมชาติ บูชาดิน บูชาน้ำ บูชาลม บูชาไฟ เข้าใจไหมครับ เพราะฉะนั้นแล้วหลังจากบูชาเสร็จเรียบร้อย ในช่วงหลังถึงดัดแปลงเอาความเชื่อทางศาสนาใหม่เข้ามา ปรับปรุงเอามาทางพุทธ ทางพราหมณ์ แต่ศาสนาแรกในโลกนี้คือศาสนาธรรมชาติ คุณจะเห็นว่าสมัยก่อนจะมีเทพเจ้าประจำดิน น้ำ ลม ไฟ เทพเจ้าไฟ กรีกก็มีใช่ไหมครับ เทพเจ้าไฟ เป็นการสำนึกถึงบุญคุณของธรรมชาติ อันนี้เป็นเรื่องที่น่ารักมาก คนทำเกษตรต้องสำนึกถึงบุญคุณของน้ำ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ได้รับการถ่ายทอดว่าการลอยกระทงคือการทำความเคารพให้กับแม่น้ำ เพื่อระลึกถึงคุณของน้ำ เพราะว่าปราศจากน้ำแล้ว เราก็อยู่ไม่ได้ และวันนี้ยิ่งระลึกมากไหม ภัยแล้ง กี่จังหวัดที่เห็นชัด ทีนี้พอมาถึงยุคใหม่บทบาทของประเพณีลอยกระทงก็เลยมีหน้าที่เพิ่มขึ้นมา นอกเหนือจากเทศกาลรื่นเริงในวันเพ็ญเดือน 12 ทุกปีแล้ว คนไทยจะออกจากบ้านไปตามลอยกระทง คือแม้กระทั่งโรงแรมชั้นหนึ่งก็จัดงานลอยกระทง และก็ไปลอยกันในสระน้ำ ลอยกระทงยังเป็นจุดดึงดูดการท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่มาก ปีนี้ ททท.เขาทำแคมเปญในเทศกาลลอยกระทง 5 จังหวัด มี กรุงเทพฯ อยุธยา สุโขทัย ตาก เชียงใหม่ รู้สึกจะ 4-5 จังหวัด และเขาก็กะมีรายได้เข้ามาหลายพันล้าน คือพูดง่ายๆ เอาประเพณีไทยไปขายในเทศกาลท่องเที่ยว
สโรชา – ให้ฝรั่งมาดูเทศกาลของเราเป็นยังไง
สนธิ – ครับ แต่จริงๆ แล้วก็เป็นเทศกาลซึ่งผมถือว่าใช้ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่พยายามจะอธิบายที่มาที่ไปของเทศกาลลอยกระทง ว่ามายังไงนะ ประเพณีดั้งเดิมมายังไง คือพูดง่ายๆ ว่ากลายเป็นความเชื่อและคนไทยรุ่นหลังๆ ก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็บอกว่าวันลอยกระทงคือการเอาทุกข์เอาโศกใส่กระทง และยกมือพนมมือ จุดธูป และลอยให้พ้นไปซะหรือว่าถ้าไปกับแฟน ก็นั่งอยู่ที่ริมน้ำ เกี่ยวก้อยกันคุกเข่า
สโรชา – ลอยกระทงเดียวกันด้วยนะ
สนธิ – ที่สำคัญต้องจับกระทงพร้อมกัน และมือต้องแตะมือเอาไว้ คล้ายๆ ให้มีกระแสไฟฟ้าช็อตเข้าไปในมือ
สโรชา – นี่แหละค่ะที่บอกว่าเป็นที่มาของวาเลนไทน์ของคนไทย
สนธิ – ครับ ไม่เพียงเท่านี้ ผมคิดว่าการลอยกระทงเป็นเทศกาลที่ไม่ต้องลงทุน เหมือนเทศกาลอื่นๆ และได้ผลตอบแทนกลับมาอย่างมหาศาล ผลตอบแทนที่กลับมาก็มีหลายด้าน ไม่ว่าจะในแง่เงินทอง ที่นักท่องเที่ยวเอามาใช้ ที่สำคัญที่สุดคือเป็นวัน ผมสังเกตว่าวันลอยกระทงไม่เหมือนวันสงกรานต์ คนตายน้อยที่สุด ไม่มีการเดินทางกลับบ้าน สงกรานต์กลับไปเพื่อจะไปเชิดชูประเพณีปีใหม่ไทย ไปรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ เข้าบ้านไป ขอขมาลาโทษ อวยพรผู้หลักผู้ใหญ่ และก็ขอพรผู้หลักผู้ใหญ่กลับ ทุกคนจะแข่งกันกลับไปที่สงกรานต์ เพื่อไปสาดน้ำเล่นน้ำ ปรากฏว่าสงกรานต์กลายเป็นสงกรานต์เลือดทุกๆ ปี แต่ลอยกระทงผมไม่ค่อยเห็นสถิติอุบัติเหตุเพราะประการแรกเขาไม่ได้ให้หยุด ลองให้หยุดซิครับ ก็จะกลายเป็นกระทงเลือดอีกเหมือนกัน เพราะคนไทยชอบอย่างนี้ ถ้าลอยกระทงต้องกินเหล้า
สโรชา – เมื่อไหร่หยุด 3 วันติดต่อกัน พี่ไทยจะต้องเดินทางทุกครั้ง
สนธิ – องค์ประกอบของการลอยกระทงมี 2 ส่วน ส่วนแรกคือสนุก คุณสโรชาสนุก ได้ลอยกระทงกับคนที่คุณสโรชารู้ใจ คนที่ซื้อกระเป๋าให้คุณสโรชา ทำนองนี้ในงานวันเกิด สอง งานบุญ เราต้องระลึกถึงศาสนา เราระลึกถึงธรรมชาติว่าธรรมชาตินั้นให้อะไรเรามั่ง ข้อที่หก ที่เมื่อกี้ผมบอกว่า ห้าข้อ เรามีกระทง พระจันทร์ แม่น้ำ มีพลุ มีโน่นมีนี่ อันที่หกคือว่าเมื่อเราระลึกถึงห้าข้อแล้ว เราต้องสืบสานเรื่องนี้และปกป้องต่อไป ฟังให้ดีๆ คนไทยจะสนใจในเนื้อเพลงของลอยกระทงตรงตอนต้นๆ วันเพ็ญเดือน 12 น้ำนองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิง สนุกกันจริงวันลอยกระทง ลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง ลอยกระทงกันแล้วขอเชิญน้องแก้ว ออกมารำวง จะสนใจตรงนี้ ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง และก็รำกันใหญ่ รำวงวันลอยกระทง ตอนสุดท้ายเป็นตอนที่สำคัญมาก แต่คนไทยไม่ค่อยคิดถึง ก็คือว่าบุญจะส่งให้เราสุขใจ ตรงนี้ที่ผมคิดว่า เราน่าที่จะทำให้วันลอยกระทงเป็นวันที่เราได้คิดดี เราได้ปฏิบัติดีขึ้นมา เพราะว่าลอยกระทงถ้าดูย้อนหลัง วันนี้เราพูดกันเรื่องที่เบาเหลือเกินนะ
สโรชา – ช่วงท้าย
สนธิ – เพราะว่าสมัยก่อนทุกอาทิตย์เราพูดแต่เรื่องหนักมากเลย วันนี้รู้สึกว่าไลท์เวทเหลือเกิน จนกระทั่งผมทำตัวไม่ถูกเลย เพราะว่าผมไม่เคยมาในเชิงเบาขนาดนี้นะครับ คือผมมองว่า งานพิธีกรรมลอยกระทงนั้นเป็นพิธีของอุษาคเนย์ ที่มีมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ เขาลอยกระทงสมัยก่อน เพื่อขอขมาธรรมชาติ ขอขมาดิน และน้ำหล่อเลี้ยง ตลอดจนพืชและสัตว์ที่เกื้อกูลให้พืชพันธุ์ธัญญาหารของพวกเราอุดมสมบูรณ์ มนุษย์ถึงได้เจริญเติบโตขึ้นมาวันนี้ ซึ่งลอยกระทงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพิธีกรรม ความเชื่อในเรื่องผี ซึ่งหลายๆ ศาสนาเขารับเข้ามา ผีสำคัญที่ศาสนาคือ ผีที่เกี่ยวกับดิน และผีที่เกี่ยวกับน้ำ ที่ต้องอาศัยการปลูกพืชธัญญาหารหล่อเลี้ยง ลองดูซิว่าความสำคัญตรงนี้ เขาให้ความสำคัญขนาดไหนอย่างที่เราพูดไว้ตอนต้น เขาให้ความสำคัญว่าน้ำต้องเรียกว่าแม่ แม่น้ำ พระแม่คงคา แม่น้ำเจ้าพระยา เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อน้ำเป็นบ่อเกิดของสิ่งมีชีวิต ทุกๆ ปี ก็เลยมีการหยุดคิดซักนิดนึง และขอขมาที่ทำล่วงเกิน เลยล่วงเกินแม่น้ำไป คนบางคนเวลาอาบน้ำในลำคลอง อาจจะถ่ายในน้ำ ขับของเสียลงไป หรือเทของเสียลงไปในแม่น้ำ เรามาขอขมาแม่น้ำ ในขณะเดียวกัน เราก็บูชาพระคุณไปด้วย โดยใช้วัสดุลอยน้ำ ได้มีเครื่องเซ่นปล่อยลอยไป ส่วนเครื่องเซ่นเราจะบูชา อธิษฐานกันยังไง ก็สุดแท้แต่วัยวุฒิ และความคิดของแต่ละคน ทีนี้มันก็ยังแฝง ถึงเรื่องการเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของน้ำเอาไว้ด้วย คำว่าเดือน 11 น้ำนอง เดือน 12 น้ำทรง เดือนอ้าย เดือนยี่ น้ำก็รี่ไหลลง เป็นบทเพลงกลอนเก่าๆซึ่งดูชัดเจนที่สุด ซึ่งการลอยกระทงเหมือนกับการบอกกล่าวแม่น้ำว่า อย่าไปขึ้นสูงกว่านี้ ช่วงเวลานี้ข้าวในท้องนา กำลังสุกปลั่ง รอการเก็บเกี่ยวอยู่ อย่านะ ขอร้อง เพราะฉะนั้นแล้วเป็นเรื่องราวของคุณค่าของประเพณีขอขมาแม่น้ำ เมื่อหลายพันปีก่อน ซึ่งปัจจุบันนี้ถูกตีความคลาดเคลื่อนเป็นงานรื่นเริง และถูกให้คุณค่าไปในงานหารายได้จากนักท่องเที่ยวซึ่งไม่ผิดอะไร แต่ที่ผมเพียงแต่อยากจะบอก คนรุ่นใหม่ หรือแม้กระทั่งคนรุ่นเก่าๆ รุ่นพวกผมซึ่งยังไม่เข้าใจว่างานลอยกระทงที่แท้จริงคืองานอะไร ไม่ใช่งานกินเหล้าเมายา หรือว่าไปนั่งริมสระ ว่ายน้ำ และไปในโรงแรมชั้นหนึ่ง หรืองานที่ขับรถไปสุโขทัย ไปเมืองเก่า ที่โน่นที่นี่ และลอยกระทงเพื่อความรัก ความสมานฉันท์ ไม่ใช่อย่างนั้นอย่างเดียว แท้ที่จริงแล้ว สังคมเกษตรกรรมเขาจัดงานลอยกระทงเพื่อมาบูชาพระคุณต่างๆ นะครับ ผมมีกลอนบางอันในอดีตซึ่งสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งท่านได้มีการเขียนเอาไว้ในเรื่องการลอยกระทง ผมอยากจะอ่านให้ฟังกันบ้างเผื่อจะจำกันได้ มันมีจดหมายเหตุโคลงกวีเรื่องลอยกระทง ก็อยากจะอ่านเฉพาะซึ่งเป็นโคลงทวาทศมาศ โคลงอันนี้เป็นวรรณคดียุคต้นกรุงศรีอยุธยา กวีที่แต่งคร่ำครวญถึงผู้หญิงคนรัก โดยพรรณนาพาดถึงประเพณี 12 เดือนในยุคนั้น เริ่มต้นที่เดือน 5 ปีใหม่ ในคติฮินดู พราหมณ์ นึกดูขนาดในโบราณก็ยังมองว่าการลอยกระทง เป็นการพร่ำถึงคนรัก แต่ที่แท้จริงแล้ว ตำนานที่แท้จริง คือการบูชาแม่น้ำ โคลงบอกว่า
“ชลทีปละปลั่งคว้าง ทางสินธุ์
นาเวชนาวาวาง วาดน้ำ
ตกบางขดานดิน สดือแม่
ดลรดูสั่งล้ำ ไล่ชล ฯ
ไล่ชลนาเวศแล้ว เมือโรง
อ่อนรทวยนวยกล กิ่งก้ม
เรียมพายรโงงโหง หกอยู่
เพราะเพื่อพลหายห้ม ห่มแรง ฯ
กรรดึกเดือนตั้งแต่ง โคมถวาย
ทุกทวยหญิงชายแสวง ล่องเหล้น
ขับซอปี่แคนหลาย เพลงพาทย์
ติ่งติ่งนิ้วน้าวเต้น ร่อนรำ ฯ
โคมทองประทีปแก้ว เรืองใน
อกพี่คือโคมคำ คู่ได้
เพลิงผลาญกระอุใจ วนิเจต
ทรวงรลุงลาญไหม้ ป่วนเปน ฯ”
สโรชา- เอาละคะ วันนี้ช่วงแรกว่ากันด้วยเรื่องของวันลอยกระทงค่ะ
สนธิ – เรื่องเบาๆ ประเดี๋ยวจะหนักอึ้งเลย
สโรชา – นั่นซิค่ะ เพราะช่วงสอง เราจะกลับมาคุยกันถึงเรื่องการขึ้นเงินเดือนส.ส. ส.ว. วิพากษ์วิจารณ์กันค่อนข้างจะเยอะสำหรับเรื่องนี้ พักซักครู่เดี๋ยวกลับมาคุยกันต่อค่ะ
****************
สโรชา – กลับมาสู่เมืองไทยรายสัปดาห์นะคะ ไปคุยกันเรื่องหนักๆ บ้าง เพราะว่าเป็นเรื่องหนักอึ้งซึ่งหลายๆ ท่านก็ฟังข่าวและวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ดิฉันขออนุญาตนะคะ ชูสติ๊กเกอร์ 2 แบบ ถ้าเกิดกล้องโคลสเข้ามาจะเห็นว่าเขียนว่าอะไรบ้าง นี่คือสติ๊กเกอร์ที่เครือผู้จัดการใช่ไหมค่ะ ได้ทำขึ้นตั้งแต่ปี 2545 เดือนสิงหาคม โดยต่อต้านการขึ้นเงินเดือนของส.ส.และ ส.ว. คุณสนธิ
สนธิ – จริงๆไม่เชิงหนังสือพิมพ์ผู้จัดการทำหรอกครับ เผอิญช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีข่าวเป็นกระแสว่าจะมีการขอขึ้นเงินเดือน ก็มีผู้คนอยู่มากหลายเลยที่ส่งจดหมายมา โทรศัพท์มา บอกว่าเขาจะทำยังไงที่จะขอประท้วงความคิดเช่นนี้ เราก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวทางเราจะหาทางที่จะหาผู้ร่วมสนใจเข้ามาลงขันและทำเป็นสติ๊กเกอร์ ก็ทำเป็นสติ๊กเกอร์ออกมา และก็แจกไปบ้างบางส่วน และไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสใช้อีก จนกระทั่งเมื่อซัก 1-2 วันนี้ แต่ว่าเพื่อความไม่เข้าใจกันผิด เราต้องแยกประเด็นกันออกนะครับ คุณสโรชา เริ่มหนักแล้วนะ คือผมเห็นด้วยว่าเงินเดือนส.ส. และส.ว. น้อยมาก เงินเดือนรัฐมนตรีก็น้อย เงินเดือนนายกรัฐมนตรีก็น้อย คือถ้าพิจารณาถึงภาระความรับผิดชอบที่มีอยู่ เราดูเงินเดือนท่านกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทยคนใหม่ เดือนละ 1.4 ล้านบาท กรรมการผู้จัดการการบินไทย เงินเดือนเดือนละ 800,000 บาท พวกนายแบงก์ต่างๆ พวกองค์กรใหญ่ๆ เงินเดือนเหยียบๆ ล้านทุกคน ถามว่าความรับผิดชอบของคนพวกนี้ กับความรับผิดชอบของคนซึ่งอยู่ในระดับรัฐมนตรีต่างกันไหม ต่างกันมหาศาล แต่เงินเดือนพวกนั้นน้อย เงินเดือนส.ส. ส.ว. ก็น้อย แต่ว่าหยุดก่อน การที่คนคนหนึ่งบอกว่าคนคนนี้เงินเดือนน้อย ควรที่จะได้ขึ้นเงินเดือน สิ่งแรกในฐานะซึ่งคุณอยู่ภาคเอกชน คุณสโรชาบอกคุณสนธิ เมื่อไหร่จะปรับเงินเดือนดิฉันซักที คำแรกที่ผมต้องถามและผมต้องคิดกับตัวผมเองว่า คุณภาพที่คุณมีอยู่นั้นคุ้มไหมกับเงินเดือนที่จะต้องขึ้น ผมคิดว่าประเด็นตรงนี้ต่างหาก ประสิทธิภาพของตัวงานและก็คนซึ่งสมควรจะได้ปรับนั้น ควรหรือไม่ควรที่จะปรับ ในแผนกขาย เขาจะบอกว่าเงินเดือนคุณต่ำ แต่คอมมิชชั่นคุณสูง ในหลักการบริหารเงินเดือนคุณสูง คอมมิชชั่นคุณไม่มี เหมือนกัน ผมเอาส.ส. ก่อนแล้วกัน จริงๆแล้วการขึ้นเงินเดือนและมีการพูดจากันครั้งนี้ ที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือว่า ทั้งส.ส. ฝ่ายค้าน ก็ไม่ได้โวยวายอะไรทั้งสิ้น เพราะตัวเองได้ ผมก็เข้าใจ แต่ว่ามีอยู่อันหนึ่งซึ่งซ่อนเร้นมาก ไม่เคยมีใครเอามาพูด จริงๆ แล้วสวัสดิการ ผลประโยชน์ที่ส.ส.ได้มากมายมหาศาล เข้าใจว่าส.ว.ได้ด้วย การเดินทางแน่นอนที่สุด ถ้าเดินทางในประเทศได้ตั๋วฟรี นั่งบิซิเนสคลาส สูงสุดแล้ว นอกจากนั้นแล้วนั่งรถไฟ ก็นั่งชั้นหนึ่ง เสร็จเรียบร้อยแล้วยังมีโควตา ที่เขาเรียกว่าโควตั้ง ผู้ช่วยส.ส. ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวส.ส. กินเงินเดือนหลวง รวมแล้วหลายหมื่นบาท คือถ้าคุณสโรชาเป็นส.ส. คุณสโรชามีอีก 2 ตำแหน่งที่ตั้งได้ คือผู้ช่วยส.ส.และผู้เชี่ยวชาญประจำตัวส.ส. นอกจากเงินเดือนตัวเองแล้วยังสามารถจะมีอีก 2 คนได้ ตั้งเงินเดือน เป็นเงินเดือนหลวงนะครับ แต่ที่เป็นมามีอยู่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมด ที่ตั้งใจสนองเจตนารมณ์ ในการที่ให้ตำแหน่งให้คนมาเป็นผู้ช่วยตัวเอง โดยที่ตั้งจริงๆ ตั้งคนมาเป็นผู้ช่วยส.ส.จริงๆ ตั้งผู้เชี่ยวชาญส.ส. จริงๆ แต่บางคนก็ไม่ได้ตั้งคนที่จะมาช่วยให้สมเจตนารมณ์ที่เขาให้มาไปตั้งเงินเดือนให้คนติดตามและคนถือกระเป๋า คือไม่ได้ใช้ตามประเด็นเลย เพราะฉะนั้นคุณจะเห็นว่าในช่วงหลัง ส.ส.จะมีส่วนใหญ่ จะมีคนที่คอยเดินตาม คอยถือกระเป๋า จะวิ่งมาทันทีเลยครับ บุหรี่หน่อย ก็ควักบุหรี่ให้ ช่วยโทร.ถึงคนนั้นหน่อย ลักษณะนี้ไม่ใช่ผู้ช่วยส.ส. ลักษณะนี้เรียกว่าม้าส.ส. เบ๊ และผู้เชี่ยวชาญประจำตัวส.ส. ก็ไม่ใช่อีก บางคนตั้งคนขับรถให้เป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ก็คือพูดง่ายๆ ว่าไม่ต้องจ่ายเงินเดือนคนขับรถ ตรงนี้บางคนร้ายกว่านั้น ไปเอาชื่อจากไหนไม่รู้ไปเอาชื่อ แต่เงินเดือนเข้ากองกลาง คือเข้าไปในตัวเขา นึกออกไหมครับ คือตั้งแต่ชื่อ และเงินเดือนเข้าไป ชื่อใครไม่รู้มาใส่ เพราะฉะนั้นแล้วอีกอันหนึ่ง เขาให้คอมพิวเตอร์กับส.ส.เอาไปใช้เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ ดันเอาไปให้ลูกเล่นเกม นี่มีไม่น้อย นี่ผมพูด ผมฝากถึงส.ส.ทุกคน เพราะผมคิดว่าทุกคนมีส่วนในการช่วยพัฒนาการเมืองบ้านเรา แต่ว่าถ้านิสัยกลายเป็นสันดานไปแบบนี้ นี่คือสิ่งซึ่งประชาชนออกมาและโวยวาย นี่ยังไม่ได้นับถึงพฤติกรรมในสภานะ และความใส่ใจที่ตัวเองจะต้องรับผิดชอบกับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในเขตที่ตัวเองมาอยู่ ยังไม่ได้พูดถึงตรงนั้น เอาเฉพาะนิสัยส่วนตัวที่ประพฤติปฏิบัติกันในสภาตรงนี้ต่างหาก คนหลายส่วนในจำนวนส.ส. ประพฤติตนแบบนี้ เมื่อประพฤติตนแบบนี้แล้ว คุณสโรชา คุณลองคิดดูซิ ว่าประชาชนทำไมถึงร้องยี้กัน ทั้งๆ ที่ในส่วนตัวของผม อย่าว่าแต่ขึ้น ให้อีกกี่หมื่นนะ 30,000 กว่าบาทใช่ไหม ผมว่าให้ส.ส. เงินเดือน 250,000 หรือ 300,000 บาท ยังสมควรจะให้เลย ถ้าปฏิบัติหน้าที่ได้ถูกต้อง นายกรัฐมนตรีอย่าว่าแต่ได้เงินเดือนแสนเลย ผมให้ 2 ล้านบาท เท่านายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ สิงคโปร์ประเทศเล็กกว่าเราเยอะ แต่ทำไมนายกรัฐมนตรีเขาได้เงินเดือนเยอะกว่านายกฯ เรา ปรับไปเลย รัฐมนตรีเงินเดือนเป็นล้าน ก็ถ้าหากว่าคุณกนก อภิรดี ดูแลการบินไทย เงินเดือนตั้ง 700,000-800,000 บาท หรือคุณอภิศักดิ์ เอ็มดีคนใหม่แบงก์กรุงไทย เงินเดือนล้านกว่าบาท ทำไมรัฐมนตรีจะไม่ได้ คุณสมคิดเป็นเจ้านายโดยตรงของคุณอภิศักดิ์ กรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ทำไมคุณสมคิดรับแสนกว่า คุณอภิศักดิ์รับแค่ล้านกว่า รับตั้งล้านกว่า คุณสมคิด ควรจะรับมากกว่าคุณอภิศักดิ์ซะด้วยซ้ำ แต่ในที่สุดก็ต้องมาจบลงที่เนื้องาน เอาอย่างนี้ไหม ส.ส.บางคนไม่ได้ทำหน้าที่ ทำหน้าที่อย่างเดียวคือลงพื้นที่เมื่อจำเป็นต้องลง เมื่อได้งบประมาณส่วนกลางก็ไปลง แต่การต่อสู้ปกป้อง ทำสิ่งที่ดีให้กับจังหวัดและตัวเอง ยกตัวอย่างเชียงราย เชียงรายกรณีที่จะไปตั้งนิคมอุตสาหกรรมที่อ.เชียงแสนที่เราเคยพูด แทนที่ส.ส.จะมองเห็นว่าการตั้งนิคมอุตสาหกรรม ตรงนั้นเป็นการทำลายรากเหง้าวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์เชียงแสน จะเป็นการทำลายการท่องเที่ยวในระยะยาว ของเมืองเชียงราย ส.ส.เชียงรายเป็นใบ้กันทุกคน ไม่ออกมาแสดงอาการ ไม่ออกมารวมตัวกัน หรือว่าไม่ออกมาถกเถียงกัน เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ไม่ว่า แต่ว่าขอให้มีความคิดเห็นตรงนี้ อย่างน้อยที่สุดบอกประชาชนคนไทยทั้งประเทศ หรือบอกคนเชียงแสน เชียงราย ว่าผมเห็นด้วยกับการตั้งนิคมอุตสาหกรรม เพราะเป็นการสร้างงาน ผมไม่เห็นด้วย เหตุผลเพราะว่านิคมอุตสาหกรรมสามารถจะย้ายไปตั้งตรงอำเภอนั้นได้
สโรชา – คือทำตัวเป็นผู้แทนฯ เป็นตัวแทน
สนธิ – ไม่ได้ทำตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ผมถึงผิดหวังในบทบาทหน้าที่ของส.ส. และนี่ยังไม่ได้นับ การกระโดดร่ม การไม่เข้าประชุม หลายต่อหลายครั้งสื่อมวลชน โทรทัศน์มันฟ้อง การประชุมสภาทีไร ถ้าไม่สำคัญมันว่างหมด อุปมาอุปมัยเหมือนคุณสโรชางานมาทำบ้างไม่ทำบ้าง แล้วจะบอกให้คุณสนธิขึ้นเงินเดือนให้ดิฉันหน่อย ผมจะขึ้นให้คุณทำไม ทั้งๆ ที่บทบาทหน้าที่ของคุณ ถ้าคุณทำเต็มที่เงินเดือนที่คุณได้รับแล้วยังไงก็ไม่พอ ต้องเพิ่มให้คุณ 2 หรือ 3 เท่าด้วยซ้ำ ทำไมเราไม่วัดกันตรงนั้นหรือทำไมเราไม่วัดว่าเอาเงินทั้งหมดมาหารด้วยการประชุมสภาฯ เป็นครั้ง ครั้งหนึ่งจะต้องคิดไปเท่าไหร่ สมมติว่ามีการประชุมไปทั้งหมด 150 วันต่อปี หารไปเลย ว่าทั้งหมดเฉลี่ยแล้ว แต่ละครั้งเท่าไหร่ มาครั้งหนึ่ง รูดบัตรทีหนึ่งก็ได้เงินไป
สโรชา – ถึงบอกว่าต้องมากันเยอะแน่ๆ
สนธิ – แต่ก็ถามต่อ ว่าถ้าต้องทำอย่างนั้นเพื่อคุมพฤติกรรมส.ส. แล้วผมจะมีพวกคุณไว้ทำไม พวก
ส.ส. พวกส.ว.ไม่เข้าใจ พวกนี้คือตัวที่ทำลายประชาธิปไตยอย่างที่แท้จริง
สโรชา- ที่คุณสนธิพูด รวมไปถึงส.ว.ด้วยหรือเปล่าค่ะ
สนธิ – รวมไปหมดทุกคนครับ ทั้ง 2 ฝ่ายเป็นตัวทำลายประชาธิปไตย ผมไม่ได้พูดถึงทุกคนนะ ผมพูดถึงส่วนหนึ่งซึ่งมีจำนวนไม่น้อย คนพวกนี้ทำลายศรัทธาที่ประชาชนหรือคนอย่างผม คนอย่างคุณสโรชา คนที่หวังให้ชาติบ้านเมืองจะได้ถูกรับใช้โดยส.ส. ส.ส. วันนี้มีหน้าที่ยกมือตะบันให้กับพรรคของตัวเอง มติพรรคมียังไง ความถูกต้อง ไม่ต้องพูดถึง ถ้ามติพรรคให้ทำอย่างนี้ กูจะยกอย่างนี้ ไม่สนแล้ว
สโรชา – ไม่สนประชาชนที่ตัวเองเป็นผู้แทนอยู่ จะคิดยังไง
สนธิ – ครับและความถูกต้องอยู่ที่ไหน ไม่มีความสนใจ นั่นคือข้อที่หนึ่ง ข้อที่สอง พฤติกรรมความกร่างของส.ส. นี่ผมจำเป็นต้องพูด ที่ผมพูด ส.ส. ส.ว. ที่เป็นคนดี ไม่ต้องเสียใจ ทำความดีต่อไป แต่ส.ส. และส.ว. ที่เป็นอย่างที่ผมพูด ยังไม่สาย กลับตัวกลับใจได้ ทำไมคนถึงรังเกียจส.ส. พวกคุณไม่รู้เวลาพวกคุณขึ้นเครื่องบิน ประชาชนเขาหมันไส้คุณทั้งนั้น เพราะคุณกร่าง คุณกร่างมากๆ ขึ้นมา บางคนนะ ส.ส.ขึ้นมาบนเครื่องบินนะขอให้รู้ว่าเป็นส.ส. จังหวัดนะ ขึ้นแล้วหมุนตัวก่อน มองไปรอบ นี่เรื่องจริง ผมเจอมาแล้ว เพื่อให้คนรู้ว่าเขาคือส.ส. แล้วพวกนี้พอขึ้นเครื่องบิน ทั้ง ๆที่ผมเพิ่งกลับมาจากอุดรฯ ผมขี้เกียจพูด จริงๆ แล้วส.ส.ที่นั่งเขาให้นั่งอิโคโนมี ชั้นสุดท้ายนอกจากชั้นบิสซิเนสว่างค่อยเลื่อนขึ้นมา ปรากฏวันนั้นไฟลท์ทั้งไฟลท์ ส.ส. นั่งเต็มหมดเลย ชั้นบิซิเนสคลาส นี่ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ คือพวกนี้เขาเรียกว่าภาษาอังกฤษเรียกว่า อะบิวส์ (abuse) เอาประโยชน์ ผมถึงอยากจะฝากบอกว่า ประชาธิปไตยนั้นขึ้นกับความศรัทธาที่เราและประชาชนทั้งหลายที่จะมีต่อคนพวกนี้ แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามศรัทธาถูกทำลายไป ด้วยวิธีการทำงาน ด้วยพฤติกรรมของเขา และด้วยการวางตัว ผมอยากจะเห็นส.ส.นอบน้อมถ่อมตัว ไม่ใช่นอบน้อมถ่อมตัวและไหว้คนเป็น และโค้งคนเป็น เฉพาะตอนนี้ เพราะว่าใกล้เลือกตั้ง แต่ควรจะนอบน้อมถ่อมตนไม่ใช่เฉพาะประชาชนต้องการเสียงในพื้นที่ตัวเอง ในที่สาธารณะ ไปอย่างประชาชนธรรมดาสามัญหน่อยได้ไหม ขึ้นเครื่องบินอย่ากร่าง เวลาจะลงจากเครื่องบินก็ไม่ใช่ว่าจะต้องลงก่อนชาวบ้านเขา ประพฤติปฏิบัติตนให้ยิ่งนอบน้อมกว่าชาวบ้านเขา อ่อนโยนแต่อย่าอ่อนแอ แข็งแรงแต่อย่าแข็งกร้าว รู้จักที่จะบันยะบันยังกับพฤติกรรมอะไรหลายอย่าง หลายๆ คนไปไหนมาไหน คนเขาจะรู้ทันทีเลยและนี่คือที่มา พวกคุณไม่รู้ พวกส.ส.ไม่รู้ว่าชาวบ้านเขา เวลาขึ้นเครื่องบินผมรู้เลย ผมนั่งอยู่ คนนั่งข้างๆ ผมบอกว่าหมันไส้มันจริงๆ ไอ้พวกนี้ มันกินภาษีอากรประชาชนและบางคนมันซื้อเสียงเข้ามา ไปสรรหาผลประโยชน์ในสภา และมันยังมาทำเต๊ะจุ้ย นั่งเครื่องบินก็ภาษีเรา ใช่ไหม บางคนชอบขึ้นเครื่องบินทีหลังสุด ให้ทุกคนรอก่อนแล้วตัวเองก็ขึ้น นี่คือสิ่งซึ่งผมคิดว่า มันสั่งสม และมันสร้างขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดพอขอขึ้นเงินเดือนปัง
สโรชา – ทั้งที่ไม่ได้ขึ้นมาสิบกว่าปี
สนธิ – จริงๆ แล้วสมควรจะถูกขึ้นมานานแล้ว แต่พอขึ้นปุ๊บ เขาเลยด่ากันทั่วเมือง แต่คนด่าเขาก็มีประเด็นอยู่ประเด็นเดียวคือว่าทำงานไม่คุ้มกับเงินเดือนที่ขึ้น ประพฤติตนไม่คุ้มกับเงินเดือนที่ขึ้น ไหนๆ สภานี้จะหมดแล้ว หมดไปแล้ว จะมีเลือกตั้งใหม่ ผมฝากให้ส.ส.ทั้งหลาย ที่จะลงเลือกตั้งและมีโอกาสจะกลับเข้ามาใหม่ หรือว่าหน้าใหม่ที่จะมาเข้ามาใหม่ ให้จำคำพูดผมดีๆ ประพฤติตนให้ดีๆ ทำหน้าที่ตนให้สมบูรณ์แบบ เขาจ้างขึ้นมา เอาภาษีอากรมาเพื่อให้มาประชุมสภาฯ เพื่อให้มาปกป้องพื้นที่ของตัวเอง ทำงานให้ประชาชน เพื่อทำสิ่งที่ผิดให้ถูก และแสดงความนอบน้อมถ่อมตนต่อประชาชนที่คุณเอาเงินภาษีอากรมาใช้เท่านั้นเอง จะขึ้นอีกกี่เท่าก็ไม่ว่า
สโรชา – ค่ะ ก็นำมาพูดคุยกันในวันนี้ค่ะ สำหรับหัวข้อเรื่องการขึ้นเงินเดือน ส.ส. ส.ว. คิดว่า อาจจะถูกใจคุณผู้ชมหลายท่าน แต่อย่างไรก็ตาม เบากันมาเยอะ ถึงช่วงนี้ก็หนักอึ้งกัน ช่วงหน้าก็คิดว่าคงจะหนักเหมือนกันนะคะ เพราะเราจะพูดคุยกันถึงประเด็นของสังคม ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น ในทุกวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับสังคมเรา ซักครู่กลับมาค่ะ
****************
สโรชา – กลับมาช่วงสุดท้ายของเมืองไทยรายสัปดาห์นะคะ เรามาคุยกันถึงปัญหาสังคม โดยเฉพาะเรื่องของคุณจอยซ์ ทีเค ซึ่งคุณสนธิพูดไว้เมื่อช่วงต้นรายการว่าจริงๆ แล้วจะโทษคุณจอยซ์เพียงคนเดียวไม่ได้ แต่ต้องโทษสังคมหรือสภาพแวดล้อมที่คุณจอยซ์โตมาด้วย
สนธิ – คุณกับคุณจอยซ์อายุไล่เลี่ยกัน คุณคิดยังไงเรื่องนี้ คุณพอได้ยินข่าวแล้วเราอธิบาย ระบายความรู้สึกให้ผมฟังหน่อยซิ
สโรชา – คือจริงๆ แล้วเสียดายว่า เธอเป็นคนหน้าตาดี มีความสามารถ มีคนชื่นชมจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
สนธิ – จบจากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อมาก
สโรชา – ใช่ กลับกลายเป็นว่ามาจบลงอย่างนี้มันเป็นอะไรที่
สนธิ – แล้วคุณสงสารเขาไหม
สโรชา – จะเรียกได้ว่าสงสารนิดหน่อย ก็มีบ้างนะคะ มีความรู้สึกสงสาร เขาคงไม่อยากจะมาตกอยู่ในสภาพอย่างนี้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าบางครั้งคนเรามันอยู่ในสิ่งแวดล้อมหรือสถานการณ์และมันหลวมตัวไป และมันถอนตัวไม่ขึ้น
สนธิ – ผมไม่สงสารเขา แต่ผมไม่สมน้ำหน้าเขา ทำไมผมไม่สงสารเขารู้ไหม เพราะว่าคุณจอยซ์เป็นคนที่อายุก็มากแล้ว ก็น่าจะรู้อยู่ว่าตัวเองนั้น มีบทบาทหน้าที่อะไรบ้าง เคยมีบทบาทอะไร ตรงนี้จริงๆแล้ว ผมอยากจะฝากไปบอกนิดนึง อยากจะเรียนคุณสโรชาและท่านผู้ชมทางบ้านว่า ยังมีดาราทั้งนักร้อง และดาราภาพยนตร์และละครทีวี อีกเยอะ ที่เล่นยา อัพยา อย่ามานั่งโกหกอะไรกันเลย เพราะว่าผมรู้ หลายคนผมรู้อยู่แล้วว่า อัพยาเล่นโคเคน กินยาอี หลายคนมีชื่อมีเสียง เอ่ยขึ้นมาแล้งคนแทบจะไม่มีใครเชื่อ เหมือนอย่างจอยซ์ ปีที่แล้วหรือซัก 6 เดือนเป็นคนขายยาบ้า อัพยาไม่มีใครเชื่อเหมือนกัน แต่ว่าวันนี้ทุกคนจำเป็นต้องเชื่อและท่านผู้ชมที่บ้านเชื่อผมเถอะ เพราะข้อมูลผมไม่ผิด ดารามีอีกไม่น้อยที่หน้าฉากเป็นอย่างนี้ แต่ลับหลังแล้วอัพยา สูดโคเคน กินยาอีกัน ไม่น้อยเลย และอยู่ในแวดวงของกลุ่มบรรดาค่ายเพลงใหญ่ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นค่ายเพลงอะไรมีทั้งนั้นมีทั้งดาราที่ค้างฟ้า ดาราติดฟ้า บ้าบอคอแตกมีหมดพวกนี้ แต่ผมไม่ได้หมายถึงทุกคนนะแต่มีส่วนไม่น้อยเลยตอนนี้ ให้รู้ไว้ด้วย คนพวกนี้เป็นคนที่น่าสมน้ำหน้าที่สุดเพราะไม่รู้จักว่าตัวเองอยู่ในบทบาทอะไร คุณสโรชา เผอิญผมรู้ว่าต้องพูดเรื่องนี้ ผมต้องทำการบ้านมาคร่าวๆ ว่าในรอบ 7 วันที่ผ่านมา เรามีเรื่องราวอะไรบ้าง เรามีเรื่องคุณจอยซ์ ทีเค เรารู้แล้ว มีเรื่องลูกชายวัย 21 ปี ของนายกสมาคมพระเครื่องและพระบูชาไทย นักแต่งเพลงเพื่อชีวิต พยัพ คำพันธุ์ บันดาลโทสะยิงยามในหมู่บ้านตาย 1 สาหัส 1 เพราะไม่พอใจที่ขอตรวจรถที่ไม่ติดสติ๊กเกอร์ เรามีแม่เฒ่าวัย 67 ปี กอดคนรักวัย 66 ปีที่ตายขึ้นอืดอยู่ 4 วัน พร้อมกับหมา 1 ตัว เรียกให้คนช่วยจนหมดเสียง ไม่มีใครได้ยิน เรามีแขกอินเดียบงการจ้างทีมทหารเรือ จับพ่อค้าแขกเรียกค่าไถ่ร้อยล้าน แต่ขี้ตืดไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง ทีมรับงานเลยปล่อยเหยื่อ ปล่อยให้ถูกจับยกแก๊ง ผู้บงการยิงกรอกปาก หมายตายหนีคดี แต่โชคร้ายไม่ตาย เรามีการรัวเอ็ม 16 ฆ่าเด็กวัย 14 พร้อมย่าวัย 62 ดับคาบ้าน แค้นเด็ก 2 คนขโมยเงินไปกดเงิน 50,000 บาท จับตัดหู หั่นจู๋โยนทิ้งแม่น้ำ ดูหนังเรทอาร์แล้วคึกจัด เด็กชายวัย 14 ข่มขืนเด็กหญิงวัย 6 ขวบ แค้นไม่ให้รับกฐิน พระลูกวัดวัย 39 ใช้ตะไบตัด เจ้าอาวาสวัด 62 ปางตาย หึงครูสาว แฟนเก่าบุกห้องเรียนทุบหัวนั่งคร่อมจ่อหัว ยิง 5 นัดซ้อน ดับต่อหน้านักเรียนอนุบาล คุณสโรชา นี่สังคมไทยในวันลอยกระทงหรือ ผมถึงบอกว่า เรื่องนี้เวลามันสั้น เราคงต้องหาซักอาทิตย์หนึ่ง และถ้าท่านผู้ชมเรียกร้อง ให้แจ้งมา เราต้องพูดถึงจริยธรรมและศีลธรรม ในยุคที่สังคมไทยกำลังมุ่งมองตัวเลข มุ่งมองความโลภ เป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุด จนกระทั่งคุณฟังแล้วผมยังแทบไม่น่าเชื่อ บางครั้งเรามานั่งอ่านข่าวเช้าวันต่อวัน เราไม่รู้สึก เพราะล่องลอยไปตามกระแสข่าววันนั้น แต่พอเรามามองย้อนหลัง 7 วัน คุณสโรชา แล้วไล่แต่ละเรื่องแล้ว แล้วมาถามว่านี่มันเมืองไทยหรือนี่นรกอเวจีกันแน่ ผมชักไม่แน่ใจว่านี่คือเมืองพุทธศาสนา ผมกำลังเป็นงงไปหมด
สโรชา – ค่ะ คงจะต้องหาเวลาที่จะมาคุยกันเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง ลืมไปหรือเปล่าว่าสิ่งสำคัญคืออะไร เราไปมุ่งเน้นเรื่องราวของรายได้ ตัวเลข
สนธิ – ใช่ เราลืมเรื่องจิตวิญญาณไปหมดแล้ว ตอนนี้ เราเหมือนผีดิบไปแล้ว คนไทยเริ่มเหมือนผีดิบไปแล้ว
สโรชา – ค่ะ แล้วเราก็จบรายการด้วยประเด็นที่หนักอึ้ง อย่างที่เราเคยคุยมาหลายต่อหลายครั้งว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยเรา เราลืมบางอย่างไปหรือเปล่า ลืมสิ่งที่มีคุณค่าไปหรือเปล่า คุณภาพชีวิตของเราทุกวันนี้มันเป็นอย่างไรและเรากำลังให้ความสำคัญกับอะไรผิดๆ ไปหรือไม่ คราวหน้าเราคงต้องกลับมาคุยกันในประเด็นนี้ หาเวลาคุยกันยาวๆ ซักนิดค่ะ สำหรับวันนี้หมดเวลาแล้วค่ะ สำหรับเมืองไทยรายสัปดาห์ กลับมาพบกันใหม่ในวันศุกร์หน้า สำหรับวันนี้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ดิฉัน สโรชา พรอุดมศักดิ์ ลาไปเพียงเท่านี้ สวัสดีค่ะ
****************
สโรชา – สวัสดีค่ะคุณผู้ชม ขอต้อนรับเข้าสู่รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ อาหารสมองก่อนเข้านอนในทุกคืนวันศุกร์ค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้งกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ดิฉัน สโรชา พรอุดมศักดิ์ วันนี้มาพบกับคุณผู้ชมในวันลอยกระทงนะคะ คิดว่าคุณผู้ชมคงจะกลับมาจากลอยกระทงเรียบร้อยแล้ว เรา 2 คน คุณสนธิยังไม่ได้ไปลอยเลย จะไปลอยที่ไหนค่ะ หลังรายการ
สนธิ – ผมไม่ไปลอย แต่ผมในคลองหรือในอ่าง ขึ้นกับว่าอ่างไหน
สโรชา – ดิฉันไม่ถามต่อดีกว่าอ่างไหน แต่ว่าความเป็นมาของลอยกระทง คุณสนธิ เล่าให้คุณผู้ชมฟังซักนิดนึงได้ไหมค่ะ ตัวดิฉันเองก็ไม่ทราบ
สนธิ – คงต้องพูดกันยาวนิดนึง เพราะว่าคนไทยมีประเพณีสนุกสนานเยอะมาก แต่ที่มาที่ไปของประเพณี เราไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย คือคุณสโรชา ผมเห็นคนไทยฉลองนะครับ คนไทยฉลองคริสต์มาส ข้อที่หนึ่งนะ ร้อนก็ร้อน แต่ก็ยังดันฉลองคริสต์มาสกับเขานะครับ และฉลอง เป็นพุทธก็เป็นพุทธนะ ก็ไปฉลอง ไม่เป็นไร แต่เผอิญคริสต์มาสมันเป็นเทศกาลแห่งความรัก ความเอื้ออาทรและการให้ ฝรั่งเขามีคริสต์มาสกันตรงที่ว่า คริสต์มาสอีฟ เพื่อให้คุณสโรชา กับครอบครัวอยู่บ้าน ทานข้าวด้วยกัน และคริสต์มาสเดย์ก็เข้าโบสถ์ หรือว่าให้ของขวัญกัน แต่คนไทยไม่ได้สนใจ คำว่าฉลองคริสต์มาสก็คือ แฟนกันแฟนกันเที่ยวกัน
สโรชา – ไปทานข้าว
สนธิ – คือสรุปง่ายๆ ว่าทุกเทศกาลที่เขามีนัยในเชิงวัฒนธรรม ปรัชญา ความดำรงอยู่ คนไทยแปลเปลี่ยนเป็นงานรื่นเริงไปหมด ขอให้มีเอี่ยว ในทุกๆ ประเภท และไม่เคยเข้าใจเหมือนกับลอยกระทง ลอยกระทงเองก็มีนัยที่มากกว่าไปการซึ่งเหมือนคนบางคน ผมดูทีวี เขาบอกว่าลอยกระทงคือการลอยทุกข์ลอยโศก จุดธูปบนบานเข้าไป บางคนถึงกับบอกว่าวันลอยกระทง คือวันวาเลนไทน์ ของไทยนะ ขนาดนั้นเลย คือพูดง่ายๆว่า เนื่องจากเป็นวันพระจันทร์วันเพ็ญ เพราะฉะนั้นวันลอยกระทง ถ้าหากจะขออะไรแฟนหรือจะคุยอะไรกับแฟน หรืออยากได้ในสิ่งซึ่งแฟนไม่เคยให้ วันนั้นแฟนจะให้ คือเป็นบ้ากันไปหมดแล้ว
สโรชา – ก็คิดว่าคงต้องคุยกันยาวใช่ไหมค่ะ เรื่องลอยกระทง เดี๋ยวจะกลับมาคุยกัน อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องคุยกันคือ เรื่องการขึ้นเงินเดือน ส.ส. ส.ว. คุณสนธิ วิพากษ์วิจารณ์กันเยอะแยะมากมาย ตรงนี้เรามีสติ๊กเกอร์เซอร์ไพรส์ด้วยนะ เพราะผู้จัดการทราบมาล่วงหน้า ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว
สนธิ – 2 ปีที่แล้วว่าต้องขึ้นแน่นอน
สโรชา – ค่ะ เดี๋ยวเราจะมาบอกว่าสติ๊กเกอร์ที่ว่าเขียนว่าอะไรนะคะ อีกประเด็นหนึ่ง เป็นประเด็นที่ซีเรียสซักนิดนึง เป็นประเด็นทางสังคม ซึ่งคิดว่าหลายๆ ท่านทราบข่าวคุณจอยซ์ วงทีเค ไทรอัมส์ คิงดอมแล้ว ก็คงจะอดรู้สึกไม่ได้ว่าสังคมสมัยนี้มันเป็นอะไรกันไปหมด คุณสนธิพูดมาหลายครั้งแล้วนะคะ เรื่องนี้
สนธิ – พูดแล้วพูดอีกและคงต้องพูดต่อไปจนผมตาย เพราะว่ามันไม่ใช่ความผิดของคุณจอยซ์คนเดียว มันเป็นความผิดของสังคมทั้งสังคม เพราะว่าผมรับไม่ค่อยได้กับการที่ผมอ่านข่าวและผมมาเจอตัวแฟนคุณจอยซ์ ซึ่งหนังสือพิมพ์ไปสัมภาษณ์ว่าทำไมทำอย่างนั้น ไปดึงคุณจอยซ์เข้ามา และแกพูดยังไงรู้ไหม แกบอกว่าอยู่ด้วยกันต้องช่วยกันทำมาหากิน เพราะรับไม่ได้ว่าต้องช่วยกันทำมาหากิน เพราะฉะนั้นการทำมาหากินโดยผิดกฎหมายหรือทำมาหากินโดยเอาอะไรก็ตามไปให้เด็ก ให้วัยรุ่น ซึ่งเป็นยาเสพติด ผมมองเป็นเรื่องธรรมดาว่าเป็นการทำมาหากิน ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก และมันแปรเปลี่ยนไปว่าทัศนคติของคนสมัยนี้ มันเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องซึ่งเราจะต้องคุยกันให้ยาว
สโรชา – ค่ะ เพราะฉะนั้นวันนี้นะคะ 3 ประเด็นหลักๆ ที่จะต้องพูดคุยกัน พักซักครู่ เดี๋ยวกลับมาคุยกันเรื่องของลอยกระทงกันก่อนค่ะ
****************
สโรชา – กลับมาสู่เมืองไทยรายสัปดาห์นะคะ เมื่อซักครู่นี้เราคุยกันถึงว่าคนไทยมักจะขอมีเอี่ยวในหลายๆ เทศกาล จริงๆ แล้วคงไม่ทราบหรอกว่าเทศกาลเหล่านั้นมีนัย มีความหมายว่าอย่างไร มีความเป็นมาว่าอย่างไร วันนี้วันลอยกระทงค่ะ เรามาคุยกันถึงความเป็นมาและนัยของเทศกาลลอยกระทงซักนิดนึงดีกว่า
สนธิ – ลอยกระทง ถ้าเวลาพูดถึงลอยกระทง คุณสโรชา คิดถึงอะไรบ้าง เล่าให้ผมฟังซัก 5 อย่าง
สโรชา – ก็คิดว่าเราขอขมาพระแม่คงคาก่อน
สนธิ – หนึ่ง มันมีกระทงใช่ไหม
สโรชา- มีกระทง มีธูป มีดอกไม้ มีสตางค์ที่ใส่ลงไปในกระทง ใช่ไหมค่ะ
สนธิ - อันนั้นอย่างหนึ่ง เป็นส่วนประกอบกระทงทั้งหมด อย่างที่สอง แม่น้ำ อย่างที่สาม
สโรชา – คำอธิษฐาน
สนธิ – พระจันทร์เต็มดวง อย่างที่สี่ เราคิดถึงดอกไม้ไฟ พลุ อย่างที่ห้า คือเพลงลอยกระทง ทั้งหมด เวลาเราพูดถึงวันลอยกระทง มันจะเป็นวันซึ่งเรามีความรู้สึกมีความสุขเหลือเกิน คุณสโรชาเองก็เป็นคนบอกผมว่าวันลอยกระทงเป็นวันซึ่งอยากจะไปลอยกระทงถึงแม้ว่าจะดึกค่ำหน่อย ก็อยากจะไปลอยกระทง คือถ้านึกถึงวันลอยกระทงเราก็จะเห็นภาพที่สมัยผมเด็กๆ ผมเห็นแม่น้ำมีแต่ไฟแวบๆ แวมๆ ลุกขึ้นมา มีกระทงลอยไป และมีผู้คนอยู่ริมฝั่งคลาคล่ำ สมัยก่อนรถจะไม่เยอะเหมือนขณะนี้ ประเดี๋ยวก็มีเสียงพลุจุด มีดอกไม้ไฟ มันเป็นวันซึ่งทั้งพ่อ ทั้งแม่ จะต้องจูงมือพาลูก พาหลานไปที่แม่น้ำ หรือไปที่คลอง ช่วยกันลอยกระทง บางคนก็มีหนองเล็กๆ ก็ลอย ประเพณีลอยกระทง ผมคิดว่าไม่ได้น้อยกว่าประเพณีสงกรานต์ คือคนทั่วโลกรู้จักหมด อย่างน้อยที่สุด เพลงประจำชาติเรา คนบางคนบอกว่าเป็นเพลงบัวขาว เห็นบัวขาวนะ แต่ผมกลับคิดว่าเพลงลอยกระทงเป็นเพลงประจำชาติไทยไปแล้ว คุณสโรชาไม่เชื่อนะ เวลาคุณพูดถึงเกาหลี เพลงของเกาหลีเพลงอะไรที่เป็นเพลงประจำชาติ อารีรัง อารีรัง คุ้นหู ลอยกระทงก็เหมือนกันนะครับ ถึงแม้จะไม่เข้าใจในเนื้อหา แต่ว่าทำนองเราจะเข้าใจ เหมือนไต้หวัน เพลงอาลีซาน อาลีซานทีกูเหนี่ยง ขอโทษวันนี้เบาๆ แล้วกันนะ เพราะว่าเราเครียดมามากแล้วหลังจากที่อาทิตย์ที่แล้วเราไปทิ้งระเบิดที่สนามบินอุดรฯ เขา จนกระทั่งท่านออกแถลงการณ์ตอบโต้ แต่ไม่เป็นไรครับเรื่องเล็ก จะออกแถลงการณ์ยังไง ก็ไม่เป็นไร เพราะผมถือว่าเราคนไทยเรามีสิทธิ์จะออกความเห็นกันได้ และเราก็ทำหน้าที่เตือนสติเขา ถ้าเขาคิดว่าเราพูดจาไม่ถูกต้องอะไร ก็บอกเรามา เราไม่ว่ากัน ทีนี้คุณสโรชาสังเกตไหม เวลามีงานระดับชาติ หรือแม้กระทั่งงานระดับภูมิภาคที่เราเป็นคนจัด อย่างเช่นงานเอเชียนเกมส์ เวลาเขาใช้เพลงที่สื่อถึงประเทศไทย เขาจะใช้เพลงลอยกระทง ซึ่งถ้าพูดตามประสาคน ก็มันโดนแล้วเพลงนี้ ทีนี้ต้องยกความสามารถ คุณสโรชาเป็นคนรุ่นใหม่ รู้ไหมใครแต่ง
สโรชา – ไม่ทราบค่ะ
สนธิ – ครูแก้ว อัจฉริยะกุล ผู้ประพันธ์เนื้อ และคนที่ประพันธ์ทำนอง ก็คือครูเอื้อ สุนทรสนาน ทีนี้ลอยกระทงเป็นประเพณีจริงๆ แล้ว คุณสโรชาไม่ได้มีแค่เมืองไทยนะครับ มีมาตั้งแต่อินเดียสมัยโบราณ มาจนถึงพม่า และก็ไปถึงเขมร ลอยกระทงต้นเหตุแท้ที่จริงคือการบูชาแม่น้ำ คือคนโบราณถือว่าน้ำเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขาถึงตั้งชื่อสายน้ำ สายใหญ่ๆ ว่าแม่น้ำ คือยกคุณสมบัติของแม่ซึ่งเป็นสิ่งซึ่งสูงสุดในชีวิตให้เรียกว่าเป็นแม่ ทีนี้ในอดีตนานมาแล้วครั้งหนึ่ง ลอยกระทงมีที่มาคือในอดีตนานมาแล้วเป็นพันๆ ปี คนเราบูชาธรรมชาติ บูชาดิน บูชาน้ำ บูชาลม บูชาไฟ เข้าใจไหมครับ เพราะฉะนั้นแล้วหลังจากบูชาเสร็จเรียบร้อย ในช่วงหลังถึงดัดแปลงเอาความเชื่อทางศาสนาใหม่เข้ามา ปรับปรุงเอามาทางพุทธ ทางพราหมณ์ แต่ศาสนาแรกในโลกนี้คือศาสนาธรรมชาติ คุณจะเห็นว่าสมัยก่อนจะมีเทพเจ้าประจำดิน น้ำ ลม ไฟ เทพเจ้าไฟ กรีกก็มีใช่ไหมครับ เทพเจ้าไฟ เป็นการสำนึกถึงบุญคุณของธรรมชาติ อันนี้เป็นเรื่องที่น่ารักมาก คนทำเกษตรต้องสำนึกถึงบุญคุณของน้ำ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ได้รับการถ่ายทอดว่าการลอยกระทงคือการทำความเคารพให้กับแม่น้ำ เพื่อระลึกถึงคุณของน้ำ เพราะว่าปราศจากน้ำแล้ว เราก็อยู่ไม่ได้ และวันนี้ยิ่งระลึกมากไหม ภัยแล้ง กี่จังหวัดที่เห็นชัด ทีนี้พอมาถึงยุคใหม่บทบาทของประเพณีลอยกระทงก็เลยมีหน้าที่เพิ่มขึ้นมา นอกเหนือจากเทศกาลรื่นเริงในวันเพ็ญเดือน 12 ทุกปีแล้ว คนไทยจะออกจากบ้านไปตามลอยกระทง คือแม้กระทั่งโรงแรมชั้นหนึ่งก็จัดงานลอยกระทง และก็ไปลอยกันในสระน้ำ ลอยกระทงยังเป็นจุดดึงดูดการท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่มาก ปีนี้ ททท.เขาทำแคมเปญในเทศกาลลอยกระทง 5 จังหวัด มี กรุงเทพฯ อยุธยา สุโขทัย ตาก เชียงใหม่ รู้สึกจะ 4-5 จังหวัด และเขาก็กะมีรายได้เข้ามาหลายพันล้าน คือพูดง่ายๆ เอาประเพณีไทยไปขายในเทศกาลท่องเที่ยว
สโรชา – ให้ฝรั่งมาดูเทศกาลของเราเป็นยังไง
สนธิ – ครับ แต่จริงๆ แล้วก็เป็นเทศกาลซึ่งผมถือว่าใช้ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่พยายามจะอธิบายที่มาที่ไปของเทศกาลลอยกระทง ว่ามายังไงนะ ประเพณีดั้งเดิมมายังไง คือพูดง่ายๆ ว่ากลายเป็นความเชื่อและคนไทยรุ่นหลังๆ ก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็บอกว่าวันลอยกระทงคือการเอาทุกข์เอาโศกใส่กระทง และยกมือพนมมือ จุดธูป และลอยให้พ้นไปซะหรือว่าถ้าไปกับแฟน ก็นั่งอยู่ที่ริมน้ำ เกี่ยวก้อยกันคุกเข่า
สโรชา – ลอยกระทงเดียวกันด้วยนะ
สนธิ – ที่สำคัญต้องจับกระทงพร้อมกัน และมือต้องแตะมือเอาไว้ คล้ายๆ ให้มีกระแสไฟฟ้าช็อตเข้าไปในมือ
สโรชา – นี่แหละค่ะที่บอกว่าเป็นที่มาของวาเลนไทน์ของคนไทย
สนธิ – ครับ ไม่เพียงเท่านี้ ผมคิดว่าการลอยกระทงเป็นเทศกาลที่ไม่ต้องลงทุน เหมือนเทศกาลอื่นๆ และได้ผลตอบแทนกลับมาอย่างมหาศาล ผลตอบแทนที่กลับมาก็มีหลายด้าน ไม่ว่าจะในแง่เงินทอง ที่นักท่องเที่ยวเอามาใช้ ที่สำคัญที่สุดคือเป็นวัน ผมสังเกตว่าวันลอยกระทงไม่เหมือนวันสงกรานต์ คนตายน้อยที่สุด ไม่มีการเดินทางกลับบ้าน สงกรานต์กลับไปเพื่อจะไปเชิดชูประเพณีปีใหม่ไทย ไปรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ เข้าบ้านไป ขอขมาลาโทษ อวยพรผู้หลักผู้ใหญ่ และก็ขอพรผู้หลักผู้ใหญ่กลับ ทุกคนจะแข่งกันกลับไปที่สงกรานต์ เพื่อไปสาดน้ำเล่นน้ำ ปรากฏว่าสงกรานต์กลายเป็นสงกรานต์เลือดทุกๆ ปี แต่ลอยกระทงผมไม่ค่อยเห็นสถิติอุบัติเหตุเพราะประการแรกเขาไม่ได้ให้หยุด ลองให้หยุดซิครับ ก็จะกลายเป็นกระทงเลือดอีกเหมือนกัน เพราะคนไทยชอบอย่างนี้ ถ้าลอยกระทงต้องกินเหล้า
สโรชา – เมื่อไหร่หยุด 3 วันติดต่อกัน พี่ไทยจะต้องเดินทางทุกครั้ง
สนธิ – องค์ประกอบของการลอยกระทงมี 2 ส่วน ส่วนแรกคือสนุก คุณสโรชาสนุก ได้ลอยกระทงกับคนที่คุณสโรชารู้ใจ คนที่ซื้อกระเป๋าให้คุณสโรชา ทำนองนี้ในงานวันเกิด สอง งานบุญ เราต้องระลึกถึงศาสนา เราระลึกถึงธรรมชาติว่าธรรมชาตินั้นให้อะไรเรามั่ง ข้อที่หก ที่เมื่อกี้ผมบอกว่า ห้าข้อ เรามีกระทง พระจันทร์ แม่น้ำ มีพลุ มีโน่นมีนี่ อันที่หกคือว่าเมื่อเราระลึกถึงห้าข้อแล้ว เราต้องสืบสานเรื่องนี้และปกป้องต่อไป ฟังให้ดีๆ คนไทยจะสนใจในเนื้อเพลงของลอยกระทงตรงตอนต้นๆ วันเพ็ญเดือน 12 น้ำนองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิง สนุกกันจริงวันลอยกระทง ลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง ลอยกระทงกันแล้วขอเชิญน้องแก้ว ออกมารำวง จะสนใจตรงนี้ ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง และก็รำกันใหญ่ รำวงวันลอยกระทง ตอนสุดท้ายเป็นตอนที่สำคัญมาก แต่คนไทยไม่ค่อยคิดถึง ก็คือว่าบุญจะส่งให้เราสุขใจ ตรงนี้ที่ผมคิดว่า เราน่าที่จะทำให้วันลอยกระทงเป็นวันที่เราได้คิดดี เราได้ปฏิบัติดีขึ้นมา เพราะว่าลอยกระทงถ้าดูย้อนหลัง วันนี้เราพูดกันเรื่องที่เบาเหลือเกินนะ
สโรชา – ช่วงท้าย
สนธิ – เพราะว่าสมัยก่อนทุกอาทิตย์เราพูดแต่เรื่องหนักมากเลย วันนี้รู้สึกว่าไลท์เวทเหลือเกิน จนกระทั่งผมทำตัวไม่ถูกเลย เพราะว่าผมไม่เคยมาในเชิงเบาขนาดนี้นะครับ คือผมมองว่า งานพิธีกรรมลอยกระทงนั้นเป็นพิธีของอุษาคเนย์ ที่มีมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ เขาลอยกระทงสมัยก่อน เพื่อขอขมาธรรมชาติ ขอขมาดิน และน้ำหล่อเลี้ยง ตลอดจนพืชและสัตว์ที่เกื้อกูลให้พืชพันธุ์ธัญญาหารของพวกเราอุดมสมบูรณ์ มนุษย์ถึงได้เจริญเติบโตขึ้นมาวันนี้ ซึ่งลอยกระทงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพิธีกรรม ความเชื่อในเรื่องผี ซึ่งหลายๆ ศาสนาเขารับเข้ามา ผีสำคัญที่ศาสนาคือ ผีที่เกี่ยวกับดิน และผีที่เกี่ยวกับน้ำ ที่ต้องอาศัยการปลูกพืชธัญญาหารหล่อเลี้ยง ลองดูซิว่าความสำคัญตรงนี้ เขาให้ความสำคัญขนาดไหนอย่างที่เราพูดไว้ตอนต้น เขาให้ความสำคัญว่าน้ำต้องเรียกว่าแม่ แม่น้ำ พระแม่คงคา แม่น้ำเจ้าพระยา เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อน้ำเป็นบ่อเกิดของสิ่งมีชีวิต ทุกๆ ปี ก็เลยมีการหยุดคิดซักนิดนึง และขอขมาที่ทำล่วงเกิน เลยล่วงเกินแม่น้ำไป คนบางคนเวลาอาบน้ำในลำคลอง อาจจะถ่ายในน้ำ ขับของเสียลงไป หรือเทของเสียลงไปในแม่น้ำ เรามาขอขมาแม่น้ำ ในขณะเดียวกัน เราก็บูชาพระคุณไปด้วย โดยใช้วัสดุลอยน้ำ ได้มีเครื่องเซ่นปล่อยลอยไป ส่วนเครื่องเซ่นเราจะบูชา อธิษฐานกันยังไง ก็สุดแท้แต่วัยวุฒิ และความคิดของแต่ละคน ทีนี้มันก็ยังแฝง ถึงเรื่องการเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของน้ำเอาไว้ด้วย คำว่าเดือน 11 น้ำนอง เดือน 12 น้ำทรง เดือนอ้าย เดือนยี่ น้ำก็รี่ไหลลง เป็นบทเพลงกลอนเก่าๆซึ่งดูชัดเจนที่สุด ซึ่งการลอยกระทงเหมือนกับการบอกกล่าวแม่น้ำว่า อย่าไปขึ้นสูงกว่านี้ ช่วงเวลานี้ข้าวในท้องนา กำลังสุกปลั่ง รอการเก็บเกี่ยวอยู่ อย่านะ ขอร้อง เพราะฉะนั้นแล้วเป็นเรื่องราวของคุณค่าของประเพณีขอขมาแม่น้ำ เมื่อหลายพันปีก่อน ซึ่งปัจจุบันนี้ถูกตีความคลาดเคลื่อนเป็นงานรื่นเริง และถูกให้คุณค่าไปในงานหารายได้จากนักท่องเที่ยวซึ่งไม่ผิดอะไร แต่ที่ผมเพียงแต่อยากจะบอก คนรุ่นใหม่ หรือแม้กระทั่งคนรุ่นเก่าๆ รุ่นพวกผมซึ่งยังไม่เข้าใจว่างานลอยกระทงที่แท้จริงคืองานอะไร ไม่ใช่งานกินเหล้าเมายา หรือว่าไปนั่งริมสระ ว่ายน้ำ และไปในโรงแรมชั้นหนึ่ง หรืองานที่ขับรถไปสุโขทัย ไปเมืองเก่า ที่โน่นที่นี่ และลอยกระทงเพื่อความรัก ความสมานฉันท์ ไม่ใช่อย่างนั้นอย่างเดียว แท้ที่จริงแล้ว สังคมเกษตรกรรมเขาจัดงานลอยกระทงเพื่อมาบูชาพระคุณต่างๆ นะครับ ผมมีกลอนบางอันในอดีตซึ่งสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งท่านได้มีการเขียนเอาไว้ในเรื่องการลอยกระทง ผมอยากจะอ่านให้ฟังกันบ้างเผื่อจะจำกันได้ มันมีจดหมายเหตุโคลงกวีเรื่องลอยกระทง ก็อยากจะอ่านเฉพาะซึ่งเป็นโคลงทวาทศมาศ โคลงอันนี้เป็นวรรณคดียุคต้นกรุงศรีอยุธยา กวีที่แต่งคร่ำครวญถึงผู้หญิงคนรัก โดยพรรณนาพาดถึงประเพณี 12 เดือนในยุคนั้น เริ่มต้นที่เดือน 5 ปีใหม่ ในคติฮินดู พราหมณ์ นึกดูขนาดในโบราณก็ยังมองว่าการลอยกระทง เป็นการพร่ำถึงคนรัก แต่ที่แท้จริงแล้ว ตำนานที่แท้จริง คือการบูชาแม่น้ำ โคลงบอกว่า
“ชลทีปละปลั่งคว้าง ทางสินธุ์
นาเวชนาวาวาง วาดน้ำ
ตกบางขดานดิน สดือแม่
ดลรดูสั่งล้ำ ไล่ชล ฯ
ไล่ชลนาเวศแล้ว เมือโรง
อ่อนรทวยนวยกล กิ่งก้ม
เรียมพายรโงงโหง หกอยู่
เพราะเพื่อพลหายห้ม ห่มแรง ฯ
กรรดึกเดือนตั้งแต่ง โคมถวาย
ทุกทวยหญิงชายแสวง ล่องเหล้น
ขับซอปี่แคนหลาย เพลงพาทย์
ติ่งติ่งนิ้วน้าวเต้น ร่อนรำ ฯ
โคมทองประทีปแก้ว เรืองใน
อกพี่คือโคมคำ คู่ได้
เพลิงผลาญกระอุใจ วนิเจต
ทรวงรลุงลาญไหม้ ป่วนเปน ฯ”
สโรชา- เอาละคะ วันนี้ช่วงแรกว่ากันด้วยเรื่องของวันลอยกระทงค่ะ
สนธิ – เรื่องเบาๆ ประเดี๋ยวจะหนักอึ้งเลย
สโรชา – นั่นซิค่ะ เพราะช่วงสอง เราจะกลับมาคุยกันถึงเรื่องการขึ้นเงินเดือนส.ส. ส.ว. วิพากษ์วิจารณ์กันค่อนข้างจะเยอะสำหรับเรื่องนี้ พักซักครู่เดี๋ยวกลับมาคุยกันต่อค่ะ
****************
สโรชา – กลับมาสู่เมืองไทยรายสัปดาห์นะคะ ไปคุยกันเรื่องหนักๆ บ้าง เพราะว่าเป็นเรื่องหนักอึ้งซึ่งหลายๆ ท่านก็ฟังข่าวและวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ดิฉันขออนุญาตนะคะ ชูสติ๊กเกอร์ 2 แบบ ถ้าเกิดกล้องโคลสเข้ามาจะเห็นว่าเขียนว่าอะไรบ้าง นี่คือสติ๊กเกอร์ที่เครือผู้จัดการใช่ไหมค่ะ ได้ทำขึ้นตั้งแต่ปี 2545 เดือนสิงหาคม โดยต่อต้านการขึ้นเงินเดือนของส.ส.และ ส.ว. คุณสนธิ
สนธิ – จริงๆไม่เชิงหนังสือพิมพ์ผู้จัดการทำหรอกครับ เผอิญช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีข่าวเป็นกระแสว่าจะมีการขอขึ้นเงินเดือน ก็มีผู้คนอยู่มากหลายเลยที่ส่งจดหมายมา โทรศัพท์มา บอกว่าเขาจะทำยังไงที่จะขอประท้วงความคิดเช่นนี้ เราก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวทางเราจะหาทางที่จะหาผู้ร่วมสนใจเข้ามาลงขันและทำเป็นสติ๊กเกอร์ ก็ทำเป็นสติ๊กเกอร์ออกมา และก็แจกไปบ้างบางส่วน และไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสใช้อีก จนกระทั่งเมื่อซัก 1-2 วันนี้ แต่ว่าเพื่อความไม่เข้าใจกันผิด เราต้องแยกประเด็นกันออกนะครับ คุณสโรชา เริ่มหนักแล้วนะ คือผมเห็นด้วยว่าเงินเดือนส.ส. และส.ว. น้อยมาก เงินเดือนรัฐมนตรีก็น้อย เงินเดือนนายกรัฐมนตรีก็น้อย คือถ้าพิจารณาถึงภาระความรับผิดชอบที่มีอยู่ เราดูเงินเดือนท่านกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทยคนใหม่ เดือนละ 1.4 ล้านบาท กรรมการผู้จัดการการบินไทย เงินเดือนเดือนละ 800,000 บาท พวกนายแบงก์ต่างๆ พวกองค์กรใหญ่ๆ เงินเดือนเหยียบๆ ล้านทุกคน ถามว่าความรับผิดชอบของคนพวกนี้ กับความรับผิดชอบของคนซึ่งอยู่ในระดับรัฐมนตรีต่างกันไหม ต่างกันมหาศาล แต่เงินเดือนพวกนั้นน้อย เงินเดือนส.ส. ส.ว. ก็น้อย แต่ว่าหยุดก่อน การที่คนคนหนึ่งบอกว่าคนคนนี้เงินเดือนน้อย ควรที่จะได้ขึ้นเงินเดือน สิ่งแรกในฐานะซึ่งคุณอยู่ภาคเอกชน คุณสโรชาบอกคุณสนธิ เมื่อไหร่จะปรับเงินเดือนดิฉันซักที คำแรกที่ผมต้องถามและผมต้องคิดกับตัวผมเองว่า คุณภาพที่คุณมีอยู่นั้นคุ้มไหมกับเงินเดือนที่จะต้องขึ้น ผมคิดว่าประเด็นตรงนี้ต่างหาก ประสิทธิภาพของตัวงานและก็คนซึ่งสมควรจะได้ปรับนั้น ควรหรือไม่ควรที่จะปรับ ในแผนกขาย เขาจะบอกว่าเงินเดือนคุณต่ำ แต่คอมมิชชั่นคุณสูง ในหลักการบริหารเงินเดือนคุณสูง คอมมิชชั่นคุณไม่มี เหมือนกัน ผมเอาส.ส. ก่อนแล้วกัน จริงๆแล้วการขึ้นเงินเดือนและมีการพูดจากันครั้งนี้ ที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือว่า ทั้งส.ส. ฝ่ายค้าน ก็ไม่ได้โวยวายอะไรทั้งสิ้น เพราะตัวเองได้ ผมก็เข้าใจ แต่ว่ามีอยู่อันหนึ่งซึ่งซ่อนเร้นมาก ไม่เคยมีใครเอามาพูด จริงๆ แล้วสวัสดิการ ผลประโยชน์ที่ส.ส.ได้มากมายมหาศาล เข้าใจว่าส.ว.ได้ด้วย การเดินทางแน่นอนที่สุด ถ้าเดินทางในประเทศได้ตั๋วฟรี นั่งบิซิเนสคลาส สูงสุดแล้ว นอกจากนั้นแล้วนั่งรถไฟ ก็นั่งชั้นหนึ่ง เสร็จเรียบร้อยแล้วยังมีโควตา ที่เขาเรียกว่าโควตั้ง ผู้ช่วยส.ส. ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวส.ส. กินเงินเดือนหลวง รวมแล้วหลายหมื่นบาท คือถ้าคุณสโรชาเป็นส.ส. คุณสโรชามีอีก 2 ตำแหน่งที่ตั้งได้ คือผู้ช่วยส.ส.และผู้เชี่ยวชาญประจำตัวส.ส. นอกจากเงินเดือนตัวเองแล้วยังสามารถจะมีอีก 2 คนได้ ตั้งเงินเดือน เป็นเงินเดือนหลวงนะครับ แต่ที่เป็นมามีอยู่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมด ที่ตั้งใจสนองเจตนารมณ์ ในการที่ให้ตำแหน่งให้คนมาเป็นผู้ช่วยตัวเอง โดยที่ตั้งจริงๆ ตั้งคนมาเป็นผู้ช่วยส.ส.จริงๆ ตั้งผู้เชี่ยวชาญส.ส. จริงๆ แต่บางคนก็ไม่ได้ตั้งคนที่จะมาช่วยให้สมเจตนารมณ์ที่เขาให้มาไปตั้งเงินเดือนให้คนติดตามและคนถือกระเป๋า คือไม่ได้ใช้ตามประเด็นเลย เพราะฉะนั้นคุณจะเห็นว่าในช่วงหลัง ส.ส.จะมีส่วนใหญ่ จะมีคนที่คอยเดินตาม คอยถือกระเป๋า จะวิ่งมาทันทีเลยครับ บุหรี่หน่อย ก็ควักบุหรี่ให้ ช่วยโทร.ถึงคนนั้นหน่อย ลักษณะนี้ไม่ใช่ผู้ช่วยส.ส. ลักษณะนี้เรียกว่าม้าส.ส. เบ๊ และผู้เชี่ยวชาญประจำตัวส.ส. ก็ไม่ใช่อีก บางคนตั้งคนขับรถให้เป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ก็คือพูดง่ายๆ ว่าไม่ต้องจ่ายเงินเดือนคนขับรถ ตรงนี้บางคนร้ายกว่านั้น ไปเอาชื่อจากไหนไม่รู้ไปเอาชื่อ แต่เงินเดือนเข้ากองกลาง คือเข้าไปในตัวเขา นึกออกไหมครับ คือตั้งแต่ชื่อ และเงินเดือนเข้าไป ชื่อใครไม่รู้มาใส่ เพราะฉะนั้นแล้วอีกอันหนึ่ง เขาให้คอมพิวเตอร์กับส.ส.เอาไปใช้เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ ดันเอาไปให้ลูกเล่นเกม นี่มีไม่น้อย นี่ผมพูด ผมฝากถึงส.ส.ทุกคน เพราะผมคิดว่าทุกคนมีส่วนในการช่วยพัฒนาการเมืองบ้านเรา แต่ว่าถ้านิสัยกลายเป็นสันดานไปแบบนี้ นี่คือสิ่งซึ่งประชาชนออกมาและโวยวาย นี่ยังไม่ได้นับถึงพฤติกรรมในสภานะ และความใส่ใจที่ตัวเองจะต้องรับผิดชอบกับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในเขตที่ตัวเองมาอยู่ ยังไม่ได้พูดถึงตรงนั้น เอาเฉพาะนิสัยส่วนตัวที่ประพฤติปฏิบัติกันในสภาตรงนี้ต่างหาก คนหลายส่วนในจำนวนส.ส. ประพฤติตนแบบนี้ เมื่อประพฤติตนแบบนี้แล้ว คุณสโรชา คุณลองคิดดูซิ ว่าประชาชนทำไมถึงร้องยี้กัน ทั้งๆ ที่ในส่วนตัวของผม อย่าว่าแต่ขึ้น ให้อีกกี่หมื่นนะ 30,000 กว่าบาทใช่ไหม ผมว่าให้ส.ส. เงินเดือน 250,000 หรือ 300,000 บาท ยังสมควรจะให้เลย ถ้าปฏิบัติหน้าที่ได้ถูกต้อง นายกรัฐมนตรีอย่าว่าแต่ได้เงินเดือนแสนเลย ผมให้ 2 ล้านบาท เท่านายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ สิงคโปร์ประเทศเล็กกว่าเราเยอะ แต่ทำไมนายกรัฐมนตรีเขาได้เงินเดือนเยอะกว่านายกฯ เรา ปรับไปเลย รัฐมนตรีเงินเดือนเป็นล้าน ก็ถ้าหากว่าคุณกนก อภิรดี ดูแลการบินไทย เงินเดือนตั้ง 700,000-800,000 บาท หรือคุณอภิศักดิ์ เอ็มดีคนใหม่แบงก์กรุงไทย เงินเดือนล้านกว่าบาท ทำไมรัฐมนตรีจะไม่ได้ คุณสมคิดเป็นเจ้านายโดยตรงของคุณอภิศักดิ์ กรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ทำไมคุณสมคิดรับแสนกว่า คุณอภิศักดิ์รับแค่ล้านกว่า รับตั้งล้านกว่า คุณสมคิด ควรจะรับมากกว่าคุณอภิศักดิ์ซะด้วยซ้ำ แต่ในที่สุดก็ต้องมาจบลงที่เนื้องาน เอาอย่างนี้ไหม ส.ส.บางคนไม่ได้ทำหน้าที่ ทำหน้าที่อย่างเดียวคือลงพื้นที่เมื่อจำเป็นต้องลง เมื่อได้งบประมาณส่วนกลางก็ไปลง แต่การต่อสู้ปกป้อง ทำสิ่งที่ดีให้กับจังหวัดและตัวเอง ยกตัวอย่างเชียงราย เชียงรายกรณีที่จะไปตั้งนิคมอุตสาหกรรมที่อ.เชียงแสนที่เราเคยพูด แทนที่ส.ส.จะมองเห็นว่าการตั้งนิคมอุตสาหกรรม ตรงนั้นเป็นการทำลายรากเหง้าวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์เชียงแสน จะเป็นการทำลายการท่องเที่ยวในระยะยาว ของเมืองเชียงราย ส.ส.เชียงรายเป็นใบ้กันทุกคน ไม่ออกมาแสดงอาการ ไม่ออกมารวมตัวกัน หรือว่าไม่ออกมาถกเถียงกัน เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ไม่ว่า แต่ว่าขอให้มีความคิดเห็นตรงนี้ อย่างน้อยที่สุดบอกประชาชนคนไทยทั้งประเทศ หรือบอกคนเชียงแสน เชียงราย ว่าผมเห็นด้วยกับการตั้งนิคมอุตสาหกรรม เพราะเป็นการสร้างงาน ผมไม่เห็นด้วย เหตุผลเพราะว่านิคมอุตสาหกรรมสามารถจะย้ายไปตั้งตรงอำเภอนั้นได้
สโรชา – คือทำตัวเป็นผู้แทนฯ เป็นตัวแทน
สนธิ – ไม่ได้ทำตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ผมถึงผิดหวังในบทบาทหน้าที่ของส.ส. และนี่ยังไม่ได้นับ การกระโดดร่ม การไม่เข้าประชุม หลายต่อหลายครั้งสื่อมวลชน โทรทัศน์มันฟ้อง การประชุมสภาทีไร ถ้าไม่สำคัญมันว่างหมด อุปมาอุปมัยเหมือนคุณสโรชางานมาทำบ้างไม่ทำบ้าง แล้วจะบอกให้คุณสนธิขึ้นเงินเดือนให้ดิฉันหน่อย ผมจะขึ้นให้คุณทำไม ทั้งๆ ที่บทบาทหน้าที่ของคุณ ถ้าคุณทำเต็มที่เงินเดือนที่คุณได้รับแล้วยังไงก็ไม่พอ ต้องเพิ่มให้คุณ 2 หรือ 3 เท่าด้วยซ้ำ ทำไมเราไม่วัดกันตรงนั้นหรือทำไมเราไม่วัดว่าเอาเงินทั้งหมดมาหารด้วยการประชุมสภาฯ เป็นครั้ง ครั้งหนึ่งจะต้องคิดไปเท่าไหร่ สมมติว่ามีการประชุมไปทั้งหมด 150 วันต่อปี หารไปเลย ว่าทั้งหมดเฉลี่ยแล้ว แต่ละครั้งเท่าไหร่ มาครั้งหนึ่ง รูดบัตรทีหนึ่งก็ได้เงินไป
สโรชา – ถึงบอกว่าต้องมากันเยอะแน่ๆ
สนธิ – แต่ก็ถามต่อ ว่าถ้าต้องทำอย่างนั้นเพื่อคุมพฤติกรรมส.ส. แล้วผมจะมีพวกคุณไว้ทำไม พวก
ส.ส. พวกส.ว.ไม่เข้าใจ พวกนี้คือตัวที่ทำลายประชาธิปไตยอย่างที่แท้จริง
สโรชา- ที่คุณสนธิพูด รวมไปถึงส.ว.ด้วยหรือเปล่าค่ะ
สนธิ – รวมไปหมดทุกคนครับ ทั้ง 2 ฝ่ายเป็นตัวทำลายประชาธิปไตย ผมไม่ได้พูดถึงทุกคนนะ ผมพูดถึงส่วนหนึ่งซึ่งมีจำนวนไม่น้อย คนพวกนี้ทำลายศรัทธาที่ประชาชนหรือคนอย่างผม คนอย่างคุณสโรชา คนที่หวังให้ชาติบ้านเมืองจะได้ถูกรับใช้โดยส.ส. ส.ส. วันนี้มีหน้าที่ยกมือตะบันให้กับพรรคของตัวเอง มติพรรคมียังไง ความถูกต้อง ไม่ต้องพูดถึง ถ้ามติพรรคให้ทำอย่างนี้ กูจะยกอย่างนี้ ไม่สนแล้ว
สโรชา – ไม่สนประชาชนที่ตัวเองเป็นผู้แทนอยู่ จะคิดยังไง
สนธิ – ครับและความถูกต้องอยู่ที่ไหน ไม่มีความสนใจ นั่นคือข้อที่หนึ่ง ข้อที่สอง พฤติกรรมความกร่างของส.ส. นี่ผมจำเป็นต้องพูด ที่ผมพูด ส.ส. ส.ว. ที่เป็นคนดี ไม่ต้องเสียใจ ทำความดีต่อไป แต่ส.ส. และส.ว. ที่เป็นอย่างที่ผมพูด ยังไม่สาย กลับตัวกลับใจได้ ทำไมคนถึงรังเกียจส.ส. พวกคุณไม่รู้เวลาพวกคุณขึ้นเครื่องบิน ประชาชนเขาหมันไส้คุณทั้งนั้น เพราะคุณกร่าง คุณกร่างมากๆ ขึ้นมา บางคนนะ ส.ส.ขึ้นมาบนเครื่องบินนะขอให้รู้ว่าเป็นส.ส. จังหวัดนะ ขึ้นแล้วหมุนตัวก่อน มองไปรอบ นี่เรื่องจริง ผมเจอมาแล้ว เพื่อให้คนรู้ว่าเขาคือส.ส. แล้วพวกนี้พอขึ้นเครื่องบิน ทั้ง ๆที่ผมเพิ่งกลับมาจากอุดรฯ ผมขี้เกียจพูด จริงๆ แล้วส.ส.ที่นั่งเขาให้นั่งอิโคโนมี ชั้นสุดท้ายนอกจากชั้นบิสซิเนสว่างค่อยเลื่อนขึ้นมา ปรากฏวันนั้นไฟลท์ทั้งไฟลท์ ส.ส. นั่งเต็มหมดเลย ชั้นบิซิเนสคลาส นี่ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ คือพวกนี้เขาเรียกว่าภาษาอังกฤษเรียกว่า อะบิวส์ (abuse) เอาประโยชน์ ผมถึงอยากจะฝากบอกว่า ประชาธิปไตยนั้นขึ้นกับความศรัทธาที่เราและประชาชนทั้งหลายที่จะมีต่อคนพวกนี้ แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามศรัทธาถูกทำลายไป ด้วยวิธีการทำงาน ด้วยพฤติกรรมของเขา และด้วยการวางตัว ผมอยากจะเห็นส.ส.นอบน้อมถ่อมตัว ไม่ใช่นอบน้อมถ่อมตัวและไหว้คนเป็น และโค้งคนเป็น เฉพาะตอนนี้ เพราะว่าใกล้เลือกตั้ง แต่ควรจะนอบน้อมถ่อมตนไม่ใช่เฉพาะประชาชนต้องการเสียงในพื้นที่ตัวเอง ในที่สาธารณะ ไปอย่างประชาชนธรรมดาสามัญหน่อยได้ไหม ขึ้นเครื่องบินอย่ากร่าง เวลาจะลงจากเครื่องบินก็ไม่ใช่ว่าจะต้องลงก่อนชาวบ้านเขา ประพฤติปฏิบัติตนให้ยิ่งนอบน้อมกว่าชาวบ้านเขา อ่อนโยนแต่อย่าอ่อนแอ แข็งแรงแต่อย่าแข็งกร้าว รู้จักที่จะบันยะบันยังกับพฤติกรรมอะไรหลายอย่าง หลายๆ คนไปไหนมาไหน คนเขาจะรู้ทันทีเลยและนี่คือที่มา พวกคุณไม่รู้ พวกส.ส.ไม่รู้ว่าชาวบ้านเขา เวลาขึ้นเครื่องบินผมรู้เลย ผมนั่งอยู่ คนนั่งข้างๆ ผมบอกว่าหมันไส้มันจริงๆ ไอ้พวกนี้ มันกินภาษีอากรประชาชนและบางคนมันซื้อเสียงเข้ามา ไปสรรหาผลประโยชน์ในสภา และมันยังมาทำเต๊ะจุ้ย นั่งเครื่องบินก็ภาษีเรา ใช่ไหม บางคนชอบขึ้นเครื่องบินทีหลังสุด ให้ทุกคนรอก่อนแล้วตัวเองก็ขึ้น นี่คือสิ่งซึ่งผมคิดว่า มันสั่งสม และมันสร้างขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดพอขอขึ้นเงินเดือนปัง
สโรชา – ทั้งที่ไม่ได้ขึ้นมาสิบกว่าปี
สนธิ – จริงๆ แล้วสมควรจะถูกขึ้นมานานแล้ว แต่พอขึ้นปุ๊บ เขาเลยด่ากันทั่วเมือง แต่คนด่าเขาก็มีประเด็นอยู่ประเด็นเดียวคือว่าทำงานไม่คุ้มกับเงินเดือนที่ขึ้น ประพฤติตนไม่คุ้มกับเงินเดือนที่ขึ้น ไหนๆ สภานี้จะหมดแล้ว หมดไปแล้ว จะมีเลือกตั้งใหม่ ผมฝากให้ส.ส.ทั้งหลาย ที่จะลงเลือกตั้งและมีโอกาสจะกลับเข้ามาใหม่ หรือว่าหน้าใหม่ที่จะมาเข้ามาใหม่ ให้จำคำพูดผมดีๆ ประพฤติตนให้ดีๆ ทำหน้าที่ตนให้สมบูรณ์แบบ เขาจ้างขึ้นมา เอาภาษีอากรมาเพื่อให้มาประชุมสภาฯ เพื่อให้มาปกป้องพื้นที่ของตัวเอง ทำงานให้ประชาชน เพื่อทำสิ่งที่ผิดให้ถูก และแสดงความนอบน้อมถ่อมตนต่อประชาชนที่คุณเอาเงินภาษีอากรมาใช้เท่านั้นเอง จะขึ้นอีกกี่เท่าก็ไม่ว่า
สโรชา – ค่ะ ก็นำมาพูดคุยกันในวันนี้ค่ะ สำหรับหัวข้อเรื่องการขึ้นเงินเดือน ส.ส. ส.ว. คิดว่า อาจจะถูกใจคุณผู้ชมหลายท่าน แต่อย่างไรก็ตาม เบากันมาเยอะ ถึงช่วงนี้ก็หนักอึ้งกัน ช่วงหน้าก็คิดว่าคงจะหนักเหมือนกันนะคะ เพราะเราจะพูดคุยกันถึงประเด็นของสังคม ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น ในทุกวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับสังคมเรา ซักครู่กลับมาค่ะ
****************
สโรชา – กลับมาช่วงสุดท้ายของเมืองไทยรายสัปดาห์นะคะ เรามาคุยกันถึงปัญหาสังคม โดยเฉพาะเรื่องของคุณจอยซ์ ทีเค ซึ่งคุณสนธิพูดไว้เมื่อช่วงต้นรายการว่าจริงๆ แล้วจะโทษคุณจอยซ์เพียงคนเดียวไม่ได้ แต่ต้องโทษสังคมหรือสภาพแวดล้อมที่คุณจอยซ์โตมาด้วย
สนธิ – คุณกับคุณจอยซ์อายุไล่เลี่ยกัน คุณคิดยังไงเรื่องนี้ คุณพอได้ยินข่าวแล้วเราอธิบาย ระบายความรู้สึกให้ผมฟังหน่อยซิ
สโรชา – คือจริงๆ แล้วเสียดายว่า เธอเป็นคนหน้าตาดี มีความสามารถ มีคนชื่นชมจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
สนธิ – จบจากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อมาก
สโรชา – ใช่ กลับกลายเป็นว่ามาจบลงอย่างนี้มันเป็นอะไรที่
สนธิ – แล้วคุณสงสารเขาไหม
สโรชา – จะเรียกได้ว่าสงสารนิดหน่อย ก็มีบ้างนะคะ มีความรู้สึกสงสาร เขาคงไม่อยากจะมาตกอยู่ในสภาพอย่างนี้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าบางครั้งคนเรามันอยู่ในสิ่งแวดล้อมหรือสถานการณ์และมันหลวมตัวไป และมันถอนตัวไม่ขึ้น
สนธิ – ผมไม่สงสารเขา แต่ผมไม่สมน้ำหน้าเขา ทำไมผมไม่สงสารเขารู้ไหม เพราะว่าคุณจอยซ์เป็นคนที่อายุก็มากแล้ว ก็น่าจะรู้อยู่ว่าตัวเองนั้น มีบทบาทหน้าที่อะไรบ้าง เคยมีบทบาทอะไร ตรงนี้จริงๆแล้ว ผมอยากจะฝากไปบอกนิดนึง อยากจะเรียนคุณสโรชาและท่านผู้ชมทางบ้านว่า ยังมีดาราทั้งนักร้อง และดาราภาพยนตร์และละครทีวี อีกเยอะ ที่เล่นยา อัพยา อย่ามานั่งโกหกอะไรกันเลย เพราะว่าผมรู้ หลายคนผมรู้อยู่แล้วว่า อัพยาเล่นโคเคน กินยาอี หลายคนมีชื่อมีเสียง เอ่ยขึ้นมาแล้งคนแทบจะไม่มีใครเชื่อ เหมือนอย่างจอยซ์ ปีที่แล้วหรือซัก 6 เดือนเป็นคนขายยาบ้า อัพยาไม่มีใครเชื่อเหมือนกัน แต่ว่าวันนี้ทุกคนจำเป็นต้องเชื่อและท่านผู้ชมที่บ้านเชื่อผมเถอะ เพราะข้อมูลผมไม่ผิด ดารามีอีกไม่น้อยที่หน้าฉากเป็นอย่างนี้ แต่ลับหลังแล้วอัพยา สูดโคเคน กินยาอีกัน ไม่น้อยเลย และอยู่ในแวดวงของกลุ่มบรรดาค่ายเพลงใหญ่ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นค่ายเพลงอะไรมีทั้งนั้นมีทั้งดาราที่ค้างฟ้า ดาราติดฟ้า บ้าบอคอแตกมีหมดพวกนี้ แต่ผมไม่ได้หมายถึงทุกคนนะแต่มีส่วนไม่น้อยเลยตอนนี้ ให้รู้ไว้ด้วย คนพวกนี้เป็นคนที่น่าสมน้ำหน้าที่สุดเพราะไม่รู้จักว่าตัวเองอยู่ในบทบาทอะไร คุณสโรชา เผอิญผมรู้ว่าต้องพูดเรื่องนี้ ผมต้องทำการบ้านมาคร่าวๆ ว่าในรอบ 7 วันที่ผ่านมา เรามีเรื่องราวอะไรบ้าง เรามีเรื่องคุณจอยซ์ ทีเค เรารู้แล้ว มีเรื่องลูกชายวัย 21 ปี ของนายกสมาคมพระเครื่องและพระบูชาไทย นักแต่งเพลงเพื่อชีวิต พยัพ คำพันธุ์ บันดาลโทสะยิงยามในหมู่บ้านตาย 1 สาหัส 1 เพราะไม่พอใจที่ขอตรวจรถที่ไม่ติดสติ๊กเกอร์ เรามีแม่เฒ่าวัย 67 ปี กอดคนรักวัย 66 ปีที่ตายขึ้นอืดอยู่ 4 วัน พร้อมกับหมา 1 ตัว เรียกให้คนช่วยจนหมดเสียง ไม่มีใครได้ยิน เรามีแขกอินเดียบงการจ้างทีมทหารเรือ จับพ่อค้าแขกเรียกค่าไถ่ร้อยล้าน แต่ขี้ตืดไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง ทีมรับงานเลยปล่อยเหยื่อ ปล่อยให้ถูกจับยกแก๊ง ผู้บงการยิงกรอกปาก หมายตายหนีคดี แต่โชคร้ายไม่ตาย เรามีการรัวเอ็ม 16 ฆ่าเด็กวัย 14 พร้อมย่าวัย 62 ดับคาบ้าน แค้นเด็ก 2 คนขโมยเงินไปกดเงิน 50,000 บาท จับตัดหู หั่นจู๋โยนทิ้งแม่น้ำ ดูหนังเรทอาร์แล้วคึกจัด เด็กชายวัย 14 ข่มขืนเด็กหญิงวัย 6 ขวบ แค้นไม่ให้รับกฐิน พระลูกวัดวัย 39 ใช้ตะไบตัด เจ้าอาวาสวัด 62 ปางตาย หึงครูสาว แฟนเก่าบุกห้องเรียนทุบหัวนั่งคร่อมจ่อหัว ยิง 5 นัดซ้อน ดับต่อหน้านักเรียนอนุบาล คุณสโรชา นี่สังคมไทยในวันลอยกระทงหรือ ผมถึงบอกว่า เรื่องนี้เวลามันสั้น เราคงต้องหาซักอาทิตย์หนึ่ง และถ้าท่านผู้ชมเรียกร้อง ให้แจ้งมา เราต้องพูดถึงจริยธรรมและศีลธรรม ในยุคที่สังคมไทยกำลังมุ่งมองตัวเลข มุ่งมองความโลภ เป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุด จนกระทั่งคุณฟังแล้วผมยังแทบไม่น่าเชื่อ บางครั้งเรามานั่งอ่านข่าวเช้าวันต่อวัน เราไม่รู้สึก เพราะล่องลอยไปตามกระแสข่าววันนั้น แต่พอเรามามองย้อนหลัง 7 วัน คุณสโรชา แล้วไล่แต่ละเรื่องแล้ว แล้วมาถามว่านี่มันเมืองไทยหรือนี่นรกอเวจีกันแน่ ผมชักไม่แน่ใจว่านี่คือเมืองพุทธศาสนา ผมกำลังเป็นงงไปหมด
สโรชา – ค่ะ คงจะต้องหาเวลาที่จะมาคุยกันเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง ลืมไปหรือเปล่าว่าสิ่งสำคัญคืออะไร เราไปมุ่งเน้นเรื่องราวของรายได้ ตัวเลข
สนธิ – ใช่ เราลืมเรื่องจิตวิญญาณไปหมดแล้ว ตอนนี้ เราเหมือนผีดิบไปแล้ว คนไทยเริ่มเหมือนผีดิบไปแล้ว
สโรชา – ค่ะ แล้วเราก็จบรายการด้วยประเด็นที่หนักอึ้ง อย่างที่เราเคยคุยมาหลายต่อหลายครั้งว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยเรา เราลืมบางอย่างไปหรือเปล่า ลืมสิ่งที่มีคุณค่าไปหรือเปล่า คุณภาพชีวิตของเราทุกวันนี้มันเป็นอย่างไรและเรากำลังให้ความสำคัญกับอะไรผิดๆ ไปหรือไม่ คราวหน้าเราคงต้องกลับมาคุยกันในประเด็นนี้ หาเวลาคุยกันยาวๆ ซักนิดค่ะ สำหรับวันนี้หมดเวลาแล้วค่ะ สำหรับเมืองไทยรายสัปดาห์ กลับมาพบกันใหม่ในวันศุกร์หน้า สำหรับวันนี้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ดิฉัน สโรชา พรอุดมศักดิ์ ลาไปเพียงเท่านี้ สวัสดีค่ะ
****************