xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวในรอบสัปดาห์ 25-31 ต.ค. 2547

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


1. ใต้สลด! สลายม็อบตากใบดับ 85 ชีวิต

ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังหาทางออกไม่พบ ยิ่งเมื่อเกิดการปราบปรามการชุมนุมที่อำเภอตากใบ จ.นราธิวาส นำมาซึ่งการตายอย่างน่าสงสัยของผู้ชุมนุม 85 คน สถานการณ์ยิ่งบานปลายออกไปอีก

ชนวนการสังหารหมู่ครั้งนี้ เริ่มขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 25 ต.ค. เวลา 09.30 น. เยาวชนและกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 200 คน จากหลายพื้นที่นัดรวมตัวกันที่บ้านบาตาหมู่1 ต.ตากใบ อ.ตากใบ จ.นราธิวาสก่อนเคลื่อนขบวนการปิดล้อมสภ.อ.ตากใบเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัว 6 เจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ที่ตกเป็นผู้ต้องหาแจ้งความเท็จเรื่องการปล้นปืนที่ถูกควบคุมตัวอยู่

เที่ยงวันผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นประเมินด้วยสายตาประมาณ 1,000-1,500 คน ส่งเสียงโห่ร้องพร้อมยื่นคำขาดต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาเท่านั้น เจ้าหน้าที่พยายามคลี่คลายสถานการณ์ด้วยการให้นายอับดุลราซัค อาลี เลขานุการสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาสมาเจรจา รวมทั้งให้พ่อแม่ของผู้ต้องหาทั้ง 6 คน มาช่วยเจรจาทำความเข้าใจ แต่ไม่เป็นผล

สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น จนเวลา 15.00 น. พล.ท.พิศาล วัฒนวงศ์คีรี แม่ทัพภาค 4 ที่เข้ามาบัญชาการหน้าโรงพักสภ.อ.ตากใบ ห่างผู้ชุมนุมเพียง 50 เมตร ส่งสัญญาณให้เริ่มสลายการชุมนุมได้ รถดับเพลิงที่เตรียมไว้สองคันฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุมขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมขว้างก้อนอิฐก้อนหิน และท่อนไม้ขว้างใส่เจ้าหน้าที่ ก่อนล่าถอยไปติดริมแม่น้ำตากใบ ด้านเจ้าหน้าที่ 300 คนพุ่งตรงสลายการชุมนุมโดยยิงปืน และแก๊สน้ำตา พร้อมสั่งหมอบกับพื้นและถอดเสื้อผู้ชุมนุมออก เพื่อนำตัวขึ้นรถยีเอ็มซี ไปควบคุมไว้ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี หลังสลายการชุม ในช่วงเย็นวันเดียวกัน มีการแถลงยอดผู้เสียชีวิต 6 ราย ถูกจับอีกราว 300 คน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยยอดผู้ถูกจับกุมทั้งสิ้นราว 1,300 คน และยิ่งช็อกความรู้สึกของคนทั่วโลก เมื่อพ.ญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ รองผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แถลงข่าวในช่วงเย็นวันที่ 26 ต.ค. ว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 78 คน ระหว่างการเคลื่อนย้ายจากอ.ตากใบไปยังค่ายอิงคยุทธ เบื้องต้นพบว่าผู้ตายส่วนใหญ่เกิดจากการขาดอากาศหายใจและอดอาหารเนื่องจากอยู่ในช่วงถือศีลอด และในเช้าวันที่ 27 ต.ค.มีผู้ชุมนุมตายเพิ่มอีก 1 คน รวมยอดผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมครั้งนี้ 85 คน ขณะที่มีกระแสไม่ยืนยันอีกว่า ยอดผู้เสียชีวิตมีทั้งหมดถึง 105 คน

ตัวเลขคนตายเพิ่ม 78 ศพ ที่มีการแถลงในช่วงเย็นวันที่ 26 ต.ค. ปลุกกระแสการต่อต้านรัฐบาลไทยให้เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านมุสลิม ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย และบังกลาเทศ และองค์กรเอกชน อาทิ องค์การนิรโทษกรรมสากล ขณะที่ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการตาย 78 ศพ ในประเทศไทยเองทั้งฝ่ายค้าน-ส.ว.-นักวิชาการมุสลิม-กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยข้อเท็จจริงทั้งหมดให้สาธารณชนทราบ พร้อมเรียกร้องให้นายกฯขอโทษประชาชนสำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

ขณะที่เหตุรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มความถี่ยิ่งขึ้น มีการวางระเบิดในที่ชุมนุมชน ตลอดจนการลอบยิงลอบฆ่า วันละหลายครั้ง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยวันละ 2-3 ราย นับจากการสลายม็อบที่อ.ตากใบเป็นต้นมา

กระทรวงการต่างประเทศต้องรับภาระหนักในการแก้ภาพลักษณ์ของประเทศ ด้วยการส่งหนังสือชี้แจงต่อประเทศมุสลิมโดยตรง และชี้แจงผ่านสถานเอกอัครราชทูตในประเทศต่างๆ ทั่วโลก นอกจากนั้น ได้เรียกเอกอัครราชทูตจากสถานทูตต่างๆ ในประเทศไทย เข้ารับฟังการชี้แจงที่กระทรวงการต่างประเทศ

ด้านพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกแถลงการณ์ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในช่วงเย็นวันที่ 29 ต.ค. โดยมีการใส่คำบรรยายภาษาอังกฤษ นายกฯ ย้ำว่า การสลายการชุมนุมที่อ.ตากใบไม่เกี่ยวกับเรื่องทางศาสนา แต่เป็นการดำเนินตามกฎหมายเพื่อนำความสงบมาสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม นายกฯยอมรับว่า เกิดข้อผิดพลาดในการขนย้ายผู้ชุมนุมที่มีการให้นอนราบกับพื้นรถและทับกันหลายชั้น จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และได้ตั้งกรรมการอิสระขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้แล้ว

นายกรัฐมนตรี ยังคงยืนยันว่า ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้มีพื้นฐานมาจากเรื่องการศึกษาที่ยังไม่เป็นระบบ และปัญหาเรื่องฐานความเป็นอยู่ของประชาชนที่ยังยากจน ซึ่งรัฐบาลจะเร่งแก้ไขที่จุดนี้ โดยในเบื้องต้นจะจัด “คาราวานคนจน” ออกไปช่วยเหลือประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่แรก

คำแถลงของนายกรัฐมนตรี ทำให้สถานการณ์ดูผ่อนคลายลง โดยในวันที่ 30 ต.ค. เริ่มมีการปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุมราว 1,000 คน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อความรุนแรง ยังเหลือเฉพาะกลุ่มแกนนำการชุมนุม ผู้ที่มีคดีติดตัว และมีสารเสพติดในวันชุมนุม รวมประมาณ 300 คน ที่ยังคงถูกควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป ส่วนการประกาศเคอร์ฟิวใน 8 อำเภอของจังหวัดนราธิวาสที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. ก็มีการยกเลิกตั้งแต่คืนวันที่ 30 ต.ค. เป็นต้นมา

2. หลวงพ่อคูณอาพาธหนัก เข้าผ่าตัดที่ศิริราช

พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีสาน ต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลหลายต่อหลายครั้ง เมื่ออายุครบ 81 ปีในปีนี้ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา หลวงพ่อคูณต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นครั้งที่ 4 ในรอบปี หลังจากมีอาการอาพาธทรุดหนักกว่าทุกครั้ง ทำให้ลูกศิษย์พา “หลวงพ่อคูณ” ส่งโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาอย่างกระทันหัน ในช่วงเช้ามืดของวันดังกล่าว

จนกระทั่งเมื่อพบว่า หลวงพ่อคูณมีการเส้นเลือดในสมองตีบ คณะลูกศิษย์จึงส่งต่อมาที่โรงพยาบาลศิริราช ที่กรุงเทพเป็นการด่วน ทางเฮลิคอปเตอร์ในช่วงสายวันเดียวกัน ผลการเอกซเรย์เบื้องต้นว่าพบจุดดำในสมอง 1 จุด และพบเส้นเลือดตีบตัน คณะแพทย์ด้านสมองและหัวใจ ตัดสินใจให้การรักษาอาการอาพาธของ “หลวงพ่อคูณ” ด้วยการผ่าตัดหยุดเลือด และนำลิ่มเลือดที่คั่งในสมองออกในวันที่ 25 ต.ค.นั่นเอง

โรงพยาบาลได้ออกแถลงการณ์รายงานอาการ “หลวงพ่อคูณ” โดยตลอดและขณะนี้อาการดีขึ้นเป็นลำดับ ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนรบกวน สามารถทำตามคำสั่งได้ดีขึ้น ความดันโลหิต-ชีพจรปกติ โดยที่คณะแพทย์พอใจกับการฟื้นตัวทางสมองและจะต้องเฝ้าดูอาการในหออภิบาล (ไอซียู) อีก 2-3 วัน

3. จับ “รักเกียรติ สุขธนะ” หนีคำพิพากษา “ทุจริตยา”

ในที่สุดนายรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรมว.สาธารณสุข สมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย ก็ถูกจับตัว หลังจากหนีประกันและไม่ยอมไปฟังคำพิพากษาในคดีทุจริตยา ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2546 โดยเมื่อเช้าวันที่ 30 ต.ค. ที่ผานมา มีผู้พบเห็นนายรักเกียรติวิ่งออกกำลังกายอยู่ในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ ย่านปากเกร็ด จึงแจ้งสายตรวจให้มาจับกุม

นายรักเกียรติ ตกเป็นจำเลยในคดีที่อัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้ศาลพิพากษายึดทรัพย์สิน จำนวน 233.88 ล้านบาท ในฐานความผิดรับสินบนจากบริษัทยา ร่วมกับ นางสุรกัญญา สุขธนะ ภรรยา ตามข้อกล่าวหาของคณะกรรมการป.ป.ช. ที่ระบุว่า นายรักเกียรติ ร่ำรวยผิดปกติ ในขณะดำรงตำแหน่งเป็นรมว.สาธารณสุขระหว่างปี 2540-2541 โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 30 ก.ย.46 ให้จำคุกเป็นเวลา 15 ปี แต่นายรักเกียรติ ได้หลบหนีไม่ยอมไปฟังคำพิพากษา จนกระทั่งมาถูกจับกุม

นายรักเกียรติ กล่าวระหว่างการแถลงข่าว ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการคดีทุจริตยา ส่วนเงิน 233 ล้านบาทได้มาจากการเล่นการพนัน แต่เมื่อศาลตัดสินลงโทษจำคุกถึง 15 ปี ทำให้รับไม่ได้ จึงไม่ไปฟังคำพิพากษา โดยได้หลบไปอาศัยที่อพาร์ตเมนต์ของหลานชายที่เมืองทองธานี เพื่อรอทำใจ ไม่ได้หนีไปต่างประเทศตามที่เป็นข่าว ซึ่งขณะนี้ทำใจได้แล้ว พร้อมจะรับโทษ ส่วนความเป็นอยู่ตอนนี้ค่อนข้างลำบากเพราะทรัพย์สินถูกปปง.ยึดเรียบร้อยแล้ว ครอบครัวก็แตกแยก รวมทั้งมีโรคประจำตัวคือ เป็นโรคเบาหวาน

สำหรับขั้นตอนดำเนินการกับนายรักเกียรติ ในวันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ตำรวจจะนำตัวส่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และจะนำไปฝากควบคุมไว้ จากนั้นจะออกหมายแดงคดีถึงที่สุดจำนวน 2 ใบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์รับตัวนายรักเกียรติ ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ โดยนายรักเกียรติ จะถูกลงโทษจำคุกเป็นเวลา 15 ปี

ด้านป.ป.ช.และคณะอัยการยังคงติดตามทรัพย์สินของนายรักเกียรติเพิ่มเติม พบว่า นายรักเกียรติมีทั้งบ้านและที่ดินในกรุงเทพฯ นนทบุรี อุดรธานี และจังหวัดเลย ประมาณ 24 แปลง ซึ่งจะเสนอปปง.ให้ยึดมาเป็นของแผ่นดินต่อไป ขณะที่นายรักเกียรติ โต้แย้งว่า ปปง.ไม่มีอำนาจที่จะยึดทรัพย์สินดังกล่าว เนื่องจากเป็นของภรรยา และได้มาก่อนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

รักเกียรติโต้ "ปปง." ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์ภรรยาและบุตร
รักเกียรติ"ปลงตกพร้อมยอมรับโทษทัณฑ์
จับแล้ว"รักเกียรติ" อดีตรัฐมนตรีทุจริตยา

4.“ศิรินทร์” พ้นบ่วง ปล่อยสิเชื่อ"กรุงไทย"มิชอบ

สุดท้ายนายศิรินท์ นิมมาเหมินท์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ก็พ้นจากความผิด ในคดีที่เขาถูกฟ้องเป็นจำเลย ฐานอนุมัติสินเชื่อ 75 ล้านบาทโดยมิชอบนายศิรินท์ ตกเป็นจำเลยในคดีดังกล่าว เนื่องจากเขาได้อนุมัติสินเชื่อให้แก่ นางรุจิรัษมิ์ วิไลพันธ์ โดยการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 3 ฉบับ วงเงิน 75 ล้านบาท แต่นางรุจรัษมิ์ไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่ธนาคาร ทำให้เกิดความเสียหาย เป็นจำนวนเงิน 91.71 ล้านบาท เหตุเกิด ระหว่างวันที่ 19 พ.ค. – 22 ต.ค. 2538

ศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา ว่า การกระทำของจำเลย ฟังไม่ได้ว่า เป็นการปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามที่โจทก์ฟ้องในทุกข้อกล่าวหา เพราะจำเลย ในฐานะดำรงตำแหน่ง เป็นกรรมการผู้จัดการ มีอำนาจในอนุมัติสินเชื่อที่มีบุคคลค้ำประกัน ในวงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท ประกอบกับการอนุมัติ สินเชื่อดังกล่าว ได้ผ่านการวิเคราะห์ จากฝ่ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อ ของทางธนาคารมาตามลำดับชั้นถูกต้องทุกขั้นตอน การใช้ดุลพินิจของจำเลยในการอนุมัติสินเชื่อมิได้มีเจตนาทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางธนาคาร อันไม่เป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง และระเบียบแต่อย่างใด จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง

นายศิรินทร์ กล่าวภายหลังรับทราบคำพิพากษาว่า ดีใจที่ได้รับความยุติธรรมจากศาล แม้การถูกกล่าวหาในคดีนี้ ทำให้ตนเสียโอกาสในการทำงานอื่น แต่ก็ยังไม่คิดฟ้องกลับใคร โดยขอปรึกษาทนายความก่อน

"ศิรินทร์"ยิ้มร่า"ศาลยกฟ้อง"คดี"สินเชื่อ"กรุงไทย 75 ล.

5.อันธพาลข้างถนน! ปาหินโดน “ตลกแคระ” ดับ

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุเศร้าสลดเกิดขึ้นกับคนในวงการตลก หลังจากนายสมชาย จันเจือ อายุ 38 ปี หรือ โจ้ มกจ๊ก ตลกร่างแคระ คณะ “เหลือเฟือ มกจ๊ก” ถูกก้อนหินที่คนร้ายปาเข้ามาในรถตู้จนเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณถนนสายเอเชีย กม.72 ก่อนถึงห้างสรรพสินค้าโลตัส จ.พระนครศรีอยุธยา

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุม นายศักดิ์ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ที่บ้านพักในหมู่ที่ 5 ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นผู้ต้องหาที่ก่อเหตุดังกล่าว พร้อมกับรวบตัวเพื่อนร่วมแก๊งอีก 4 คน ก่อนนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดนายศักดิ์ อ้างว่าจะนำก้อนหินไปปาสุนัข แต่ระหว่างขับขี่จักรยานยนต์ย้อนศร รถตู้ของคณะตลกวิ่งผ่านมาสาดไฟสูงเข้าตาจึงขว้างก้อนหินเข้าใส่ด้วยความโมโห

อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น นายเหลือเฟือ หัวหน้าคณะ ยังไม่มั่นใจว่าผู้ต้องหาที่ตำรวจจับกุมตัวได้ เป็นคนร้ายตัวจริงหรือไม่ รวมทั้งไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาจะกระทำไปด้วยความคึกคะนองหรืออารมณ์ชั่ววูบ ขณะที่ ตำรวจ ยืนยันว่า เป็นคนร้าย และไม่ใช่แพะแน่นอน

ส่วนประเด็นว่า ผู้ต้องหากลุ่ม ดังกล่าวจะถูกจับกุมตามหมายจับคดีปล้นด้วยหรือไม่ ตำรวจยังไม่ขยายผล แม้ว่าในพื้นที่ดังกล่าว เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้บ่อยครั้ง แต่ตำรวจ ก็ไม่ได้ใส่ใจในการแก้ไขปัญหาเท่าที่ควร

6. กลุ่ม “ซอร์กอวีย์” เชือด ตัวประกันญี่ปุ่น

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาสถานการณ์ในอิรักยังคงระอุอย่างต่อเนื่อง รมทั้งวิกฤตการจับตัวประกันชาวต่างชาติที่เกิดขึ้นด้วย โดยเมื่อวันที่ 26 ต.ค.กลุ่มอันซอร์ อันซุนนะออกแถลงการณ์ว่าได้ซุ่มจับกุมทหารของกองกำลังเนชันแนล การ์ดของอิรักเป็นจำนวน 11 คน

ในขณะที่ อัลญะซีเราะห์รายงานว่ากลุ่มของอบูมุสซาบ อัลซอร์กอวีย์ได้จับกุมตัว โชเซอิ โกดะ ชาวญี่ปุ่นวัย 24 ปี เป็นตัวประกันอีกทั้งยังขู่ให้รัฐบาลแดนปลาดิบถอนทหารออกจากอิรัก ไม่เช่นนั้นจะสังหารตัวประกันรายนี้ภายใน 48 ชั่วโมง แต่รัฐบาลปลาดิบยังคงยืนยันว่าจะไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ลักพาตัว ต่อมาหลังจากครบกำหนดที่ทางกลุ่มได้ขีดเส้นตายไว้ในวันที่ 29 ต.ค. ก็มีรายงานว่าได้พบศพชาวเอเชียคนหนึ่ง ที่เมืองติกริตทางตอนเหนือของอิรัก แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นโชเซอิหรือไม่ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจอิรักเผยว่าศพชาวเอเชียดังกล่าวไม่น่าจะเป็นตัวประกันชาวญี่ปุ่นอย่างที่หวั่นเกรงกัน เนื่องจากผู้เสียชีวิตผิวคล้ำมาก มีหนวด และสวมกางเกงแบบที่นิยมกันในอินเดียและปากีสถาน

อย่างไรก็ตาม เช้าวันที่ 31 ต.ค. กระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น ได้แถลงยืนยันว่า ศพปราศจากศีรษะของชายชาวเอเชียที่พบในกรุงแบกแดด เป็นตัวประกันชายชาวญี่ปุ่นที่ถูกลักพาเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่กระนั้น รัฐบาลแดนปลาดิบ ยังคงประกาศกร้าวไม่ถอนทหารออกจากอิรักตามข้อเรียกร้องของกลุ่มก่อการร้ายแน่นอน

ด้านสถานการณ์ของตัวประกันหญิงชาวผู้ดี เจ้าหน้าที่ของแคร์ซึ่งถูกจับตัวไปตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อนก็ยังคงไม่น่าไว้ใจ โดยเมื่อวันที่ 28 ต.ค.สถานีโทรทัศน์อาหรับเผยภาพวิดีของเธอที่ออกมาวิงวอนรัฐบาลอังกฤษอีกครั้งให้รัฐบาลเมืองผู้ดีถอนทหารออกอิรักเป็นการด่วนและเตือนไม่ให้ส่งทหารเข้าแบกแดด อีกทั้งวอนขอให้มีการปล่อยตัวนักโทษหญิงชาวอิรักด้วย เพื่อรักษาชีวิตของเธอไว้

สำหรับโมฮัมเหม็ด ฮาหมัด เด็กชายชาวเลบานอนวัย 7 ขวบ ซึ่งถูกคนร้ายลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ในอิรักเมื่อสัปดาห์ก่อนได้รับการปล่อยตัวแล้วในวันที่ 29 ต.ค. โดยแลกกับเงินเพียง 2,000 เหรียญสหรัฐฯ หลังจากที่ก่อนหน้านี้คนร้ายขู่ว่าจะตัดศีรษะของหนูน้อย หากไม่ได้รับเงินค่าไถ่ 70,000 เหรียญสหรัฐฯภายในวันเสาร์(30)



7. “สมเด็จนโรดมสีหมุนี” ราชาภิเษกเป็นกษัตริย์กัมพูชาพระองค์ใหม่

สมเด็จนโรดมสีหมุนี ทรงเข้าพิธีราชาภิเษกเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของราชอาณาจักรกัมพูชา ต่อจากสมเด็จกรมพระนโรดมสีหนุ พระราชบิดาแล้ว โดยพิธีดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 ต.ค. ที่ผ่านมา ณ บริเวณพระราชวังเขมรินทร์ กลางกรุงพนมเปญ โดยมีพระราชาคณะ พระบรมวงศานุวงศ์ สมาชิกวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร ข้าราชบริพาร ตลอดจนและคณะทูตานุฑูต เข้าร่วมพิธีซึ่งจัดอย่างยิ่งใหญ่ โดยการจำลองแบบมาจากยุคอาณาจักรกัมพูชารุ่งเรืองในสมัย “พระนคร” เมื่อเกือบ 1 พันปีที่แล้ว

โดยในตอนเช้าวันเสาร์ที่ 30 ต.ค. ประชาชนกัมพูชาราว 50,000 คน ชุมนุมในบริเวณหน้าพระราชวัง เพื่อร่วมฉลองวันสุดท้ายของการเฉลิมฉลองพิธีราชาภิเษก ซึ่งพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ทรงมีพระราชดำรัสเป็นครั้งแรกต่อพสกนิกรของชาติ โดยหลังจากนั้นจะเป็นสุนทรพจน์จากนายกรัฐมนตรีฮุนเซน และสมเด็จกรมพระนโรดมรณฤทธิ์ ประธานรัฐสภา

การเฉลิมฉลองทั้ง 3 วัน ถูกกำหนดให้เป็นวันหยุดประจำชาติของกัมพูชาด้วยนั้น จะมีการแสดงดนตรี เต้นรำ ในหลายสถานที่ในกรุงพนมเปญ อันรวมถึงการจุดดอกไม้ไฟริมแม่น้ำในแต่ละค่ำคืน

ราชาภิเษกกษัตริย์แห่งกัมพูชาอลังการแบบสมัยชัยวรมัน
ชาวกัมพูชากว่า5หมื่น รับเสด็จประมุของค์ใหม่
กำลังโหลดความคิดเห็น