หลังจาก ร.ต.อ.หญิงพรทิพย์ มีปรีชา รองสารวัตร สน.ดุสิต เข้าร้องขอความเป็นธรรม ต่อกองบัญชาการตำรวจนครบาล ว่า พล.ต.ท.พิชิต มีปรีชา อดีต ผบช.น.บิดา ถูก พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.ก.ซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดา อุ้มตัวหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้ข่าวดังกล่าว ประชาชน เกิดความสับสนและสงสัยว่า เป็นเรื่องจริงหรือไม่ หลังข่าวนี้ออกไปเพียง 1 วัน พล.ต.ต.เอกรัตน์ ผู้ถูกกล่าวหา ได้เปิดแถลงข่าว โดยนำน้องชาย และบิดา มาแถลงข่าวตอบโต้
โดย พล.ต.ต.เอกรัตน์ กล่าวว่า พล.ต.ท.พิชิต ได้หายตัวจากบ้านไปเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2546 โดยไม่ทราบว่าหายไปไหน จึงได้ให้ พล.ต.ต.นพรัตน์ และ พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ซึ่งเคยรับราชการอยู่ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล สืบสวนติดตามตัว จนกระทั่งทราบว่า พักอาศัยอยู่ที่แฟลตตำรวจ สน.ดุสิต ซึ่งเชื่อแน่ว่าอาศัยอยู่กับ ร.ต.อ.(หญิง) พรทิพย์ จากนั้นสืบหาข่าวเรื่อยมาจนแน่ชัดว่าบิดามีชีวิตอยู่ จนกระทั่งค่ำวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา บิดาได้โทรศัพท์ติดต่อ ให้ พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ไปรับที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.ตราด จึงได้เดินทางไปรับบิดาในวันรุ่งขึ้นซึ่งระหว่างเดินทางทราบว่าบิดาได้ติดต่อกับร.ต.อ.(หญิง)พรทิพย์ โดยตลอด แต่ยังสงสัยว่าทำไมถึงไปแจ้งความว่าบิดาถูกพวกตนลักพาตัว
รอง ผบช.ก.กล่าวด้วยว่า ขณะนี้บิดามีโรคประจำตัวอาจพูดอะไรที่สับสนเนื่องจากหลงๆลืมๆอย่างไรก็ตามอยากให้ร.ต.อ.(หญิง)พรทิพย์ มาขอโทษด้วยเพื่อไม่ให้สังคมเข้าใจผิด แต่ทั้งนี้ทั้งตนจะแจ้งความดำเนินคดีกับร.ต.อ.(หญิง)พรทิพย์ ในกรณีทำเอกสารในการจำนองที่ดิน ส่วนการทำธุรกรรมต่างๆ
ด้าน พล.ต.ท.พิชิต กล่าวว่า เป็นคนโทรศัพท์ไปหาลูกชายให้มารับ เพราะต้องไปรายงายตัวที่กองการเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแสดงตัวว่ายังมีชีวิตอยู่ซึ่งทำเป็นประจำทุกปี เพื่อรับเงินบำนาญ ยืนยันว่าไม่ได้มีการอุ้มแต่อย่างใด แต่เข้าใจว่าที่ร.ต.อ.(หญิง)ว่าถูกลักพาตัว ซึ่งเป็นไปได้ว่าด้วยสัญชาติญานตำรวจ อาจคิดไปได้ว่าถูกบังคับให้พูดไม่จริงระหว่างที่โทรศัพท์คุยกัน ยืนยันว่าที่มีเรื่องราวกันคงไม่ใช่เรื่องมรดกเพราะไม่มีทรัพย์สินอะไรมีเพียงบ้านเก่าในซอยลาดพร้าว 25 หลังเดียวเท่านั้น
โดย พล.ต.ต.เอกรัตน์ กล่าวว่า พล.ต.ท.พิชิต ได้หายตัวจากบ้านไปเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2546 โดยไม่ทราบว่าหายไปไหน จึงได้ให้ พล.ต.ต.นพรัตน์ และ พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ซึ่งเคยรับราชการอยู่ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล สืบสวนติดตามตัว จนกระทั่งทราบว่า พักอาศัยอยู่ที่แฟลตตำรวจ สน.ดุสิต ซึ่งเชื่อแน่ว่าอาศัยอยู่กับ ร.ต.อ.(หญิง) พรทิพย์ จากนั้นสืบหาข่าวเรื่อยมาจนแน่ชัดว่าบิดามีชีวิตอยู่ จนกระทั่งค่ำวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา บิดาได้โทรศัพท์ติดต่อ ให้ พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ไปรับที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.ตราด จึงได้เดินทางไปรับบิดาในวันรุ่งขึ้นซึ่งระหว่างเดินทางทราบว่าบิดาได้ติดต่อกับร.ต.อ.(หญิง)พรทิพย์ โดยตลอด แต่ยังสงสัยว่าทำไมถึงไปแจ้งความว่าบิดาถูกพวกตนลักพาตัว
รอง ผบช.ก.กล่าวด้วยว่า ขณะนี้บิดามีโรคประจำตัวอาจพูดอะไรที่สับสนเนื่องจากหลงๆลืมๆอย่างไรก็ตามอยากให้ร.ต.อ.(หญิง)พรทิพย์ มาขอโทษด้วยเพื่อไม่ให้สังคมเข้าใจผิด แต่ทั้งนี้ทั้งตนจะแจ้งความดำเนินคดีกับร.ต.อ.(หญิง)พรทิพย์ ในกรณีทำเอกสารในการจำนองที่ดิน ส่วนการทำธุรกรรมต่างๆ
ด้าน พล.ต.ท.พิชิต กล่าวว่า เป็นคนโทรศัพท์ไปหาลูกชายให้มารับ เพราะต้องไปรายงายตัวที่กองการเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแสดงตัวว่ายังมีชีวิตอยู่ซึ่งทำเป็นประจำทุกปี เพื่อรับเงินบำนาญ ยืนยันว่าไม่ได้มีการอุ้มแต่อย่างใด แต่เข้าใจว่าที่ร.ต.อ.(หญิง)ว่าถูกลักพาตัว ซึ่งเป็นไปได้ว่าด้วยสัญชาติญานตำรวจ อาจคิดไปได้ว่าถูกบังคับให้พูดไม่จริงระหว่างที่โทรศัพท์คุยกัน ยืนยันว่าที่มีเรื่องราวกันคงไม่ใช่เรื่องมรดกเพราะไม่มีทรัพย์สินอะไรมีเพียงบ้านเก่าในซอยลาดพร้าว 25 หลังเดียวเท่านั้น