ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมสมัชชาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลก ครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-25 พฤศจิกายน ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ
การประชุมฯ ครั้งนี้จัดโดยสหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ หรือ World Conservation Union หรือ IUCN ซึ่งเป็นองค์กรด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวนมากกว่า 1,000 หน่วยงาน หรือองค์กร จาก 145 ประเทศ รัฐอิสระ 77 รัฐ รวมถึงองค์กรของรัฐและองค์กรพัฒนาเอกชน มากกว่า 800 องค์กร นอกจากนี้ ยังมีนักวิชาการมากกว่า 10,000 คน และพนักงานมากกว่า 1,000 คน ปฏิบัติงานภายใต้โครงการ 500 โครงการทั่วโลก
โดยการประชุมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีโอกาสนำเสนอผลงานทางวิชาการและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อกระตุ้นให้ประชาคมโลกตระหนักถึงสภาวะอันตรายของระบบนิเวศน์ของโลก อันเกิดจากการกระทำของมนุษย์และเสนอแนะแนวทางในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน กำหนดจัดประชุมทุก 4 ปี ครั้งแรกเมื่อปี 2539 ที่เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ครั้งที่ 2 ที่กรุงอัมมาน ราชอาณาจักรฮัชไมด์จอร์แดน และครั้งที่ 3 รัฐบาลไทยโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัด ระหว่างวันที่ 17-25 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการจัดการประชุมในภูมิภาคนี้ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากทั่วโลก ประกอบด้วยบุคคลสำคัญระดับผู้นำประเทศรัฐมนตรี บุคคลสำคัญระดับโลก สมาชิกสหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์องค์กรผู้บริจาค องค์การด้านการอนุรักษ์ และนักวิชาการ มากกว่า 3,500 คน
สำหรับการประชุมครั้งนี้ อยู่ภายใต้ปรัชญา People and nature-only one world โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วง และในการประชุมครั้งนี้ยังมีการจัดนิทรรศการแสดงตัวอย่างของผลงานอันเนื่องมาจากพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม ไว้เพื่อปวงชนชาวไทย ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ต่อประชาคมโลก และผู้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ทุกคนรวมถึงนิทรรศการแสดงผลงานของหน่วยงานและองค์กรต่างๆ อีกจำนวนกว่า 60 เรื่อง
การประชุมฯ ครั้งนี้จัดโดยสหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ หรือ World Conservation Union หรือ IUCN ซึ่งเป็นองค์กรด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวนมากกว่า 1,000 หน่วยงาน หรือองค์กร จาก 145 ประเทศ รัฐอิสระ 77 รัฐ รวมถึงองค์กรของรัฐและองค์กรพัฒนาเอกชน มากกว่า 800 องค์กร นอกจากนี้ ยังมีนักวิชาการมากกว่า 10,000 คน และพนักงานมากกว่า 1,000 คน ปฏิบัติงานภายใต้โครงการ 500 โครงการทั่วโลก
โดยการประชุมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีโอกาสนำเสนอผลงานทางวิชาการและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อกระตุ้นให้ประชาคมโลกตระหนักถึงสภาวะอันตรายของระบบนิเวศน์ของโลก อันเกิดจากการกระทำของมนุษย์และเสนอแนะแนวทางในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน กำหนดจัดประชุมทุก 4 ปี ครั้งแรกเมื่อปี 2539 ที่เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ครั้งที่ 2 ที่กรุงอัมมาน ราชอาณาจักรฮัชไมด์จอร์แดน และครั้งที่ 3 รัฐบาลไทยโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัด ระหว่างวันที่ 17-25 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการจัดการประชุมในภูมิภาคนี้ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากทั่วโลก ประกอบด้วยบุคคลสำคัญระดับผู้นำประเทศรัฐมนตรี บุคคลสำคัญระดับโลก สมาชิกสหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์องค์กรผู้บริจาค องค์การด้านการอนุรักษ์ และนักวิชาการ มากกว่า 3,500 คน
สำหรับการประชุมครั้งนี้ อยู่ภายใต้ปรัชญา People and nature-only one world โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วง และในการประชุมครั้งนี้ยังมีการจัดนิทรรศการแสดงตัวอย่างของผลงานอันเนื่องมาจากพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม ไว้เพื่อปวงชนชาวไทย ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ต่อประชาคมโลก และผู้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ทุกคนรวมถึงนิทรรศการแสดงผลงานของหน่วยงานและองค์กรต่างๆ อีกจำนวนกว่า 60 เรื่อง