สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงยกย่องทุกฝ่ายที่ร่วมกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ 72 พรรษา ซึ่งล้วนเป็นความดีงาม สะท้อนความมีน้ำใจ เสียสละ และสามัคคีของคนไทย ทรงปรารภภูมิใจที่เกิดในแผ่นดินไทย ได้ถวายงานรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาตลอด 54 ปี ไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่าย ทรงปลาบปลื้มพอพระทัยต่อโครงการศิลปาชีพพิเศษ ที่ได้ช่วยให้ชาวบ้านยากจนมีงานนำ และได้สร้างงานฝีมือเป็นหนึ่งของโลก

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2547 สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระบรมวงศานุวงศ์ พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ 596 คณะ 18,712 คน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2547
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลในนามผู้เข้าเฝ้าฯ ความว่า
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม เมื่อ 72 ปีที่ล่วงมา ณ พุทธศักราช 2475 เพียงไม่ถึง 2 เดือน นับแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง กุมารีผู้หนึ่งได้ถือกำเนิดมาในราชกุลสูงศักดิ์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ซึ่งพระบิดาทรงสืบเชื้อสายมาแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระมารดาสืบเชื้อสายมาแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 กุมารีผู้นั้นได้รับการเลี้ยงดู การศึกษา และเติบโตเป็นดรุณีอย่างสามัญชน ได้ผ่านเหตุการณ์ทุกข์สุข และความยากลำบากจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และภัยสงคราม ดังเช่นที่ชาวไทยทั่วไปในขณะนั้นประสบ 17 ปีเศษผ่านพ้นไป ดรุณีผู้นั้นได้เจริญวัยกระทั่งเข้าสู่พระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เป็นสมเด็จพระบรมราชินีพระองค์แรกที่สถาปนาขึ้นในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ซึ่งบัดนี้ คือใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทฯ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ และต่อมาได้พระราชทานพระราชโอรส และพระราชธิดา รวม 4 พระองค์ รับพระราชภาระเจริญรอยพระยุคลบาทเป็นพระมิ่งขวัญของชนชาวไทยสืบมา
ตลอดระยะเวลา 54 ปี แห่งการดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมราชินี และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทฯ ได้ทรงรับพระราชภาระในการเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาด้วยความเรียบร้อย และยังได้ทรงปฏิบัติพระราชกิจต่างพระเนตร พระกรรณ อีกทั้งทรงบันดาลให้เกิดโครงการใหญ่น้อย ยังประโยชน์แก่อาณาประชาราษฎร์เหลือคณานับ ท่ามกลางมหาสมาคมเช่นนี้ นายกรัฐมนตรีของไทยคนแล้วคนเล่าในอดีต เป็นเวลากว่า 30 ปี ตราบจนถึงข้าพระพุทธเจ้า ได้ผลัดเปลี่ยนเวียนกันมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทฯ และกราบบังคมทูลฯ ถวายพระพรชัยมงคล ในนามของพสกนิกรชาวไทยต่อเนื่องกันทุกปี พระราชกรณียกิจ และพระมหากรุณาธิคุณ ที่ต่างหยิบยกขึ้นพรรณนาในแต่ละปี แม้จะหลากหลาย แต่ล้วนแสดงให้เห็นถึงพระราชปณิธานตามเป้าหมายเดียวกัน คือ ประโยชน์สุขแห่งประชาชนชาวสยาม ประโยชน์สุขนี้ได้แก่การที่ราษฎรมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีคุณธรรมประจำใจ คุณภาพชีวิตดังกล่าวย่อมเกิดจากการที่ประชาชนมีการศึกษา มีอาชีพการงาน มีรายได้เลี้ยงตนและครอบครัวตามสมควร มีความปลอดภัยและมั่นคง มีสุขภาพพลานามัยดี และอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี
พระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต เห็นได้จากการที่ทรงอุปถัมภ์การศึกษาของเยาวชนและผู้ใหญ่ ทั้งในและนอกระบบโรงเรียน แม้แต่ผู้ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ก็ทรงเห็นความสำคัญ ได้พระราชทานพระราชดำริเมื่อ พ.ศ.2543 ให้รวมตัวกันจัดตั้งเป็นธนาคารสมอง เพื่อเป็นอาสาสมัครเสริมภูมิปัญญาแก่ชนในชาติ ในฐานะผู้มีประสบการณ์ที่นับว่าโดดเด่นยิ่ง คือ ได้ทรงนำราษฎรชาย-หญิงที่มือเคยหยาบกร้าน จับจอบ จับเสียม มาฝึกหัดงานศิลปะ จนเป็นดุจศิลปินฝีมือเอกในราชสำนัก ที่สามารถรังสรรค์งานฝีมือได้อย่างปราณีต บรรจง คืองานศิลปาชีพอันวิจิตรพิสดาร มีการทอผ้า เย็บปักถักร้อย สานเสื่อ ทำกระเป๋า งานจิตรกรรม ประติมากรรม เครื่องทอง เครื่องถม คร่ำ และแกะสลัก เป็นอาทิ ซึ่งเมื่อนำผลงานบางส่วนออกแสดงที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ในงานศิลป์แผ่นดินเมื่อเดือนที่แล้ว เช่น บุษบกมาลา เรือสำเภาทองคำ สัปคับ พระคชาธาร เป็นต้น ยังความตื่นตาตื่นใจมาสู่นับแสนที่มีโอกาสชม รวมทั้งชาวต่างประเทศ และเลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งมาร่วมประชุมนานาชาติเกี่ยวกับโรคเอดส์ ทุกคนต่างแซ่ซ้องสรรเสริญพระเกียรติคุณว่า ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทไม่เพียงแต่พระราชทานอนาคตอันสดใจแก่เกษตรกรและราษฎรในชนบทเท่านั้น ยังทรงชุบชูศิลปวัฒนธรรมล้ำค่าของชาติที่เคยรุ่งเรืองมาแต่อดีตให้กลับรุ่งโรจน์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง วันนี้ผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพได้วางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลายแห่ง และได้ประดับประดาอยู่ในพระราชวังของพระมหากษัตริย์หลายประเทศ
ในด้านการเพิ่มรายได้อื่นๆ แก่ราษฎร ทรงส่งเสริมการปลูกพืชผักผลไม้ และไม้ดอกในภูมิประเทศที่เหมาะสม และการเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่อันควร เช่น พระราชทานพันธุ์หมูแก่ชาวสะเมิง จ.เชียงใหม่ พันธุ์เป็ด ไก่ และห่าน แก่เกษตรกร จ.ปัตตานี ในด้านสิ่งแวดล้อม ทรงเอาพระราชหฤทัยใส่นับแต่การที่เกษตรกรใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์และสารเคมีมากเกินไปในไร่นา การทำลายแหล่งน้ำ การทำลายป่าชายเลน การทิ้งขยะในแม่น้ำ ลำธาร ทะเล หรือตามชายหาด การทำลายแหล่งปะการัง การทำลายแหล่งประมง การตัดต้นไม้ทำลายป่า จนถึงการระเบิดภูเขา ซึ่งทำลายระบบนิเวศ
ในด้านสุขอนามัย ทรงสนพระราชหฤทัยการบริบาลทารก โภชนาการของเด็ก การระวังรักษาแพร่ระบาดของโรคติดต่อ การดูแลรักษาผู้ป่วยที่สูงอายุ หรือยากไร้ อันเป็นที่มาของโครงการผ่าตัดแก้วตาดวงใจ ที่คู่สมรสของคณะรัฐมนตรีจัดขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล หรือแม้แต่การชี้ให้เห็นภัยของสารพิษและยาเสพติดที่เคยระบาดอยู่ในสังคมในสมัยหนึ่ง สมควรกล่าวด้วยว่า พระมหากรุณาธิคุณด้านสุขภาพอนามัยนี้แผ่ไพศาลไปถึงผู้ประสบภัยจากต่างประเทศที่หนีร้อนมาพึ่งเย็นตามแนวชายแดน ดั่งที่เคยมีพระราชดำรัสว่า เมื่ออยู่ท่ามกลางคนไทยเราย่อมมั่นใจได้ว่าจะไม่มีใครล้มลงอยู่กลางถนนโดยไร้คนช่วยเหลืออย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงไม่แปลกใจเลยที่เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงของไทยจะพากันบากหน้ามาหาไทยเสมือในยามเจ็บไข้ได้ป่วย ดังนั้นสถาบันระหว่างประเทศ และสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลกหลายแห่งจึงได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเหรียญรางวัล และปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์หลายสาขา และถวายราชสดุดีนานาประการ ในฐานะที่ทรงให้โดยไม่เลือกปฏิบัติ และทรงเป็นผู้นำด้านการส่งเสริมมนุษยธรรม ยังความปลื้มปีติ และความภาคภูมิใจแก่ปวงข้าพระพุทธเจ้ายิ่งนัก
นอกเหนือจากการพัฒนาคุณภาพชีวิตอันเป็นเรื่องทางวัตถุและกายภาพแล้ว ยังทรงแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์อีกด้วยว่า ประเทศชาติจะเป็นสุข และชุมชนที่เข้มแข็ง จะบังเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ก็ด้วยการที่ประชาชนมีคุณธรรมประจำใจอีกสถานหนึ่ง ดังที่เคยรับสั่งว่าข้าพเจ้าอยากให้คนไทยทุกคนยึดมั่นในศาสนา เคารพกฎหมาย รักใคร่สามัคคี ไม่ถือเขาถือเรา และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ในการนี้ได้ทรงเรียกความภาคภูมิใจของไทยในอดีตให้กลับคืนมาสู่ชาติไทยในปัจจุบันอย่างมีเกียรติภูมิ นับแต่ทรงส่งเสริมการใช้ผ้าไทย ทรงปรับปรุงเครื่องแต่งกายของสตรีไทย ทรงแสดงให้โลกประจักษ์ถึงคุณค่าแห่งรอยยิ้มของคนไทย และความงามอย่างไทย ทรงรักษาศิลปวัฒนธรรมไทย ทรงเน้นการยึดมั่นในศาสนา การแผ่เมตตา และการให้ ไม่ว่าจะเป็นการให้อภัย ให้วัตถุ หรือทาน หรือแม้แต่ให้เวลาเพื่อสดับตรับฟังความทุกข์ของผู้อื่น ในส่วนของความรักชาติ ได้ทรงปลูกฝังไว้ในจิตใจของพสกนิกรอย่างแนบเนียน โดยอาศัยสื่อ เพลง ละคร นวนิยาย พระราชดำรัสอันไพเราะ และถ่อมพระองค์ ทรงยกย่องผู้ปิดทองหลังพระ ทรงเน้นการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา และขนบประเพณี ดังที่ทรงได้แสดงให้เห็นเป็นแบบอย่าง ด้วยความเป็นกลางในพระราชหฤทัย และเปี่ยมด้วยความมีพระเมตตา
ด้วยเหตุฉะนี้ จึงทรงเป็นที่รัก และเคารพของราษฎรทั่วไป ดุจแม่ของแผ่นดิน 72 ปี แห่งพระชนมพรรษาที่ผ่านพ้นมาถึงบัดนี้ เป็นกาลเวลาที่ไม่ได้ทรงพระสำราญในปราสาทราชวัง ดังพระราชินีในเทพนิยาย ที่นักประพันธ์มักลงท้ายตอนจบว่า แล้วเจ้าชายเจ้าหญิง ก็ได้ครองชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป ทั้งนี้เพราะในเวลาที่ผ่านมา ประเทศชาติยังมีปัญหาอีกมาก เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับเป็นพระราชธุระ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข และบำรุงขวัญ อาณาประชาราษฎร์ ด้วยความเสียสละ และใช้พระปรีชาสามารถทุกทางในการช่วยเหลือราษฎรของพระองค์ เป็นธรรมดาอยู่เอง ที่สมเด็จพระบรมราชินี คู่พระราชหฤทัย ไม่อาจทรงนิ่งเฉยได้ แม้บางครั้งจะทรงพระประชวร ทรงประสบสิ่งอันไม่สมพระราชประสงค์ หรือมีผู้เข้าใจพระราชดำริผิด ก็ยังทรงบำเพ็ญประโยชน์ด้วยความเสียสละ อดทน และเข้มแข็ง ยิ่งทรงเจริญพระชนมพรรษาสูงขึ้น ก็ยิ่งทรงทุ่มเทหนักขึ้น ดังที่รับสั่งว่า อายุมากขึ้น เหลือเวลาทำงานให้แผ่นดินน้อยลง จึงต้องทำงานให้หนัก และรีบเร่งกว่าเดิม พระราชกรณียกิจ เคียงคู่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเช่นนี้ ทำให้ปวงข้าพระพุทธเจ้าเข้าใจได้ซาบซึ้งว่า เหตุใดแม้แต่สตรีในบรรพกาล เช่น สมเด็จพระสุริโยทัย จึงยังต้องทรงเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง
ณ วันนี้ เมื่อปีที่แล้ว ข้าพุทธเจ้าได้มีโอกาสสำแดงความชื่นชมยินดีในนามของพสกนิกรชาวไทย ท่ามกลางมหาสมาคมแห่งนี้ว่าประชาชนต่างรอคอยที่จะร่วมเฉลิมฉลองวโรกาสสำคัญที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจะทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ บัดนี้วาระนั้นมาถึงแล้ว รัฐบาลได้ประกาศให้ปีนี้เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลอง ซึ่งมีการจัดกิจกรรมบำเพ็ญกุศลและสาธารณประโยชน์ที่หลากหลาย เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย ทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด กิจกรรมทุกอย่างสะท้อนถึงพระราชกรณียกิจและพระราชปณิธานที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวไทยและปลูกฝังคุณธรรมประจำใจ
เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ และมีมติให้จัดตั้งสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเพื่อเฉลิมพระเกียรติ อย่างเป็นระบบครบวงจร ตั้งแต่การปลูกหม่อน การเลี้ยงไหม การทำเส้นไหม การย้อมและการทอเป็นผืนผ้า ตลอดจนการตลาดและสิทธิบัตร เพื่อรักษาไหมไทยที่เคยเลื่องลือให้คงอยู่ต่อไป ดังที่รัฐบาลได้ดำเนินการจดทะเบียนสิทธิบัตรลายผ้าไทยตามพระราชดำริมาแล้ว รัฐบาลมีความปีติยินดียิ่งนัก ที่คณะกรรมาธิการหม่อนไหมระหว่างประเทศ ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัลหลุยส์ ปาสเตอร์ เมื่อ 2 ปีก่อน อันเป็นการยืนยันถึงพระปรีชาสามารถ และความสนพระราชหฤทัยในด้านการพัฒนาและพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อวงการหม่อนไหมของโลก ในอนาคตรัฐบาลยังจะได้จัดหาที่แสดงผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพเป็นการถาวร เพื่อเฉลิมพระเกียรติอีกด้วย
ในวาระแห่งการเฉลิมฉลองเช่นนี้ ธงสีฟ้าตราสัญลักษณ์งานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ได้โบกพริ้วปลิวไสวอยู่ทั่วไปในพระราชอาณาจักร ปวงข้าพระพุทธเจ้ายังจำภาพสตรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดในประเทศไทย และพระชนมพรรษาสูงที่ประทับพับเพียบอยู่กับเสื่อในกระท่อม หรือศาลาเล็กๆ ทรงเพ่งพินิจผ่านฉลองพระเนตรไปยังลายผ้าที่หญิงชาวบ้านคนแล้วคนเล่าทยอยกันนำเข้ามาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายอย่างสนพระราชหฤทัย แม้อาทิตย์จะอัสดงไปนานแล้ว แม้รัตติกาลจะครอบคลุมไปทั่วจนมีเสียงจักจั่นเรไรร้อง และเจ้าหน้าที่ต้องจุดตะเกียงหรือส่องไฟถวาย แม้ฝนจะตกพรำๆ แม้ค่ำมืดแล้วจะยังไม่ได้เสวย และแม้เจ้าหน้าที่จะมากราบบังคมทูลว่าการเดินทางกลับที่ประทับจะลำบากและอันตราย แต่ภาพเช่นนี้ ราษฎรในชนบทได้เห็นอยู่เป็นนิจทั้งปี จะผันแปรก็ตามแต่ภูมิภาคของประเทศ ซึ่งงานฝีมือที่ราษฎรนำมาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ก็พลอยเปลี่ยนตามแต่ละท้องถิ่นไปด้วย เช่น เป็นผ้าชาวเขา และเครื่องเงินในภาคเหนือ ผ้าฝ้ายในภาคกลาง ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าไหมแพรวา ผ้าไหมขิด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ้าปัก เสื่อกระจูดลายต่างๆ และผลิตภัณฑ์ย่านลิเพาในภาคใต้ ไม่น่าเชื่อว่า ด้วยพระราชดำรัสเมื่อหลายปีก่อนเพียงว่า "ผ้าสวย ช่วยทำให้ใหม่ได้ไหม ทำไว้ 2 ผืน เก็บไว้ใช้เอง 1 ผืน เอามาขายฉัน 1 ผืน" เพียงแค่นี้ก็เป็นดุจหยาดน้ำทิพย์ที่ชโลมจิตใจ สร้างพลัง และยังความปลื้มปีติมาสู่พสกนิกรอย่างล้นเหลือ บัดนั้น คุณภาพชีวิตและคุณธรรมประจำใจ อันเป็นประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ก็ได้พัฒนามาอย่างมั่นคง และยืนยงจนถึงบัดนี้
ในวโรกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ที่เวียนมาในครานี้ ข้าพระพุทธเจ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในนามของประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ขอร่วมกันแสดงความปลื้มปีติ และความจงรักภักดี ด้วยการถวายสัตย์ปฏิญาณโดยพร้อมเพรียงว่า จะสนองงานตามพระราชปณิธานให้บังเกิดผล อีกทั้งขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล ขออัญเชิญคุณแห่งพระรัตนตรัย พระบุญญาธิการแห่งสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าในอดีต และพระราชคุณธรรม สัมมาปฏิบัติ มาเป็นประธาน แล้วเชิญชวนราษฎรร่วมกันตั้งสัตยาธิษฐาน ขอพระราชกฤดาภินิหาร แห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเหล่านี้ จงอภิบาลรักษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงพระเกษมสำราญ เจริญพระชนมสุขทุกประการด้วยจตุรพิธพรชัย สถิตย์คู่พระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ดุจประทีปคู่เทียนทอง ส่องสว่างนำทางข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวง ไปสู่ความสมบูรณ์พูนสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีคุณธรรมประจำใจ สมดังพระราชปณิธาน ตราบกาลนิรันดร์เทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

ภายหลัง จาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลในนามผู้เข้าเฝ้าฯ แล้ว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชเสาวนีย์ตอบ ความว่า
“ข้าพเจ้าขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้แทนของประชาชนชาวไทย กล่าวอวยชัยให้พรแก่ข้าพเจ้า เป็นพรที่เพราะ และเป็นที่ซาบซึ้งสำหรับข้าพเจ้ามาก ข้าพเจ้ามีอายุครบ 6 รอบ ด้วยถ้อยคำที่ไพเราะและเป็นกำลังใจอย่างยิ่ง ขอขอบพระคุณผู้ที่เดินทางมาร่วมชุมนุมอยู่ ณ ที่นี้ ทั้งภายในและภายนอกศาลาดุสิดาลัย จำนวนประมาณ 20,000 คน ประกอบด้วยข้าราชการ ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ลูกเสือ ชาวบ้าน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน ผู้แทนจากมูลนิธิ สภา สมาคม สถาบัน และกลุ่มองค์กรทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งพร้อมใจกันมาให้พรข้าพเจ้าอย่างเนืองแน่นในวันนี้ และที่จะลืมขอบคุณเสียมิได้เลย ก็คือรัฐบาล และประชาชนทุกคณะ ทุกคน ที่ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม เพื่อเป็นการกุศล และเป็นเกียรติแก่ข้าพเจ้า นับพันรายการ แต่ละกลุ่ม แต่ละองค์กร ช่วยคิดหากิจกรรม ที่เป็นสาธารณกุศล และสาธารณประโยชน์อย่างน่าสรรเสริญ ยกตัวอย่างเช่น การอุปสมบทพระภิกษุ และบรรพชาสามเณร มีตั้งแต่กลุ่มย่อยไม่ถึง 10 รูป ไปจนถึงกลุ่มใหญ่หลายพันรูป รวมแล้วจะมีพระภิกษุและสามเณร จากการกุศลครั้งนี้หลายหมื่นรูป มีการสร้างพระพุทธรูป สร้างเจดีย์ สร้างอาคาร และถาวรวัตถุทางศาสนา บูรณปฏิสังขรณ์วัด จัดโครงการปฏิบัติธรรม มีการสร้างอาคารสถานที่ และสิ่งก่อสร้างที่จะอำนวยประโยชน์แก่ประชาชน มีโครงการช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยและทุกข์ยากเป็นจำนวนมาก เช่น โครงการผ่าตัดรักษาดวงตาและหัวใจ โครงการตรวจรักษาประชาชนโดยไม่คิดมูลค่า โครงการเพื่อสุขภาพ เช่น โครงการอาหารปลอดภัย โครงการออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆ โครงการงดสุรา และบุหรี่ การบริจาคโลหิต การบริจาคอาหาร และสิ่งของเป็นทานแก่คนยากคนจน การไถ่ชีวิตโค กระบือ การปรับปรุงสาธารณสถาน การกำจัดขยะ การอนุรักษ์ชายฝั่งทะเล การปลูกต้นไม้ การสร้างสวนสาธารณะ การจัดทำสิ่งของต่างๆ เพื่อเป็นที่ระลึก และเป็นเกียรติแก่ข้าพเจ้า เช่นจัดพิมพ์หนังสือ พิมพ์ธนบัตร สแตมป์ ไปรษณียบัตร จัดทำเหรียญกษาปณ์ จัดนิทรรศการ จัดแสดงดนตรี การเดินและวิ่งการกุศล และการจัดการแสดงสารคดีพิเศษทางโทรทัศน์ การจัดสัมมนา ปาฐกถาทางวิชาการ การแสดงที่สถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ จัดขึ้น รวมทั้งการจัดงานอื่นๆ อีกนับร้อยงาน ตลอดจนการอวยพรผ่านทางสื่อมวลชนทุกแขนง ซึ่งข้าพเจ้าไม่สามารถจะนำมากล่าวให้หมดได้ในที่นี้ แต่ก็ได้รับทราบด้วยความปีติและชื่นชม โครงการเพื่อการกุศล โครงการเดิมที่ข้าพเจ้าเคยกล่าวถึงไปแล้วเมื่อปีก่อนๆ คือโครงการที่สภาสังคมสงเคราะห์จัดอาหารกลางวันให้คนยากคนจนในกรุงเทพฯ ชื่อ โครงการน้ำพระทัยพระราชทาน ขณะนี้ก็ยังดำเนินการสืบมาอย่างต่อเนื่อง เป็นที่น่าปลื้มใจ โครงการนี้ข้าพเจ้าได้แนวคิดมาจากตั้งแต่สมัยพุทธกาล มีการตั้งโรงทานเลี้ยงคนจน และคนที่มาหางานทำในกรุงเทพฯ ก็มีมาก หากยังไม่มีงานทำ และไม่มีอะไรจะรับประทาน อย่างน้อยเขาก็มีอาหารกลางวันรับประทาน 1 มื้อ ก็ยังพอดำรงชีพอยู่ได้
นอกจากโครงการสาธารณกุศล และสาธารณประโยชน์ที่กล่าวมาแล้ว ก็ยังมีผู้ที่ส่งเงินมาร่วมทำบุญกับข้าพเจ้า ส่งจดหมาย บทร้อยกรองอวยพร และรูปของข้าพเจ้า ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ประกอบคำอวยพรที่ไพเราะมาให้ ข้าพเจ้าได้รับแล้ว ด้วยความซาบซึ้งและประทับใจในน้ำใจไมตรี และความปรารถนาดีของทุกๆ คนที่มีให้ข้าพเจ้าเป็นระยะเวลายาวนาน สิ่งที่ประชาชนทั้งหลายพร้อมใจกันปฏิบัติเนื่องในโอกาสที่ข้าพเจ้ามีอายุครบ 6 รอบนี้ ล้วนแต่เป็นความดีงาม และเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและสังคม สะท้อนถึงความมีน้ำใจของคนไทย การรู้จักการให้ ความเสียสละ ความสามัคคีของชนชาติไทย ซึ่งเป็นคุณธรรมอันสำคัญที่จะช่วยให้บ้านเมืองของเราอยู่รอด และคนในชาติมีความสุข
ข้าพเจ้าได้เป็นพระราชินีตั้งแต่อายุ 17 ปีเศษ จนบัดนี้อายุ 72 ปีแล้ว วันเวลาผ่านไปถึง 54 ปี ที่ข้าพเจ้าได้ถวายรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้ออกไปช่วยเหลือประชาชน แต่ข้าพเจ้าไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่าย ข้าพเจ้ามีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ท่ามกลางประชาชน เพราะข้าพเจ้ารู้สึกว่าคนไทยเรานี้น่ารัก เมื่อข้าพเจ้าเห็นคนที่อายุน้อยกว่ามารอพบ ข้าพเจ้าก็เกิดความเอ็นดู ส่วนผู้ที่อายุมากกว่า ก็ให้ความเมตตาแก่ข้าพเจ้า ดังนั้นเราจึงอยู่ด้วยกันด้วยความรู้สึกที่ดีต่อกันเสมอมา และพยายามจะถ่ายทอดน้ำใจไปสู่กันและกัน
แรกทีเดียวที่จะตั้งต้นศิลปาชีพ เมื่อปลายปี พ.ศ.2513 เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่ จ.นครพนม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และข้าพเจ้าได้ไปเยี่ยมราษฎร และพระราชทานสิ่งของช่วยเหลือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รับสั่งว่า ไม่ทรงอิ่มพระทัยเลย รับสั่งว่าประชาชนเขายากจนแล้วยังมาประสบภัยพิบัติอีก ทรงรู้สึกว่าต้องช่วยให้เขามีโอกาสในชีวิต ช่วยให้เขามีทางทำมาหากิน ต้องพยายามหาต้นตอความทุกข์ยากของเขา เพราะส่วนใหญ่เขาเป็นชาวนา เขาผลิตข้าวให้แก่ประเทศทั้งประเทศ อีกทั้งข้าวก็ยังเป็นสินค้าหลักของชาติไทยเรา ข้าพเจ้าก็พยายามคิดว่าจะทำอย่างไรดี ก็ได้เห็นชาวบ้านที่มาเฝ้ารับเสด็จ โดยเฉพาะผู้หญิง ใส่ผ้าซิ่นสวยงาม แม้จะดูเก่าคร่ำคร่า แต่ฝีมือที่ทอ แบบที่ทอ ละเอียดงดงามมาก เป็นศิลปะที่งดงามของพื้นบ้าน ข้าพเจ้าจึงมีความคิดขึ้นมาว่า ทำไม ทำไมเราไม่ขอให้เขาทอผ้ามัดหมี่ลายต่างๆ ที่เขาใส่ ทำไมไม่ใช้ความงดงามของผ้ามัดหมี่ที่ชาวบ้านใส่มานั่งเฝ้าฯ อยู่กับพื้นให้เป็นประโยชน์ ข้าพเจ้าบอกเขาว่า ผ้าที่ใส่อยู่นี่สวยมาก ทอให้พระราชินีได้ไหม ชาวบ้านบอกว่า พระราชินีจะเอาไปทำอะไรเพราะผ้าแบบนี้ที่คนจะนุ่งจะห่มก็มีแต่คนยากจนเท่านั้น คนใช้ที่กรุงเทพฯ นั่นแหละเขาใส่กัน พระราชินีจะใส่ไปทำไม ข้าพเจ้าตอบไปว่า ถ้าทอให้พระราชินีจะใส่ตลอด เขาได้ตกลงมีการเข้าชื่อกันว่า ใครบ้างจะรับอาสาทอผ้าไหมมัดหมี่ถวาย แบบที่เขาใส่กันลายแปลกๆ ข้าพเจ้าได้ให้เงินล่วงหน้าไว้กับคนที่จะทอให้กับข้าพเจ้าทุกคน สังเกตเห็นว่า แววตาเขาทั้งหลายมีความหวังว่าเขามีงานทำ เป็นงานที่เขาคุ้นเคยและถนัด บางคนก็ทอผ้าฝ้ายใช้แต่ทอผ้าไหมสำหรับใส่ไปทำบุญที่วัด ต่อมาเขาทอให้ข้าพเจ้าเสมอข้าพเจ้าก็นำมาตัดเสื้อใส่ จากนั้นมีผู้อาสาทอผ้ามากขึ้นจึงได้โอกาสตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพขึ้น และชาวบ้านก็เริ่มทอผ้าส่งเข้ามามากมาย ที่ไหนที่มีความยากจนข้นแค้นข้าพเจ้ามักสังเกตว่า เขาใส่เสื้อผ้าที่ดีที่สุดเพื่อมาเฝ้าฯ ตอนนั้นข้าพเจ้าอายุยังน้อย ความเข้าใจต่อชีวิตประชาชนคนไทยก็ยังน้อย ทราบว่าเขายากจนแต่ไม่ทราบว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไรดี เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จะอยู่กับหัวหน้าครอบครัว ให้เขานำเสด็จไปที่ที่ทำกินของเขา เสด็จไปทอดพระเนตรดูปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ และทรงมอบหมายหน้าที่แก่ข้าพเจ้าว่า ให้อยู่กับกลุ่มราษฎรจำนวนมากที่มารอรับเสด็จอยู่เป็นหมื่น บางแห่งก็เป็นแสน โดยที่เขาจะเดินมาหลายวันเพื่อมาเฝ้าฯ และมีค้างแรมระหว่างทาง ก็ในโอกาสครั้งนั้นเองที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้จักคนไทยมากขึ้น ว่าถึงแม้ราษฎรจะจนอย่างไรก็ตามแต่ราษฎรมีจิตใจโอบอ้อมอารี ห่วงใยต่อเพื่อนบ้าน ห่วงใยต่อพระบวรพุทธศาสนา ทั้งๆ ที่เขาเองเป็นคนจนแต่ในละแวกที่เขาอยู่มักจะมีวัด ชาวบ้านก็จะแบ่งหน้าที่กันดูแลวัด ดูแลพระภิกษุสงฆ์ ข้าพเจ้าเริ่มรู้จักคนไทยของเราแล้วว่าเป็นคนอย่างไร ความละโมบโลภมากเห็นแก่ตัว เค็มปี๋ รู้มาก ฉลาดแกมโกง จะไม่มีเลยในหมู่ชาวบ้าน เขาจะมีสัจจะวาจา รักษาสัจจะวาจา สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และข้าพเจ้าได้เรียนรู้ ก็คือ ความรักของเขาที่มีต่อพระมหากษัตริย์ เขาจะเดินมาเป็นวันๆ ค้างแรมมาหลายคืนเพราะอยากมาเห็นหน้า อยากมาเฝ้า พระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และข้าพเจ้าใส่ติดตัวอยู่ก็จะมาจากราษฎรนี่เอง ราษฎรจะถอดจากตัวถวายเพื่อจะได้คุ้มครองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และข้าพเจ้า ความโลภเค็มปี๋จะไม่มีในจิตใจประชาชนเลย จะมีแต่ความใสสะอาด บริสุทธิ์ ตั้งแต่นั้นมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงถือเป็นพระราชกิจสำคัญยิ่งที่สุดที่จะเสด็จออกไปเยี่ยมราษฎรในท้องถิ่นห่างไกล และกันดาร และทรงปลาบปลื้มพระทัยว่า ได้สามารถทรงช่วยรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในการที่เสด็จออกไปพบปะราษฎรได้ทราบทุกข์สุขของเขา และทรงมาแจ้งแก่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลได้ทราบ นับได้ว่าเราสองคนมีบุญไม่ว่าจะไปที่ใดก็จะมีคนอาสาไปช่วยงาน เช่น มีนายแพทย์ผลัดเปลี่ยนเวรกันไปตามเสด็จ ที่ประชาชนพากันตั้งชื่อเองว่า หมอหลวง และมีมากแขนงขึ้นเรื่อยๆ ในขบวน ภายหลังเวลาเสด็จไปที่ใดก็ไปช่วยราษฎรได้อย่างพระทัยปรารถนา มีแพทย์หลายสาขาวิชา ต่อมาจึงได้ทรงสร้างพระตำหนักต่างๆ ตามภาคต่างๆ ที่จะประทับแรม แล้วออกไปดูแลทุกข์สุขของราษฎรสะดวกขึ้น เมื่อยังเล็กๆ ข้าพเจ้าเคยเสียใจมากที่คุณแม่ไม่มีเสื้อผ้าสวยๆ ให้ใส่เลย เสื้อผ้าที่ใส่เล่นในบ้านก็รับช่วงจากพี่ชาย 2 คน และได้เห็นแม่นั่งเย็บจักร เย็บชุดนักเรียนให้แก่ข้าพเจ้าและน้องสาว ได้เห็นพ่อของข้าพเจ้าไปไหนๆ ก็ขึ้นแต่รถราง ข้าพเจ้าบ่นกับพี่น้องว่า แหมเบื่อจังเห็นพ่อต้องวิ่งขึ้นรถราง ท่านพ่อจะสอนมาตลอดว่า ลูกความยากจนไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าละอาย ความชั่วช้าคดโกงนั่นแหละเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ น่าละอายอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าเองก็เดินจากบ้านที่เทเวศร์ซึ่งไกลมากไปโรงเรียนเซนต์ฟรังซิสเซเวียร์ นานๆ จึงจะได้ขึ้นรถรางเมื่อฝนตก ตอนนี้ข้าพเจ้าอธิษฐานเสมอเวลาทำบุญ และแม้แต่เวลานั่งรถผ่านพระปฐมเจดีย์ ว่า เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้ได้เกิดกับพ่อแม่เช่นนี้ พ่อแม่ที่สอนลูกให้ห่างไกลจากความรู้มากแล้วก็เค็มปี๋ ความจริงพ่อแม่มีห้องแถวที่เสด็จปู่กับท่านย่าให้เป็นมรดกที่จะเก็บเงินค่าเช่าเป็นสำหรับเงินเลี้ยงชีวิต ตั้งแต่สมัยสงครามโลก พ่อข้าพเจ้าเคยคิดจะขึ้นค่าเช่า เพราะเห็นลูกแต่งตัวปอน ซอมซ่อเต็มแก่ แต่คนเช่าห้องแถวเขาก็มาหาและขอร้องว่า อย่าขึ้นค่าเช่าเลย และทุกครั้งท่านพ่อออกไปพูดกับเขา และก็กลับต้องตกลงว่าจะไม่ขึ้นค่าเช่า ท่านพ่อก็มาพูดต่อหน้าลูกๆ ว่า ช่วยกันเถอะนะ ขณะนี้เป็นสงครามโลก แบ่งกันกินเถอะ ให้เขากินบ้าง เรากินบ้าง ในยามสงครามและลำบากเช่นนี้
หลังกลับจากโรงเรียน ครอบครัวของพวกเราก็จะช่วยกันปลูกดอกไม้ พวกลูกๆ จะเก็บดอกไม้ให้คนไปขายหน้าบ้าน เสื้อผ้าของลูกๆ แม่ก็จะเป็นคนตัดเย็บให้ วันสำคัญ เช่น วันของพระบรมราชวงศ์จักรีวงศ์ เช่น วันจักรี หรือวันปิยมหาราช พ่อกับแม่ก็จะเชิญพระบรมรูปมาตั้ง จัดโต๊ะบูชา เก็บดอกไม้ที่ปลูกที่บ้านมาบูชา และรวบรวมลูกหลานให้มาหมอบกราบ รำลึกถึงพระมหากรุณา แม้บ้านที่อยู่ที่เทเวศร์ ก็ได้รับพระราชทานมาทั้งนั้น เพราะฉะนั้นพ่อก็บอกว่า เราก็ตั้งจิตอธิษฐานกันว่า เกิดชาติหน้าฉันท์ใด ขอให้ได้เกิดเป็นคนไทย เกิดในพระบวรพุทธศาสนา และพ่อข้าพเจ้ามักจะชี้ให้ดูวัดวาอาราม และโบสถ์ของหลายศาสนาที่อยู่ร่วมกันโดยสันติ ท่านพ่อไม่เคยสอนให้มีความเกลียดชังในจิตใจของเด็กเลย จะสอนให้นึกถึงคำของพระพุทธองค์ที่ทรงสอนให้มีเมตตาจิตต่อทุกๆ คน เมื่อข้าพเจ้าโตขึ้นมา พ่อก็จะชี้ว่า ให้ดูสิ ดูเมืองไทยเราสิ ดูกรุงเทพฯ นี่สิ วัดพุทธ สุเหร่าอิสลาม โบสถ์คริสต์ อยู่ด้วยกันได้อย่างสันติ ไม่มีการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทยเรา แต่ใครจะนับถือศาสนาใดก็ได้ เพราะพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภกของทุกศาสนา
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปเปิดงานศิลป์แผ่นดิน ครั้งล่าสุด ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม เห็นแล้วบังเกิดความสุข ความปีติโสมนัสอย่างยิ่ง ว่านี่คือคนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และข้าพเจ้า เอาใจใส่ และเอามาจากครอบครัวชาวนาที่ยากจน บัดนี้กลายมาเป็นครอบครัวชาวนาที่มีความสามารถสงสุดในทางด้านศิลปะ และที่มาตอบแทนพระคุณแผ่นดินได้ ท่านทั้งหลายคงเห็นกับตาแล้วว่า งานฝีมือชั้นเลิศทั้งหลายเป็นฝีมือของลูกหลานชาวนาทั้งนั้น วันนั้นเป็นวันที่ข้าพเจ้าปลื้มปีติเหลือเกิน ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีและคุณหญิงก็กรุณาไปด้วยในวันนั้น ก็คงเห็นข้าพเจ้าตื่นเต้น ยิ้มแก้มแทบปริ มีความสุขเหลือเกิน และข้าพเจ้าต้องขอบอกว่า มีความรู้สึกซาบซึ้ง และขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรีที่เมตตา คอยช่วยเหลือค้ำจุนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพตลอดมา
ข้าพเจ้าปลาบปลื้มเหลือเกินที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง รวมทั้งเหล่าศิลปาชีพทั้งหลาย ที่ได้สามารถตอบแทนพระคุณของแผ่นดินได้ ฝีมือของศิลปาชีพครั้งหลังที่ข้าพเจ้าได้ชมนี้ เป็นหนึ่งในโลกจริงๆ ที่ข้าพเจ้าได้ดูตลอดมาในโลก สมควรที่คนไทยจะภาคภูมิใจ อย่างที่พระภาวนาวิสุทธิเถร หรือท่านอาจารย์แบน แห่งวัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร เมื่อข้าพเจ้าได้พาทั้งคณะไปกราบท่านที่วัดดอยธรรมเจดีย์ ท่านก็จะเทศน์ให้พวกเราฟังหลายบท ในที่สุดก่อนที่ท่านจะจบ ท่านก็ย้ำเพื่อให้พวกเราทุกคนคิดระลึกถึงพระคุณของแผ่นดินเกิด คนเราถ้าสำนึกถึงพระคุณของแผ่นดินเกิด ความคิดที่จะทำชั่วช้าก็คงหมดไป
ท้ายที่สุดนี้ ข้าพเจ้าขอขอบคุณทุกท่านที่ตั้งใจฟังข้าพเจ้าเล่าเรื่องต่างๆ มาด้วยความอดทน ขอขอบพระคุณประชาชนทั่วประเทศอีกครั้งที่บำเพ็ญประโยชน์และความดีนานาประการ เพื่อเป็นการกุศลของข้าพเจ้า ในโอกาสที่มีอายุครบ 72 ปี การที่ท่านทั้งหลายตั้งใจทำความดี ไม่ว่าจะในโอกาสใดก็ตาม หากเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติแล้ว ก็นับว่าท่านทั้งหลายได้ทดแทนพระคุณแผ่นดิน ช่วยให้บ้านเมืองของเรานี้อยู่มั่นคงสถาพร เพราะผู้คนพลเมืองเต็มไปด้วยผู้มีน้ำใจงาม ข้าพเจ้าเองก็บังเกิดความสุขใจ และมีกำลังใจที่จะรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อทำงานให้แก่ประเทศชาติและประชาชนต่อไป ขอให้กุศลจากการที่ท่านทั้งหลายประพฤติปฏิบัติชอบเพื่อบ้านเมือง จงส่งให้ทุกท่านมีความสุข ความเจริญ สุขภาพแข็งแรง มีกำลังกาย กำลังใจ สมบูรณ์พร้อม มีสติปัญญาเฉียบแหลม ที่จะคิดแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่ว่าปัญหาส่วนตัว หรือปัญหาของบ้านเมือง ให้ลุล่วงไปด้วยดี ขอให้มีความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อช่วยให้ประเทศของเรามีความรุ่งเรืองไพบูลย์ยิ่งๆ ขึ้นตลอดไป ขอบพระคุณมาก
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2547 สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระบรมวงศานุวงศ์ พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ 596 คณะ 18,712 คน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2547
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลในนามผู้เข้าเฝ้าฯ ความว่า
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม เมื่อ 72 ปีที่ล่วงมา ณ พุทธศักราช 2475 เพียงไม่ถึง 2 เดือน นับแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง กุมารีผู้หนึ่งได้ถือกำเนิดมาในราชกุลสูงศักดิ์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ซึ่งพระบิดาทรงสืบเชื้อสายมาแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระมารดาสืบเชื้อสายมาแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 กุมารีผู้นั้นได้รับการเลี้ยงดู การศึกษา และเติบโตเป็นดรุณีอย่างสามัญชน ได้ผ่านเหตุการณ์ทุกข์สุข และความยากลำบากจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และภัยสงคราม ดังเช่นที่ชาวไทยทั่วไปในขณะนั้นประสบ 17 ปีเศษผ่านพ้นไป ดรุณีผู้นั้นได้เจริญวัยกระทั่งเข้าสู่พระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เป็นสมเด็จพระบรมราชินีพระองค์แรกที่สถาปนาขึ้นในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ซึ่งบัดนี้ คือใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทฯ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ และต่อมาได้พระราชทานพระราชโอรส และพระราชธิดา รวม 4 พระองค์ รับพระราชภาระเจริญรอยพระยุคลบาทเป็นพระมิ่งขวัญของชนชาวไทยสืบมา
ตลอดระยะเวลา 54 ปี แห่งการดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมราชินี และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทฯ ได้ทรงรับพระราชภาระในการเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาด้วยความเรียบร้อย และยังได้ทรงปฏิบัติพระราชกิจต่างพระเนตร พระกรรณ อีกทั้งทรงบันดาลให้เกิดโครงการใหญ่น้อย ยังประโยชน์แก่อาณาประชาราษฎร์เหลือคณานับ ท่ามกลางมหาสมาคมเช่นนี้ นายกรัฐมนตรีของไทยคนแล้วคนเล่าในอดีต เป็นเวลากว่า 30 ปี ตราบจนถึงข้าพระพุทธเจ้า ได้ผลัดเปลี่ยนเวียนกันมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทฯ และกราบบังคมทูลฯ ถวายพระพรชัยมงคล ในนามของพสกนิกรชาวไทยต่อเนื่องกันทุกปี พระราชกรณียกิจ และพระมหากรุณาธิคุณ ที่ต่างหยิบยกขึ้นพรรณนาในแต่ละปี แม้จะหลากหลาย แต่ล้วนแสดงให้เห็นถึงพระราชปณิธานตามเป้าหมายเดียวกัน คือ ประโยชน์สุขแห่งประชาชนชาวสยาม ประโยชน์สุขนี้ได้แก่การที่ราษฎรมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีคุณธรรมประจำใจ คุณภาพชีวิตดังกล่าวย่อมเกิดจากการที่ประชาชนมีการศึกษา มีอาชีพการงาน มีรายได้เลี้ยงตนและครอบครัวตามสมควร มีความปลอดภัยและมั่นคง มีสุขภาพพลานามัยดี และอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี
พระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต เห็นได้จากการที่ทรงอุปถัมภ์การศึกษาของเยาวชนและผู้ใหญ่ ทั้งในและนอกระบบโรงเรียน แม้แต่ผู้ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ก็ทรงเห็นความสำคัญ ได้พระราชทานพระราชดำริเมื่อ พ.ศ.2543 ให้รวมตัวกันจัดตั้งเป็นธนาคารสมอง เพื่อเป็นอาสาสมัครเสริมภูมิปัญญาแก่ชนในชาติ ในฐานะผู้มีประสบการณ์ที่นับว่าโดดเด่นยิ่ง คือ ได้ทรงนำราษฎรชาย-หญิงที่มือเคยหยาบกร้าน จับจอบ จับเสียม มาฝึกหัดงานศิลปะ จนเป็นดุจศิลปินฝีมือเอกในราชสำนัก ที่สามารถรังสรรค์งานฝีมือได้อย่างปราณีต บรรจง คืองานศิลปาชีพอันวิจิตรพิสดาร มีการทอผ้า เย็บปักถักร้อย สานเสื่อ ทำกระเป๋า งานจิตรกรรม ประติมากรรม เครื่องทอง เครื่องถม คร่ำ และแกะสลัก เป็นอาทิ ซึ่งเมื่อนำผลงานบางส่วนออกแสดงที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ในงานศิลป์แผ่นดินเมื่อเดือนที่แล้ว เช่น บุษบกมาลา เรือสำเภาทองคำ สัปคับ พระคชาธาร เป็นต้น ยังความตื่นตาตื่นใจมาสู่นับแสนที่มีโอกาสชม รวมทั้งชาวต่างประเทศ และเลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งมาร่วมประชุมนานาชาติเกี่ยวกับโรคเอดส์ ทุกคนต่างแซ่ซ้องสรรเสริญพระเกียรติคุณว่า ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทไม่เพียงแต่พระราชทานอนาคตอันสดใจแก่เกษตรกรและราษฎรในชนบทเท่านั้น ยังทรงชุบชูศิลปวัฒนธรรมล้ำค่าของชาติที่เคยรุ่งเรืองมาแต่อดีตให้กลับรุ่งโรจน์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง วันนี้ผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพได้วางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลายแห่ง และได้ประดับประดาอยู่ในพระราชวังของพระมหากษัตริย์หลายประเทศ
ในด้านการเพิ่มรายได้อื่นๆ แก่ราษฎร ทรงส่งเสริมการปลูกพืชผักผลไม้ และไม้ดอกในภูมิประเทศที่เหมาะสม และการเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่อันควร เช่น พระราชทานพันธุ์หมูแก่ชาวสะเมิง จ.เชียงใหม่ พันธุ์เป็ด ไก่ และห่าน แก่เกษตรกร จ.ปัตตานี ในด้านสิ่งแวดล้อม ทรงเอาพระราชหฤทัยใส่นับแต่การที่เกษตรกรใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์และสารเคมีมากเกินไปในไร่นา การทำลายแหล่งน้ำ การทำลายป่าชายเลน การทิ้งขยะในแม่น้ำ ลำธาร ทะเล หรือตามชายหาด การทำลายแหล่งปะการัง การทำลายแหล่งประมง การตัดต้นไม้ทำลายป่า จนถึงการระเบิดภูเขา ซึ่งทำลายระบบนิเวศ
ในด้านสุขอนามัย ทรงสนพระราชหฤทัยการบริบาลทารก โภชนาการของเด็ก การระวังรักษาแพร่ระบาดของโรคติดต่อ การดูแลรักษาผู้ป่วยที่สูงอายุ หรือยากไร้ อันเป็นที่มาของโครงการผ่าตัดแก้วตาดวงใจ ที่คู่สมรสของคณะรัฐมนตรีจัดขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล หรือแม้แต่การชี้ให้เห็นภัยของสารพิษและยาเสพติดที่เคยระบาดอยู่ในสังคมในสมัยหนึ่ง สมควรกล่าวด้วยว่า พระมหากรุณาธิคุณด้านสุขภาพอนามัยนี้แผ่ไพศาลไปถึงผู้ประสบภัยจากต่างประเทศที่หนีร้อนมาพึ่งเย็นตามแนวชายแดน ดั่งที่เคยมีพระราชดำรัสว่า เมื่ออยู่ท่ามกลางคนไทยเราย่อมมั่นใจได้ว่าจะไม่มีใครล้มลงอยู่กลางถนนโดยไร้คนช่วยเหลืออย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงไม่แปลกใจเลยที่เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงของไทยจะพากันบากหน้ามาหาไทยเสมือในยามเจ็บไข้ได้ป่วย ดังนั้นสถาบันระหว่างประเทศ และสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลกหลายแห่งจึงได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเหรียญรางวัล และปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์หลายสาขา และถวายราชสดุดีนานาประการ ในฐานะที่ทรงให้โดยไม่เลือกปฏิบัติ และทรงเป็นผู้นำด้านการส่งเสริมมนุษยธรรม ยังความปลื้มปีติ และความภาคภูมิใจแก่ปวงข้าพระพุทธเจ้ายิ่งนัก
นอกเหนือจากการพัฒนาคุณภาพชีวิตอันเป็นเรื่องทางวัตถุและกายภาพแล้ว ยังทรงแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์อีกด้วยว่า ประเทศชาติจะเป็นสุข และชุมชนที่เข้มแข็ง จะบังเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ก็ด้วยการที่ประชาชนมีคุณธรรมประจำใจอีกสถานหนึ่ง ดังที่เคยรับสั่งว่าข้าพเจ้าอยากให้คนไทยทุกคนยึดมั่นในศาสนา เคารพกฎหมาย รักใคร่สามัคคี ไม่ถือเขาถือเรา และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ในการนี้ได้ทรงเรียกความภาคภูมิใจของไทยในอดีตให้กลับคืนมาสู่ชาติไทยในปัจจุบันอย่างมีเกียรติภูมิ นับแต่ทรงส่งเสริมการใช้ผ้าไทย ทรงปรับปรุงเครื่องแต่งกายของสตรีไทย ทรงแสดงให้โลกประจักษ์ถึงคุณค่าแห่งรอยยิ้มของคนไทย และความงามอย่างไทย ทรงรักษาศิลปวัฒนธรรมไทย ทรงเน้นการยึดมั่นในศาสนา การแผ่เมตตา และการให้ ไม่ว่าจะเป็นการให้อภัย ให้วัตถุ หรือทาน หรือแม้แต่ให้เวลาเพื่อสดับตรับฟังความทุกข์ของผู้อื่น ในส่วนของความรักชาติ ได้ทรงปลูกฝังไว้ในจิตใจของพสกนิกรอย่างแนบเนียน โดยอาศัยสื่อ เพลง ละคร นวนิยาย พระราชดำรัสอันไพเราะ และถ่อมพระองค์ ทรงยกย่องผู้ปิดทองหลังพระ ทรงเน้นการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา และขนบประเพณี ดังที่ทรงได้แสดงให้เห็นเป็นแบบอย่าง ด้วยความเป็นกลางในพระราชหฤทัย และเปี่ยมด้วยความมีพระเมตตา
ด้วยเหตุฉะนี้ จึงทรงเป็นที่รัก และเคารพของราษฎรทั่วไป ดุจแม่ของแผ่นดิน 72 ปี แห่งพระชนมพรรษาที่ผ่านพ้นมาถึงบัดนี้ เป็นกาลเวลาที่ไม่ได้ทรงพระสำราญในปราสาทราชวัง ดังพระราชินีในเทพนิยาย ที่นักประพันธ์มักลงท้ายตอนจบว่า แล้วเจ้าชายเจ้าหญิง ก็ได้ครองชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป ทั้งนี้เพราะในเวลาที่ผ่านมา ประเทศชาติยังมีปัญหาอีกมาก เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับเป็นพระราชธุระ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข และบำรุงขวัญ อาณาประชาราษฎร์ ด้วยความเสียสละ และใช้พระปรีชาสามารถทุกทางในการช่วยเหลือราษฎรของพระองค์ เป็นธรรมดาอยู่เอง ที่สมเด็จพระบรมราชินี คู่พระราชหฤทัย ไม่อาจทรงนิ่งเฉยได้ แม้บางครั้งจะทรงพระประชวร ทรงประสบสิ่งอันไม่สมพระราชประสงค์ หรือมีผู้เข้าใจพระราชดำริผิด ก็ยังทรงบำเพ็ญประโยชน์ด้วยความเสียสละ อดทน และเข้มแข็ง ยิ่งทรงเจริญพระชนมพรรษาสูงขึ้น ก็ยิ่งทรงทุ่มเทหนักขึ้น ดังที่รับสั่งว่า อายุมากขึ้น เหลือเวลาทำงานให้แผ่นดินน้อยลง จึงต้องทำงานให้หนัก และรีบเร่งกว่าเดิม พระราชกรณียกิจ เคียงคู่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเช่นนี้ ทำให้ปวงข้าพระพุทธเจ้าเข้าใจได้ซาบซึ้งว่า เหตุใดแม้แต่สตรีในบรรพกาล เช่น สมเด็จพระสุริโยทัย จึงยังต้องทรงเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง
ณ วันนี้ เมื่อปีที่แล้ว ข้าพุทธเจ้าได้มีโอกาสสำแดงความชื่นชมยินดีในนามของพสกนิกรชาวไทย ท่ามกลางมหาสมาคมแห่งนี้ว่าประชาชนต่างรอคอยที่จะร่วมเฉลิมฉลองวโรกาสสำคัญที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจะทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ บัดนี้วาระนั้นมาถึงแล้ว รัฐบาลได้ประกาศให้ปีนี้เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลอง ซึ่งมีการจัดกิจกรรมบำเพ็ญกุศลและสาธารณประโยชน์ที่หลากหลาย เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย ทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด กิจกรรมทุกอย่างสะท้อนถึงพระราชกรณียกิจและพระราชปณิธานที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวไทยและปลูกฝังคุณธรรมประจำใจ
เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ และมีมติให้จัดตั้งสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเพื่อเฉลิมพระเกียรติ อย่างเป็นระบบครบวงจร ตั้งแต่การปลูกหม่อน การเลี้ยงไหม การทำเส้นไหม การย้อมและการทอเป็นผืนผ้า ตลอดจนการตลาดและสิทธิบัตร เพื่อรักษาไหมไทยที่เคยเลื่องลือให้คงอยู่ต่อไป ดังที่รัฐบาลได้ดำเนินการจดทะเบียนสิทธิบัตรลายผ้าไทยตามพระราชดำริมาแล้ว รัฐบาลมีความปีติยินดียิ่งนัก ที่คณะกรรมาธิการหม่อนไหมระหว่างประเทศ ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัลหลุยส์ ปาสเตอร์ เมื่อ 2 ปีก่อน อันเป็นการยืนยันถึงพระปรีชาสามารถ และความสนพระราชหฤทัยในด้านการพัฒนาและพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อวงการหม่อนไหมของโลก ในอนาคตรัฐบาลยังจะได้จัดหาที่แสดงผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพเป็นการถาวร เพื่อเฉลิมพระเกียรติอีกด้วย
ในวาระแห่งการเฉลิมฉลองเช่นนี้ ธงสีฟ้าตราสัญลักษณ์งานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ได้โบกพริ้วปลิวไสวอยู่ทั่วไปในพระราชอาณาจักร ปวงข้าพระพุทธเจ้ายังจำภาพสตรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดในประเทศไทย และพระชนมพรรษาสูงที่ประทับพับเพียบอยู่กับเสื่อในกระท่อม หรือศาลาเล็กๆ ทรงเพ่งพินิจผ่านฉลองพระเนตรไปยังลายผ้าที่หญิงชาวบ้านคนแล้วคนเล่าทยอยกันนำเข้ามาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายอย่างสนพระราชหฤทัย แม้อาทิตย์จะอัสดงไปนานแล้ว แม้รัตติกาลจะครอบคลุมไปทั่วจนมีเสียงจักจั่นเรไรร้อง และเจ้าหน้าที่ต้องจุดตะเกียงหรือส่องไฟถวาย แม้ฝนจะตกพรำๆ แม้ค่ำมืดแล้วจะยังไม่ได้เสวย และแม้เจ้าหน้าที่จะมากราบบังคมทูลว่าการเดินทางกลับที่ประทับจะลำบากและอันตราย แต่ภาพเช่นนี้ ราษฎรในชนบทได้เห็นอยู่เป็นนิจทั้งปี จะผันแปรก็ตามแต่ภูมิภาคของประเทศ ซึ่งงานฝีมือที่ราษฎรนำมาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ก็พลอยเปลี่ยนตามแต่ละท้องถิ่นไปด้วย เช่น เป็นผ้าชาวเขา และเครื่องเงินในภาคเหนือ ผ้าฝ้ายในภาคกลาง ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าไหมแพรวา ผ้าไหมขิด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ้าปัก เสื่อกระจูดลายต่างๆ และผลิตภัณฑ์ย่านลิเพาในภาคใต้ ไม่น่าเชื่อว่า ด้วยพระราชดำรัสเมื่อหลายปีก่อนเพียงว่า "ผ้าสวย ช่วยทำให้ใหม่ได้ไหม ทำไว้ 2 ผืน เก็บไว้ใช้เอง 1 ผืน เอามาขายฉัน 1 ผืน" เพียงแค่นี้ก็เป็นดุจหยาดน้ำทิพย์ที่ชโลมจิตใจ สร้างพลัง และยังความปลื้มปีติมาสู่พสกนิกรอย่างล้นเหลือ บัดนั้น คุณภาพชีวิตและคุณธรรมประจำใจ อันเป็นประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ก็ได้พัฒนามาอย่างมั่นคง และยืนยงจนถึงบัดนี้
ในวโรกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ที่เวียนมาในครานี้ ข้าพระพุทธเจ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในนามของประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ขอร่วมกันแสดงความปลื้มปีติ และความจงรักภักดี ด้วยการถวายสัตย์ปฏิญาณโดยพร้อมเพรียงว่า จะสนองงานตามพระราชปณิธานให้บังเกิดผล อีกทั้งขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล ขออัญเชิญคุณแห่งพระรัตนตรัย พระบุญญาธิการแห่งสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าในอดีต และพระราชคุณธรรม สัมมาปฏิบัติ มาเป็นประธาน แล้วเชิญชวนราษฎรร่วมกันตั้งสัตยาธิษฐาน ขอพระราชกฤดาภินิหาร แห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเหล่านี้ จงอภิบาลรักษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงพระเกษมสำราญ เจริญพระชนมสุขทุกประการด้วยจตุรพิธพรชัย สถิตย์คู่พระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ดุจประทีปคู่เทียนทอง ส่องสว่างนำทางข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวง ไปสู่ความสมบูรณ์พูนสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีคุณธรรมประจำใจ สมดังพระราชปณิธาน ตราบกาลนิรันดร์เทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ภายหลัง จาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลในนามผู้เข้าเฝ้าฯ แล้ว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชเสาวนีย์ตอบ ความว่า
“ข้าพเจ้าขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้แทนของประชาชนชาวไทย กล่าวอวยชัยให้พรแก่ข้าพเจ้า เป็นพรที่เพราะ และเป็นที่ซาบซึ้งสำหรับข้าพเจ้ามาก ข้าพเจ้ามีอายุครบ 6 รอบ ด้วยถ้อยคำที่ไพเราะและเป็นกำลังใจอย่างยิ่ง ขอขอบพระคุณผู้ที่เดินทางมาร่วมชุมนุมอยู่ ณ ที่นี้ ทั้งภายในและภายนอกศาลาดุสิดาลัย จำนวนประมาณ 20,000 คน ประกอบด้วยข้าราชการ ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ลูกเสือ ชาวบ้าน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน ผู้แทนจากมูลนิธิ สภา สมาคม สถาบัน และกลุ่มองค์กรทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งพร้อมใจกันมาให้พรข้าพเจ้าอย่างเนืองแน่นในวันนี้ และที่จะลืมขอบคุณเสียมิได้เลย ก็คือรัฐบาล และประชาชนทุกคณะ ทุกคน ที่ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม เพื่อเป็นการกุศล และเป็นเกียรติแก่ข้าพเจ้า นับพันรายการ แต่ละกลุ่ม แต่ละองค์กร ช่วยคิดหากิจกรรม ที่เป็นสาธารณกุศล และสาธารณประโยชน์อย่างน่าสรรเสริญ ยกตัวอย่างเช่น การอุปสมบทพระภิกษุ และบรรพชาสามเณร มีตั้งแต่กลุ่มย่อยไม่ถึง 10 รูป ไปจนถึงกลุ่มใหญ่หลายพันรูป รวมแล้วจะมีพระภิกษุและสามเณร จากการกุศลครั้งนี้หลายหมื่นรูป มีการสร้างพระพุทธรูป สร้างเจดีย์ สร้างอาคาร และถาวรวัตถุทางศาสนา บูรณปฏิสังขรณ์วัด จัดโครงการปฏิบัติธรรม มีการสร้างอาคารสถานที่ และสิ่งก่อสร้างที่จะอำนวยประโยชน์แก่ประชาชน มีโครงการช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยและทุกข์ยากเป็นจำนวนมาก เช่น โครงการผ่าตัดรักษาดวงตาและหัวใจ โครงการตรวจรักษาประชาชนโดยไม่คิดมูลค่า โครงการเพื่อสุขภาพ เช่น โครงการอาหารปลอดภัย โครงการออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆ โครงการงดสุรา และบุหรี่ การบริจาคโลหิต การบริจาคอาหาร และสิ่งของเป็นทานแก่คนยากคนจน การไถ่ชีวิตโค กระบือ การปรับปรุงสาธารณสถาน การกำจัดขยะ การอนุรักษ์ชายฝั่งทะเล การปลูกต้นไม้ การสร้างสวนสาธารณะ การจัดทำสิ่งของต่างๆ เพื่อเป็นที่ระลึก และเป็นเกียรติแก่ข้าพเจ้า เช่นจัดพิมพ์หนังสือ พิมพ์ธนบัตร สแตมป์ ไปรษณียบัตร จัดทำเหรียญกษาปณ์ จัดนิทรรศการ จัดแสดงดนตรี การเดินและวิ่งการกุศล และการจัดการแสดงสารคดีพิเศษทางโทรทัศน์ การจัดสัมมนา ปาฐกถาทางวิชาการ การแสดงที่สถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ จัดขึ้น รวมทั้งการจัดงานอื่นๆ อีกนับร้อยงาน ตลอดจนการอวยพรผ่านทางสื่อมวลชนทุกแขนง ซึ่งข้าพเจ้าไม่สามารถจะนำมากล่าวให้หมดได้ในที่นี้ แต่ก็ได้รับทราบด้วยความปีติและชื่นชม โครงการเพื่อการกุศล โครงการเดิมที่ข้าพเจ้าเคยกล่าวถึงไปแล้วเมื่อปีก่อนๆ คือโครงการที่สภาสังคมสงเคราะห์จัดอาหารกลางวันให้คนยากคนจนในกรุงเทพฯ ชื่อ โครงการน้ำพระทัยพระราชทาน ขณะนี้ก็ยังดำเนินการสืบมาอย่างต่อเนื่อง เป็นที่น่าปลื้มใจ โครงการนี้ข้าพเจ้าได้แนวคิดมาจากตั้งแต่สมัยพุทธกาล มีการตั้งโรงทานเลี้ยงคนจน และคนที่มาหางานทำในกรุงเทพฯ ก็มีมาก หากยังไม่มีงานทำ และไม่มีอะไรจะรับประทาน อย่างน้อยเขาก็มีอาหารกลางวันรับประทาน 1 มื้อ ก็ยังพอดำรงชีพอยู่ได้
นอกจากโครงการสาธารณกุศล และสาธารณประโยชน์ที่กล่าวมาแล้ว ก็ยังมีผู้ที่ส่งเงินมาร่วมทำบุญกับข้าพเจ้า ส่งจดหมาย บทร้อยกรองอวยพร และรูปของข้าพเจ้า ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ประกอบคำอวยพรที่ไพเราะมาให้ ข้าพเจ้าได้รับแล้ว ด้วยความซาบซึ้งและประทับใจในน้ำใจไมตรี และความปรารถนาดีของทุกๆ คนที่มีให้ข้าพเจ้าเป็นระยะเวลายาวนาน สิ่งที่ประชาชนทั้งหลายพร้อมใจกันปฏิบัติเนื่องในโอกาสที่ข้าพเจ้ามีอายุครบ 6 รอบนี้ ล้วนแต่เป็นความดีงาม และเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและสังคม สะท้อนถึงความมีน้ำใจของคนไทย การรู้จักการให้ ความเสียสละ ความสามัคคีของชนชาติไทย ซึ่งเป็นคุณธรรมอันสำคัญที่จะช่วยให้บ้านเมืองของเราอยู่รอด และคนในชาติมีความสุข
ข้าพเจ้าได้เป็นพระราชินีตั้งแต่อายุ 17 ปีเศษ จนบัดนี้อายุ 72 ปีแล้ว วันเวลาผ่านไปถึง 54 ปี ที่ข้าพเจ้าได้ถวายรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้ออกไปช่วยเหลือประชาชน แต่ข้าพเจ้าไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่าย ข้าพเจ้ามีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ท่ามกลางประชาชน เพราะข้าพเจ้ารู้สึกว่าคนไทยเรานี้น่ารัก เมื่อข้าพเจ้าเห็นคนที่อายุน้อยกว่ามารอพบ ข้าพเจ้าก็เกิดความเอ็นดู ส่วนผู้ที่อายุมากกว่า ก็ให้ความเมตตาแก่ข้าพเจ้า ดังนั้นเราจึงอยู่ด้วยกันด้วยความรู้สึกที่ดีต่อกันเสมอมา และพยายามจะถ่ายทอดน้ำใจไปสู่กันและกัน
แรกทีเดียวที่จะตั้งต้นศิลปาชีพ เมื่อปลายปี พ.ศ.2513 เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่ จ.นครพนม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และข้าพเจ้าได้ไปเยี่ยมราษฎร และพระราชทานสิ่งของช่วยเหลือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รับสั่งว่า ไม่ทรงอิ่มพระทัยเลย รับสั่งว่าประชาชนเขายากจนแล้วยังมาประสบภัยพิบัติอีก ทรงรู้สึกว่าต้องช่วยให้เขามีโอกาสในชีวิต ช่วยให้เขามีทางทำมาหากิน ต้องพยายามหาต้นตอความทุกข์ยากของเขา เพราะส่วนใหญ่เขาเป็นชาวนา เขาผลิตข้าวให้แก่ประเทศทั้งประเทศ อีกทั้งข้าวก็ยังเป็นสินค้าหลักของชาติไทยเรา ข้าพเจ้าก็พยายามคิดว่าจะทำอย่างไรดี ก็ได้เห็นชาวบ้านที่มาเฝ้ารับเสด็จ โดยเฉพาะผู้หญิง ใส่ผ้าซิ่นสวยงาม แม้จะดูเก่าคร่ำคร่า แต่ฝีมือที่ทอ แบบที่ทอ ละเอียดงดงามมาก เป็นศิลปะที่งดงามของพื้นบ้าน ข้าพเจ้าจึงมีความคิดขึ้นมาว่า ทำไม ทำไมเราไม่ขอให้เขาทอผ้ามัดหมี่ลายต่างๆ ที่เขาใส่ ทำไมไม่ใช้ความงดงามของผ้ามัดหมี่ที่ชาวบ้านใส่มานั่งเฝ้าฯ อยู่กับพื้นให้เป็นประโยชน์ ข้าพเจ้าบอกเขาว่า ผ้าที่ใส่อยู่นี่สวยมาก ทอให้พระราชินีได้ไหม ชาวบ้านบอกว่า พระราชินีจะเอาไปทำอะไรเพราะผ้าแบบนี้ที่คนจะนุ่งจะห่มก็มีแต่คนยากจนเท่านั้น คนใช้ที่กรุงเทพฯ นั่นแหละเขาใส่กัน พระราชินีจะใส่ไปทำไม ข้าพเจ้าตอบไปว่า ถ้าทอให้พระราชินีจะใส่ตลอด เขาได้ตกลงมีการเข้าชื่อกันว่า ใครบ้างจะรับอาสาทอผ้าไหมมัดหมี่ถวาย แบบที่เขาใส่กันลายแปลกๆ ข้าพเจ้าได้ให้เงินล่วงหน้าไว้กับคนที่จะทอให้กับข้าพเจ้าทุกคน สังเกตเห็นว่า แววตาเขาทั้งหลายมีความหวังว่าเขามีงานทำ เป็นงานที่เขาคุ้นเคยและถนัด บางคนก็ทอผ้าฝ้ายใช้แต่ทอผ้าไหมสำหรับใส่ไปทำบุญที่วัด ต่อมาเขาทอให้ข้าพเจ้าเสมอข้าพเจ้าก็นำมาตัดเสื้อใส่ จากนั้นมีผู้อาสาทอผ้ามากขึ้นจึงได้โอกาสตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพขึ้น และชาวบ้านก็เริ่มทอผ้าส่งเข้ามามากมาย ที่ไหนที่มีความยากจนข้นแค้นข้าพเจ้ามักสังเกตว่า เขาใส่เสื้อผ้าที่ดีที่สุดเพื่อมาเฝ้าฯ ตอนนั้นข้าพเจ้าอายุยังน้อย ความเข้าใจต่อชีวิตประชาชนคนไทยก็ยังน้อย ทราบว่าเขายากจนแต่ไม่ทราบว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไรดี เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จะอยู่กับหัวหน้าครอบครัว ให้เขานำเสด็จไปที่ที่ทำกินของเขา เสด็จไปทอดพระเนตรดูปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ และทรงมอบหมายหน้าที่แก่ข้าพเจ้าว่า ให้อยู่กับกลุ่มราษฎรจำนวนมากที่มารอรับเสด็จอยู่เป็นหมื่น บางแห่งก็เป็นแสน โดยที่เขาจะเดินมาหลายวันเพื่อมาเฝ้าฯ และมีค้างแรมระหว่างทาง ก็ในโอกาสครั้งนั้นเองที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้จักคนไทยมากขึ้น ว่าถึงแม้ราษฎรจะจนอย่างไรก็ตามแต่ราษฎรมีจิตใจโอบอ้อมอารี ห่วงใยต่อเพื่อนบ้าน ห่วงใยต่อพระบวรพุทธศาสนา ทั้งๆ ที่เขาเองเป็นคนจนแต่ในละแวกที่เขาอยู่มักจะมีวัด ชาวบ้านก็จะแบ่งหน้าที่กันดูแลวัด ดูแลพระภิกษุสงฆ์ ข้าพเจ้าเริ่มรู้จักคนไทยของเราแล้วว่าเป็นคนอย่างไร ความละโมบโลภมากเห็นแก่ตัว เค็มปี๋ รู้มาก ฉลาดแกมโกง จะไม่มีเลยในหมู่ชาวบ้าน เขาจะมีสัจจะวาจา รักษาสัจจะวาจา สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และข้าพเจ้าได้เรียนรู้ ก็คือ ความรักของเขาที่มีต่อพระมหากษัตริย์ เขาจะเดินมาเป็นวันๆ ค้างแรมมาหลายคืนเพราะอยากมาเห็นหน้า อยากมาเฝ้า พระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และข้าพเจ้าใส่ติดตัวอยู่ก็จะมาจากราษฎรนี่เอง ราษฎรจะถอดจากตัวถวายเพื่อจะได้คุ้มครองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และข้าพเจ้า ความโลภเค็มปี๋จะไม่มีในจิตใจประชาชนเลย จะมีแต่ความใสสะอาด บริสุทธิ์ ตั้งแต่นั้นมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงถือเป็นพระราชกิจสำคัญยิ่งที่สุดที่จะเสด็จออกไปเยี่ยมราษฎรในท้องถิ่นห่างไกล และกันดาร และทรงปลาบปลื้มพระทัยว่า ได้สามารถทรงช่วยรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในการที่เสด็จออกไปพบปะราษฎรได้ทราบทุกข์สุขของเขา และทรงมาแจ้งแก่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลได้ทราบ นับได้ว่าเราสองคนมีบุญไม่ว่าจะไปที่ใดก็จะมีคนอาสาไปช่วยงาน เช่น มีนายแพทย์ผลัดเปลี่ยนเวรกันไปตามเสด็จ ที่ประชาชนพากันตั้งชื่อเองว่า หมอหลวง และมีมากแขนงขึ้นเรื่อยๆ ในขบวน ภายหลังเวลาเสด็จไปที่ใดก็ไปช่วยราษฎรได้อย่างพระทัยปรารถนา มีแพทย์หลายสาขาวิชา ต่อมาจึงได้ทรงสร้างพระตำหนักต่างๆ ตามภาคต่างๆ ที่จะประทับแรม แล้วออกไปดูแลทุกข์สุขของราษฎรสะดวกขึ้น เมื่อยังเล็กๆ ข้าพเจ้าเคยเสียใจมากที่คุณแม่ไม่มีเสื้อผ้าสวยๆ ให้ใส่เลย เสื้อผ้าที่ใส่เล่นในบ้านก็รับช่วงจากพี่ชาย 2 คน และได้เห็นแม่นั่งเย็บจักร เย็บชุดนักเรียนให้แก่ข้าพเจ้าและน้องสาว ได้เห็นพ่อของข้าพเจ้าไปไหนๆ ก็ขึ้นแต่รถราง ข้าพเจ้าบ่นกับพี่น้องว่า แหมเบื่อจังเห็นพ่อต้องวิ่งขึ้นรถราง ท่านพ่อจะสอนมาตลอดว่า ลูกความยากจนไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าละอาย ความชั่วช้าคดโกงนั่นแหละเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ น่าละอายอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าเองก็เดินจากบ้านที่เทเวศร์ซึ่งไกลมากไปโรงเรียนเซนต์ฟรังซิสเซเวียร์ นานๆ จึงจะได้ขึ้นรถรางเมื่อฝนตก ตอนนี้ข้าพเจ้าอธิษฐานเสมอเวลาทำบุญ และแม้แต่เวลานั่งรถผ่านพระปฐมเจดีย์ ว่า เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้ได้เกิดกับพ่อแม่เช่นนี้ พ่อแม่ที่สอนลูกให้ห่างไกลจากความรู้มากแล้วก็เค็มปี๋ ความจริงพ่อแม่มีห้องแถวที่เสด็จปู่กับท่านย่าให้เป็นมรดกที่จะเก็บเงินค่าเช่าเป็นสำหรับเงินเลี้ยงชีวิต ตั้งแต่สมัยสงครามโลก พ่อข้าพเจ้าเคยคิดจะขึ้นค่าเช่า เพราะเห็นลูกแต่งตัวปอน ซอมซ่อเต็มแก่ แต่คนเช่าห้องแถวเขาก็มาหาและขอร้องว่า อย่าขึ้นค่าเช่าเลย และทุกครั้งท่านพ่อออกไปพูดกับเขา และก็กลับต้องตกลงว่าจะไม่ขึ้นค่าเช่า ท่านพ่อก็มาพูดต่อหน้าลูกๆ ว่า ช่วยกันเถอะนะ ขณะนี้เป็นสงครามโลก แบ่งกันกินเถอะ ให้เขากินบ้าง เรากินบ้าง ในยามสงครามและลำบากเช่นนี้
หลังกลับจากโรงเรียน ครอบครัวของพวกเราก็จะช่วยกันปลูกดอกไม้ พวกลูกๆ จะเก็บดอกไม้ให้คนไปขายหน้าบ้าน เสื้อผ้าของลูกๆ แม่ก็จะเป็นคนตัดเย็บให้ วันสำคัญ เช่น วันของพระบรมราชวงศ์จักรีวงศ์ เช่น วันจักรี หรือวันปิยมหาราช พ่อกับแม่ก็จะเชิญพระบรมรูปมาตั้ง จัดโต๊ะบูชา เก็บดอกไม้ที่ปลูกที่บ้านมาบูชา และรวบรวมลูกหลานให้มาหมอบกราบ รำลึกถึงพระมหากรุณา แม้บ้านที่อยู่ที่เทเวศร์ ก็ได้รับพระราชทานมาทั้งนั้น เพราะฉะนั้นพ่อก็บอกว่า เราก็ตั้งจิตอธิษฐานกันว่า เกิดชาติหน้าฉันท์ใด ขอให้ได้เกิดเป็นคนไทย เกิดในพระบวรพุทธศาสนา และพ่อข้าพเจ้ามักจะชี้ให้ดูวัดวาอาราม และโบสถ์ของหลายศาสนาที่อยู่ร่วมกันโดยสันติ ท่านพ่อไม่เคยสอนให้มีความเกลียดชังในจิตใจของเด็กเลย จะสอนให้นึกถึงคำของพระพุทธองค์ที่ทรงสอนให้มีเมตตาจิตต่อทุกๆ คน เมื่อข้าพเจ้าโตขึ้นมา พ่อก็จะชี้ว่า ให้ดูสิ ดูเมืองไทยเราสิ ดูกรุงเทพฯ นี่สิ วัดพุทธ สุเหร่าอิสลาม โบสถ์คริสต์ อยู่ด้วยกันได้อย่างสันติ ไม่มีการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทยเรา แต่ใครจะนับถือศาสนาใดก็ได้ เพราะพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภกของทุกศาสนา
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปเปิดงานศิลป์แผ่นดิน ครั้งล่าสุด ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม เห็นแล้วบังเกิดความสุข ความปีติโสมนัสอย่างยิ่ง ว่านี่คือคนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และข้าพเจ้า เอาใจใส่ และเอามาจากครอบครัวชาวนาที่ยากจน บัดนี้กลายมาเป็นครอบครัวชาวนาที่มีความสามารถสงสุดในทางด้านศิลปะ และที่มาตอบแทนพระคุณแผ่นดินได้ ท่านทั้งหลายคงเห็นกับตาแล้วว่า งานฝีมือชั้นเลิศทั้งหลายเป็นฝีมือของลูกหลานชาวนาทั้งนั้น วันนั้นเป็นวันที่ข้าพเจ้าปลื้มปีติเหลือเกิน ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีและคุณหญิงก็กรุณาไปด้วยในวันนั้น ก็คงเห็นข้าพเจ้าตื่นเต้น ยิ้มแก้มแทบปริ มีความสุขเหลือเกิน และข้าพเจ้าต้องขอบอกว่า มีความรู้สึกซาบซึ้ง และขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรีที่เมตตา คอยช่วยเหลือค้ำจุนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพตลอดมา
ข้าพเจ้าปลาบปลื้มเหลือเกินที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง รวมทั้งเหล่าศิลปาชีพทั้งหลาย ที่ได้สามารถตอบแทนพระคุณของแผ่นดินได้ ฝีมือของศิลปาชีพครั้งหลังที่ข้าพเจ้าได้ชมนี้ เป็นหนึ่งในโลกจริงๆ ที่ข้าพเจ้าได้ดูตลอดมาในโลก สมควรที่คนไทยจะภาคภูมิใจ อย่างที่พระภาวนาวิสุทธิเถร หรือท่านอาจารย์แบน แห่งวัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร เมื่อข้าพเจ้าได้พาทั้งคณะไปกราบท่านที่วัดดอยธรรมเจดีย์ ท่านก็จะเทศน์ให้พวกเราฟังหลายบท ในที่สุดก่อนที่ท่านจะจบ ท่านก็ย้ำเพื่อให้พวกเราทุกคนคิดระลึกถึงพระคุณของแผ่นดินเกิด คนเราถ้าสำนึกถึงพระคุณของแผ่นดินเกิด ความคิดที่จะทำชั่วช้าก็คงหมดไป
ท้ายที่สุดนี้ ข้าพเจ้าขอขอบคุณทุกท่านที่ตั้งใจฟังข้าพเจ้าเล่าเรื่องต่างๆ มาด้วยความอดทน ขอขอบพระคุณประชาชนทั่วประเทศอีกครั้งที่บำเพ็ญประโยชน์และความดีนานาประการ เพื่อเป็นการกุศลของข้าพเจ้า ในโอกาสที่มีอายุครบ 72 ปี การที่ท่านทั้งหลายตั้งใจทำความดี ไม่ว่าจะในโอกาสใดก็ตาม หากเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติแล้ว ก็นับว่าท่านทั้งหลายได้ทดแทนพระคุณแผ่นดิน ช่วยให้บ้านเมืองของเรานี้อยู่มั่นคงสถาพร เพราะผู้คนพลเมืองเต็มไปด้วยผู้มีน้ำใจงาม ข้าพเจ้าเองก็บังเกิดความสุขใจ และมีกำลังใจที่จะรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อทำงานให้แก่ประเทศชาติและประชาชนต่อไป ขอให้กุศลจากการที่ท่านทั้งหลายประพฤติปฏิบัติชอบเพื่อบ้านเมือง จงส่งให้ทุกท่านมีความสุข ความเจริญ สุขภาพแข็งแรง มีกำลังกาย กำลังใจ สมบูรณ์พร้อม มีสติปัญญาเฉียบแหลม ที่จะคิดแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่ว่าปัญหาส่วนตัว หรือปัญหาของบ้านเมือง ให้ลุล่วงไปด้วยดี ขอให้มีความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อช่วยให้ประเทศของเรามีความรุ่งเรืองไพบูลย์ยิ่งๆ ขึ้นตลอดไป ขอบพระคุณมาก