1. ศึกขรก.-นักการเมืองปะทุ “หมอวัลลภ-ปลอดฯ”โดนย้ายเข้ากรุ
เกิดวิวาทะ ระหว่างนักการเมืองกับข้าราชการประจำครั้งใหญ่ เมื่อมติครม. วันที่ 20 ก.ค. 2547 เห็นชอบการโอนย้ายนายวัลลภ ไทยเหนือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ และให้นายปลอดประสพ สุรัสวดี ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ เช่นกัน
เหตุผลในการโยกย้ายนพ.วัลลภนั้น นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข ระบุว่า เนื่องจากนพ.วัลลภยังไม่สามารถผลักดันนโยบายของกระทรวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วยการย้ายนายปลอดประสพ สุรัสวดี นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่าเนื่องจากนายปลอดประสพอนุญาตให้บริษัทเอกชนส่งออกเสือไปยังประเทศจีนโดยผิดกฎหมาย และจะต้องถูกสอบสวนทางวินัย
ภายหลังทราบข่าวการถูกโยกย้ายด้วยเหตุผลดังกล่าว น.พ.วัลลภออกมาดับเครื่องชนฝ่ายการเมืองทันที โดยระบุว่าสาเหตุที่แท้จริงของการถูกสั่งย้ายในครั้งนี้มาจากเรื่องการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ให้โรงพยาบาล 912 แห่ง ในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โดยใช้งบประมาณกว่า 900 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดประมูลไปแล้ว แต่มีนักการเมืองมาเรียกรับผลประโยชน์ เมื่อไม่ได้ก็บีบให้ล้มประมูล
นางสุดารัตน์ จึงออกมาตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน พร้อมทั้งฟ้องนพ.วัลลภ ข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ล้มประมูลคอมพ์ 900 ล้านบาท พร้อมส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบทั้ง 2 ฝ่าย และเสนอนายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการกลางตรวจสอบเพื่อความกระจ่าง โดยไม่ต้องมาโต้ตอบกันเป็นวัน ขณะที่น.พ.วัลลภได้ยื่นร้องต่อศาลปกครองเพราะคาใจ ข้าราชการต้องสนองนโยบายการเมืองหรือถึงจะไม่ถูกย้าย
ส่วนปัญหาที่กระทรวงทรัพยากรฯ นั้น นายปลอดประสพออกมาตอบโต้ว่า เป็นเพราะมีผู้ต้องการทำลายชื่อเสียงไม่ให้ลงสมัครผู้ว่าฯกทม. พร้อมยืนยันว่ากรณีการส่งเสือโคร่งไปจีน เขาไม่มีความผิด และจะต่อสู้เรื่องนี้ไปตามกระบวนการยุติธรรม โดยอาจยื่นศาลปกครอง หรือศาลยุติธรรม ขณะที่บางกระแสข่าวระบุว่า อาจมียื่นถวายฎีกาคัดค้านคำสั่งย้ายนายปลอดประสพครั้งนี้
เบื้องหลังยกเลิกประกวดราคาคอมพิวเตอร์ฉาว
“ปลอดฯ”ระบุถูกกลั่นแกล้งสกัดชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.!
"หน่อย" ยั๊วะจัดดับเครื่องชนปลัดสุดแสบลุยแฉหมดเปลือก
"วัลลภ"แฉลากไส้ถูกย้ายเพราะประมูลคอมพ์ฉาว
เด้ง “ปลอดประสพ-หมอวัลลภ”เข้ากรุ!
2. ตั้ง 7 พระราชาคณะปฏิบัติหน้าที่ “สังฆราช”
ความขัดแย้งกรณีแต่งตั้งผั้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็นพระสังบฆราชยุติลงชั่วขณะ เมื่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2547 มีมติแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังราชฯ 7 รูป มีสมเด็จพระพุฒาจารย์ หรือ สมเด็จเกี่ยว วัดสระเกศ เป็นหัวหน้าคณะ โดยไม่มีกำหนดวาระการปฏิบัติหน้าที่ขึ้นอยู่กับพระสุขภาพของสมเด็จพระญาณสังวรณ์ พระสังฆราชฯ เป็นสำคัญ
พล.ต.ท.อุดม เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวภายหลังการประชุมในวันดังกล่าวว่า เรื่องนี้ได้ข้อสรุปแล้ว เป็นไปด้วยความสามัคคีและเรียบร้อย ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม มส.มีมติ 2 ข้อด้วยกันคือ 1.สิ่งที่ได้ปฎิบัติมาตลอด 6 เดือนนั้นถูกต้องไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมาย 2.คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชมีทั้งหมด 7 รูป พร้อมทั้งถวายให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศฯ เป็นประธาน ส่วนเลขาฯ ให้ไปดำเนินการคัดเลือกภายหลัง
สำหรับคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชฯ ประกอบด้วย 1. สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ 2.สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม 3.สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ 4.สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดมกุฏกษัตริยาราม 5. สมเด็จพระญาณวโรดม วัดเทพศิรินทราวาส 6.สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสุวรรณราม7.สมเด็จพระมหาธีรวงศ์ วัดสัมพันธวงศาราม
ด้านนายทองก้อน วงศ์สมุทร ตัวแทนกลุ่มศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ซึ่งเคยเคลื่อนไหวคัดค้านการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ได้ออกมายอมรับมติมหาเถรสมาคมดังกล่าว พร้อมกับยุติการเคลื่อนไหว เนื่องจากเห็นว่าได้มีการออกพระราชกำหนดแก้ไขพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2535 กำหนดให้การแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชต้องมีการนำรายชื่อกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก่อน ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่เขาออกมาเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 47 กลุ่มของนายทองก้อนได้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้งด้วยการเข้าพบพบพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมยื่นหนังสือขอถอดถอนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง พร้อมแนบรายชื่อประชาชนจำนวน 150,000 คน มาด้วย นอกจากนี้ยังได้ออกแถลงการณ์คณะสงฆ์ไทย ฉบับที่ 9 เรื่องการปฏิบัติต่อสมเด็จพระสังฆราช ให้รัฐบาลถวายเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์เท่านั้น
“ทองก้อน”ลุยทำเนียบ!ยื่น1.5แสนชื่อไล่ถอด“วิษณุ”
“ทองก้อน”ยุติเคลื่อนไหวพอใจรัฐคลอดพ.ร.ก.สงฆ์
ตั้ง 7 สมเด็จปฏิบัติหน้าที่พระสังฆราช
3.ตำรวจเรียกสอบ “น้องแนท” ล่าขบวนการซีดีโป๊
วงการดาราไทยยังอื้อฉาวไม่หยุด เมื่อตำรวจกองทะเบียนทำหนังสือเรียก น.ส.เกศริน ชัยเฉลิมพล หรือ "น้องแนท" นางเอกภพายนตร์วีซีดีเรื่องโมรา และเธอชื่อแอน เข้ามาสอบปากคำเพื่อสืบหาต้นตอแหล่งผลิตวีซีดีลามกที่เธอรับบทเป็นนักแสดงด้วย
ในเรื่องนี้ พ.ต.อ.วิสุทธิ์ วาณิชบุตร รองผู้บังคับการกองทะเบียน ระบุว่า ต้องการเรียกน้องแนทมาให้ข้อมูล เพื่อหาทางเอาผิดดำเนินคดีกับผู้ถ่ายทำและผลิตหนังวีซีดีลามกอนาจารมากกว่า และจะกันตัวเธอไว้เป็นพยาน อย่างไรก็ตาม การที่น้องแนทไปถ่ายก็ผิดฐานมีส่วนเกี่ยวข้อง กับการผลิตการค้าเพื่อเผยแพร่หรือจำหน่ายจ่ายแจก วัตถุสิ่งลามกอนาจาร หรือแสดงอวดแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนจะโดนข้อหาค้าประเวณี หรือไม่ขึ้นอยู่พนักงานสอบสวน
พ.ต.อ.วิสุทธิ์ ยืนยันว่าบุคคลที่ปรากฏในแผ่นซีดีลามกเป็นภาพของน้องแนทจริง ส่วนฝ่ายชายที่ร่วมแสดงเป็นชาวญี่ปุ่น ไม่ทราบชื่อ ใช้สถานที่ถ่ายทำภายในประเทศไทย โดยมีผู้ผลิตและผู้สร้างภาพยนตร์ลามกเป็นชาวญี่ปุ่นที่ร่วมมือกับคนไทย
ทางด้านน้องแนทสารภาพว่าแสดงในซีดีดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปถ่ายทำ โดยโมเดลลิ่งแจ้งว่าให้ไปถ่ายทำมิวสิควิดีโอแนวเซ็กซี่ แต่เมื่อถึงเวลาถ่ายทำจริงกลับกลายเป็นการถ่ายทำภาพยนตร์ลามกอนาจาร และเธอพร้อมเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ ในวันที่ 26 ก.ค.
ตร. ขู่ฟอด "น้องแนท" รีบเข้าพบก่อนถูกออกหมายเรียก
วอน"น้องแนท" นางเอกโมรา แฉนายทุนผลิตหนังโป๊
4.กลุ่มชลฯ-บุรีรัมย์ ย้ายซบทรท.พร้อมลูกทีมร่วม 30 ชีวิต
เป็นไปตามความคาดหมาย สำหรับการย้ายไปอยู่พรรคไทยรักไทยของ 2 กลุ่มการเมืองใหญ่จากพรรคชาติไทย คือกลุ่มชลบุรี นำโดยนายสนธยา คุณปลื้ม รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา และกลุ่มบุรีรัมย์ นำโดยนายเนวิน ชิดชอบ รมช.เกษตรฯ ซึ่งเมื่อวันที่ 23 ก.ค. ทั้งนายเนวินและนายสนธยาได้นำอดีตส.ส.ในกลุ่มรวมทั้งสิ้น 26 คนที่ได้ลาออกจากพรคชาติไทยแล้ว เดินทางไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรคไทยรักไทยพร้อมแกนนำพรรคอีกหลายคนให้การต้อนรับ
นายเนวิน ให้เหตุผลในการย้ายพรรคครั้งนี้ว่า เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนและต้องการให้การดำเนินงานทางการเมืองเป็นไปอย่างมีเอกภาพเนื่องจากในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และใกล้เคียง ส่วนใหญ่มาจากพรรคไทยรักไทย พร้อมกับยืนยันว่าการเข้ามาอยู่พรรคไทยรักไทยครั้งนี้ ไม่มีการต่อรองเรื่องตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น
ด้านนายสนธยา กล่าวถึงเหตุผลในการย้ายพรรคครั้งนี้ มาจากความต้องการของประชาชนเช่นกัน และจากการที่ได้เกาะติดปัญหาและร่วมงานกับพรรคไทยรักไทยมานาน จึงสมควรย้ายมาอยู่พรรคไทยรักไทยเพื่อให้สามารถทำงานกันเป็นทีมและผลักดันนโยบายออกมาสู่ประชาชนผ่านทางพรรคไทยรักไทยได้ ขณะเดียวกัน ได้ปฏิเสธว่า การย้ายเข้ามาอยู่ในพรรคไทยรักไทยไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีนายสมชาย คุณปลื้ม บิดาของเขา ในคดีเขาไม้แก้วและคดียิงกำนันยูรแต่อย่างใด
ระบุสัมพันธ์“เติ้ง”ยังหวานซึ้งมองตารู้ใจ
รับขวัญกลุ่มชลฯ-บุรีรัมย์กลืนเนื้อเดียวทรท.
23ส.ส.แตกคอก-ชท.โชว์สปิริตไม่ทวงเก้าอี้คืน
5.กบฏอิรักปล่อยตัวประกันฟิลิปปินส์ แต่จับตัวชาวต่างชาติเพิ่ม
นายแองเจลโล เดอ ลา ครูซ ชาวฟิลิปปินส์ที่ถูกกลุ่มกบฏในอิรักจับตัวประกันได้ถูกปล่อยตัวแล้ว เมื่อวันที่ 20 ก.ค. หลังจากที่ทหารฟิลิปปินส์คนสุดท้ายได้เดินทางออกจากประเทศอิรัก ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตรอย่างออสเตรเลียได้ออกมาประณามการกระทำของทางการฟิลิปปินส์ว่าเป็นการทำให้กลุ่มก่อการร้ายได้ใจ อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีกลอเรีย มาคาปากาล อาร์โรโย แห่งฟิลิปปินส์กล่าวว่า มะนิลายังคงตั้งมั่นที่จะช่วยสหรัฐฯต่อสู้กับการก่อการร้ายต่อไป แต่ที่นางต้องตัดสินใจถอนทหารออกจากอิรักก่อนก็เพื่อรักษาชีวิตของตัวประกันชาวฟิลิปปินส์
ต่อมาคนร้ายกลุ่ม "ธงดำ" ในอิรักเผยว่า ได้จับตัวชาวเคนยา 3 คน ชาวอินเดีย 3 คน และชาวอียิปต์ 1 คน ทั้งหมดเป็นพนักงานของบริษัทคูเวตที่ตั้งอยู่ในอิรัก เป็นตัวประกัน พร้อมขู่ว่าจะตัดหัวตัวประกันทั้งหมดหากรัฐบาลทั้งสามประเทศไม่แสดงความพร้อมที่จะถอนทหารออกจากอิรักภายใน 72 ชั่วโมง ต่อมากลุ่ม”ธงดำ” ได้เปลี่ยนคำขู่ โดยขู่ว่าจะตัดคอตัวประกันทั้ง 7 คน หากบริษัทคูเวตต้นสังกัดไม่ยุติการดำเนินการในอิรัก พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษชาวอิรักออกจากเรือนจำในคูเวตและสหรัฐฯด้วย
ล่าสุด กลุ่มคนร้ายที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม "ราชสีห์แห่งกองทัพพระเจ้าในอิรัก" ได้จับตัวนายมุฮัมหมัด มัมดูห์ กุตตุบ นักการทูตชาวอียิปต์เป็นตัวประกัน ซึ่งนับเป็นนักการทูตคนแรกที่โดนจับ อนึง คนร้ายลักพาตัวนายกุตตุบเพื่อตอบโต้ที่นายกรัฐมนตรีอาห์เหม็ด นาซีฟ ของอียิปต์กล่าวว่า อียิปต์พร้อมจะใช้ประสบการณ์ด้านความมั่นคงช่วยเหลือรัฐบาลชั่วคราวของอิรัก
เกาะติดข่าวสถานการณ์ในอิรัก ที่นี่
6. สธ.ออกประกาศคุมหวัดนก คนไข้ต้องสงสัยเหลือรายเดียว
จากกระแสข่าวการกลับมาระบาดของไข้หวัดนก ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้หารือเรื่องการรับมือโรคนี้กับอธิบดีกรมควบคุมโรค และ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และได้เห็นชอบออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องไข้หวัดนก เพิ่มเติมอีก 1 ฉบับ ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2547 โดยให้ถือว่าไข้หวัดนกเป็นโรคที่ต้องแจ้งให้กับหน่วยงานราชการรับทราบทันที ตามมาตรา 5 และมาตรา 22 ของ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2523 ดังนั้น หากพื้นที่ใดมี ไก่ เป็ด หรือสัตว์ปีกตายอย่างผิดปกติให้แจ้งที่กรมปศุสัตว์ และกระทรวงสาธารณสุขทราบทันที โดยไม่ต้องรอตรวจสอบว่าเกิดจากสาเหตุใด และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนทราบ ทางกระทรวงสาธารณสุขจะทำโปสเตอร์คำแนะนำเรื่องไข้หวัดนก แจกทุกหมู่บ้าน และจะทำหนังสือเวียนไปทุกจังหวัดด้วย
