ท้องฟ้าในจ.นครศรีธรรมราช ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหนาทึบ ฝนเริ่มตกหนักในบ้างพื้นที่แล้ว ด้านชาวบ้านสังเกตลางบอกเหตุ นกจับกิ่งไม้มั่น ไม่ออกหากิน คล้ายเมื่อครั้งพายุถล่ม “แหลมตะลุมพุก” ขณะที่สุราษฎร์ธานี หวั่นดินถล่ม
นายสมศักดิ์ โพธิสัตย์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวหลังจากเปิดโครงการเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่มที่ จ.สุราษฎร์ธานี ว่า พายุหมุ่ยฟ้าขณะนี้อยู่ในอ่าวไทยแล้ว เคลื่อนตัวด้วยความเร็ว 28 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วที่ศูนย์กลาง ประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขนาดของพายุนับว่าใหญ่รองจากพายุเกย์ โดยคาดว่าจะขึ้นฝั่งในเวลา 02.00 น.คืนนี้ ซึ่งฝนจะเริ่มตกตั้งแต่วันนี้และจะเริ่มตกหนักขึ้นตั้งแต่ช่วงเย็นของวันนี้เป็นต้นไป จึงขอเดือนประชาชนใน 3 จังหวัดที่พายุอาจจะขึ้นฝั่ง คือ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หากไม่จำเป็นไม่ควรเดินทางในถนนที่เป็นหุบเขา เพราะมีโอกาสที่ดินและหินจะถล่ม
สถานการณ์ความคืบหน้าจากเหตุพายุหมุ่ยฟ้า ที่ จ.นครศรีธรรมราช ล่าสุดที่ อ.ปากพนัง มีฝนตกปรอยๆ ไม่หนักมาก แต่มีรายงานว่า มีฝนตกหนักใน อ.สิชล และอ.ขนอม อ.ท่าศาลา โดยเฉพาะที่ อ.สิชล ขณะนี้ฟ้ามืดครึ้ม และเจ้าหน้าที่กรมอุตุฯ แจ้งว่า น่าจะเป็นศูนย์กลางที่พายุจะขึ้นมาที่ อ.สิชล และ อ.ท่าศาลา แต่ขณะเดียวกัน อำเภออื่นๆ ของ จ.นครศรีธรรมราช รวมทั้งบางส่วนของ จ.สุราษฎร์ธานี ก็จะได้รับผลกระทบจากพายุนี้ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ท้องฟ้าทั่วจังหวัดนครศรีธรรมราชเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากช่วงเช้าที่ท้องฟ้าสดใส กลายเป็นถูกปกคลุมด้วยเมฆหนาทึบ สลับกับมีฝนตกหนักเป็นบางช่วง ทำให้นายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัด เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เพื่อประเมินสถานการณ์ของพายุโซนร้อนหมุ่ยฟ้า ก่อนจะประกาศภาวะฉุกเฉินให้พื้นที่ชายฝั่งใน 5 อำเภอ ตั้งแต่อำเภอขนอมจนถึงอำเภอหัวไทรเตรียมรับภาวะวาตภัย นอกจากนั้นยังประกาศปิดโรงเรียนใน 5 อำเภอที่มีความเสี่ยง โดยให้โรงเรียนปล่อยนักเรียนกลับบ้าน พร้อมเร่งอพยพราษฎร 200 ครอบครัว บนแหลมตะลุมพุก อำเภอหัวไทร เข้ามาอยู่ในตัวเมืองหัวไทร
ชาวบ้านในอำเภอหัวไทรบอกว่ามีลางบอกเหตุว่าจะเกิดพายุรุนแรงเหมือนปี 2505 ที่เกิดมหาวาตภัยถล่มแหลมตะลุมพุก จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เนื่องจาก ท้องฟ้าเปิดและปิดในเวลาอันรวดเร็ว ลมสงบ ฝนตกหนักสลับกับโปรยเล็กน้อย นอกจากนั้นการสังเกตุธรรมชาติพบว่า นกจะเกาะกับต้นไม้แน่นไม่ยอมบินออกหากินตามปกติ
ขณะที่กองทัพเรือสั่งให้กรมยุทธศาสตร์ทหารเรือ ติดตามการเคลื่อนไหวของพายุหมุ่ยฟ้าทางภาพถ่ายดาวเทียม โดยประสานงานกับกรมอุตุนิยมวิทยา และได้สั่งไปยังกองทัพเรือภาค 1-2 ให้เตรียมพร้อมช่วยเหลืออุบัติเหตุทางเรือ พร้อมสั่งเตรียมพร้อมเรือหลวงจักรีนฤเบศร์เข้าช่วยเหลือประชาชน กองทัพเรือประเมินว่า พายุหมุ่ยฟ้าอาจกลายเป็นไต้ฝุ่นหรือพายุโซนร้อนที่รุนแรงเหมือนพายุเกย์ได้ ถ้าเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งช้า แต่หากเคลื่อนตัวเร็ว อาจเป็นเพียงพายุดีเปรสชั่น
พ.ต.อ.บัณฑิต ตุงคเศรณี ผู้กำกับการ 3 กองตำรวจน้ำ เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมการให้ความช่วยเหลือราษฎรที่จะได้รับผลกระทบจากพายุหมุ่ยฟ้า ว่า ในส่วนของตำรวจน้ำซึ่งรับผิดชอบดูแลทั้ง 3 จังหวัดที่พายุจะพาดผ่าน คือ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือราษฎรเป็นครั้งสุดท้าย และได้ส่งเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ อุปกรณ์ เรือ และนักประดาน้ำเข้าประจำในพื้นที่แล้ว โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่เต็มอัตรา และสามารถเข้าให้ความช่วยเหลือราษฎรได้ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับเรือเฟอรี่ได้รับส่งผู้โดยสารจากเกาะสมุยสู่ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นเที่ยวสุดท้ายเมื่อเวลา 12.00 น.ที่ผ่านมา
ด้านนายณรงค์ จำปา หัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยา จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า เกิดฝนตกหนักในบริเวณกว้างของ จ.สุราษฎร์ธานี และตกหนักพร้อมมีลมพัดแรงใน อ.กาญจนดิษฐ์ ดอนสัก และเกาะสมุย ส่วนพื้นที่ระหว่าง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ถึง อ.หัวไทย จ.นครศรีธรรมราช มีลมกระโชกแรง และฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง โดยยังไม่มีรายงานความเสียหายเนื่องจากเป็นเพียงผลกระทบจากปลายของพายุหมุ่ยฟ้าที่มีศูนย์กลางอยู่ในอ่าวไทย


นายสมศักดิ์ โพธิสัตย์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวหลังจากเปิดโครงการเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่มที่ จ.สุราษฎร์ธานี ว่า พายุหมุ่ยฟ้าขณะนี้อยู่ในอ่าวไทยแล้ว เคลื่อนตัวด้วยความเร็ว 28 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วที่ศูนย์กลาง ประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขนาดของพายุนับว่าใหญ่รองจากพายุเกย์ โดยคาดว่าจะขึ้นฝั่งในเวลา 02.00 น.คืนนี้ ซึ่งฝนจะเริ่มตกตั้งแต่วันนี้และจะเริ่มตกหนักขึ้นตั้งแต่ช่วงเย็นของวันนี้เป็นต้นไป จึงขอเดือนประชาชนใน 3 จังหวัดที่พายุอาจจะขึ้นฝั่ง คือ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หากไม่จำเป็นไม่ควรเดินทางในถนนที่เป็นหุบเขา เพราะมีโอกาสที่ดินและหินจะถล่ม
สถานการณ์ความคืบหน้าจากเหตุพายุหมุ่ยฟ้า ที่ จ.นครศรีธรรมราช ล่าสุดที่ อ.ปากพนัง มีฝนตกปรอยๆ ไม่หนักมาก แต่มีรายงานว่า มีฝนตกหนักใน อ.สิชล และอ.ขนอม อ.ท่าศาลา โดยเฉพาะที่ อ.สิชล ขณะนี้ฟ้ามืดครึ้ม และเจ้าหน้าที่กรมอุตุฯ แจ้งว่า น่าจะเป็นศูนย์กลางที่พายุจะขึ้นมาที่ อ.สิชล และ อ.ท่าศาลา แต่ขณะเดียวกัน อำเภออื่นๆ ของ จ.นครศรีธรรมราช รวมทั้งบางส่วนของ จ.สุราษฎร์ธานี ก็จะได้รับผลกระทบจากพายุนี้ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ท้องฟ้าทั่วจังหวัดนครศรีธรรมราชเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากช่วงเช้าที่ท้องฟ้าสดใส กลายเป็นถูกปกคลุมด้วยเมฆหนาทึบ สลับกับมีฝนตกหนักเป็นบางช่วง ทำให้นายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัด เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เพื่อประเมินสถานการณ์ของพายุโซนร้อนหมุ่ยฟ้า ก่อนจะประกาศภาวะฉุกเฉินให้พื้นที่ชายฝั่งใน 5 อำเภอ ตั้งแต่อำเภอขนอมจนถึงอำเภอหัวไทรเตรียมรับภาวะวาตภัย นอกจากนั้นยังประกาศปิดโรงเรียนใน 5 อำเภอที่มีความเสี่ยง โดยให้โรงเรียนปล่อยนักเรียนกลับบ้าน พร้อมเร่งอพยพราษฎร 200 ครอบครัว บนแหลมตะลุมพุก อำเภอหัวไทร เข้ามาอยู่ในตัวเมืองหัวไทร
ชาวบ้านในอำเภอหัวไทรบอกว่ามีลางบอกเหตุว่าจะเกิดพายุรุนแรงเหมือนปี 2505 ที่เกิดมหาวาตภัยถล่มแหลมตะลุมพุก จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เนื่องจาก ท้องฟ้าเปิดและปิดในเวลาอันรวดเร็ว ลมสงบ ฝนตกหนักสลับกับโปรยเล็กน้อย นอกจากนั้นการสังเกตุธรรมชาติพบว่า นกจะเกาะกับต้นไม้แน่นไม่ยอมบินออกหากินตามปกติ
ขณะที่กองทัพเรือสั่งให้กรมยุทธศาสตร์ทหารเรือ ติดตามการเคลื่อนไหวของพายุหมุ่ยฟ้าทางภาพถ่ายดาวเทียม โดยประสานงานกับกรมอุตุนิยมวิทยา และได้สั่งไปยังกองทัพเรือภาค 1-2 ให้เตรียมพร้อมช่วยเหลืออุบัติเหตุทางเรือ พร้อมสั่งเตรียมพร้อมเรือหลวงจักรีนฤเบศร์เข้าช่วยเหลือประชาชน กองทัพเรือประเมินว่า พายุหมุ่ยฟ้าอาจกลายเป็นไต้ฝุ่นหรือพายุโซนร้อนที่รุนแรงเหมือนพายุเกย์ได้ ถ้าเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งช้า แต่หากเคลื่อนตัวเร็ว อาจเป็นเพียงพายุดีเปรสชั่น
พ.ต.อ.บัณฑิต ตุงคเศรณี ผู้กำกับการ 3 กองตำรวจน้ำ เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมการให้ความช่วยเหลือราษฎรที่จะได้รับผลกระทบจากพายุหมุ่ยฟ้า ว่า ในส่วนของตำรวจน้ำซึ่งรับผิดชอบดูแลทั้ง 3 จังหวัดที่พายุจะพาดผ่าน คือ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือราษฎรเป็นครั้งสุดท้าย และได้ส่งเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ อุปกรณ์ เรือ และนักประดาน้ำเข้าประจำในพื้นที่แล้ว โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่เต็มอัตรา และสามารถเข้าให้ความช่วยเหลือราษฎรได้ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับเรือเฟอรี่ได้รับส่งผู้โดยสารจากเกาะสมุยสู่ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นเที่ยวสุดท้ายเมื่อเวลา 12.00 น.ที่ผ่านมา
ด้านนายณรงค์ จำปา หัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยา จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า เกิดฝนตกหนักในบริเวณกว้างของ จ.สุราษฎร์ธานี และตกหนักพร้อมมีลมพัดแรงใน อ.กาญจนดิษฐ์ ดอนสัก และเกาะสมุย ส่วนพื้นที่ระหว่าง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ถึง อ.หัวไทย จ.นครศรีธรรมราช มีลมกระโชกแรง และฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง โดยยังไม่มีรายงานความเสียหายเนื่องจากเป็นเพียงผลกระทบจากปลายของพายุหมุ่ยฟ้าที่มีศูนย์กลางอยู่ในอ่าวไทย