สนธิ วิเคราะห์ปลดขิ่น ยุ้นต์ แค่หมั่นไส้ ทำงานไม่สำเร็จ ระบุตะวันตกแซงชั่น พม่าไม่สะเทือน เพราะสานสัมพันธ์จีนและอินเดีย แนะไทยอย่าคล้อยตามอเมริกา เพราะไทยมีชายแดนติดพม่าได้รับผลกระทบ ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องภายใน
สโรชา –สวัสดีคุณผู้ชม พบกับรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ อาหารสมองก่อนเข้านอนคะ ในทุกคืนวันศุกร์ ดิฉัน สโรชา พรอุดมศักดิ์ และคุณสนธิ ลิ้มทองกุล วันนี้ตื่นเช้าขึ้นมาแล้วเห็นพาดหัวหนังสือพิมพ์แล้วคงจะตกใจไม่แพ้ไปกว่าดิฉันเลยค่ะเพราะว่าพาดหัวหนังสือพิมพ์ครั้งนี้ถือว่า รุนแรงพอสมควรค่ะ เพราะว่าพาดหัว ก็ประมาณว่า เด็กไทยมีเซ็กกันตั้งแต่อายุ 8 ขวบและสวิงกิ้งติดอันดับ 1 ของโลก สวิงกิ้งคือเปลี่ยนคู่ที่มีเพศสัมพันธ์ ฟังแล้วไม่ค่อยสบายใจ แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า 8 ขวบก็แล้วเหรอ
สนธิ – มองได้หลายด้านเรื่องนี้ ด้านแรกคืออาจจะมีข้อผิดพลาดในการวัดอายุ ผมเข้าใจว่าคงจะผิดพลาดแต่ถ้าสวิงกิ้งง หรือว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปทางความรู้สึก ทางด้านเพศสัมพันธ์อันนี้เปลี่ยนแน่ คือ เด็กไทยสมัยนี้ผมคิดว่า ไม่ต้องถึงเด็กขั้นมหาวิทยาลัย เพราะเขาโตแล้ว เขามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรตามที่เขาคิดว่าควรนะครับ ผมคิดว่าเด็กในระดับมัธยม ที่น่ากลัวคือว่ามัธยมต้น ตอนนี้กลายเป็นเรื่องราวธรรมดาไปแล้ว แต่ว่า พวกเรามักจะตกใจกับข่าวแบบนี้ขึ้นมาและบอกว่า มันเกิดอะไรขึ้น เราถามตลอดเวลา แต่เราไม่เคยหันมามองดูตัวเราเอง คุณสโรชา ไม่เคยว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้ไอ้พวกนี้มันเกิดอะไรขึ้น
สโรชา – คือเราไปมีบทบาททำให้เขาเป็นอย่างนี้หรือเปล่า
สนธิ – นั้นแหละคือสิ่งแวดล้อมของสังคม ผมไม่อยากจะพูดอะไรให้มากไปกว่านี้ คุณสโรชา ดูรายการโทรทัศน์ในประเทศไทยวันนี้ ละครโทรทัศน์รักๆ ใคร่ๆ กลายเป็นละครเด็กหนุ่มเด็กสาว รักๆ ใคร่ๆ กัน เด็กนักเรียนขึ้นมัธยมเริ่มมีแฟนกันแล้ว ละครแสดงออกมา และที่ร้ายที่สุดคือว่าภาพยนตร์ทั้งต่างประเทศทั้งไทยเดี๋ยวนี้ไม่มีการควบคุมจรรยาบรรณเลยแม้แต่นิดเดียว พอเริ่มเข้าไปควบคุมก็บอกว่า ไม่มีสิทธิเสรีภาพ มาเซ็นเซอร์กันได้ยังไง ต่างประเทศเขาแสดงออกกันหมด ผมพูดตลอดเวลาว่าต่างประเทศไม่ใช่ประเทศไทย เมืองไทยเดินเข้าบ้านยังต้องถอดรองเท้าอยู่ ยังต้องยกมือไหว้ ยังต้องไหว้พ่อ ไหว้แม่อยู่ ไหว้พี่ ไหว้ป้า ไหว้น้า ไหว้อา รากเหง้าวัฒนธรรมของเรามันลึกซึ้ง แต่เราไม่พยายามสร้างภูมิคุ้มกันรากเหง้าของเราให้เข้มแข็งมากกว่าเก่า เราห้ามวัฒนธรรมพวกนั้นเข้าไม่ได้ เหมือนอย่างรายการบางรายการ คุณสโรชาเคยดูรายการเดอะ บาเชเลอร์ไหม คุณดูแล้วคุณคิดให้ดี ๆ นี่คือรายการหาผัวหาเมีย
สโรชา – ใช่ค่ะ
สนธิ – เอาผู้หญิงมา 10 คน เพื่อมาเลือกผู้ชายคนหนึ่งซึ่งรวยมากและผู้ชายก็เลือก วิธีก็คือมันจะเดทกับแต่ละคนไปก่อน เดททุกคน การเดทของมันคือการไปกินนอนด้วย วันสองวัน เดี๋ยวมันก็กลับมาบอกว่ามีความสุขมาก ได้ไปเที่ยวเรือผู้ชายคนนี้ ผู้ชายคนนี้สวีทมาก จูบเก่งมาก นี่มันอะไรกัน แล้วก็เอามาให้คนไทยได้ดูกัน เด็กไทยได้ดูกัน อันนี้เป็นส่วนหนึ่ง เราไม่เคยคิดในเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเราคิด เราต้องรู้ว่า ในบางครั้งบางเรื่องอย่างเกมเซอร์ไวเวอร์ หรือเรื่อง เดอะ บาเชเลอร์ บางประเทศ เขาไม่ให้ฉายนะ มาเลเซียไม่ให้ฉาย เขาถือว่าเป็นต้นเหตุของการทำลายศีลธรรมขั้นพื้นฐาน และเมืองไทย เป็นเมืองหน้าไหว้หลังหลอก ในขณะซึ่งเราว่าเด็กได้รับอิทธิพลทางนี้ คุณไปดูอาบอบนวดยังเปิดอยู่ตลอดเวลา นั่นคือซ่องโสเภณีที่เปิดอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม ไปนวดจ่ายค่าชั่วโมง ก็ไปนอนกับผู้หญิงข้างในนั้นและเรามาว่าอะไรกัน เรามาว่าเด็กทำไม ในเมื่อตัวเราเองยังทำอย่างนั้น สิ่งแวดล้อมคือสื่อมวลชนทั้งโทรทัศน์ ทั้งหนังสือพิมพ์ก็ถล่มในเรื่องของคาวโลกีย์ ในเรื่องของความเลวร้ายออกไป โทรทัศน์ถล่ม ผู้ใหญ่ก็ทำซะเอง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของโลกีย์ในเรื่องของอบายมุข รัฐบาลก็ส่งเสริมหวยบนดิน และคุณสโรชา เราจะไปหวังอะไร ผมไม่ได้ประหลาดใจเลย
สโรชา – จะไปโทษเด็กไม่ได้เลย
สนธิ – โทษเด็กไม่ได้คือทั้งหมด เราเป็นคนสร้างขึ้นมา เด็กจะไปรู้เรื่องอะไร เด็กมันเป็นผลพวงคุณปลูกต้นมะม่วงคุณต้องได้ต้นมะม่วง คุณปลูกมะม่วงจะได้ทุเรียนได้อย่างไร เด็กคือผลพวงของสิ่งแวดล้อมของพวกเราและเป็นสิ่งซึ่งพวกเราทำให้เขาเป็นเช่นนั้น
สโรชา – ค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่า อ่านแล้วตกใจ ก็คงต้องมาทบทวนกันนะคะ ว่าเราควรจะตกใจหรือไม่ ถ้าเราทำตัวกันมาอย่างนี้ เราอาจจะเตรียมใจไว้ตั้งนานแล้วว่าสิ่งที่เราทำไป มันคงจะมีผลต่อรุ่นหลังของเราแน่นอนค่ะ อีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องเด่นประจำสัปดาห์ เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดในบ้านเรา แต่มีผลกระทบอย่างแน่นอน เรื่องราวในประเทศพม่า มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ทั่วโลกตกใจกันว่า นี่คือจุดสิ้นสุดความปรองดองในพม่าหรือไม่
สนธิ – มันมีนัยเยอะ มองพม่า มองมิติเดียวไม่ได้หรอกครับ เพราะว่าเรื่องของพม่าเป็นเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์ไปแล้ว จีโอ โพลิติกส์ ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับอินเดีย จีน และไทย และยังมีตะวันตกอยู่ข้างหลัง เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องนี้ต้องอธิบายความยาวนิดนึง เพราะเราไปสนใจประเด็นว่า นายพลตันฉ่วยปฏิวัติล้มนายพลขิ่น ยุ้นต์ ข้อหาคอร์รัปชั่น ความขัดแย้ง จริง ๆแล้วความขัดแย้งอันนี้มีนัยซึ่งอธิบายได้
สโรชา – โอเค และเราจะมาอธิบายในช่วงหน้านะคะ นั่นคือคำถามเอสเอ็มเอสของเราในสัปดาห์นี้ค่ะ คุณผู้ชมเห็นว่าไทยควรสนับสนุนช่วยเหลือพม่าต่อไปเหมือนเดิมหรือไม่ ช่วยเหลือต่อไป กด เอ็มที 1 หยุดการช่วยเหลือกด เอ็มที 2 ส่งมาที่ 84820 ค่ะ หรือโทร.มาที่ 02-201-6055-60 ค่ะ สัปดาห์นี้เราแจกโทรศัพท์มือถือเช่นเคย แต่เป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ พานาโซนิครุ่นใหม่ล่าสุดเลย พานาโซนิค เอ็กซ์ 500 ค่ะ สไลด์เท่ อินเทรนด์ พลิก คลิก เก็บช็อตเด็ดโดนใจ สโลแกนเขา สุดยอดจริงๆ เราจะแจกกัน 1 เครื่องนะคะ โดยสุ่มจากหมายเลขผู้ที่ส่งเอสเอ็มเอสเข้ามาในรายการของเราค่ะ เพราะฉะนั้นส่งเข้ามาเยอะๆ นะคะ ขอบคุณฟรีอินเตอร์เน็ตที่เอื้อเฟื้อระบบเอสเอ็มเอสกับเรา พักซักครู่เดี๋ยวกลับมาคุยกันค่ะ
สโรชา – กลับมาสู่เมืองไทยรายสัปดาห์ค่ะ วันนี้ว่าด้วยเรื่องของพม่าคงปฏิเสธไม่ได้เป็นเรื่องที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้เราคงจะต้องเจาะลึกเรื่องนี้ค่ะ ความเป็นมาเป็นอย่างไร มีสัญญาณบ่งบอกบ้างไหมค่ะว่าอยู่ดีๆ ท่านจะถูกปลดอย่างนี้
สนธิ – มีสัญญาณบอกมาตั้งแต่เดือนก.ย. มีการเปลี่ยนตัวรมว.ต่างประเทศ ท่านวิน อ่อง เปลี่ยนออกไปและเอาทหาร นายพลทหารซึ่งไม่เคยมีความรู้ในเรื่องการต่างประเทศเลยเข้ามา โดยที่คนคนนี้เป็นคนสนิทของนายพลตันฉ่วย นั่นคือสัญญาณแรก อันที่น่าสนใจคือว่ามิติของการเปลี่ยนแปลงในพม่าครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก คือผู้นำพม่าในวันนี้ พวกนายพลตันฉ่วย นายพลหม่องเอ พวกนี้ เราต้องยอมว่าเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษ พันธุ์สุดท้ายในโลกนี้ที่เหลืออยู่ คือกูไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น โลกจะว่ายังไง คือพอใจจะทำอย่างนี้ก็ด้วยเหตุผลอย่างนี้ ฉันต้องการอย่างนี้ เหมือนกับการซึ่งพรรคเอ็นแอลดี ของนางอองซาน ซูจีได้รับเลือกตั้งท่วมท้น ตัวเองเห็นว่าถ้าเลือกตั้งเข้ามาแล้ว อำนาจทางทหารจะหมดไป ก็ล้มมันดื้อๆ อย่างนั้น เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือมนุษย์พันธุ์พิเศษ เผอิญขิ่น ยุ้นต์ก็เป็นพันธุ์พิเศษเหมือนกัน แต่พันธุ์พิเศษซึ่งกำลังจะเริ่มกลายพันธุ์ ก็คือเริ่มคล้ายๆ ว่า น่าที่จะมานั่งคุยกันได้แล้วนะ น่าจะมาประคับประคองผ่อนปรนได้บ้าง
สโรชา – หมายความว่าผู้ที่มีอำนาจในพม่าจริงๆ มีอยู่ 3 คน ที่เอ่ยมานี้
สนธิ – จริงๆ แล้วคนที่ใหญ่ที่สุดคือตันฉ่วย เป็นประธานเอสพีดีซีซึ่งเหมือนสภาปฏิวัติ ของพม่า ตันฉ่วย เป็นประธานและเป็นประธานคณะกรรมาธิการทหารทั้งหมด ก็คือดูแลกองทัพหมดเลยทุกอย่าง นั่นคือที่หนึ่ง ตันฉ่วย หม่องเอ คือรอง อันที่สามคือ ขิ่น ยุ้นต์ ซึ่งสมัยก่อนจนกระทั่งที่จะถูกล้มล้าง เป็นคนซึ่งควบคุมดำเนินการหน่วยสืบราชการลับของทหาร ข่าวกรองที่เขาเรียกว่าพวกเอ็มไอ มิลิทารี อินเทลลิเจนซ์ ซึ่งจะมีทุกตำบล อำเภอ ทุกจังหวัด พวกนี้ที่ภาษาพม่าเรียกว่า นะสะกะ ก็คือคนซึ่งมีอำนาจสูงสุดในพื้นที่ จะจับใครก็ได้ จะปล่อยใครก็ได้จะให้ข้อหาใครก็ได้
สโรชา – พวกนี้อยู่ภายใต้เอ็มไอ
สนธิ – อยู่ภายใต้เอ็มไอซึ่งอยู่ภายใต้ขิ่น ยุ้นต์ ทีนี้เท่าที่รู้ก็คือว่า ขิ่น ยุ้นต์ ได้ถูกมอบหมายให้บรรดา คือการที่ขิ่น ยุ้นต์ได้เลื่อนขึ้นมา เป็นนายกรัฐมนตรี ประเด็นคือ เขาบอกว่า เอาละคุณไปจัดการซิ ต่างประเทศมันด่าเรามากนัก ไปหาวิถีทางที่จะทำอะไรให้มันดีขึ้น ก็ปรากฏว่า ขิ่น ยุ้นต์ ก็รับปากเอสพีดีซี คือตันฉ่วยและพรรคพวกว่า โอเค พูดง่ายๆ ว่าพวกนี้เป็นทหารด้วยกัน กินนอนมาด้วยกัน พี่น้องกัน เลยบอกว่า ขิ่น ยุ้นต์ ไปจัดการเรื่องนี้หน่อย ไปเป็นนายกฯ แล้วกัน ขิ่น ยุ้นต์ก็ไปดำเนินการวิธีการเรื่อยๆ
สโรชา – และจะเห็นว่าไปมีการประชุมการพูดคุยกับต่างชาติต่อเนื่อง
สนธิ – พูดง่ายๆ ว่าเรื่องของโลก ณ วันนี้มีอยู่ 2 เรื่องที่เกี่ยวกับพม่า เรื่องแรกคือปัญหาของชนกลุ่มน้อยที่จะทำยังไงที่จะเจรจากันอย่างสันติ และเรื่องที่สอง คืออองซาน ซูจี เพราะอองซาน ซูจี กลายเป็นสัญลักษณ์ของโลกไปแล้ว ของโลกในวันนี้และตะวันตกก็ใช้อองซาน ซูจี เอามาบีบพวกพม่าทั้งหมด ทีนี้พอขิ่น ยุ้นต์ไปเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ส่งรัฐมนตรีต่างประเทศไป ไม่ว่าจะประชุมที่กรุงเทพฯ ที่โน่นที่นี่ที่อาเซม วิน อ่อง เขาก็มีความรู้สึกว่าเขาต้องแสดงออกต่อประชาคมโลก ทุกครั้งที่ไป คนจะถามอยู่คำถามเดียวว่า เมื่อไหร่คุณจะปล่อยอองซาน ซูจี คำถามเด็ด คำถามเดียวเท่านั้นเอง วิน อ่อง ก็มองว่า ถ้าอย่างนั้นแล้ว ในเมื่อ ขิ่น ยุ้นต์ ยอมรับแผนสันติภาพ แผนของการพัฒนาไปทางแนวทางการเมืองและขิ่น ยุ้นต์ก็คงจะบอกทางวิน อ่อง ว่า โอกาสที่จะปล่อยอองซาน คงเร็วนี้ วิน อ่องก็เลยไปพูดตลอดเวลา อีกไม่นานแล้วอองซาน จะออก แต่อำนาจปล่อยอองซานไม่ได้อยู่ในมือขิ่น ยุ้นต์ และไม่ได้อยู่ในมือวิน อ่อง มันอยู่ในมือตันฉ่วย และหม่องเอ ทีนี้ความที่เป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษของหม่องเอ และของพวกนี้ก็มีความรู้สึกว่าปล่อยมันทำไม เพราะว่าถ้าเราวิเคราะห์ตันฉ่วยให้ดีๆ แล้ว ตันฉ่วยไม่ได้สนใจอองซาน ซูจีเลย เขากลับมองว่า ณ ขณะนี้ปัญหาใหญ่ของเขาคือชนกลุ่มน้อย เขาจะทำยังไงให้ชนกลุ่มน้อยเข้ามาร่วมรัฐบาลโดยดุษฎียภาพ และวางอาวุธซะ และเขาจะแบ่งอำนาจให้พวกชนกลุ่มน้อยไปปกครองเพื่อหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ อย่างเช่นให้รัฐฉานไป ให้มอญไป ให้โน่นให้นี่ไป ถึงบอกว่า พ่อค้าไม้เวลาจะไปติดต่อซื้อขายไม้จากใครนะ ผู้นำท้องถิ่นหรือผู้นำชนกลุ่มน้อยจะมีอำนาจเต็มที่เลย คือพม่าจะไม่สนใจ บอกว่าคุณเอาเงินตรงนั้นไปเลย แต่ขออย่างเดียววางปืน อำนาจทางทหารให้อยู่ตรงส่วนกลาง ตรงนี้ยังตกลงกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วตันฉ่วยก็มองในแง่ของยุทธวิธีของทหาร ว่าถ้าสมมติชนกลุ่มน้อยยังไม่วางอาวุธ จะไปปล่อยอองซาน ซูจีตอนนี้ได้ยังไง เพราะถ้าอองซาน ซูจี ออกมา อองซาน ซูจี ก็สามารถทำให้ชนกลุ่มน้อยมันไม่วางอาวุธต่อ ลุกฮือขึ้นมาอีก เพราะฉะนั้นตันฉ่วยเขามองในแง่ยุทธศาสตร์เขาก็เลยมองว่า เรื่องที่ตะวันตกจะรีบร้อนปล่อยอองซาน ซูจี ช่างมัน กูไม่สนใจ ขอให้จัดการเรื่องนี้ซะก่อน เมื่อตันฉ่วยไม่สามารถจะปล่อยได้ ตะวันตก หรือประชาคมโลกก็รุมก่นด่าพวกพม่าเต็มที่ ผมก็เลยเข้าใจว่าเป็นเรื่องเอกซิเดน ในเชิงที่ว่าพวกทหารด้วยกัน ตันฉ่วยอาจจะนั่งกินเหล้าอยู่ ก็ทุบโต๊ะ บอกว่าขิ่น ยุ้นต์ทำงานไม่ได้ผล
สโรชา – จะเอียงไปทางตะวันตกมากเกินไปหรือเปล่า
สนธิ – เอียงไม่เอียงไม่รู้ รู้แต่ว่าพวกนี้คงจะมาในรูปแบบว่าขิ่น ยุ้นต์ทำงานไม่ได้ผล ถ้าทำงานไม่ได้ผลทำไมเรายังโดนด่ามากกว่าเก่า เพราะฉะนั้นถึงเวลาต้องเปลี่ยนขิ่น ยุ้นต์ พอดี มันมีการแย่งอำนาจกัน ระหว่างหม่องเอ กับขิ่น ยุ้นต์ เพราะตันฉ่วยก็แก่แล้ว สุขภาพไม่ได้ ระหว่างหม่องเอ กับขิ่น ยุ้นต์ใครจะมาแทนตันฉ่วย หม่องเอ ก็เลยเข้าข้างตันฉ่วย ก็เลยมาฟาดขิ่น ยุ้นต์ ก่อนจะฟาดขิ่น ยุ้นต์เขาตั้งข้อหาคอร์รัปชั่น ก่อนเขายึดอำนาจขิ่น ยุ้นต์ 2-3 วัน มีนายพันตรีคนหนึ่งซึ่งเคยสังกัดเอ็มไอของขิ่น ยุ้นต์ ถูกจับได้ที่รัฐฉาน แถวเชียงตุง ข้อฟอกเงิน มีเงินจ๊าดอยู่ 8,000 ล้านจ๊าด เงินสด เท่ากับ 200 ล้านบาท พร้อมกับยาเสพติด เขาก็เลยใช้กรณีนี้โยงไปว่าตระกูลขิ่น ยุ้นต์ พรรคพวกขิ่น ยุ้นต์คือคอร์รัปชั่น ก็เลยจับขิ่น ยุ้นต์และยึดอำนาจขิ่น ยุ้นต์ออกมาและเลยตั้ง โซ วิน มาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน
สโรชา – มีนักวิเคราะห์บางท่านบอกว่าสาเหตุอีกส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าขิ่น ยุ้นต์ถืออำนาจทางด้านข่าวกรองมากจนเกินไป เที่ยวไปเก็บเกี่ยวความลับของคนโน้นคนนี้ในมือตลอด โดยที่ตนเองปกครองเอ็มไอคนเดียว อาจจะมีอำนาจมากเกินไป
สนธิ – ผมคิดว่า เก็บเกี่ยวความลับก็ส่วนหนึ่งแต่ที่สำคัญที่สุดคือว่า เก็บเกี่ยวผลประโยชน์คนเดียวเพราะเจ้าหน้าที่เอ็มไออยู่ทุกอำเภอ ทุกตำบล ทุกมณฑลที่ผมเล่าให้ฟังนะ ว่าเจ้าหน้าที่พวกนี้เรียกว่านะสะกะ ซึ่งมีอำนาจมาก เพราะฉะนั้นแล้วผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใครมันก็เข้ากระเป๋าพรรคพวกขิ่น ยุ้นต์หมด พวกหม่องเอ พวกตันฉ่วยก็ไม่ได้ ก็เหมือนกับในเมืองไทย มีนายอยู่ 3 คน นายคนหนึ่งลูกน้องเก็บส่งส่วยมาตลอด ปรากฏว่า นาย 2 คน ไม่เคยได้เลย ก็ต้องอิจฉาริษยาใช่ไหม อยู่เฉยๆ ก็ต้องฟาดมันไป ปล่อยมันทิ้งไว้อย่างนี้ ทิ้งไม่ได้ นั่นคือที่มาของมัน แต่ว่าคุณถาม ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของความหมั่นไส้ ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องแค่นี้เพราะว่านโยบายอะไรหลายอย่าง ไม่ได้เปลี่ยนแปลง เพราะเขาไม่เคยยอมที่จะปล่อยอองซาน ซูจีอยู่แล้ว แต่ไหนแต่ไร ถามว่า ขิ่น ยุ้นต์อยู่ต่อไป เขาจะปล่อยอองซาน ซูจีไหม เขาไม่ปล่อย เป็นเพียงแต่ว่าในทางทหารตันฉ่วยใหญ่สุด อันดับ 2 หม่องเอ อันดับสามขิ่น ยุ้นต์ บอกว่าขิ่น ยุ้นต์นายไปเป็นนายกฯจัดการซะ ลักษณะอย่างนี้คล้ายๆ ลักษณะเมืองไทยสมัยโบราณ ลักษณะจอมพลสฤษดิ์ ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านกุมอันโน้นอันนี้ ท่านก็สั่ง ว่า ประภาสดูตรงนั้น ถนอมดูตรงนี้ ใครก็ตามทำงานที่เขามอบหมายไว้ได้ เขาบอกว่าไอ้ห่า ให้ไปทำแล้วทำไมทำไม่สำเร็จ
สโรชา – พูดจาไม่สุภาพ
สนธิ – ขอประทานโทษ คือเล่าเหมือนกับเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง ก็เลยบอกว่าถ้าทำไม่ได้ก็เปลี่ยนมันซะ แต่เผอิญเป็นเรื่องธรรมดาแต่พม่าการเปลี่ยนของเขา เขาต้องหาความชอบธรรมกับโลกภายนอก เขาบอกว่าสุขภาพไม่ดี แต่กับภายในเขาต้องแจ้งให้ทราบ เหมือนกับเนวิน ตอนที่เขาจับจอมพลเนวิน เขาจับจอมพลเนวินเข้าที่บ้าน และเขาก็จับลูกเขยลูกสะใภ้ลูกสาวของนายพลเนวินซะ ข้อหาคอร์รัปชั่น จับตอนนั้นยังไม่มีอะไร แต่ปรากฏว่า มีข่าวว่า ทั้งลูกสาวลูกสะใภ้เนวินดำเนินการจะปฏิวัติทีมที่จับ เขาก็เลยล้มการปฏิวัติและยิงทิ้งซะ ประหารชีวิตซะ ซึ่งการประหารชีวิตด้วยเหตุปฏิวัตินั้นจริงไม่จริงเราไม่รู้ อาจจะต้องการปฏิวัติ ต้องการประหารชีวิตอยู่แล้ว เผอิญหาเหตุผลไม่ได้ก็เลยต้องหาเหตุผลอย่างนี้ แต่ประเด็นคือว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องที่ใหญ่คือ มิติต่างๆ ระหว่างหม่องเอ ตันฉ่วย และขิ่น ยุ้นต์ ที่มีต่อภูมิรัฐศาสตร์ ในพื้นที่ภูมิภาคนี้ ขิ่น ยุ้นต์ ได้ชื่อว่าเป็นคนที่สนิทสนมกับจีนและปากีสถาน หม่องเอ และตันฉ่วยเป็นคนซึ่งสนิทสนมกับทางอินเดียและในช่วงหลังจีนเริ่มมามีอิทธิพลในพม่าอย่างมหาศาล ทำให้อินเดียนั่งอยู่ไม่สุข และมีความเกรงกลัวว่าถ้าขืนปล่อยไปอย่างนี้ต่อไป ที่พูดไม่ได้แปลว่าอินเดียอยู่เบื้องหลังตันฉ่วยนะ แต่อินเดียวันนี้หายใจโล่งอก วันจันทร์นี้ตันฉ่วยจะบินไปเยือนอินเดีย เป็นแขกของอินเดีย เท่าที่ทราบมาอินเดียจะต้อนรับตันฉ่วย อย่างเฮด ออฟ สเตท อย่างยิ่งใหญ่ มีการยิงปืนใหญ่ 21 นัด รับทุกอย่าง ผมถามว่า อินเดียซึ่งเป็นประธานที่ส่งเสริมประชาธิปไตยอย่างสูงสุด วันนี้ทำไมถึงมาเอาใจตันฉ่วยมากขนาดนี้ เรื่องนี้มีมิติที่ต้องอธิบายให้ฟัง และบทบาทอินเดียกับจีนในพม่า จะเป็นยังไง และจะมากระทบกับไทยอย่างไรบ้าง มีแน่นอนที่สุด อย่าไปมองมิติพม่าเป็นเพียงแต่ว่าแย่งอำนาจกันภายใน เพราะไม่ยอมปล่อยอองซาน ซูจี และตะวันตกต้องการที่จะให้เปลี่ยน แล้วก็มาก่นด่าทหารพม่า และใช้อองซาน ซูจีเป็นข้ออ้าง มีนัยมากกว่านั้นเพราะตะวันตกก็มีเหตุผลที่ต้องการให้เปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์ของตะวันตก เวลาหมดแล้ว เดี่ยวเราค่อยคุยกันรอบ 2
สโรชา – ค่ะอย่างที่คุณสนธิบอก เราคงมองพม่าเพียงแค่พม่าอย่างเดียวไม่ได้ นะคะ คงต้องมองความสัมพันธ์ไปถึงประเทศต่างๆ รวมมาถึงประเทศไทยด้วย จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวช่วงหน้ากลับมาค่ะ
สโรชา – กลับมาสู่เมืองไทยรายสัปดาห์นะคะ ไปต่อกันเลยค่ะเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เข้ามามีบทบาทมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในพม่าในครั้งนี้ ตัวละครค่อนข้างเยอะ ถ้าเราลำดับไปเอาจีนก่อนดีไหมค่ะ
สนธิ – ไม่ยากอะไรเลย คือเวลาเราดูการเมืองระหว่างประเทศ ผมพูดตลอดเวลาว่า คนที่เรียนภูมิศาสตร์จะได้เปรียบ ถ้าศึกษาลึกซึ้งนะครับ ประเทศไทยอยู่ตรงนี้ พม่าติดทางตะวันตกของประเทศไทย เหนือพม่าคือจีน ตะวันออกสุดของพม่าคือไทย และทางตะวันตกเฉียงเหนือของพม่า หรือตะวันออกเฉียงใต้ของอินเดียก็คืออินเดีย แคว้นอัสสัม ล่างลงมาคือบังกลาเทศ เพราะฉะนั้นแล้วคุณสโรชาจะเห็นว่า ตัดบังกลาเทศทิ้ง พม่าอยู่ตรงกลาง ประกบโดยอินเดียทางตะวันตกของพม่า และจีนทางเหนือของพม่า อินเดียพม่าเป็นประเทศตรงกลางซึ่งจะเชื่อมต่อระหว่างอินเดีย ที่จะต่อไปทางอาเซียน ต้องใช้พม่า พม่าอยู่ตอนล่าง ที่จะให้จีนลงออกสู่ทะเล ทางตะวันตกจีนออกสู่ทะเล อินเดียเชื่อมจากตะวันออกกลาง เซ็นเตอร์เอเชีย มาที่อินเดียและต่อไปที่อาเซียน คือต้องผ่านพม่า เพราะฉะนั้นแล้วถ้ามองในแง่ของจุดยุทธศาสตร์แล้ว พม่าสำคัญกับอินเดียและจีน ทั้งคู่ โอเคนะครับ ทีนี้อินเดียสมัยหนึ่ง อินเดียเป็นประเทศประชาธิปไตย อินเดียตอนที่เขาโค่นล้มพรรคเอ็นแอลดี อินเดียประณามประเทศพม่า เพราะว่าอองซาน ซูจี พ่อนางอองซาน ซูจี คือนายอองซานเป็นเพื่อนกับ เนรู ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีอินเดีย และอองซาน จบจากที่มหาวิทยาลัยนิวเดลี ฉะนั้นความผูกพันทางพ่อกับ ผู้นำอินเดีย และทางลูก ซึ่งเรียนที่เดลีมีสูง ทุกคน ก็เลยด่าทหารพม่าและสนับสนุนอองซาน ขนาดจีนที่เงียบ แต่ว่าจีนไปเชียร์นายพลพม่า เพราะฉะนั้นแล้วในช่วงที่ผ่านมา ทุกคนจะเริ่มเห็นว่าปัญหาของพม่านั้น จีนได้ประโยชน์หมด จีนสร้างโครงการสาธารณูปโภคในพม่า ให้ความช่วยเหลือกับพม่า ขายสินค้าอุปโภคบริโภคให้พม่าและจีนก็มาตั้งฐานทัพเรืออยู่ที่อ่าวเบงกอลและที่หมู่เกาะโคโค่ ซึ่งอยู่ใต้ข้างล่างพม่าลงมา ระหว่างหมู่เกาะโคโค่มาที่จ.กระบี่ ระยะทางประมาณกรุงเทพฯ-หนองคาย 600-700 กิโลเมตร อินเดียก็มองว่า วันนี้เราใช้หัวใจเราไปช่วยอองซาน ซูจี แต่ปัญหาของเราไม่ได้ทำให้ปัญหาอินเดียดีขึ้น ปัญหาอินเดียคือปัญหาความมั่นคง เพราะทางตะวันออกเฉียงใต้ของอินเดียคือรัฐอัสสัม มีผู้ก่อการร้ายที่รุนแรงมากและมากแอบอิงพิงอาศัยอยู่ พรมแดนระหว่างพม่าและอินเดีย และอินเดียก็มองเห็นว่า จีนยิ่งวันยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วอินเดียก็เลยตัดสินใจลืมเรื่องหัวใจซะ เอาเรื่องสมองเป็นหลักว่าอย่างนั้นต้องคุยกับพม่าแล้ว อินเดียก็เลยเริ่มมามีทำนองที่บอกตอนนี้เรามีความรู้สึกว่า อยากให้มีการประนีประนอมกันในพม่า ไม่ประณามนะ
สโรชา – ไม่ประณามและไม่เรียกร้องด้วย
สนธิ – ส่วนเฮียข้างบน อีไม่พูดไม่อะไรทั้งสิ้น อีไม่ด่าใคร อีบอกนายพลว่าจะเอายังไงก็เอากัน อีช่วยเต็มที่และอีก็เข้ามา
สโรชา – เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับพม่าเกิดขึ้นมานานหรือยัง
สนธิ – นานแล้วครับ คนพม่าที่อยู่ชายฝั่งตะวันตกที่ติดกับอินเดีย คุณไปดูซิ ตัวดำทุกคนเลย พม่ามีชนชาติอยู่เยอะ แม้แต่คนพม่าเองที่อยู่ทางโน้นจะมีเชื้อสายอินเดีย เชื้อสายแขกแต่พอทางตะวันตกของเราจะมีเชื้อสายมอญ จะขาวขึ้น อย่างคุณสโรชา เป็นพม่าก็ต้องเป็นมอญแล้ว เพราะค่อนข้างขาวแต่ดูคล้ำนะครับตัวจริง แต่ในไฟอาจจะขาว ทีนี้จะชี้ให้ดู อเมริกามีผลประโยชน์อะไรบ้าง อเมริกาก็บอกว่าพม่ามันเป็นเผด็จการที่เลวร้ายที่สุด เพราะฉะนั้นต้องทำลายมันลงไป และเสริมสร้างประชาธิปไตย พูดอย่างนี้มาตลอด แต่ว่าสำหรับอเมริกาแล้ว เผด็จการมี 2 ประเภท เผด็จการที่อเมริกาสนับสนุนคือเผด็จการที่ดี สำหรับเขา ถ้าไม่ใช่เผด็จการที่ดี ผมถามว่าวันที่ประธานาธิบดีมูชาร์ราฟ ปฏิวัติในปากีสถานและก็เตะนาวาส ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถานซึ่งได้รับเลือกตั้งถูกต้องออกนอกประเทศ และห้ามไม่ให้กลับมาปากีสถาน ในขณะเดียวกัน ว่าบุตโต ลูกสาวบุตโตก็ห้ามกลับเข้าไปในปากีสถาน
สโรชา – คุณสนธิกำลังหมายความว่านี่ไม่ใช่เผด็จการหรอกหรือ
สนธิ – นี่ก็เผด็จการ ทำไมอเมริกาปิดตาและ แล้วทีตันฉ่วยทำไม เพราะฉะนั้นแล้วอเมริกาถึงเลือกปฏิบัติ เหตุผลที่เลือกปฏิบัติเพราะว่า ต้องใช้ความเป็นประชาธิปไตยเข้ามาสู้ เพื่อล้มล้างเผด็จการที่เผอิญสนิทกับจีนมาก
สโรชา – สรุปแล้วจีนเป็นเหตุผลใหญ่ที่ทำให้อเมริกาดำเนินการนโยบายอย่างนี้
สนธิ – อเมริกาต้องการจะเช็คจีนจากพม่า คืออเมริกาต้องการรัฐบาลที่เป็นตัวของตัวเอง ที่อยู่ใต้จีน ในขณะเดียวกันอินเดียก็ไม่ต้องการจีนให้เข้ามา เพราะฉะนั้นอเมริกาถึงเร่งตลอดเวลา พยายามทำข่าวประชาสัมพันธ์ที่ทำร้ายทำลายพม่าตลอดเวลา ที่ผมพูดไม่ได้หมายความว่าผมจะเห็นด้วยกับนายตันฉ่วยนะ เพราะตันฉ่วยเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษ แต่ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะผมต้องการเล่าให้คุณสโรชาและท่านผู้ชมที่บ้านฟัง ว่าอย่าเพิ่งไปฟังต้องดูยุทธศาสตร์ให้ดีว่า อะไรมันเกิดขึ้นในพม่า ผมยกตัวอย่าง อเมริกาเล่น 2 หน้า ปากว่าตาขยิบ อเมริกานโยบายอันแรก ต่อต้านผู้ก่อการร้าย อันที่สองคือต่อต้านยาเสพติด ใช่ไหม คุณรู้ไหมว่า สมัยที่พวกตันฉ่วยขึ้นมา เขาได้ลดการผลิตฝิ่น สมัยก่อนเขาเคยผลิตฝิ่นประมาณ 3 ปีที่แล้ว 1.6 ล้านไร่ วันนี้พื้นที่ผลิตฝิ่นลดลงเหลือแค่ 400,000 กว่าไร่ ลดลงตั้ง 40-50 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณฝิ่นลดลงเหลือ 370 ตันต่อปี และอัฟกานิสถานของนายฮามิด คาร์ไซ ซึ่งเป็นประธานาธิบดีหุ่นกระบอกของอเมริกา ซึ่งอเมริกาส่งเสริมว่าจะให้เป็นประชาธิปไตย ตั้งแต่อเมริกาเข้าไปอยู่ในอัฟกานิสถาน อัฟกานิสถานผลิตฝิ่นเพิ่มขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์ ใช่ และอัฟกานิสถานผลิตฝิ่นทั้งหมด 1,600 ตัน ในขณะที่พม่าลดลงมาเหลือ 370 ตัน
สโรชา – แต่ประเทศที่กำลังเป็นประชาธิปไตยกลับเพิ่มขึ้น
สนธิ – และอเมริกาก็มาก่นด่าพม่า เรื่องยาเสพติด เรื่องประชาธิปไตย แต่ว่าของอัฟกานิสถานตัวเองปิดตาขึ้นหนึ่งแปลว่าอะไร แปลว่าสิ่งที่อเมริกากำลังผลักดันให้ทำเป็นผลประโยชน์ของเขาประเทศไทยถ้าหลวมตัวไปเล่นด้วย ประเทศไทยเหนื่อย ประเทศไทยไม่มีทางออก เพราะว่าเรามีพรมแดนอยู่กับเขาถึง 1,800 กิโลเมตร ตั้งแต่ระนองขึ้นไปถึงกาญจนบุรี ขึ้นไปถึงแม่สอด ขึ้นไปถึงเชียงราย เชียงใหม่ เราไม่มีทางเลือกอะไร เพราะว่าเราต้องอยู่กับเขา ฝรั่งมังค่ามันไม่ได้อยู่กับเขา
สโรชา – แต่ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าเราก็ดำเนินนโยบายซึ่งก็ไม่ได้อิงตะวันตกมากจนเกินไป
สนธิ – ถูกต้องไง แต่เผอิญเรามาเจอมนุษย์พันธุ์พิเศษ ตันฉ่วย เราก็อยู่ในสภาพที่อึ่งกิมกี่ ก็นึกไม่ถึงแกทำอย่างนี้มาได้ และฉันจะเอาหน้าไปพูดกับชาวโลกเขาที่ไหนได้
สโรชา – เหมือนกับพูดตลอดเวลาว่า มันกำลังดำเนินการอยู่
สนธิ – ถูกต้องกำลังจะดี เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว ก็จะมีคนบอกว่าถ้าอย่างนั้น ประเทศไทยหยุดช่วยเหลือมัน อย่าไปยุ่งกับมัน ปิดพรมแดน สั่งสอนมันเพราะมันเป็นเผด็จการ เราทำอย่างนั้นไม่ได้ ที่ผมกำลังพยายามจะพูด บอกว่า ที่เราทำไม่ได้เพราะเราไม่มีทางเลือก หนึ่ง อเมริกาแซงชั่นทางธุรกิจกับพม่า มันไม่ได้ผล เพราะพม่าก็อยู่ได้ คุณแซงชั่นอีกพันปีก็ยังอยู่ได้
สโรชา - เพราะจริงๆ แล้วเขาก็ส่งไปอเมริกาค่อนข้างจะน้อยมาก
สนธิ –เขาไม่ส่งด้วยตอนนี้ เขาส่งขายจีน อีกหน่อยเขาเปิดกับอินเดีย เขาก็ขายต่อกับอินเดีย เขาอยู่ได้ แต่การแซงชั่นธุรกิจอย่างนี้ ทำให้การจ้างงานในพม่าไม่มี เมื่อไม่มีแล้ว คนตกงาน ไม่มีงานทำก็ไปเป็นโสเภณี โรคเอดส์ซึ่งพม่าเป็นประเทศที่มีการอัตราการเกิดสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็กำลังจะแผ่ขยายไปเรื่อยๆ แล้วพวกผู้หญิงพม่าที่มาเป็นแรงงานต่างด้าว แถวตาก แม่สอด เชียงรายมันจะไม่มากระทบกระเทือนกับผู้ชายไทยที่เที่ยวผู้หญิงพม่าหรือ พรมแดนคนว่างงาน ผู้ลี้ภัย ปัญหาโรคเอดส์และพูดถึงยาเสพติดอีก เราต้องมาเริ่มยาเสพติดกันใหม่หรือถ้าเราทะเลาะกับเขา ที่ถามถามว่าเรามีสงครามที่เกิดขึ้นทางใต้แล้ว เราจะเปิดแนวรบทางตะวันตกอีกแนวหนึ่งหรือไง ไม่ได้ เราไม่มีทางเลือกเลย เขาเป็นเพื่อนบ้านที่ประตูรั้วติดกับเรา เขาจะเลวร้ายยังไงเป็นเรื่องภายใน เขาจะตบตีเมียเขายังไง เขาจะเตะน้องเมียยังไง เขาจะตบหัวลูกเขายังไง ปล่อยเขาว่าไป เป็นเรื่องของเขา แต่เราต้องหวังว่า เมื่อเขาทุบตีกันเรียบร้อยเขามีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์แล้ว เราค่อยๆ พูดกับเขา แล้วเรื่องยาเสพติดจะว่ายังไงดี เราทำต่อนะ อย่าเลิกนะ เสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่ถ้าอารมณ์ดีๆ พี่ก็ปล่อยอองซานหน่อยได้ไหม ถ้าอารมณ์ยังไม่ดี ไม่ปล่อยไม่เป็นไร แต่ว่าอย่ามาทะเลาะกันกับเรา เพราะผลประโยชน์ของประเทศไทยนั้นเราต้องปกป้องให้มากที่สุดและให้ดีที่สุด
สโรชา – เราอันนี้กับพม่า เราถือว่าเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับเรา เราสามารถอธิบายได้แต่กับประเทศอื่น อย่างเช่นตะวันตก อินเดีย ประเทศอื่น ไม่ว่าจะอาเซียนหรือไม่ก็ตาม ที่มีคนเรียกร้องบอกว่า คุณไม่ทำอะไรบ้างเหรอ เป็นเพื่อนบ้านกับคุณแท้
สนธิ – ตอนนี้อาเซียนค่อนข้างเห็นด้วยกับไทย นายอาลี อาตัส เขาเห็นด้วย เขาพูดออกมาชัดเลย แม้กระทั่งสมาชิกคนสำคัญของพรรคนางอองซาน ซูจี เริ่มยอมรับแล้วว่าการแซงชั่นทางเศรษฐกิจนั้นไม่ได้ผล ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า ซีเรียส ไดอาล็อก มีการคุยกันอย่างจริงจังหาทาง ผมเดาว่าเกมเขาคงพยายามดังเขาเอาแกนนำสำคัญๆ ของอองซาน ซูจีเข้ามาร่วมกับเขาและโดดเดี่ยวอองซาน ซูจีไปซะ ตะวันตกมีตัวชูได้ตัวเดียวคืออองซาน ซูจี แต่ตันฉ่วยกับพวกนี้ ก็บอกว่า อองซาน ซูจีไม่มีความหมาย ปัญหาของเขาคือชนกลุ่มน้อย เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ตะวันตกด่าเราได้ เราต้องทนให้โดนด่า แต่เราก็ต้องหันไปบอกว่า เอ็งเห็นใจกูบ้างซิ เอ็งไม่ได้อยู่ข้างๆ มัน ใช่ไหม ฉันอยู่ข้างๆ มัน ปัญหามันมาถึงฉัน ไทยไม่มีทางเลือกและคนที่เป็นตัวหลักคนหนึ่งที่แก้ปัญหานี้มาตั้งแต่ต้น และเราไม่เคยให้เครดิตเขาเลย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ปิดทองหลังพระมาตลอด เพราะคนคนนี้เป็นคนซึ่งพยายามตลอดเวลา ที่จะพูดให้ผู้นำพม่าเปิดประเทศให้มากขึ้น ให้สิทธิเสรีภาพทางการเมืองมากขึ้น แม้กระทั่งพยายามบอกว่าถ้ามีทางที่จะคุยอองซาน ซูจีได้ก็คุยซะ เขาพูดในระดับภายใน แต่ว่าอย่างที่บอกนี่คือพันธุ์มนุษย์ที่หลงเหลือเพียงไม่กี่คนในโลกนี้ ก็คือตันฉ่วยและสหาย และหม่องเอ
สโรชา – ไม่มีใครเดาใจได้
สนธิ – เป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษจริงๆ
สโรชา – เราต้องทำในสิ่งที่ทำมาตลอด คือ ถึงแม้ว่าประเทศเพื่อนบ้านจะเป็นยังไง ก็เรื่องภายในของเขา ส่วนเมื่อไหร่ที่เขาสงบแล้ว เรามาคุยกันต่อ
สนธิ – อย่าไปเต้นตามตะวันตก
สโรชา – ก็เป็นเรื่องที่เรานำมาพูดคุยในวันนี้ เดี๋ยวเราจะกลับมาดูผลโพลของคุณผู้ชมว่าเห็นด้วยหรือไม่ กับความช่วยเหลือที่ประเทศไทยมีให้กับพม่า พักซักครู่เดี๋ยวกลับมาค่ะ
สโรชา – กลับมาช่วงสุดท้ายของเมืองไทยรายสัปดาห์ค่ะ ไปดูผลโพลกันค่ะ วันนี้เราถามคุณผู้ชมว่า ท่านเห็นว่าไทยควรสนับสนุนช่วยเหลือพม่าต่อไปเหมือนเดิมหรือไม่ คุณผู้ชมตอบกลับมาควรจะช่วยต่อ 43 เปอร์เซ็นต์ ควรจะหยุดความช่วยเหลือประมาณ 57 เปอร์เซ็นต์ค่ะ เราจะสุ่มหมายเลขผู้โชคดีนะคะ ได้รับโทรศัพท์มือถือพานาโซนิค เอ็กซ์ 500 เป็นพานาโซนิครุ่นใหม่ล่าสุด เดี๋ยวจะขึ้นปรากฏทางหน้าจอ หมายเลขของผู้โชคดีประจำสัปดาห์นี้ ปรากฏหน้าจอแล้วนะคะ เราจะติดต่อท่านกลับไปเพื่อจะมารับของรางวัลค่ะ ก็อาจจะครึ่งนะคะโพลของเราวันนี้ มีคำถามจากคุณผู้ชมน่าสนใจอยู่คำถามนึงนะคะ คุณฐิติรัตน์จากกทม. บอกว่าอยากให้คุณสนธิ กล่าวถึงโฆษณาที่สื่อนำมาออกอากาศ หนังสือพลังแห่งชีวิต เราเป็นคนไทยแล้วทำไมถึงให้เราไปสนใจศาสนาคริสต์
สนธิ – เป็นความหลากหลาย ความประเสริฐของสังคมไทย สังคมไทยเป็นสังคมเปิดที่ยอมรับความคิดเห็นของคนต่างๆ เรารับได้ทุกศาสนา ศาสนาพุทธไม่เคยกีดกันศาสนาอิสลาม ไม่เคยกีดกันศาสนาคริสต์ เรามีโบสถ์คริสต์ พุทธ อิสลาม อยู่ใกล้เคียงกัน แม้กระทั่งเวลาเราเดินทางไปต่างจังหวัดเราจะเห็นป้ายเล็ก ๆ ที่ติดโฆษณาว่า ให้มองที่พระเจ้าเป็นผู้ชี้ทาง ติดอยู่ตามต้นตาล เราก็เฉยๆ ใต้ต้นตาลก็มีพระสงฆ์องค์เจ้า นุ่งจีวรห่มเหลืองเดินไปเดินมา เพราะฉะนั้นแล้วคนไทยเป็นคนซึ่งเปิดไปหมด เพราะพุทธศาสนาคือศาสนาแห่งสากล เพราะว่าธรรมะคือสากล คือธรรมชาติ เมื่อธรรมะหรือธรรมชาติเป็นสากลแล้ว ใครก็ตามยึดถือหลักธรรมะ เราไม่ขัดข้อง จะเป็นศาสนาใดก็ตาม
ทีนี้ปัญหาคือว่า ทำไมเราปล่อยเขาโฆษณา เราไม่กีดกั้นอยู่แล้ว แล้วทำไมเขาถึงโฆษณาได้ เพราะในศาสนานั้นมีหลายนิกาย แต่ละนิกายก็คล้ายๆ กับเอ็นจีโอ ต้องมีผลงาน ก็จะมีคนที่ใจบุญ ใจกุศล เห็นว่ามีผลงานสามารถจะหาสมาชิกเข้ามาอยู่ในนิกายตนเองได้ ก็จะเพิ่มเงินให้ตลอดเวลา ทีนี้การที่บางครั้งเป็นนิกายทางคริสต์ เป็นนิกายใหม่ หรือนิกายบางนิกายซึ่งต้องการจะเผยแพร่หรือเผยแผ่ขยายนิกายคริสต์อันนี้เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งยังไม่เคยมีการเผยแผ่ หรือว่าเผยแผ่แล้วแต่ยังไม่ได้รับความนิยมมากพอ ก็อาจจะทุ่มเงินก้อนหนึ่งเพราะศาสนาคริสต์มองการตลาดเป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่าวิธีนำเสนอศาสนาของเขานั้นเป็นการนำเสนอที่เรียบง่าย มีทั้งโฆษณา ร้องรำทำเพลง เราดูภาพยนตร์หลายภาพยนตร์เราจะเห็นว่าเขามาเต้นรำในโบสถ์ เพื่อให้คนมีความสนุกกับเสียงเพลงแต่ได้สอนศาสนาเข้าไปด้วย ทีนี้เราจะเอาพระสงฆ์องค์เจ้าของเรามานั่งตีกลอง ระนาด ฆ้องและบอกว่าสวดพาหุง ก็ทำไม่ได้ เข้าใจไหมครับ ด้วยจริยวัตร และลักษณะของศาสนานั้นเราทำไม่ได้แน่นอน
แต่อันหนึ่งที่น่าสังเกตอย่างหนึ่ง ปัญหาไม่ใช่ว่าทำไมเราอนุญาตเขาโฆษณา เราอนุญาตได้ ปัญหาอยู่ที่เราว่าทำไมเรามีธรรมะอันเป็นของที่ดีที่สุดในโลก ดีที่สุดในจักรวาล ธรรมะคือจักรวาลที่แท้จริง ทำไมเรามีตรงนี้แล้วเราไม่เข้าไปให้ถึง เราเป็นพุทธตามสำมะโนครัว เราไม่ได้เป็นพุทธที่ใจเรา ถ้าเราเป็นพุทธที่ใจของเรา วันนี้เราไม่มีเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ถ้าเราเป็นพุทธจริง เราต้องรู้ว่าพุทธที่แท้นั้น เป็นพุทธอย่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะพุทธที่แท้คือพุทธที่อยู่อย่างสมถะ สันโดษ ความสันโดษในนัยของพุทธที่แท้ไม่ได้หมายความว่าคุณสโรชาจะไปปลูกกระท่อมอยู่ปลายนา ความสันโดษหมายความว่า คุณมีเท่าไหร่คุณใช้เท่านั้น นั่นคือสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพยายามสอนรัฐบาลทุกรัฐบาลมาตลอดเวลาว่า เราต้องมีเศรษฐกิจที่พอเพียง ทุกคนน้อมเกล้าฯ รับคำสั่ง แต่ว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาทุกรัฐบาล คือไม่ทำซักคน คือเราก็ยังอยู่อย่างฟุ่มเฟือย เรายังอยู่โดยไม่รู้จักตัวเราเอง
ผมมีความอึดอัดใจพอสมควรเมื่อท่านนายกฯ พูดตลอดเวลา ท่านบอกว่าอีก 4 ปีคนไทยจะรวย จะไม่จน ผมก็ถามต่อว่า ถ้าอีก 4 ปีคนไทยไม่จน และผมอ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน ว่ามีการฆ่าข่มขืนเพิ่มขึ้นทุกวัน มีเด็กวัย 8 ขวบเริ่มสวิงกิ้งมากขึ้นทุกวัน มีเรื่องชั่วร้าย มีอาชญากรรมมากขึ้น ผมถามว่าแล้วเราจะรวยไปทำไม มันจะมีประโยชน์อะไร สู้เรามีอยู่อย่างพอมีพอกิน แต่เรามีศีลธรรม มีความเอื้ออาทร มีหิริโอตัปปะ มีความกลัวเกรงในบาปที่ทำไป มีความเอื้ออาทร มีมรรค 8 อยู่ในใจ มีสัมมาอาชีวะ มีสัมมาทิฐิในตัวเรา ถ้าอยู่อย่างนั้นแล้วสังคมไทยจะรุ่มรวย ไม่มีอะไรสำคัญในความรวยเท่ากับการวยจิตวิญญาณ รวยทรัพย์นั้นมีก็หายไปได้ แต่รวยจิตวิญญาณอยู่ในตัวของเราไปตลอด ไม่มีวันหมดสิ้น
สโรชา – ถ้าเกิดเราสามารถจะใช้ชีวิตดำรงชีวิตในศีลธรรมได้ แต่ยังคงควบคู่กับการพัฒนา สามารถไปควบคู่กันได้ไหมค่ะ
สนธิ – ไปได้แต่เราต้องให้คำจำกัดความของคำว่าพัฒนาใหม่ ถ้าเราพัฒนาไปเน้นที่วัตถุอย่างเดียว มันก็ไม่ใช่การพัฒนา การพัฒนานั้นต้องพัฒนาใจ ไปควบคู่กับวัตถุ พอถึงจุดจุดหนึ่งแล้ว ใจจะเป็นคนบอกเองว่า วัตถุนั้นไม่สำคัญ เพราะถ้าใจเป็นใจที่ประเสริฐ วัตถุจะไม่มีความหมายเลย คุณสโรชา
สโรชา - ค่ะก็นำมาเล่าสู่กันฟังในรายการนะคะ คุยกันหลายต่อหลายเรื่องค่ะไม่ว่าจะเป็นปัญหาสังคมเรื่องราวของต่างประเทศ การเมืองระหว่างประเทศหรือแม้กระทั่งเรื่องราวในชีวิตประจำวันของคนเรา คุณผู้ชมจะสังเกตได้ว่า ในรายการนี้เราคุยมาหลายต่อหลายรอบแล้วนะคะ สำหรับการรักษาศีลธรรม การดำรงชีวิตให้เป็นคนดี ในขณะที่เราสามารถที่จะพัฒนาประเทศไปพร้อมๆ กันได้ สิ่งเหล่านี้ต้องไปควบคู่กัน เราอย่าไปให้ความสำคัญการพัฒนามากจนเกินไป จนลืมว่ารากฐานสิ่งที่เราควรจะรักษาไว้นั้น มันคืออะไร หมดเวลาแล้วค่ะสำหรับเมืองไทยรายสัปดาห์วันนี้พบกันใหม่ในวันศุกร์หน้า สำหรับวันนี้ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ดิฉัน สโรชา พรอุดมศักดิ์สวัสดีค่ะ
สโรชา –สวัสดีคุณผู้ชม พบกับรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ อาหารสมองก่อนเข้านอนคะ ในทุกคืนวันศุกร์ ดิฉัน สโรชา พรอุดมศักดิ์ และคุณสนธิ ลิ้มทองกุล วันนี้ตื่นเช้าขึ้นมาแล้วเห็นพาดหัวหนังสือพิมพ์แล้วคงจะตกใจไม่แพ้ไปกว่าดิฉันเลยค่ะเพราะว่าพาดหัวหนังสือพิมพ์ครั้งนี้ถือว่า รุนแรงพอสมควรค่ะ เพราะว่าพาดหัว ก็ประมาณว่า เด็กไทยมีเซ็กกันตั้งแต่อายุ 8 ขวบและสวิงกิ้งติดอันดับ 1 ของโลก สวิงกิ้งคือเปลี่ยนคู่ที่มีเพศสัมพันธ์ ฟังแล้วไม่ค่อยสบายใจ แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า 8 ขวบก็แล้วเหรอ
สนธิ – มองได้หลายด้านเรื่องนี้ ด้านแรกคืออาจจะมีข้อผิดพลาดในการวัดอายุ ผมเข้าใจว่าคงจะผิดพลาดแต่ถ้าสวิงกิ้งง หรือว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปทางความรู้สึก ทางด้านเพศสัมพันธ์อันนี้เปลี่ยนแน่ คือ เด็กไทยสมัยนี้ผมคิดว่า ไม่ต้องถึงเด็กขั้นมหาวิทยาลัย เพราะเขาโตแล้ว เขามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรตามที่เขาคิดว่าควรนะครับ ผมคิดว่าเด็กในระดับมัธยม ที่น่ากลัวคือว่ามัธยมต้น ตอนนี้กลายเป็นเรื่องราวธรรมดาไปแล้ว แต่ว่า พวกเรามักจะตกใจกับข่าวแบบนี้ขึ้นมาและบอกว่า มันเกิดอะไรขึ้น เราถามตลอดเวลา แต่เราไม่เคยหันมามองดูตัวเราเอง คุณสโรชา ไม่เคยว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้ไอ้พวกนี้มันเกิดอะไรขึ้น
สโรชา – คือเราไปมีบทบาททำให้เขาเป็นอย่างนี้หรือเปล่า
สนธิ – นั้นแหละคือสิ่งแวดล้อมของสังคม ผมไม่อยากจะพูดอะไรให้มากไปกว่านี้ คุณสโรชา ดูรายการโทรทัศน์ในประเทศไทยวันนี้ ละครโทรทัศน์รักๆ ใคร่ๆ กลายเป็นละครเด็กหนุ่มเด็กสาว รักๆ ใคร่ๆ กัน เด็กนักเรียนขึ้นมัธยมเริ่มมีแฟนกันแล้ว ละครแสดงออกมา และที่ร้ายที่สุดคือว่าภาพยนตร์ทั้งต่างประเทศทั้งไทยเดี๋ยวนี้ไม่มีการควบคุมจรรยาบรรณเลยแม้แต่นิดเดียว พอเริ่มเข้าไปควบคุมก็บอกว่า ไม่มีสิทธิเสรีภาพ มาเซ็นเซอร์กันได้ยังไง ต่างประเทศเขาแสดงออกกันหมด ผมพูดตลอดเวลาว่าต่างประเทศไม่ใช่ประเทศไทย เมืองไทยเดินเข้าบ้านยังต้องถอดรองเท้าอยู่ ยังต้องยกมือไหว้ ยังต้องไหว้พ่อ ไหว้แม่อยู่ ไหว้พี่ ไหว้ป้า ไหว้น้า ไหว้อา รากเหง้าวัฒนธรรมของเรามันลึกซึ้ง แต่เราไม่พยายามสร้างภูมิคุ้มกันรากเหง้าของเราให้เข้มแข็งมากกว่าเก่า เราห้ามวัฒนธรรมพวกนั้นเข้าไม่ได้ เหมือนอย่างรายการบางรายการ คุณสโรชาเคยดูรายการเดอะ บาเชเลอร์ไหม คุณดูแล้วคุณคิดให้ดี ๆ นี่คือรายการหาผัวหาเมีย
สโรชา – ใช่ค่ะ
สนธิ – เอาผู้หญิงมา 10 คน เพื่อมาเลือกผู้ชายคนหนึ่งซึ่งรวยมากและผู้ชายก็เลือก วิธีก็คือมันจะเดทกับแต่ละคนไปก่อน เดททุกคน การเดทของมันคือการไปกินนอนด้วย วันสองวัน เดี๋ยวมันก็กลับมาบอกว่ามีความสุขมาก ได้ไปเที่ยวเรือผู้ชายคนนี้ ผู้ชายคนนี้สวีทมาก จูบเก่งมาก นี่มันอะไรกัน แล้วก็เอามาให้คนไทยได้ดูกัน เด็กไทยได้ดูกัน อันนี้เป็นส่วนหนึ่ง เราไม่เคยคิดในเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเราคิด เราต้องรู้ว่า ในบางครั้งบางเรื่องอย่างเกมเซอร์ไวเวอร์ หรือเรื่อง เดอะ บาเชเลอร์ บางประเทศ เขาไม่ให้ฉายนะ มาเลเซียไม่ให้ฉาย เขาถือว่าเป็นต้นเหตุของการทำลายศีลธรรมขั้นพื้นฐาน และเมืองไทย เป็นเมืองหน้าไหว้หลังหลอก ในขณะซึ่งเราว่าเด็กได้รับอิทธิพลทางนี้ คุณไปดูอาบอบนวดยังเปิดอยู่ตลอดเวลา นั่นคือซ่องโสเภณีที่เปิดอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม ไปนวดจ่ายค่าชั่วโมง ก็ไปนอนกับผู้หญิงข้างในนั้นและเรามาว่าอะไรกัน เรามาว่าเด็กทำไม ในเมื่อตัวเราเองยังทำอย่างนั้น สิ่งแวดล้อมคือสื่อมวลชนทั้งโทรทัศน์ ทั้งหนังสือพิมพ์ก็ถล่มในเรื่องของคาวโลกีย์ ในเรื่องของความเลวร้ายออกไป โทรทัศน์ถล่ม ผู้ใหญ่ก็ทำซะเอง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของโลกีย์ในเรื่องของอบายมุข รัฐบาลก็ส่งเสริมหวยบนดิน และคุณสโรชา เราจะไปหวังอะไร ผมไม่ได้ประหลาดใจเลย
สโรชา – จะไปโทษเด็กไม่ได้เลย
สนธิ – โทษเด็กไม่ได้คือทั้งหมด เราเป็นคนสร้างขึ้นมา เด็กจะไปรู้เรื่องอะไร เด็กมันเป็นผลพวงคุณปลูกต้นมะม่วงคุณต้องได้ต้นมะม่วง คุณปลูกมะม่วงจะได้ทุเรียนได้อย่างไร เด็กคือผลพวงของสิ่งแวดล้อมของพวกเราและเป็นสิ่งซึ่งพวกเราทำให้เขาเป็นเช่นนั้น
สโรชา – ค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่า อ่านแล้วตกใจ ก็คงต้องมาทบทวนกันนะคะ ว่าเราควรจะตกใจหรือไม่ ถ้าเราทำตัวกันมาอย่างนี้ เราอาจจะเตรียมใจไว้ตั้งนานแล้วว่าสิ่งที่เราทำไป มันคงจะมีผลต่อรุ่นหลังของเราแน่นอนค่ะ อีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องเด่นประจำสัปดาห์ เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดในบ้านเรา แต่มีผลกระทบอย่างแน่นอน เรื่องราวในประเทศพม่า มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ทั่วโลกตกใจกันว่า นี่คือจุดสิ้นสุดความปรองดองในพม่าหรือไม่
สนธิ – มันมีนัยเยอะ มองพม่า มองมิติเดียวไม่ได้หรอกครับ เพราะว่าเรื่องของพม่าเป็นเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์ไปแล้ว จีโอ โพลิติกส์ ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับอินเดีย จีน และไทย และยังมีตะวันตกอยู่ข้างหลัง เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องนี้ต้องอธิบายความยาวนิดนึง เพราะเราไปสนใจประเด็นว่า นายพลตันฉ่วยปฏิวัติล้มนายพลขิ่น ยุ้นต์ ข้อหาคอร์รัปชั่น ความขัดแย้ง จริง ๆแล้วความขัดแย้งอันนี้มีนัยซึ่งอธิบายได้
สโรชา – โอเค และเราจะมาอธิบายในช่วงหน้านะคะ นั่นคือคำถามเอสเอ็มเอสของเราในสัปดาห์นี้ค่ะ คุณผู้ชมเห็นว่าไทยควรสนับสนุนช่วยเหลือพม่าต่อไปเหมือนเดิมหรือไม่ ช่วยเหลือต่อไป กด เอ็มที 1 หยุดการช่วยเหลือกด เอ็มที 2 ส่งมาที่ 84820 ค่ะ หรือโทร.มาที่ 02-201-6055-60 ค่ะ สัปดาห์นี้เราแจกโทรศัพท์มือถือเช่นเคย แต่เป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ พานาโซนิครุ่นใหม่ล่าสุดเลย พานาโซนิค เอ็กซ์ 500 ค่ะ สไลด์เท่ อินเทรนด์ พลิก คลิก เก็บช็อตเด็ดโดนใจ สโลแกนเขา สุดยอดจริงๆ เราจะแจกกัน 1 เครื่องนะคะ โดยสุ่มจากหมายเลขผู้ที่ส่งเอสเอ็มเอสเข้ามาในรายการของเราค่ะ เพราะฉะนั้นส่งเข้ามาเยอะๆ นะคะ ขอบคุณฟรีอินเตอร์เน็ตที่เอื้อเฟื้อระบบเอสเอ็มเอสกับเรา พักซักครู่เดี๋ยวกลับมาคุยกันค่ะ
สโรชา – กลับมาสู่เมืองไทยรายสัปดาห์ค่ะ วันนี้ว่าด้วยเรื่องของพม่าคงปฏิเสธไม่ได้เป็นเรื่องที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้เราคงจะต้องเจาะลึกเรื่องนี้ค่ะ ความเป็นมาเป็นอย่างไร มีสัญญาณบ่งบอกบ้างไหมค่ะว่าอยู่ดีๆ ท่านจะถูกปลดอย่างนี้
สนธิ – มีสัญญาณบอกมาตั้งแต่เดือนก.ย. มีการเปลี่ยนตัวรมว.ต่างประเทศ ท่านวิน อ่อง เปลี่ยนออกไปและเอาทหาร นายพลทหารซึ่งไม่เคยมีความรู้ในเรื่องการต่างประเทศเลยเข้ามา โดยที่คนคนนี้เป็นคนสนิทของนายพลตันฉ่วย นั่นคือสัญญาณแรก อันที่น่าสนใจคือว่ามิติของการเปลี่ยนแปลงในพม่าครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก คือผู้นำพม่าในวันนี้ พวกนายพลตันฉ่วย นายพลหม่องเอ พวกนี้ เราต้องยอมว่าเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษ พันธุ์สุดท้ายในโลกนี้ที่เหลืออยู่ คือกูไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น โลกจะว่ายังไง คือพอใจจะทำอย่างนี้ก็ด้วยเหตุผลอย่างนี้ ฉันต้องการอย่างนี้ เหมือนกับการซึ่งพรรคเอ็นแอลดี ของนางอองซาน ซูจีได้รับเลือกตั้งท่วมท้น ตัวเองเห็นว่าถ้าเลือกตั้งเข้ามาแล้ว อำนาจทางทหารจะหมดไป ก็ล้มมันดื้อๆ อย่างนั้น เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือมนุษย์พันธุ์พิเศษ เผอิญขิ่น ยุ้นต์ก็เป็นพันธุ์พิเศษเหมือนกัน แต่พันธุ์พิเศษซึ่งกำลังจะเริ่มกลายพันธุ์ ก็คือเริ่มคล้ายๆ ว่า น่าที่จะมานั่งคุยกันได้แล้วนะ น่าจะมาประคับประคองผ่อนปรนได้บ้าง
สโรชา – หมายความว่าผู้ที่มีอำนาจในพม่าจริงๆ มีอยู่ 3 คน ที่เอ่ยมานี้
สนธิ – จริงๆ แล้วคนที่ใหญ่ที่สุดคือตันฉ่วย เป็นประธานเอสพีดีซีซึ่งเหมือนสภาปฏิวัติ ของพม่า ตันฉ่วย เป็นประธานและเป็นประธานคณะกรรมาธิการทหารทั้งหมด ก็คือดูแลกองทัพหมดเลยทุกอย่าง นั่นคือที่หนึ่ง ตันฉ่วย หม่องเอ คือรอง อันที่สามคือ ขิ่น ยุ้นต์ ซึ่งสมัยก่อนจนกระทั่งที่จะถูกล้มล้าง เป็นคนซึ่งควบคุมดำเนินการหน่วยสืบราชการลับของทหาร ข่าวกรองที่เขาเรียกว่าพวกเอ็มไอ มิลิทารี อินเทลลิเจนซ์ ซึ่งจะมีทุกตำบล อำเภอ ทุกจังหวัด พวกนี้ที่ภาษาพม่าเรียกว่า นะสะกะ ก็คือคนซึ่งมีอำนาจสูงสุดในพื้นที่ จะจับใครก็ได้ จะปล่อยใครก็ได้จะให้ข้อหาใครก็ได้
สโรชา – พวกนี้อยู่ภายใต้เอ็มไอ
สนธิ – อยู่ภายใต้เอ็มไอซึ่งอยู่ภายใต้ขิ่น ยุ้นต์ ทีนี้เท่าที่รู้ก็คือว่า ขิ่น ยุ้นต์ ได้ถูกมอบหมายให้บรรดา คือการที่ขิ่น ยุ้นต์ได้เลื่อนขึ้นมา เป็นนายกรัฐมนตรี ประเด็นคือ เขาบอกว่า เอาละคุณไปจัดการซิ ต่างประเทศมันด่าเรามากนัก ไปหาวิถีทางที่จะทำอะไรให้มันดีขึ้น ก็ปรากฏว่า ขิ่น ยุ้นต์ ก็รับปากเอสพีดีซี คือตันฉ่วยและพรรคพวกว่า โอเค พูดง่ายๆ ว่าพวกนี้เป็นทหารด้วยกัน กินนอนมาด้วยกัน พี่น้องกัน เลยบอกว่า ขิ่น ยุ้นต์ ไปจัดการเรื่องนี้หน่อย ไปเป็นนายกฯ แล้วกัน ขิ่น ยุ้นต์ก็ไปดำเนินการวิธีการเรื่อยๆ
สโรชา – และจะเห็นว่าไปมีการประชุมการพูดคุยกับต่างชาติต่อเนื่อง
สนธิ – พูดง่ายๆ ว่าเรื่องของโลก ณ วันนี้มีอยู่ 2 เรื่องที่เกี่ยวกับพม่า เรื่องแรกคือปัญหาของชนกลุ่มน้อยที่จะทำยังไงที่จะเจรจากันอย่างสันติ และเรื่องที่สอง คืออองซาน ซูจี เพราะอองซาน ซูจี กลายเป็นสัญลักษณ์ของโลกไปแล้ว ของโลกในวันนี้และตะวันตกก็ใช้อองซาน ซูจี เอามาบีบพวกพม่าทั้งหมด ทีนี้พอขิ่น ยุ้นต์ไปเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ส่งรัฐมนตรีต่างประเทศไป ไม่ว่าจะประชุมที่กรุงเทพฯ ที่โน่นที่นี่ที่อาเซม วิน อ่อง เขาก็มีความรู้สึกว่าเขาต้องแสดงออกต่อประชาคมโลก ทุกครั้งที่ไป คนจะถามอยู่คำถามเดียวว่า เมื่อไหร่คุณจะปล่อยอองซาน ซูจี คำถามเด็ด คำถามเดียวเท่านั้นเอง วิน อ่อง ก็มองว่า ถ้าอย่างนั้นแล้ว ในเมื่อ ขิ่น ยุ้นต์ ยอมรับแผนสันติภาพ แผนของการพัฒนาไปทางแนวทางการเมืองและขิ่น ยุ้นต์ก็คงจะบอกทางวิน อ่อง ว่า โอกาสที่จะปล่อยอองซาน คงเร็วนี้ วิน อ่องก็เลยไปพูดตลอดเวลา อีกไม่นานแล้วอองซาน จะออก แต่อำนาจปล่อยอองซานไม่ได้อยู่ในมือขิ่น ยุ้นต์ และไม่ได้อยู่ในมือวิน อ่อง มันอยู่ในมือตันฉ่วย และหม่องเอ ทีนี้ความที่เป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษของหม่องเอ และของพวกนี้ก็มีความรู้สึกว่าปล่อยมันทำไม เพราะว่าถ้าเราวิเคราะห์ตันฉ่วยให้ดีๆ แล้ว ตันฉ่วยไม่ได้สนใจอองซาน ซูจีเลย เขากลับมองว่า ณ ขณะนี้ปัญหาใหญ่ของเขาคือชนกลุ่มน้อย เขาจะทำยังไงให้ชนกลุ่มน้อยเข้ามาร่วมรัฐบาลโดยดุษฎียภาพ และวางอาวุธซะ และเขาจะแบ่งอำนาจให้พวกชนกลุ่มน้อยไปปกครองเพื่อหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ อย่างเช่นให้รัฐฉานไป ให้มอญไป ให้โน่นให้นี่ไป ถึงบอกว่า พ่อค้าไม้เวลาจะไปติดต่อซื้อขายไม้จากใครนะ ผู้นำท้องถิ่นหรือผู้นำชนกลุ่มน้อยจะมีอำนาจเต็มที่เลย คือพม่าจะไม่สนใจ บอกว่าคุณเอาเงินตรงนั้นไปเลย แต่ขออย่างเดียววางปืน อำนาจทางทหารให้อยู่ตรงส่วนกลาง ตรงนี้ยังตกลงกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วตันฉ่วยก็มองในแง่ของยุทธวิธีของทหาร ว่าถ้าสมมติชนกลุ่มน้อยยังไม่วางอาวุธ จะไปปล่อยอองซาน ซูจีตอนนี้ได้ยังไง เพราะถ้าอองซาน ซูจี ออกมา อองซาน ซูจี ก็สามารถทำให้ชนกลุ่มน้อยมันไม่วางอาวุธต่อ ลุกฮือขึ้นมาอีก เพราะฉะนั้นตันฉ่วยเขามองในแง่ยุทธศาสตร์เขาก็เลยมองว่า เรื่องที่ตะวันตกจะรีบร้อนปล่อยอองซาน ซูจี ช่างมัน กูไม่สนใจ ขอให้จัดการเรื่องนี้ซะก่อน เมื่อตันฉ่วยไม่สามารถจะปล่อยได้ ตะวันตก หรือประชาคมโลกก็รุมก่นด่าพวกพม่าเต็มที่ ผมก็เลยเข้าใจว่าเป็นเรื่องเอกซิเดน ในเชิงที่ว่าพวกทหารด้วยกัน ตันฉ่วยอาจจะนั่งกินเหล้าอยู่ ก็ทุบโต๊ะ บอกว่าขิ่น ยุ้นต์ทำงานไม่ได้ผล
สโรชา – จะเอียงไปทางตะวันตกมากเกินไปหรือเปล่า
สนธิ – เอียงไม่เอียงไม่รู้ รู้แต่ว่าพวกนี้คงจะมาในรูปแบบว่าขิ่น ยุ้นต์ทำงานไม่ได้ผล ถ้าทำงานไม่ได้ผลทำไมเรายังโดนด่ามากกว่าเก่า เพราะฉะนั้นถึงเวลาต้องเปลี่ยนขิ่น ยุ้นต์ พอดี มันมีการแย่งอำนาจกัน ระหว่างหม่องเอ กับขิ่น ยุ้นต์ เพราะตันฉ่วยก็แก่แล้ว สุขภาพไม่ได้ ระหว่างหม่องเอ กับขิ่น ยุ้นต์ใครจะมาแทนตันฉ่วย หม่องเอ ก็เลยเข้าข้างตันฉ่วย ก็เลยมาฟาดขิ่น ยุ้นต์ ก่อนจะฟาดขิ่น ยุ้นต์เขาตั้งข้อหาคอร์รัปชั่น ก่อนเขายึดอำนาจขิ่น ยุ้นต์ 2-3 วัน มีนายพันตรีคนหนึ่งซึ่งเคยสังกัดเอ็มไอของขิ่น ยุ้นต์ ถูกจับได้ที่รัฐฉาน แถวเชียงตุง ข้อฟอกเงิน มีเงินจ๊าดอยู่ 8,000 ล้านจ๊าด เงินสด เท่ากับ 200 ล้านบาท พร้อมกับยาเสพติด เขาก็เลยใช้กรณีนี้โยงไปว่าตระกูลขิ่น ยุ้นต์ พรรคพวกขิ่น ยุ้นต์คือคอร์รัปชั่น ก็เลยจับขิ่น ยุ้นต์และยึดอำนาจขิ่น ยุ้นต์ออกมาและเลยตั้ง โซ วิน มาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน
สโรชา – มีนักวิเคราะห์บางท่านบอกว่าสาเหตุอีกส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าขิ่น ยุ้นต์ถืออำนาจทางด้านข่าวกรองมากจนเกินไป เที่ยวไปเก็บเกี่ยวความลับของคนโน้นคนนี้ในมือตลอด โดยที่ตนเองปกครองเอ็มไอคนเดียว อาจจะมีอำนาจมากเกินไป
สนธิ – ผมคิดว่า เก็บเกี่ยวความลับก็ส่วนหนึ่งแต่ที่สำคัญที่สุดคือว่า เก็บเกี่ยวผลประโยชน์คนเดียวเพราะเจ้าหน้าที่เอ็มไออยู่ทุกอำเภอ ทุกตำบล ทุกมณฑลที่ผมเล่าให้ฟังนะ ว่าเจ้าหน้าที่พวกนี้เรียกว่านะสะกะ ซึ่งมีอำนาจมาก เพราะฉะนั้นแล้วผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใครมันก็เข้ากระเป๋าพรรคพวกขิ่น ยุ้นต์หมด พวกหม่องเอ พวกตันฉ่วยก็ไม่ได้ ก็เหมือนกับในเมืองไทย มีนายอยู่ 3 คน นายคนหนึ่งลูกน้องเก็บส่งส่วยมาตลอด ปรากฏว่า นาย 2 คน ไม่เคยได้เลย ก็ต้องอิจฉาริษยาใช่ไหม อยู่เฉยๆ ก็ต้องฟาดมันไป ปล่อยมันทิ้งไว้อย่างนี้ ทิ้งไม่ได้ นั่นคือที่มาของมัน แต่ว่าคุณถาม ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของความหมั่นไส้ ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องแค่นี้เพราะว่านโยบายอะไรหลายอย่าง ไม่ได้เปลี่ยนแปลง เพราะเขาไม่เคยยอมที่จะปล่อยอองซาน ซูจีอยู่แล้ว แต่ไหนแต่ไร ถามว่า ขิ่น ยุ้นต์อยู่ต่อไป เขาจะปล่อยอองซาน ซูจีไหม เขาไม่ปล่อย เป็นเพียงแต่ว่าในทางทหารตันฉ่วยใหญ่สุด อันดับ 2 หม่องเอ อันดับสามขิ่น ยุ้นต์ บอกว่าขิ่น ยุ้นต์นายไปเป็นนายกฯจัดการซะ ลักษณะอย่างนี้คล้ายๆ ลักษณะเมืองไทยสมัยโบราณ ลักษณะจอมพลสฤษดิ์ ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านกุมอันโน้นอันนี้ ท่านก็สั่ง ว่า ประภาสดูตรงนั้น ถนอมดูตรงนี้ ใครก็ตามทำงานที่เขามอบหมายไว้ได้ เขาบอกว่าไอ้ห่า ให้ไปทำแล้วทำไมทำไม่สำเร็จ
สโรชา – พูดจาไม่สุภาพ
สนธิ – ขอประทานโทษ คือเล่าเหมือนกับเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง ก็เลยบอกว่าถ้าทำไม่ได้ก็เปลี่ยนมันซะ แต่เผอิญเป็นเรื่องธรรมดาแต่พม่าการเปลี่ยนของเขา เขาต้องหาความชอบธรรมกับโลกภายนอก เขาบอกว่าสุขภาพไม่ดี แต่กับภายในเขาต้องแจ้งให้ทราบ เหมือนกับเนวิน ตอนที่เขาจับจอมพลเนวิน เขาจับจอมพลเนวินเข้าที่บ้าน และเขาก็จับลูกเขยลูกสะใภ้ลูกสาวของนายพลเนวินซะ ข้อหาคอร์รัปชั่น จับตอนนั้นยังไม่มีอะไร แต่ปรากฏว่า มีข่าวว่า ทั้งลูกสาวลูกสะใภ้เนวินดำเนินการจะปฏิวัติทีมที่จับ เขาก็เลยล้มการปฏิวัติและยิงทิ้งซะ ประหารชีวิตซะ ซึ่งการประหารชีวิตด้วยเหตุปฏิวัตินั้นจริงไม่จริงเราไม่รู้ อาจจะต้องการปฏิวัติ ต้องการประหารชีวิตอยู่แล้ว เผอิญหาเหตุผลไม่ได้ก็เลยต้องหาเหตุผลอย่างนี้ แต่ประเด็นคือว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องที่ใหญ่คือ มิติต่างๆ ระหว่างหม่องเอ ตันฉ่วย และขิ่น ยุ้นต์ ที่มีต่อภูมิรัฐศาสตร์ ในพื้นที่ภูมิภาคนี้ ขิ่น ยุ้นต์ ได้ชื่อว่าเป็นคนที่สนิทสนมกับจีนและปากีสถาน หม่องเอ และตันฉ่วยเป็นคนซึ่งสนิทสนมกับทางอินเดียและในช่วงหลังจีนเริ่มมามีอิทธิพลในพม่าอย่างมหาศาล ทำให้อินเดียนั่งอยู่ไม่สุข และมีความเกรงกลัวว่าถ้าขืนปล่อยไปอย่างนี้ต่อไป ที่พูดไม่ได้แปลว่าอินเดียอยู่เบื้องหลังตันฉ่วยนะ แต่อินเดียวันนี้หายใจโล่งอก วันจันทร์นี้ตันฉ่วยจะบินไปเยือนอินเดีย เป็นแขกของอินเดีย เท่าที่ทราบมาอินเดียจะต้อนรับตันฉ่วย อย่างเฮด ออฟ สเตท อย่างยิ่งใหญ่ มีการยิงปืนใหญ่ 21 นัด รับทุกอย่าง ผมถามว่า อินเดียซึ่งเป็นประธานที่ส่งเสริมประชาธิปไตยอย่างสูงสุด วันนี้ทำไมถึงมาเอาใจตันฉ่วยมากขนาดนี้ เรื่องนี้มีมิติที่ต้องอธิบายให้ฟัง และบทบาทอินเดียกับจีนในพม่า จะเป็นยังไง และจะมากระทบกับไทยอย่างไรบ้าง มีแน่นอนที่สุด อย่าไปมองมิติพม่าเป็นเพียงแต่ว่าแย่งอำนาจกันภายใน เพราะไม่ยอมปล่อยอองซาน ซูจี และตะวันตกต้องการที่จะให้เปลี่ยน แล้วก็มาก่นด่าทหารพม่า และใช้อองซาน ซูจีเป็นข้ออ้าง มีนัยมากกว่านั้นเพราะตะวันตกก็มีเหตุผลที่ต้องการให้เปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์ของตะวันตก เวลาหมดแล้ว เดี่ยวเราค่อยคุยกันรอบ 2
สโรชา – ค่ะอย่างที่คุณสนธิบอก เราคงมองพม่าเพียงแค่พม่าอย่างเดียวไม่ได้ นะคะ คงต้องมองความสัมพันธ์ไปถึงประเทศต่างๆ รวมมาถึงประเทศไทยด้วย จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวช่วงหน้ากลับมาค่ะ
สโรชา – กลับมาสู่เมืองไทยรายสัปดาห์นะคะ ไปต่อกันเลยค่ะเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เข้ามามีบทบาทมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในพม่าในครั้งนี้ ตัวละครค่อนข้างเยอะ ถ้าเราลำดับไปเอาจีนก่อนดีไหมค่ะ
สนธิ – ไม่ยากอะไรเลย คือเวลาเราดูการเมืองระหว่างประเทศ ผมพูดตลอดเวลาว่า คนที่เรียนภูมิศาสตร์จะได้เปรียบ ถ้าศึกษาลึกซึ้งนะครับ ประเทศไทยอยู่ตรงนี้ พม่าติดทางตะวันตกของประเทศไทย เหนือพม่าคือจีน ตะวันออกสุดของพม่าคือไทย และทางตะวันตกเฉียงเหนือของพม่า หรือตะวันออกเฉียงใต้ของอินเดียก็คืออินเดีย แคว้นอัสสัม ล่างลงมาคือบังกลาเทศ เพราะฉะนั้นแล้วคุณสโรชาจะเห็นว่า ตัดบังกลาเทศทิ้ง พม่าอยู่ตรงกลาง ประกบโดยอินเดียทางตะวันตกของพม่า และจีนทางเหนือของพม่า อินเดียพม่าเป็นประเทศตรงกลางซึ่งจะเชื่อมต่อระหว่างอินเดีย ที่จะต่อไปทางอาเซียน ต้องใช้พม่า พม่าอยู่ตอนล่าง ที่จะให้จีนลงออกสู่ทะเล ทางตะวันตกจีนออกสู่ทะเล อินเดียเชื่อมจากตะวันออกกลาง เซ็นเตอร์เอเชีย มาที่อินเดียและต่อไปที่อาเซียน คือต้องผ่านพม่า เพราะฉะนั้นแล้วถ้ามองในแง่ของจุดยุทธศาสตร์แล้ว พม่าสำคัญกับอินเดียและจีน ทั้งคู่ โอเคนะครับ ทีนี้อินเดียสมัยหนึ่ง อินเดียเป็นประเทศประชาธิปไตย อินเดียตอนที่เขาโค่นล้มพรรคเอ็นแอลดี อินเดียประณามประเทศพม่า เพราะว่าอองซาน ซูจี พ่อนางอองซาน ซูจี คือนายอองซานเป็นเพื่อนกับ เนรู ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีอินเดีย และอองซาน จบจากที่มหาวิทยาลัยนิวเดลี ฉะนั้นความผูกพันทางพ่อกับ ผู้นำอินเดีย และทางลูก ซึ่งเรียนที่เดลีมีสูง ทุกคน ก็เลยด่าทหารพม่าและสนับสนุนอองซาน ขนาดจีนที่เงียบ แต่ว่าจีนไปเชียร์นายพลพม่า เพราะฉะนั้นแล้วในช่วงที่ผ่านมา ทุกคนจะเริ่มเห็นว่าปัญหาของพม่านั้น จีนได้ประโยชน์หมด จีนสร้างโครงการสาธารณูปโภคในพม่า ให้ความช่วยเหลือกับพม่า ขายสินค้าอุปโภคบริโภคให้พม่าและจีนก็มาตั้งฐานทัพเรืออยู่ที่อ่าวเบงกอลและที่หมู่เกาะโคโค่ ซึ่งอยู่ใต้ข้างล่างพม่าลงมา ระหว่างหมู่เกาะโคโค่มาที่จ.กระบี่ ระยะทางประมาณกรุงเทพฯ-หนองคาย 600-700 กิโลเมตร อินเดียก็มองว่า วันนี้เราใช้หัวใจเราไปช่วยอองซาน ซูจี แต่ปัญหาของเราไม่ได้ทำให้ปัญหาอินเดียดีขึ้น ปัญหาอินเดียคือปัญหาความมั่นคง เพราะทางตะวันออกเฉียงใต้ของอินเดียคือรัฐอัสสัม มีผู้ก่อการร้ายที่รุนแรงมากและมากแอบอิงพิงอาศัยอยู่ พรมแดนระหว่างพม่าและอินเดีย และอินเดียก็มองเห็นว่า จีนยิ่งวันยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วอินเดียก็เลยตัดสินใจลืมเรื่องหัวใจซะ เอาเรื่องสมองเป็นหลักว่าอย่างนั้นต้องคุยกับพม่าแล้ว อินเดียก็เลยเริ่มมามีทำนองที่บอกตอนนี้เรามีความรู้สึกว่า อยากให้มีการประนีประนอมกันในพม่า ไม่ประณามนะ
สโรชา – ไม่ประณามและไม่เรียกร้องด้วย
สนธิ – ส่วนเฮียข้างบน อีไม่พูดไม่อะไรทั้งสิ้น อีไม่ด่าใคร อีบอกนายพลว่าจะเอายังไงก็เอากัน อีช่วยเต็มที่และอีก็เข้ามา
สโรชา – เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับพม่าเกิดขึ้นมานานหรือยัง
สนธิ – นานแล้วครับ คนพม่าที่อยู่ชายฝั่งตะวันตกที่ติดกับอินเดีย คุณไปดูซิ ตัวดำทุกคนเลย พม่ามีชนชาติอยู่เยอะ แม้แต่คนพม่าเองที่อยู่ทางโน้นจะมีเชื้อสายอินเดีย เชื้อสายแขกแต่พอทางตะวันตกของเราจะมีเชื้อสายมอญ จะขาวขึ้น อย่างคุณสโรชา เป็นพม่าก็ต้องเป็นมอญแล้ว เพราะค่อนข้างขาวแต่ดูคล้ำนะครับตัวจริง แต่ในไฟอาจจะขาว ทีนี้จะชี้ให้ดู อเมริกามีผลประโยชน์อะไรบ้าง อเมริกาก็บอกว่าพม่ามันเป็นเผด็จการที่เลวร้ายที่สุด เพราะฉะนั้นต้องทำลายมันลงไป และเสริมสร้างประชาธิปไตย พูดอย่างนี้มาตลอด แต่ว่าสำหรับอเมริกาแล้ว เผด็จการมี 2 ประเภท เผด็จการที่อเมริกาสนับสนุนคือเผด็จการที่ดี สำหรับเขา ถ้าไม่ใช่เผด็จการที่ดี ผมถามว่าวันที่ประธานาธิบดีมูชาร์ราฟ ปฏิวัติในปากีสถานและก็เตะนาวาส ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถานซึ่งได้รับเลือกตั้งถูกต้องออกนอกประเทศ และห้ามไม่ให้กลับมาปากีสถาน ในขณะเดียวกัน ว่าบุตโต ลูกสาวบุตโตก็ห้ามกลับเข้าไปในปากีสถาน
สโรชา – คุณสนธิกำลังหมายความว่านี่ไม่ใช่เผด็จการหรอกหรือ
สนธิ – นี่ก็เผด็จการ ทำไมอเมริกาปิดตาและ แล้วทีตันฉ่วยทำไม เพราะฉะนั้นแล้วอเมริกาถึงเลือกปฏิบัติ เหตุผลที่เลือกปฏิบัติเพราะว่า ต้องใช้ความเป็นประชาธิปไตยเข้ามาสู้ เพื่อล้มล้างเผด็จการที่เผอิญสนิทกับจีนมาก
สโรชา – สรุปแล้วจีนเป็นเหตุผลใหญ่ที่ทำให้อเมริกาดำเนินการนโยบายอย่างนี้
สนธิ – อเมริกาต้องการจะเช็คจีนจากพม่า คืออเมริกาต้องการรัฐบาลที่เป็นตัวของตัวเอง ที่อยู่ใต้จีน ในขณะเดียวกันอินเดียก็ไม่ต้องการจีนให้เข้ามา เพราะฉะนั้นอเมริกาถึงเร่งตลอดเวลา พยายามทำข่าวประชาสัมพันธ์ที่ทำร้ายทำลายพม่าตลอดเวลา ที่ผมพูดไม่ได้หมายความว่าผมจะเห็นด้วยกับนายตันฉ่วยนะ เพราะตันฉ่วยเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษ แต่ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะผมต้องการเล่าให้คุณสโรชาและท่านผู้ชมที่บ้านฟัง ว่าอย่าเพิ่งไปฟังต้องดูยุทธศาสตร์ให้ดีว่า อะไรมันเกิดขึ้นในพม่า ผมยกตัวอย่าง อเมริกาเล่น 2 หน้า ปากว่าตาขยิบ อเมริกานโยบายอันแรก ต่อต้านผู้ก่อการร้าย อันที่สองคือต่อต้านยาเสพติด ใช่ไหม คุณรู้ไหมว่า สมัยที่พวกตันฉ่วยขึ้นมา เขาได้ลดการผลิตฝิ่น สมัยก่อนเขาเคยผลิตฝิ่นประมาณ 3 ปีที่แล้ว 1.6 ล้านไร่ วันนี้พื้นที่ผลิตฝิ่นลดลงเหลือแค่ 400,000 กว่าไร่ ลดลงตั้ง 40-50 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณฝิ่นลดลงเหลือ 370 ตันต่อปี และอัฟกานิสถานของนายฮามิด คาร์ไซ ซึ่งเป็นประธานาธิบดีหุ่นกระบอกของอเมริกา ซึ่งอเมริกาส่งเสริมว่าจะให้เป็นประชาธิปไตย ตั้งแต่อเมริกาเข้าไปอยู่ในอัฟกานิสถาน อัฟกานิสถานผลิตฝิ่นเพิ่มขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์ ใช่ และอัฟกานิสถานผลิตฝิ่นทั้งหมด 1,600 ตัน ในขณะที่พม่าลดลงมาเหลือ 370 ตัน
สโรชา – แต่ประเทศที่กำลังเป็นประชาธิปไตยกลับเพิ่มขึ้น
สนธิ – และอเมริกาก็มาก่นด่าพม่า เรื่องยาเสพติด เรื่องประชาธิปไตย แต่ว่าของอัฟกานิสถานตัวเองปิดตาขึ้นหนึ่งแปลว่าอะไร แปลว่าสิ่งที่อเมริกากำลังผลักดันให้ทำเป็นผลประโยชน์ของเขาประเทศไทยถ้าหลวมตัวไปเล่นด้วย ประเทศไทยเหนื่อย ประเทศไทยไม่มีทางออก เพราะว่าเรามีพรมแดนอยู่กับเขาถึง 1,800 กิโลเมตร ตั้งแต่ระนองขึ้นไปถึงกาญจนบุรี ขึ้นไปถึงแม่สอด ขึ้นไปถึงเชียงราย เชียงใหม่ เราไม่มีทางเลือกอะไร เพราะว่าเราต้องอยู่กับเขา ฝรั่งมังค่ามันไม่ได้อยู่กับเขา
สโรชา – แต่ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าเราก็ดำเนินนโยบายซึ่งก็ไม่ได้อิงตะวันตกมากจนเกินไป
สนธิ – ถูกต้องไง แต่เผอิญเรามาเจอมนุษย์พันธุ์พิเศษ ตันฉ่วย เราก็อยู่ในสภาพที่อึ่งกิมกี่ ก็นึกไม่ถึงแกทำอย่างนี้มาได้ และฉันจะเอาหน้าไปพูดกับชาวโลกเขาที่ไหนได้
สโรชา – เหมือนกับพูดตลอดเวลาว่า มันกำลังดำเนินการอยู่
สนธิ – ถูกต้องกำลังจะดี เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว ก็จะมีคนบอกว่าถ้าอย่างนั้น ประเทศไทยหยุดช่วยเหลือมัน อย่าไปยุ่งกับมัน ปิดพรมแดน สั่งสอนมันเพราะมันเป็นเผด็จการ เราทำอย่างนั้นไม่ได้ ที่ผมกำลังพยายามจะพูด บอกว่า ที่เราทำไม่ได้เพราะเราไม่มีทางเลือก หนึ่ง อเมริกาแซงชั่นทางธุรกิจกับพม่า มันไม่ได้ผล เพราะพม่าก็อยู่ได้ คุณแซงชั่นอีกพันปีก็ยังอยู่ได้
สโรชา - เพราะจริงๆ แล้วเขาก็ส่งไปอเมริกาค่อนข้างจะน้อยมาก
สนธิ –เขาไม่ส่งด้วยตอนนี้ เขาส่งขายจีน อีกหน่อยเขาเปิดกับอินเดีย เขาก็ขายต่อกับอินเดีย เขาอยู่ได้ แต่การแซงชั่นธุรกิจอย่างนี้ ทำให้การจ้างงานในพม่าไม่มี เมื่อไม่มีแล้ว คนตกงาน ไม่มีงานทำก็ไปเป็นโสเภณี โรคเอดส์ซึ่งพม่าเป็นประเทศที่มีการอัตราการเกิดสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็กำลังจะแผ่ขยายไปเรื่อยๆ แล้วพวกผู้หญิงพม่าที่มาเป็นแรงงานต่างด้าว แถวตาก แม่สอด เชียงรายมันจะไม่มากระทบกระเทือนกับผู้ชายไทยที่เที่ยวผู้หญิงพม่าหรือ พรมแดนคนว่างงาน ผู้ลี้ภัย ปัญหาโรคเอดส์และพูดถึงยาเสพติดอีก เราต้องมาเริ่มยาเสพติดกันใหม่หรือถ้าเราทะเลาะกับเขา ที่ถามถามว่าเรามีสงครามที่เกิดขึ้นทางใต้แล้ว เราจะเปิดแนวรบทางตะวันตกอีกแนวหนึ่งหรือไง ไม่ได้ เราไม่มีทางเลือกเลย เขาเป็นเพื่อนบ้านที่ประตูรั้วติดกับเรา เขาจะเลวร้ายยังไงเป็นเรื่องภายใน เขาจะตบตีเมียเขายังไง เขาจะเตะน้องเมียยังไง เขาจะตบหัวลูกเขายังไง ปล่อยเขาว่าไป เป็นเรื่องของเขา แต่เราต้องหวังว่า เมื่อเขาทุบตีกันเรียบร้อยเขามีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์แล้ว เราค่อยๆ พูดกับเขา แล้วเรื่องยาเสพติดจะว่ายังไงดี เราทำต่อนะ อย่าเลิกนะ เสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่ถ้าอารมณ์ดีๆ พี่ก็ปล่อยอองซานหน่อยได้ไหม ถ้าอารมณ์ยังไม่ดี ไม่ปล่อยไม่เป็นไร แต่ว่าอย่ามาทะเลาะกันกับเรา เพราะผลประโยชน์ของประเทศไทยนั้นเราต้องปกป้องให้มากที่สุดและให้ดีที่สุด
สโรชา – เราอันนี้กับพม่า เราถือว่าเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับเรา เราสามารถอธิบายได้แต่กับประเทศอื่น อย่างเช่นตะวันตก อินเดีย ประเทศอื่น ไม่ว่าจะอาเซียนหรือไม่ก็ตาม ที่มีคนเรียกร้องบอกว่า คุณไม่ทำอะไรบ้างเหรอ เป็นเพื่อนบ้านกับคุณแท้
สนธิ – ตอนนี้อาเซียนค่อนข้างเห็นด้วยกับไทย นายอาลี อาตัส เขาเห็นด้วย เขาพูดออกมาชัดเลย แม้กระทั่งสมาชิกคนสำคัญของพรรคนางอองซาน ซูจี เริ่มยอมรับแล้วว่าการแซงชั่นทางเศรษฐกิจนั้นไม่ได้ผล ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า ซีเรียส ไดอาล็อก มีการคุยกันอย่างจริงจังหาทาง ผมเดาว่าเกมเขาคงพยายามดังเขาเอาแกนนำสำคัญๆ ของอองซาน ซูจีเข้ามาร่วมกับเขาและโดดเดี่ยวอองซาน ซูจีไปซะ ตะวันตกมีตัวชูได้ตัวเดียวคืออองซาน ซูจี แต่ตันฉ่วยกับพวกนี้ ก็บอกว่า อองซาน ซูจีไม่มีความหมาย ปัญหาของเขาคือชนกลุ่มน้อย เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ตะวันตกด่าเราได้ เราต้องทนให้โดนด่า แต่เราก็ต้องหันไปบอกว่า เอ็งเห็นใจกูบ้างซิ เอ็งไม่ได้อยู่ข้างๆ มัน ใช่ไหม ฉันอยู่ข้างๆ มัน ปัญหามันมาถึงฉัน ไทยไม่มีทางเลือกและคนที่เป็นตัวหลักคนหนึ่งที่แก้ปัญหานี้มาตั้งแต่ต้น และเราไม่เคยให้เครดิตเขาเลย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ปิดทองหลังพระมาตลอด เพราะคนคนนี้เป็นคนซึ่งพยายามตลอดเวลา ที่จะพูดให้ผู้นำพม่าเปิดประเทศให้มากขึ้น ให้สิทธิเสรีภาพทางการเมืองมากขึ้น แม้กระทั่งพยายามบอกว่าถ้ามีทางที่จะคุยอองซาน ซูจีได้ก็คุยซะ เขาพูดในระดับภายใน แต่ว่าอย่างที่บอกนี่คือพันธุ์มนุษย์ที่หลงเหลือเพียงไม่กี่คนในโลกนี้ ก็คือตันฉ่วยและสหาย และหม่องเอ
สโรชา – ไม่มีใครเดาใจได้
สนธิ – เป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษจริงๆ
สโรชา – เราต้องทำในสิ่งที่ทำมาตลอด คือ ถึงแม้ว่าประเทศเพื่อนบ้านจะเป็นยังไง ก็เรื่องภายในของเขา ส่วนเมื่อไหร่ที่เขาสงบแล้ว เรามาคุยกันต่อ
สนธิ – อย่าไปเต้นตามตะวันตก
สโรชา – ก็เป็นเรื่องที่เรานำมาพูดคุยในวันนี้ เดี๋ยวเราจะกลับมาดูผลโพลของคุณผู้ชมว่าเห็นด้วยหรือไม่ กับความช่วยเหลือที่ประเทศไทยมีให้กับพม่า พักซักครู่เดี๋ยวกลับมาค่ะ
สโรชา – กลับมาช่วงสุดท้ายของเมืองไทยรายสัปดาห์ค่ะ ไปดูผลโพลกันค่ะ วันนี้เราถามคุณผู้ชมว่า ท่านเห็นว่าไทยควรสนับสนุนช่วยเหลือพม่าต่อไปเหมือนเดิมหรือไม่ คุณผู้ชมตอบกลับมาควรจะช่วยต่อ 43 เปอร์เซ็นต์ ควรจะหยุดความช่วยเหลือประมาณ 57 เปอร์เซ็นต์ค่ะ เราจะสุ่มหมายเลขผู้โชคดีนะคะ ได้รับโทรศัพท์มือถือพานาโซนิค เอ็กซ์ 500 เป็นพานาโซนิครุ่นใหม่ล่าสุด เดี๋ยวจะขึ้นปรากฏทางหน้าจอ หมายเลขของผู้โชคดีประจำสัปดาห์นี้ ปรากฏหน้าจอแล้วนะคะ เราจะติดต่อท่านกลับไปเพื่อจะมารับของรางวัลค่ะ ก็อาจจะครึ่งนะคะโพลของเราวันนี้ มีคำถามจากคุณผู้ชมน่าสนใจอยู่คำถามนึงนะคะ คุณฐิติรัตน์จากกทม. บอกว่าอยากให้คุณสนธิ กล่าวถึงโฆษณาที่สื่อนำมาออกอากาศ หนังสือพลังแห่งชีวิต เราเป็นคนไทยแล้วทำไมถึงให้เราไปสนใจศาสนาคริสต์
สนธิ – เป็นความหลากหลาย ความประเสริฐของสังคมไทย สังคมไทยเป็นสังคมเปิดที่ยอมรับความคิดเห็นของคนต่างๆ เรารับได้ทุกศาสนา ศาสนาพุทธไม่เคยกีดกันศาสนาอิสลาม ไม่เคยกีดกันศาสนาคริสต์ เรามีโบสถ์คริสต์ พุทธ อิสลาม อยู่ใกล้เคียงกัน แม้กระทั่งเวลาเราเดินทางไปต่างจังหวัดเราจะเห็นป้ายเล็ก ๆ ที่ติดโฆษณาว่า ให้มองที่พระเจ้าเป็นผู้ชี้ทาง ติดอยู่ตามต้นตาล เราก็เฉยๆ ใต้ต้นตาลก็มีพระสงฆ์องค์เจ้า นุ่งจีวรห่มเหลืองเดินไปเดินมา เพราะฉะนั้นแล้วคนไทยเป็นคนซึ่งเปิดไปหมด เพราะพุทธศาสนาคือศาสนาแห่งสากล เพราะว่าธรรมะคือสากล คือธรรมชาติ เมื่อธรรมะหรือธรรมชาติเป็นสากลแล้ว ใครก็ตามยึดถือหลักธรรมะ เราไม่ขัดข้อง จะเป็นศาสนาใดก็ตาม
ทีนี้ปัญหาคือว่า ทำไมเราปล่อยเขาโฆษณา เราไม่กีดกั้นอยู่แล้ว แล้วทำไมเขาถึงโฆษณาได้ เพราะในศาสนานั้นมีหลายนิกาย แต่ละนิกายก็คล้ายๆ กับเอ็นจีโอ ต้องมีผลงาน ก็จะมีคนที่ใจบุญ ใจกุศล เห็นว่ามีผลงานสามารถจะหาสมาชิกเข้ามาอยู่ในนิกายตนเองได้ ก็จะเพิ่มเงินให้ตลอดเวลา ทีนี้การที่บางครั้งเป็นนิกายทางคริสต์ เป็นนิกายใหม่ หรือนิกายบางนิกายซึ่งต้องการจะเผยแพร่หรือเผยแผ่ขยายนิกายคริสต์อันนี้เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งยังไม่เคยมีการเผยแผ่ หรือว่าเผยแผ่แล้วแต่ยังไม่ได้รับความนิยมมากพอ ก็อาจจะทุ่มเงินก้อนหนึ่งเพราะศาสนาคริสต์มองการตลาดเป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่าวิธีนำเสนอศาสนาของเขานั้นเป็นการนำเสนอที่เรียบง่าย มีทั้งโฆษณา ร้องรำทำเพลง เราดูภาพยนตร์หลายภาพยนตร์เราจะเห็นว่าเขามาเต้นรำในโบสถ์ เพื่อให้คนมีความสนุกกับเสียงเพลงแต่ได้สอนศาสนาเข้าไปด้วย ทีนี้เราจะเอาพระสงฆ์องค์เจ้าของเรามานั่งตีกลอง ระนาด ฆ้องและบอกว่าสวดพาหุง ก็ทำไม่ได้ เข้าใจไหมครับ ด้วยจริยวัตร และลักษณะของศาสนานั้นเราทำไม่ได้แน่นอน
แต่อันหนึ่งที่น่าสังเกตอย่างหนึ่ง ปัญหาไม่ใช่ว่าทำไมเราอนุญาตเขาโฆษณา เราอนุญาตได้ ปัญหาอยู่ที่เราว่าทำไมเรามีธรรมะอันเป็นของที่ดีที่สุดในโลก ดีที่สุดในจักรวาล ธรรมะคือจักรวาลที่แท้จริง ทำไมเรามีตรงนี้แล้วเราไม่เข้าไปให้ถึง เราเป็นพุทธตามสำมะโนครัว เราไม่ได้เป็นพุทธที่ใจเรา ถ้าเราเป็นพุทธที่ใจของเรา วันนี้เราไม่มีเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ถ้าเราเป็นพุทธจริง เราต้องรู้ว่าพุทธที่แท้นั้น เป็นพุทธอย่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะพุทธที่แท้คือพุทธที่อยู่อย่างสมถะ สันโดษ ความสันโดษในนัยของพุทธที่แท้ไม่ได้หมายความว่าคุณสโรชาจะไปปลูกกระท่อมอยู่ปลายนา ความสันโดษหมายความว่า คุณมีเท่าไหร่คุณใช้เท่านั้น นั่นคือสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพยายามสอนรัฐบาลทุกรัฐบาลมาตลอดเวลาว่า เราต้องมีเศรษฐกิจที่พอเพียง ทุกคนน้อมเกล้าฯ รับคำสั่ง แต่ว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาทุกรัฐบาล คือไม่ทำซักคน คือเราก็ยังอยู่อย่างฟุ่มเฟือย เรายังอยู่โดยไม่รู้จักตัวเราเอง
ผมมีความอึดอัดใจพอสมควรเมื่อท่านนายกฯ พูดตลอดเวลา ท่านบอกว่าอีก 4 ปีคนไทยจะรวย จะไม่จน ผมก็ถามต่อว่า ถ้าอีก 4 ปีคนไทยไม่จน และผมอ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน ว่ามีการฆ่าข่มขืนเพิ่มขึ้นทุกวัน มีเด็กวัย 8 ขวบเริ่มสวิงกิ้งมากขึ้นทุกวัน มีเรื่องชั่วร้าย มีอาชญากรรมมากขึ้น ผมถามว่าแล้วเราจะรวยไปทำไม มันจะมีประโยชน์อะไร สู้เรามีอยู่อย่างพอมีพอกิน แต่เรามีศีลธรรม มีความเอื้ออาทร มีหิริโอตัปปะ มีความกลัวเกรงในบาปที่ทำไป มีความเอื้ออาทร มีมรรค 8 อยู่ในใจ มีสัมมาอาชีวะ มีสัมมาทิฐิในตัวเรา ถ้าอยู่อย่างนั้นแล้วสังคมไทยจะรุ่มรวย ไม่มีอะไรสำคัญในความรวยเท่ากับการวยจิตวิญญาณ รวยทรัพย์นั้นมีก็หายไปได้ แต่รวยจิตวิญญาณอยู่ในตัวของเราไปตลอด ไม่มีวันหมดสิ้น
สโรชา – ถ้าเกิดเราสามารถจะใช้ชีวิตดำรงชีวิตในศีลธรรมได้ แต่ยังคงควบคู่กับการพัฒนา สามารถไปควบคู่กันได้ไหมค่ะ
สนธิ – ไปได้แต่เราต้องให้คำจำกัดความของคำว่าพัฒนาใหม่ ถ้าเราพัฒนาไปเน้นที่วัตถุอย่างเดียว มันก็ไม่ใช่การพัฒนา การพัฒนานั้นต้องพัฒนาใจ ไปควบคู่กับวัตถุ พอถึงจุดจุดหนึ่งแล้ว ใจจะเป็นคนบอกเองว่า วัตถุนั้นไม่สำคัญ เพราะถ้าใจเป็นใจที่ประเสริฐ วัตถุจะไม่มีความหมายเลย คุณสโรชา
สโรชา - ค่ะก็นำมาเล่าสู่กันฟังในรายการนะคะ คุยกันหลายต่อหลายเรื่องค่ะไม่ว่าจะเป็นปัญหาสังคมเรื่องราวของต่างประเทศ การเมืองระหว่างประเทศหรือแม้กระทั่งเรื่องราวในชีวิตประจำวันของคนเรา คุณผู้ชมจะสังเกตได้ว่า ในรายการนี้เราคุยมาหลายต่อหลายรอบแล้วนะคะ สำหรับการรักษาศีลธรรม การดำรงชีวิตให้เป็นคนดี ในขณะที่เราสามารถที่จะพัฒนาประเทศไปพร้อมๆ กันได้ สิ่งเหล่านี้ต้องไปควบคู่กัน เราอย่าไปให้ความสำคัญการพัฒนามากจนเกินไป จนลืมว่ารากฐานสิ่งที่เราควรจะรักษาไว้นั้น มันคืออะไร หมดเวลาแล้วค่ะสำหรับเมืองไทยรายสัปดาห์วันนี้พบกันใหม่ในวันศุกร์หน้า สำหรับวันนี้ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ดิฉัน สโรชา พรอุดมศักดิ์สวัสดีค่ะ