“สนธิ” ให้ฉายา “ระเบียบรัตน์” เป็น “ตั๊ก ภาค 2” ระบุอย่าเอาความคิดฝรั่ง มาใช้ในวัฒนธรรมไทย แนะให้ใช้ความกล้าในทางที่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังให้ความเห็นเรื่อง “พรรคมหาชน” ว่าขณะนี้โน้มเอียงเป็นอะไหล่ของ “พรรคไทยรักไทย”
สโรชา – สวัสดีค่ะ คุณผู้ชม ขอต้อนรับเข้าสู่รายการเมืองไทยรายสัปดาห์อาหารสมองก่อนเข้านอนในทุกคืนวันศุกร์ค่ะ กลับมาพบกันประจำนะคะกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และดิฉัน สโรชา พรอุดมศักดิ์ค่ะ คึกคักเป็นอย่างยิ่ง สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องราวของการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการไม่ลงรอยกัน ของพรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้กระทั่งพรรคน้องใหม่อย่างพรรคมหาชนก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างจะเยอะเกี่ยวกับบุคคลที่ร่วมก่อตั้งพรรคพรรคนี้ ก่อนที่เราจะไปคุยกันถึงเรื่องเครียดๆ เรื่องการเมือง คุยเรื่องข่าวดีก่อนดีกว่าไหมค่ะ เบียร์ช้างกับเอฟเวอร์ตัน ดิฉันถือว่าเป็นข่าวดี
สนธิ- ก็น่าจะเป็นข่าวดี เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่สินค้าไทยได้ไปปรากฏเป็นสัญลักษณ์ของเสื้อ ผมเห็นนายรูนีย์ ใส่เสื้อและมีคำว่าช้างและมีรูปเหมือนกับน้ำกระเด็น ผมก็อดดีใจแทนไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่โลโก้บนเสื้อ แต่มันก็ได้นำพาให้ก้าวไปสู่การแข่งขันทางกีฬาเพิ่มอีกระดับหนึ่งเพราะต้องยอมรับให้เครดิตเบียร์ช้าง เขาใจกล้ามากที่เขาตัดสินนะครับ มันเป็นการแสดงออกว่าสินค้าไทย ถ้าจะออกไปต่างประเทศแล้ว บางครั้งมันจำเป็นต้องกล้าลงทุนในลักษณะแบบนี้ ต้องกล้าตัดสินใจ ถึงแม้บางคนบอกว่า เบียร์ช้างซึ่งระดับล่าง แต่ผมก็คิดว่า ที่จริงจะเบียร์ช้าง หรือเบียร์ชิงเต่าของจีน หรือว่าเบียร์อะไรของฟิลิปปินส์ ล้วนแล้วแต่มีรสชาติพิเศษของเขาอยู่ส่วนหนึ่ง ซึ่งจะมีคนชอบ เหมือนสิงห์คนก็ชอบ และผมก็เชื่อว่าจุดจุดหนึ่ง ก็จะมีคนดื่มเบียร์ช้างเยอะพอสมควรในยุโรป
สโรชา – มีเอกลักษณ์ของตัวเอง
สนธิ – ครับ
สโรชา – และจะทำให้การแข่งขันสูงขึ้นไหม
สนธิ – แน่นอนครับ ถ้าหากว่าเบียร์ช้างทำและประสบความสำเร็จ หลาย ๆคนก็ต้องตามแบบเอา อีกประการหนึ่ง มันก็เป็นบทพิสูจน์อย่างนะ อย่างเช่นสินค้าที่จะไปปรากฏในเสื้อในต่างประเทศ มันต้องเป็นสินค้าของคนไทยจริง ๆ ที่ผลิตในเมืองไทยของคนไทย อย่างเช่นเนสกาแฟ ไปปรากฏไม่ได้ เพราะเนสกาแฟเป็นแฟรนไชส์ เป็นสาขา เพราะฉะนั้นเป็นโอกาสที่สินค้าที่ทำในประเทศไทยด้วยตัวเองสามารถที่จะไปปรากฏได้ด้วยตัวเอง ของคนไทย ผมยังอยากเห็นซักวันหนึ่ง ยาสีฟันตราดอกบัวคู่ นึกออกไหมครับ ไปทำอะไรบางอย่าง ผมคิดว่าเป็นยุคใหม่ที่เราต้องร่วมดีใจและน่าส่งเสริม
สโรชา – อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ สำหรับสัปดาห์นี้ คือเรื่องของส.ว. ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช
สนธิ – จริงๆ ไม่อยากจะพูดวันนี้ แต่ไม่พูดไม่ได้ เพราะว่าเรื่องของคุณระเบียบรัตน์ กับเรื่องของชาวล้านนา เป็นเรื่องที่มีแง่คิดได้หลายแง่มุม และผมเองก็ดูที่คุณระเบียบรัตน์ท่านได้ออกรายการถึงลูกถึงคน ของคุณสรยุทธ เมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมานี้ ประมาณซัก 3-4 วันที่ผ่านมานี้ ผมมีความรู้สึกว่า ยังมีอีกหลายประเด็นที่ไม่ได้พูด และผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนให้กับสังคมไทยด้วย หลายๆ ด้านซึ่งผมคิดว่าไม่ควรที่จะละเลยเรื่องนี้ไป เรื่องคุณระเบียบรัตน์ ผมอยากให้เรียกว่า เป็นเรื่องของตั๊ก บงกช ภาค 2 ผมจะเรียกว่า ตั๊ก 2 เพราะอะไรเดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง
สโรชา - เพราะฉะนั้นต้องติดตามนะคะว่า คุณระเบียบรัตน์จะกลายเป็นตั๊ก 2 ได้อย่างไร รวมถึงคำถามของเราในค่ำคืนนี้ค่ะเรียนถามคุณผู้ชมว่า คุณผู้ชมเห็นใจคุณระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช หรือไม่ ถ้าเห็นใจกด 91 ไม่เห็นใจกด 92 ส่งมาที่ 84820 และในโทรศัพท์หมายเลข 02-201-6055-60 ค่ะ
*****************
สโรชา – ในช่วงนี้ของเมืองไทยรายสัปดาห์ เราไปเริ่มต้นกันด้วยเรื่องราวของคุณระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ท่านส.ว. ขอนแก่น เป็นข่าวค่อนข้างเยอะ และคนวิพากษ์วิจารณ์เยอะ แต่มันไปเกี่ยวโยงกับ จารีต ขนบธรรมเนียมประเพณีด้วยในหลาย ๆ ส่วน
สนธิ – ถามผมวันนี้ว่าเห็นใจคุณระเบียบรัตน์ไหม ผมเห็นใจและสงสาร เพราะว่าโดยพื้นฐานแล้ว คุณระเบียบรัตน์ เป็นคนซึ่งผมอยากให้สังคมไทยมีอย่างนี้มากขึ้น คือกล้าท้าทาย กล้าถามคำถามที่ควรถาม แต่เผอิญคุณระเบียบรัตน์ ขาดอยู่ตัวหนึ่ง คือขาดความเข้าใจในความลึกของปัญหา
สโรชา – ตั้งคำถามได้แต่ต้องทำความเข้าใจด้วย
สนธิ – ต้องทำความเข้าใจก่อน ว่าจริงๆ แล้ว เมื่อเข้าใจแล้ว ควรจะถามคำถามนี้หรือเปล่า แล้วถ้าจะถามว่า คุณระเบียบรัตน์ทำประโยชน์อะไรให้สังคมไทยไหม ต้องตอบว่ามี แต่ก็อีก ผมก็มีข้อที่จะต้องเตือนสติคุณระเบียบรัตน์ เพราะว่า คุณระเบียบรัตน์ในฐานะเป็นส.ว. เที่ยวไปเตือนสติชาวบ้านเขาทั่วประเทศ ผมก็น่าจะมีสิทธิ์เตือนคุณระเบียบรัตน์ได้เหมือนกัน คือประการแรก คุณระเบียบรัตน์ ทำอะไรก็ตามในอดีต คุณระเบียบรัตน์ทำในแนวอัตตาธิปไตย คือคุณระเบียบรัตน์ไปยึดเอาตัวกูของกูเป็นใหญ่ เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อคนเราไปยึดตัวกูของกูเป็นใหญ่ ถึงจะทำดี คนอื่นก็ว่าไม่ดี ก็เพราะว่าไปยึดติดตรงนั้น แทนที่จะใช้หลักธรรมาธิปไตยนะครับ คือฟังความเห็นคนอื่น ใคร่ครวญไตร่ตรองโดยรอบคอบแล้วค่อยออกความเห็นออกมา อุปมาอุปมัยเหมือนคำพูดที่คุณระเบียบรัตน์ชอบพูดและเป็นที่ฮือฮากัน จนบางครั้งคนก็พูดในแกมเสียดสีว่าเป็นเรื่องตลก โจ๊กระดับชาติ คือว่า รวมกันเราอยู่ แยกกันมึงตายซึ่งในลักษณะแบบนี้คือการแสดงความเห็นอัตตาอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด อัตตาตรงไหน ตรงที่ว่าในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชาย กับผู้หญิง ผัวกับเมีย ก็หมายความว่าถ้าพูดในกระบวนทัศน์คุณระเบียบรัตน์ก็หมายความว่า ถ้ารวมกันเราอยู่ แยกกันมึงตาย ถ้างั้นผู้ชายกับผู้หญิง ตั้งแต่เกิดออกจากท้องพ่อท้องแม่ จูงกันออกมาเลยนะ และเอากุญแจมือใส่อยู่ด้วยกันจนตาย ซึ่งมันไม่ใช่ข้อเท็จจริงในสังคม ผมก็อยากให้คุณระเบียบรัตน์ในอนาคต แก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้ อีกประการหนึ่ง คุณระเบียบรัตน์ขาดความลึกในปัญหา เรื่องในสังคมไทยที่มีอยู่เยอะมากมาย ที่สมควรที่จะไปทำ น่าจะไปทำอย่างเช่นจากมกราคมของปีนี้จนถึงปัจจุบันมีเด็กซึ่งเกิดโดยที่พ่อแม่ทิ้ง 1,800 คน นอกจาก 1,800 คน แล้วในบรรดาพ่อแม่ที่ก่อให้เกิดเด็ก 1,800 คนนั้น เกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ คือเด็กอายุต่ำกว่า 15 เรื่องพวกนี้และอีกหลายๆ เรื่องเราต้องเข้าไปแก้ไข ผมว่าบทบาทคุณระเบียบรัตน์สามารถที่จะเข้าไปช่วยในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ได้ แต่เจตนาคุณระเบียบรัตน์ต่อสู้เพื่อสิทธิของสตรี ผมเห็นใจ คุณระเบียบรัตน์ก็พลาดเหมือนกันตรงที่ว่าคุณระเบียบรัตน์ไปใช้หลักของกฎหมายหรือที่เรียกว่า legalism คือคุณระเบียบรัตน์เห็นรัฐธรรมนูญมาตรา 30 คุณระเบียบรัตน์ก็บอกเลยว่ารัฐธรรมนูญเขาให้สิทธิผู้ชายกับผู้หญิงเท่ากัน เพราะฉะนั้นแล้ว เอารัฐธรรมนูญนี่ไปแกว่งและไปขว้างใส่บนโต๊ะ คุณไปจัดการตามรัฐธรรมนูญเสีย ข้อเท็จจริงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะว่าถ้าคุณระเบียบรัตน์ เข้าใจให้ดี มันมีรัฐธรรมนูญอีกหลายมาตรานะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 46 คือรัฐธรรมนูญมาตรา 30 ที่คุณระเบียบรัตน์ พูดว่าสิทธิสตรีควรเท่าผู้ชาย แต่มาตรา 46 เขาก็ระบุว่า บุคคลซึ่งรวมกันเป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมย่อมมีสิทธิ์อนุรักษ์หรือฟื้นฟูจารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะหรือวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่นและของชาติ และมีส่วนร่วมในการจัดการ
สโรชา – คือมีสิทธิ์ที่จะปกป้องรักษา
สนธิ – ปกป้อง รักษาและในขณะเดียวกันก็มีสิทธิ์ จารีตเก่าเขามียังไง เขาปกป้องตรงนั้นไว้ได้และรัฐธรรมนูญมาตรา 30 เอาไปใช้กับมาตรา 46 ตรงนี้ไม่ได้ ถ้าคุณระเบียบรัตน์ หรือครูหยุย คุณวัลลภ ตังคณานุรักษ์ซึ่งเสียดาย ซึ่งเซ็นชื่อตรงนั้นและยื่นออกไป ถ้าดูตรงนี้แล้ว ก็จะเห็นว่า สิ่งซึ่งคุณระเบียบรัตน์มาพูดในเรื่องของการที่พระธาตุทางเหนือเขาห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้าไป คุณระเบียบรัตน์จะไม่พูดเรื่องนี้เลย อันนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง อีกประการหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่า เป็นเรื่องที่สำคัญมากคือว่า ผมชอบ ผมคิดว่าคุณระเบียบรัตน์ทำอันนี้มาดี เป็นการกระตุ้นให้คนล้านนารู้จักตื่นตัว เพราะว่าวัฒนธรรมล้านนาวันนี้เริ่มจางหายไปแล้ว คนล้านนาที่กำลังฟังรายการนี้อยู่ ต้องเข้าใจว่าในการที่พวกคุณลุกขึ้นมาต่อสู้ในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี แต่มองให้ลึกลงไปแล้ว คุณมองรอบตัวซิ คนล้านนาที่อยู่ในเมืองเดี๋ยวนี้ยังเป็นล้านนาเหมือนเดิมหรือเปล่า แทบจะไม่ใช่แล้ว เหมือนสุภาษิตหญิงบอกว่าให้รักนวลสงวนตัว แต่มายุคนี้กลายเป็นว่า ให้รักนวลเสนอตัว มันเปลี่ยนไปหมดแล้วเดี๋ยวนี้ แต่ว่าผมก็ดีใจ ตรงที่ว่าได้เกิดการกระตุ้นและทำให้คนล้านนา มีความรู้สึกว่าเรื่องนี้ ไม่ได้แล้ว หยุดอยู่กับที่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วจริงๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นเรื่องการแสดงออก คือระบอบประชาธิปไตยได้เริ่มทำงาน ให้เห็นได้ชัด ที่คุณระเบียบรัตน์ไม่ควรจะทำเป็นอย่างยิ่งเลย คือคุณระเบียบรัตน์เมื่อเจอวิกฤติแบบนี้ คุณระเบียบรัตน์ก็บอกว่า จากนี้ไปจะไม่ทำอะไรอย่างนี้อีกแล้ว
สโรชา – ขอขมาแต่ว่าจะไม่ทำงานเพื่อสังคมอีกต่อไป
สนธิ – ประชด คือถ้าพูดอย่างนี้แล้ว มันกลับสะท้อนให้เห็นว่าในอดีตคุณระเบียบรัตน์ทำเพื่อความดัง ระเบียบรัตน์ต้องไม่ท้อใจ ถ้าทำแบบนี้แล้ว พูดแบบนี้แล้วหมายความในคำพูดจริง ก็แสดงว่าในอดีตทำเพื่อสร้างตัวเอง เพื่อให้เป็นจุดเด่นในสังคมไทย ตรงนี้กลับเป็นภาพลบกับคุณระเบียบรัตน์ ถ้าคุณระเบียบรัตน์ ขอขมาขอโทษสังคม ขอโทษชาวล้านนา ผมว่าเป็นเรื่องที่เป็นสิริมงคลและจริงๆ ชาวล้านนาน่าจะให้อภัยได้ ผมอยากให้เห็นมีการให้อภัยกัน คุณระเบียบรัตน์ก็ไม่ควรจะออกมาบอกว่าจะไม่ทำอะไรแล้ว ก็คือสวยที่สุด ก็บอกว่า ขอโทษไปแล้ว ว่าจากนี้ไปทำอะไรจะระวังมากขึ้น จะมอง ให้รอบคอบมากขึ้น มันไม่เสียหายอะไร คุณสโรชา ถ้าผิดแล้วขอโทษ
สโรชา – เป็นไปได้ไหมค่ะว่าท่านส.ว. อาจจะไปเห็นอย่างที่คุณสนธิบอกว่าจริงๆ แล้วชาวล้านนา สมัยก่อนกับสมัยนี้จริงๆ แตกต่างกันเยอะ และประเพณี ธรรมเนียมต่างๆ ก็จืดจางไปเยอะพอสมควรเพราะฉะนั้นตรงนี้ ...
สนธิ – มันจืดจางแต่มันยังมีร่องรอยอยู่มากพอสมควร ถ้าคุณสโรชา พูดในกระบวนทัศน์ที่คุณระเบียบรัตน์พูด ถ้าสมมติบอกว่าสิทธิสตรี ความเป็นผู้หญิงจะต้องเท่าเทียมผู้ชาย งั้นผมถามกลับว่า ถ้าพระขอมีเมียด้วย คุณสโรชา คุณระเบียบรัตน์จะยอมรับไหม
สโรชา – พระเป็นผู้ชาย ผมก็ควรจะมีสิทธิเหมือนผู้ชายคนอื่น
สนธิ – นี่ไง ทำไมผมถึงพูดว่าคุณระเบียบรัตน์ มีลักษณะคล้ายๆ คุณตั๊ก บงกช คงมาลัย ที่ผมเรียกว่า ตั๊ก 2 คือปรัชญาเหมือนกัน แต่ละประเด็นคนละประเด็น ในขณะที่คุณตั๊ก บงกช คงมาลัย อ้างวัฒนธรรมตะวันตก ที่มีฉากผู้หญิงอยู่ในภาพยนตร์ได้ โดยไม่เข้าใจบริบทของวัฒนธรรมไทย คุณระเบียบรัตน์ก็เช่นกัน อ้างสิทธิมนุษยชน ให้หญิงมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน อ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 30 พ.ศ. 2540 ที่เป็นหลักคิดแบบตะวันตก โดยไม่เข้าใจบริบทของวัฒนธรรมไทย จารีตขนบธรรมเนียม ประเพณีคนไทยและคนล้านนา เหมือนกัน เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้ามองตรงนี้ในแง่ปรัชญาแล้วคุณระเบียบรัตน์กับคุณตั๊ก บงกชไม่ได้ต่างกันเลย
สโรชา – เอาค่านิยมตะวันตกมาใช้ในวัฒนธรรมไทย
สนธิ – ในบริบทคนไทย อันนี้ไม่ได้เด็ดขาดและก็ที่น่าเสียดายอย่างว่า สังคมไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยที่มีอยู่จำนวนไม่น้อยทุกวันนี้ เอะอะอะไรก็จะเอาเรื่องสากล เป็นตัวชู บอกว่าสากลเขาทำกันอย่างนี้ โดยที่ไม่ได้คำนึง จำได้ไหมครับ คราวที่แล้วเราพูดเรื่องดีเอ็นเอกับคุณตั๊ก บงกช ว่าจะเป็นคนอะไรก็ตามแต่ต้องระลึกเสมอว่า ตัวเองมีดีเอ็นเอของคนไทยอยู่ ทีนี้ดีเอ็นเอของคนไทยมีความหลากหลายหลายอย่าง เช่นประเพณีทางล้านนา พระธาตุเขาฝังไว้ใต้ดิน อีสาน ใต้ ฝังไว้บนยอด พม่า ลาว เขาฝังไว้ใต้ดินหมด แล้วคุณสโรชา รู้ไหมครับ สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พระธาตุก็ฝังใต้ดินเช่นกัน คือถ้าหากเราเข้าใจพระพุทธศาสนาแล้ว เราจะรู้ว่าในหลักพุทธศาสนา พระพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัสไว้ว่า สตรีนั้นเป็นอันตรายต่อพรหมจรรย์ เป็นสิ่งซึ่งแยกแยะออกมาตั้งแต่ต้นแล้ว แม้กระทั่งในบริบทของภิกษุณี พระพุทธเจ้ายังเคยตรัสไว้ว่า พระภิกษุณี ถึงแม้จะบวชมาแล้ว 100 ปี เมื่อเจอพระภิกษุบวชมาแค่วันเดียวก็ยังต้องยกมือไหว้พระภิกษุ ก็คือแบ่งกันเรียบร้อยไว้แล้ว ส่วนจะบอกว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนซึ่งไม่เที่ยงตรง เป็นคนรังเกียจสตรี ไม่ให้สิทธิเท่าเทียมกัน พระองค์ท่านรู้แล้วว่าในเรื่องของการบวช หรือว่าในเรื่องของศาสนา สตรีกับพระย่อมเขาหากันไม่ได้ ปัจจุบันนี้ คุณสโรชา พระที่เคร่ง คุณสโรชาก็รู้ คุณสโรชาจะไปหาพระที่เคร่ง เข้าไปกราบท่าน เข้าไปคนเดียวก็ไม่ได้ พระธรรมวินัยบอกว่าต้องมีบุคคลที่ 3 และบุคคลที่สาม ต้องเป็นบุคคลที่รู้เดียงสา ไม่ใช่อุ้มเด็กอายุ 3 ขวบเข้าไป หรือ 3 เดือนก็ไม่ได้ เพราะว่าพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้เช่นนี้เพื่อไม่ให้สตรีเป็นอันตรายต่อพรหมจรรย์ เพราะฉะนั้นแล้ว ตรงนี้ต่างหากว่า ที่ผมคิดว่าเป็นประเด็นสำคัญ คุณระเบียบรัตน์หรือหลายๆ คน ผมพูดถึงคนไทยหลายๆ คน ไม่พยายาม เอาเรื่องนี้เข้ามาประยุกต์เข้าหากันและทำความเข้าใจกับมัน เมื่อเราไม่ทำความเข้าใจ กับวัฒนธรรม และธรรมเนียมท้องถิ่น และเราไปเอาวัฒนธรรมแมคโนนัลด์ หรือพิซซา หรืออาหารเคเอฟซีเอาเข้ามาแล้วก็บอกว่า เอาไปกิน ทุกคนจะต้องเหมือนกันหมดอย่างนี้ ไม่ใช่แล้ว ผมก็ต้องเห็นใจคนล้านนาในขณะเดียวกัน ผมก็เห็นใจ อย่างพระสงฆ์ องค์เจ้าที่ผมรู้มา พระแถวขอนแก่นซึ่งเป็นจังหวัดเดียวกับคุณระเบียบรัตน์ ไปถามท่าน ไม่มีใครพอใจซักคน เพราะท่านก็มีความรู้สึกว่า คุณระเบียบรัตน์ไม่เข้าใจบทบาท ของพระไม่เข้าใจบทบาทของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คำว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์การลบหลู่เขาถือมากๆ ไม่ใช่เป็นเพียงเพราะเขาบอกว่าห้ามไม่ให้สตรีเข้าชั้นนี้แล้ว เราก็ต้องไปเข้าให้ได้เพื่อยืนยันว่าสิทธิของเรามี ฉันมีสิทธิ์เท่ากับคนอื่น
สโรชา – ค่ะตรงนี้ก็จะได้เรียนรู้ไปถึงจารีตประเพณีของไทยหรือชาวล้านนาเดิมด้วยว่า มีความเป็นมาอย่างไร สาเหตุหลักที่มีการห้ามไม่ให้สตรีเข้าไป เป็นเพราะอะไร ก็ได้เรียนรู้กันค่ะ เดี๋ยวเราจะพักกันซักครู่ แล้วกลับมาคุยเรื่องการเมืองต่อเลย
สนธิ – ต่อเรื่องคุณระเบียบรัตน์ซักนิดนึง ยังไม่จบครับ จบไม่ได้ครับงานนี้
สโรชา – โอเคค่ะ เดี๋ยวกลับมาคุยถึงเรื่องราว ประเด็นของท่านส.ว. ระเบียบรัตน์กันต่อค่ะ
*****************
สโรชา– กลับมาสู่เมืองไทยรายสัปดาห์ค่ะ เบรกที่แล้วคุยเรื่องคุณระเบียบรัตน์ยังไม่จบ ต่อเบรกนี้ จริงๆ แล้วมีความเป็นมาทางด้านความเชื่อ ประเพณี ของชาวล้านนา
สนธิ – คือประเพณีของแต่ละภูมิภาคไม่เหมือนกัน มีความเชื่อ มีศรัทธาและก็มีรากเหง้า รากฐานทางประวัติศาสตร์มานานแล้วนะครับ อย่างเช่นคนที่เห็นด้วยกับคุณระเบียบรัตน์ เขาจะบอกว่า จริง ๆ แล้วที่ห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้าเพราะว่าผู้ชายทำตัวเป็นเจ้าอำนาจ ข่มขู่ผู้หญิงหรือทำตัวเป็นผู้ใหญ่ในบ้าน คือต้องเข้าใจก่อนว่า ในสมัยก่อนอาณาจักรล้านนา เป็นอาณาจักรที่รบพุ่งกันมาตลอด เมื่อเป็นอาณาจักรที่รบพุ่งกันมาตลอดแล้ว ใครเป็นคนทำหน้าที่รบพุ่งละ ก็ต้องเป็นผู้ชาย เมื่อเป็นผู้ชาย ผู้ชายก็ต้องกำหนดระเบียบออกมานะครับ แต่ในเรื่องทางศาสนา เรื่องศรัทธา เรื่องความเชื่อความนับถือ คุณสโรชา บางทีเราจะเอาเหตุผลข้อเท็จจริงในเชิงประจักษ์พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มา ไม่ได้หรอก สังคมไทยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในล้านนา 8 จังหวัด เขาเข้าใจเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว อย่างเช่นกรณีห้ามลอดราวตากผ้า เพราะจะทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เสื่อม เพราะเขาถือว่าเสื้อผ้าเป็นของสกปรก หรือหากแม้ไม่มีเครื่องรางติดกาย ก็จะทำให้คนผู้นั้นเสื่อมลงเหมือนกัน คนทางเหนือ เรื่องความแบ่งระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงค่อนข้างชัด เรื่องพ่อแม่กับลูกก็ค่อนข้างชัด อย่างเช่นเสื้อผ้า พ่อแม่คนทางเหนือ วางอยู่บนพื้น ลูกจะเดินข้ามก็ไม่ได้นะ หรือว่าซักผ้า ซักกะละมัง เสื้อพ่อกับเสื้อลูกสาว จะซักรวมกางเกงกับพ่อก็ไม่ได้ ต้องแยกกัน กางเกงพ่อซักออกไป ฉะนั้นสถานภาพในผู้ชาย ทางเหนือจะเป็นสถานภาพอีกแบบหนึ่งซึ่งจะไม่เหมือนกับสถานภาพทางใต้ หรือสถานภาพทางอีสาน ใช่ไหมครับ ทางเหนือจะมีผี แต่ผีของเขา คือมันไม่ใช่ผีในโรงหนัง หรือประเภทสยองขวัญ เหมือนหนังยายซูฉีมาเล่น แต่ผีในคติล้านนา เราอาจจะเรียกว่าเทพก็ได้ ผีของล้านนามีตั้งแต่ผีใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าแห่งผี ซึ่งครองอาณาเขตกว้างขวาง ไล่มาถึงผีเล็ก คือผีบ้าน ผีประจำครอบครัว ผีปู่ ผีย่า ก็บอกถึง ต้นตระกูล ซึ่งเขาต้องตั้งเอาไว้คอยปกปักษ์รักษานะครับ อย่างเมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา วันที่ 1 ในเดือน 9 ทางเหนือจะมีการบูชาผีกันทั่วไป เขาเรียกว่าเจ้าหลวงคำแดง ซึ่งเป็นเจ้าแห่งผีทั้งปวง นับถือกันกว้างขวาง ระดับที่มีพิธีบวงสรวง ใด ๆในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน แพร่ พะเยา ต้องเอ่ยนาม เจ้าหลวงคำแดง เสียก่อน เจ้าหลวงคำแดงสถิตอยู่บนดอยหลวงเชียงดาว ต่อมาเป็นผี ที่เป็นอารักของป่า ลุ่มน้ำ ไร่นา ไล่เรื่อยมาจนผีของตระกูลทุกบ้านจะต้องมีหอของผีประจำตระกูล เรียกว่าผีปู่ย่า อย่างที่เล่าให้ฟัง และต้องมีการเลี้ยงผีปู่ย่าประจำ และผู้ชายทางล้านนา พอเขาบวชเสร็จแล้ว เขาสึกออกมา บางคนก็ถือศีลต่อมา เขาก็เรียกพวกนี้ว่า พ่อหนาน พ่อครูก็มี พ่อครูก็คือคนซึ่งทำเทียนต่ออายุ คุณสโรชา ไม่ทราบเคยไปทางลำพูนหรือทางเชียงใหม่ไหม เขาจะมีเทียนต่ออายุ ก็คือมีเทียนและมีกระดาษซึ่งเขียนลงอักขระต่างๆ และพันไว้บนเทียนและจุด คือของแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเสียหาย จะแสดงให้เห็นว่า นั่นคือคุณลักษณะ อย่างหนึ่ง ของวัฒนธรรมแถบนั้น ซึ่งตรงนี้มันก็สามารถจะโยงได้ว่า เพราะอะไร เขาถึงกีดกันไม่ให้ผู้หญิงเข้าไป และจริงๆ คำว่ากีดกันก็ไม่ใช่ เขาบอกว่าไม่ควรจะเข้า เพราะตรงนั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดทางเหนือ มีวิหารต่อวิหาร เมื่อวิหารแรกแล้ว บางทีทำบุญกันอยู่เรียบร้อยแล้ว พอจะเข้าต่อวิหาร 2 ผู้หญิงจะไม่เข้ากันนะ บางครั้งถ้าผู้หญิงลืมตัวจะเดินเข้าไปเขาจะสะกิดบอกว่าเข้าไม่ได้ และเขาก็ยอมรับกัน เป็นประเพณีต่อเนื่องกันมาตั้งนมนานแล้ว ทีนี้พอพูดถึงผี ก็จะหาว่าคนล้านนา เป็นคนซึ่งเชื่องมงาย จริงๆ แล้ว ในศาสนาพุทธทางล้านนานั้น เป็นส่วนผสมของไสยศาสตร์ ผสมพราหมณ์ ผสมพุทธ อย่างเช่น ถ้าเขาถือว่า ป่าแห่งนี้เป็นที่สถิตของผี มีหน้าที่อารักอยู่มันก็เป็นประโยชน์ เพราะเขาจะไม่เข้าไปรุกป่า ไม่เข้าไปตัดป่า ในขณะเดียวกัน คนทำไร่ทำนาก็ต้องเลี้ยงผีชุบน้ำ เพราะทำให้มีน้ำมาทำนา ส่วนลูกหลานในตระกูลก็ได้สืบเชื้อสายต่อเนื่อง เพื่อรำลึกถึงบรรพบุรุษ มีระบบการสืบทอดผีในตระกูล ผ่านลูกผู้หญิง ถึงมีการว่าเสียผีไง สมัยก่อน ถ้าคุณสโรชาเป็นสาวเมืองเหนือ มีผู้ชายไปแตะคุณ เขาต้องเสียผีให้คุณ
สโรชา – เสียผียังไง คือละเมิดไม่ได้หรือ
สนธิ – ละเมิดไม่ได้ เขาถือว่าเสียผี หรือไม่ก็ต้องกินอยู่เป็นผัวเมียไปเลยนะครับ เพราะฉะนั้นแล้วในลักษณะของความเชื่อทางเหนือนั้น ไม่ว่าจะเป็นผีอะไรก็ตาม นั่นคือสะพานซึ่งเชื่อมโยงระหว่างคนกับธรรมชาติ ทีนี้คนต่างวัฒนธรรม หรือคนที่ไม่เข้าใจ ความเป็นไปของล้านนา ถ้าไปใช้ความเคยชินของวัฒนธรรมจับ ก็จะเข้าไม่ตรง และเข้าใจผิดไปเลย
สโรชา - มันจะขัดกันโดยสิ้นเชิง
สนธิ – มันจะชัดกันโดยสิ้นเชิงเลยนะครับ เพราะฉะนั้นพระธาตุหริภุญชัย อย่าลืมว่าพระธาตุหริภุญชัยนั้น เกิดขึ้นในสมัยพระนางจามเทวี พระนางจามเทวีเป็นผู้หญิง ซึ่งพระนางจามเทวี ก็ไม่ได้เข้าไปในองค์พระธาตุเช่นกัน คนที่ต่อสิทธิสตรีก็บอกว่าห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้า ผู้ชายที่เลว หรือทำชั่วทำบาป เข้าไป นั่นคนละประเด็น เพราะสมัยก่อนเขาถือว่า คนผู้ชายหรือคนที่จะเข้าไปบูชา พระธาตุนั้น จะเป็นคนที่สะอาดทั้งจิตใจ ทั้งบริสุทธิ์ใจ ผมถึงบอกว่า ผมเสียดายเจตนาของคุณระเบียบรัตน์นั้นเป็นเจตนาที่ดี แต่คุณระเบียบรัตน์ขาดความลึก ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ว่าจริงๆ แล้ว เหมือนที่บอกว่า นั่งเครื่องบินจากขอนแก่นแค่ 1 วัน มาเหยียบแผ่นดินล้านนาและมาวิพากษ์วิจารณ์วัฒนะธรรมล้านนา ผมคิดว่าเขาคงไม่พอใจ แต่ผมเอง อยากจะขอคนล้านนาไว้หน่อย ว่า คนล้านนาเป็นคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี เอื้ออาทร เป็นคนที่มีความสุภาพนอบน้อม เป็นคนซึ่งเขาบอกว่าคนเมืองเหนือเป็นคนอ่อนโยน ผมคิดว่าไหนๆ ก็เผาพริกเผาเกลือสาปแช่งไปเรียบร้อยแล้ว ผมคิดว่าหยุดเพียงแค่นี้ดีกว่า ไม่ต้องไปถอดถอนอะไรหรอก เพราะว่า คุณระเบียบรัตน์เขาก็ขอโทษออกมาแล้ว ผมคิดว่าเขารู้ไม่เท่าทัน
สโรชา – ถึงตอนนี้คงเข้าใจแล้วว่าความเป็นมาเป็นอย่างไร
สนธิ – ถึงเขาไม่เข้าใจ ถ้าเขาขอโทษมาแล้ว ผมคิดว่าวิญญูชน คนล้านนาควรจะเป็นวิญญูชน แสดงให้คุณระเบียบรัตน์เห็นว่าคนล้านนารู้จักให้อภัยเป็น ผมคิดว่าถ้าจบได้ด้วยวิธีนี้ดีที่สุด คือถ้าจะตื่นตัวกันทุกวันนี้ก็น่าจะตื่นตัวในรูปแบบ ที่คนล้านนาจะต้องรุกขึ้นมาปลุกจิตวิญญาณให้วัฒนธรรมล้านนากลับมา เพื่อให้รักนวลสงวนตัว มากกว่ารักนวลเสนอตัวอย่างที่ผมเรียนให้ทราบ เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องตรงนี้เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าจะต้องคุยกันให้ชัดนะครับ ก็เห็นจะต้องขอชาวล้านนาเถอะ ผมก็ไม่ได้บอกว่าพวกเราก็ไม่ได้มีศักดิ์ศรีอะไรมากมาย แต่เรื่องนี้คิดว่าน่าจะให้อภัยกันได้ น่าจะจบกันตรงนี้
สโรชา – แต่ท่านส.ว. ก็คงจะเจตนาดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่บอกว่า รวมกันเราอยู่ แยกกันมึงตาย นี่ก็พยายามสร้างครอบครัวไทยให้เป็นปึกแผ่นมากขึ้นมั้งค่ะ
สนธิ – การสร้างครอบครัวไทย ให้เป็นปึกแผ่นไม่ได้หมายความว่าถ้าแยกไปแล้ว มึงต้องตาย ไม่ใช่ บางครั้งการจะแยกไปหรือไม่แยกไป มันไม่ได้อยู่ที่ผู้ชายฝ่ายเดียว บางครั้งผู้หญิงก็เป็นต้นเหตุของการแยก คือ หลักธรรมะของพระพุทธเจ้าประเสริฐสุด พระองค์ท่านตรัสว่า ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ถึงจะเป็นผัวเมียกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นผัวเมียกันตลอดชีวิตนะครับ มันก็ต้องเกิดความขัดแย้งอะไรกัน บางสิ่งบางอย่างก็อาจทำให้ฝ่ายผู้ชายต้องไปหาผู้หญิงคนอื่นนะครับ เพราะฉะนั้นแล้ว มันไม่ใช่เรื่องว่า ถ้าไม่แยกกันแล้วครอบครัวจะมีความสุข ครอบครัวมีความสุข หรือถ้าหากไม่แยกกันทั้งพ่อทั้งแม่ไม่สนใจลูกเลย ไม่มีเวลาที่มีคุณภาพที่จะอยู่กับลูก ไม่มีเวลาที่จะอยู่กับบ้านและดูแลบ้าน ไม่มีเวลาที่จะใช้ชีวิตที่มีคุณภาพกับเด็กๆ
สโรชา – คุณสนธิกำลังบอกว่า มันมีหลายองค์ประกอบการที่จะมีครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ใช่เพียงว่า พ่อกับแม่อยู่คู่กัน
สนธิ – ไม่ใช่เลยแม้แต่นิดเดียวและอีกประการหนึ่ง ถึงแม้จะอยู่คู่กัน พ่อกับแม่ก็ต้องมีปัญญา มีสติที่จะสอนลูกได้ ไม่ใช่ว่าอยู่คู่กันแล้ว พ่อกับแม่ก็ไม่มีปัญญา ไม่มีสติ อยู่ด้วยกัน มาทำกิจกรรมด้วยกัน วัน ๆ เปิดแต่ทีวีดูวันๆ ตกเย็นไปเดินห้าง ส่งเสริมลูกให้รู้จักแต่ใช้เงินใช้ท้องส่งเสริมลูกให้รู้จักในเรื่องการฟุ้งเฟ้อ ไม่ได้มีเวลาสั่งสอนลูกให้รู้ว่า ลูก ชีวิตคนเรานั้น ความสันโดษสำคัญคำว่า สันโดษไม่ได้แปลว่าคนเราจะต้องไปอยู่บ้านไร่ปลายนา สันโดษก็คือพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ และก็ใช้ในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ และก็มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ หรือว่าอยู่กับพ่อแม่ ลูก พ่อแม่ก็ต้องสอนลูกให้เป็น และการทำงานนั้นเราจะต้องมีอิทธิบาท 4 หมายความว่า เสาร์ อาทิตย์นี้ ลูกควรจะทำความสะอาดห้องทำงานลูกนะ โดยเริ่มจากหลักอิทธิบาท 4 เริ่มที่ว่าลูกรักที่จะให้ห้องลูกสะอาด เมื่อลูกรักที่จะให้ห้องลูกสะอาด ลูกต้องเอาจิตใจของลูก มีความเพียรในการที่จะทำให้ขยันทำให้ห้องสะอาด และตั้งมั่นในจิตใจ ในการมีสมาธิในการทำความสะอาดและก็ค่อยมาดูภาพรวม การบริหารจัดการห้องนั้นให้เรียบร้อย อย่างนี้ผมถึงจะบอกว่า เป็นคุณภาพชีวิตของครอบครัวที่แท้จริง ไม่ใช่บอกว่า ถ้าผัวกับเมียไม่เลิกกัน นั่นคือความอบอุ่น สถาบันครอบครัวจะอยู่ได้ตรงนั้น ไม่ใช่ เราไปเข้าใจผิด องค์ประกอบหลายๆ องค์ประกอบ รวมไปจนถึงการที่ต้องสอนลูกให้รู้จักสัมมาอาชีวะ สอนลูกให้รู้จักพึ่งพา ตัวเอง อัตตาหิ อัตตโนนาโถ สอนลูกให้รู้จักมีสัมมาคารวะ สอนลูกให้รู้จักคนที่ควรจะเคารพ
สโรชา – ไม่ไปสร้างความเดือดร้อน
สนธิ – ครับ ตื่นแต่เช้า สอนลูกให้รู้จัก ว่า ขอให้เมื่อลืมตาแล้วให้คิดดีทำดีอะไรต่ออะไร นี่แหละคือครอบครัวที่แท้จริง ถ้าจะเป็นครอบครัวที่เพียงเพราะว่า พ่อกับแม่ไม่เลิกกันแล้ว และเป็นสถาบันครอบครัว ผมคิดว่าคุณระเบียบรัตน์ก็เข้าใจผิดอีกเช่นกัน ผมถึงบอกว่าความกล้าของคุณระเบียบรัตน์เป็นสิ่งที่น่าชมเชย ผมเคยเจอท่าน 1-2 ครั้ง ผมชมเชยมาก แต่พลิกประเด็นใช้ความกล้าไปในทางที่ถูกต้องไปในทางที่ใช้ปัญญาคิด ทีนี้จะใช้ปัญญาคิดได้ ท่านส.ว. ต้องมีสติ เมื่อท่านมีสติแล้วปัญญาเกิด ก็สามารถจะใช้ความกล้าของท่านไปในทิศทางที่ถูกต้อง เหมือนกับท่านใช้ความกล้าของท่าน ณ วันนี้ออกมารุกในเรื่องของผู้หญิงที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม สิทธิของสตรีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม การเลื่อนตำแหน่ง ท่านอาจจะค้นมาก็ได้ว่าในบรรดาบริษัทห้างร้านทั้งหลาย เปอร์เซ็นต์ที่ผู้หญิงเป็นผู้จัดการ บริหารนั้น ต่ำกว่าผู้ชาย ท่านควรจะเริ่มเรียกร้อง ให้สังคมยอมรับความสามารถของผู้หญิง ว่าผู้หญิงนั้นก็สามารถจะบริหารงานได้เหมือนผู้ชาย ถึงแม้จะมีอยู่ แต่ปริมาณก็ยังน้อย ดิฉันอยากให้เห็นมีมากกว่านั้น ตรงนี้คือการกล้าทำ กล้าแสดงออกอย่างเที่ยงตรงและอย่างใช้ธรรมะเป็นตัวนำ คือใช้หลักธรรมเข้าไป
สโรชา – เรื่องราวของคุณระเบียบรัตน์และสิทธิสตรี ที่คุยกันมาทั้งหมด การเมืองยกไปงวดหน้านะคะ แต่ว่ามีคำถามหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอยุธยา
สนธิ – ตอบงวดหน้าดีกว่ามั้ง เรื่องนี้ต้องพูดยาวเหมือนกัน ผสมกันเลยงวดหน้า
สโรชา – เบรกหน้าเรื่องการเมืองและเรื่องที่เกิดในอยุธยา เดี๋ยวกลับมาชมกันค่ะ
สโรชา – กลับมาช่วงสุดท้ายของเมืองไทยรายสัปดาห์นะคะดูผลโพลกันซักนิดค่ะ เราถามคุณผู้ชมว่า เห็นใจหรือไม่เห็นใจคุณระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช คุณผู้ชมตอบกลับมาว่าไม่เห็นใจ 87 เห็นใจประมาณ 13 คุณอำพลจากสมุทรปราการ บอกว่า คุยเรื่องอื่นบ้างเถอะ จัดให้นะคะ เรื่องราวของอยุธยามีคำถาม เป็นคำถามยอดฮิตในสัปดาห์นี้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง
สนธิ - มันเป็นกระบวนการของกองบัญชาการตำรวจแห่งชาติที่จำได้ไหมคุณสโรชา เราพูดกันมาคตลอดตั้งแต่สมัยยุคท่านพล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จนกระทั่งมาถึงท่านพล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ ซึ่งรักษาการ เราพูดมาตลอดเลยว่า ตำรวจไทยยุคนี้ ไม่พยายามปรับตัว ให้ทันสมัยต่อรัฐธรรมนูญชุดใหม่ ปี 2540 เพราะรัฐธรรมนูญชุดใหม่ให้สิทธิเสรีภาพกับประชาชนและรัฐธรรมนูญชุดใหม่ให้ตำรวจมีกรอบในการทำงานที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับประชาชน กฎหมายลูกที่จะมารองรับการทำงาน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้นเข้าใจว่ายังไม่ได้มีการร่างกัน เพราะฉะนั้นแล้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยึดหลักรัฐธรรมนูญอยู่ประเด็นเดียว คือว่า จะไปค้นใครก็ขอหมายศาล เท่านั้นเอง และที่น่าสนใจอย่างนะครับ คำถามที่มีต่อมาในขณะนี้คือว่าในเมื่อศาลได้ให้หมายกับตำรวจไป ก็ต้องให้หมายกับตำรวจบนพื้นฐานของหลักฐานที่ตำรวจให้มาถูกไหมถึงจะให้ไปได้ ปรากฏว่าวันนี้ศาลต้องเรียกตำรวจกลับมา ต้องมาถามตำรวจ ว่าที่คุณเอาหลักฐานมาให้ผม แล้วคุณไม่พบอะไร แสดงว่าคุณเอาหลักฐานเท็จมาให้ผม ตรงนี้ต่างหากผมคิดว่าตำรวจจะต้องตอบให้ได้ และจะต้องตอบให้ได้จริง ๆ เพราะกองปราบในยุคนี้เป็นยุคที่ตำรวจมีปัญหามากพอสมควรหลายๆ เรื่องที่เกิดขึ้น จำคุณศรยุทธได้ไหม ที่ทำเรื่องอินเตอร์เน็ต ภาพคุณตั๊ก บงกช คุณศรยุทธได้รับภาพส่งมา เขาอุตส่าห์คาด สีดำบนหน้าอกภาพคุณตั๊ก และฟอร์เวิร์ดไป ถูกตำรวจจับ กรณีของคุณศรยุทธนั้นเขาไม่ใช่อาชญากร แต่ไม่ให้เขาประกัน 3-4 วัน ต้องให้ประกันที่ศาล นี่คือฝีมือตำรวจกองปราบ เพราะฉะนั้นแล้ว ผมอยากให้พล.ต.ต.โกสิน หินเธาว์ ให้ท่านกลับมาดูตัวท่านเองบ้างในเรื่องประเภทนี้ เพราะเรื่องพวกนี้ ท่านไปลิดรอนสิทธิเสรีภาพ นี่แสดงว่าท่านกำลังทำลายหลักการรัฐธรรมนูญอย่างชัด ไม่ต้องอยุธยา เอาแค่ในกรณีคุณศรยุทธก็พอ คนฟอร์เวิร์ดเมล์ซึ่งตัวเองไม่ได้รับแต่ฟอร์เวิร์ดให้คนอื่น และภาพอันนั้นก็ไม่ใช่ภาพที่เปลือยหมด อุตส่าห์คาดไว้เรียบร้อยแล้ว เขาเข้าไปมอบตัวแต่ไม่ให้เขาประกันตัว เขาอยู่ในคุก 3-4 วัน กรณีเช่นนี้ ผมคิดว่า ประชาชนหมดหวังในตำรวจ แล้วมาเจอกรณีอยุธยาอีกครั้งหมดเลยแม้แต่นิดเดียว ฉะนั้นคุณโกสินทร์ หินเธาว์จะมาบอกว่า เห็นข้างลูกน้อง 100 เปอร์เซ็นต์นั้น คุณก็ยืนอยู่ข้างลูกน้อง คุณไม่เคยอยู่ข้างประชาชน
สโรชา – ไปคุยเรื่องการเมืองบ้าง จริงๆ แล้วเวลามีไม่พอให้คุยทั้ง 2 พรรค ให้เลือกประชาธิปัตย์กับมหาชนค่ะ
สนธิ – สั้นๆ มหาชนพูดได้ ก็อยากจะพูดสั้นๆ พรรคมหาชน ผมคิดว่าการเริ่มไม่เป็นสิริมงคล
สโรชา –ทำไมอย่างนั้นละ
สนธิ – คือพรรคที่จะเริ่มมาเป็นพรรคที่ 3 ผมคิดว่า คนอย่างท่านพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ท่านพล.อ.สมบุญ ระหง หรือว่าคุณวัฒนา อัศวเหม น่าจะถอยออกไป คนพวกนี้น่าจะล้างมือในอ่างทองคำได้แล้ว คุณเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นหัวหน้าพรรคผมเห็นด้วย ถือว่าเป็นนักวิชาการรุ่นใหม่ มาเลยจะเลือกพรรคที่ 3 เป็นคนที่มีความสามารถ ถ้าจะสนับสนุนก็ควรจะสนับสนุนในเชิงยืนห่าง ๆ แต่พอมาเริ่มต้นแบบนี้มันกลายเป็น
สโรชา - คือเป็นภาพจับมือตอนประกาศเปิดตัว
สนธิ – คือเป็นนักการเมืองรุ่นเก่า รุ่นเก่าที่ตกรุ่นไปแล้วและประชาชนหลายฝ่ายไม่เอา
สโรชา – หลายคนบอกว่า ผิดหวังมาจากพรรคอื่นบ้างก็มี
สนธิ – ถึงจะผิดหวังไม่ผิดหวัง ก็ไม่ใช่ยุคเขาแล้ว ยุคนี้เป็นยุคคนรุ่นใหม่ เพราะฉะนั้นแล้วพรรคมหาชน ผมไม่เห็นอนาคต
สโรชา – ไม่เห็นเลยหรือค่ะ
สนธิ – ไม่ ๆ ถ้าเขาจะได้ส.ส. เขาจะได้ในวิธีเดิมเก่าๆ เอาส.ส.เก่าๆ มาจากพรรคหลายๆ พรรค อย่างเช่น พรรคไทยรักไทย อาจจะมีคนบางคนไม่ส่ง เข้าใจไหมครับ เมื่อเขาไม่ส่งแล้ว เขาจะเข้ามาที่พรรคมหาชน คือ พูดง่ายๆ ว่า พรรคมหาชนเกิดขึ้นมาเพื่อรองรับส.ส. หลายๆ เขตโดยเฉพาะทางภาคอีสาน หรือภาคกลาง ที่พรรคไทยรักไทยซึ่งเป็นพรรคหลัก เขาตัดสินใจไม่ส่ง เขาจะส่งคนใหม่ในสายตาไทยรักไทยอาจจะมองว่ามีคุณภาพมากกว่า คนพวกนี้จะเทตัวเองกลับมาที่นี่ มาที่มหาชน
สโรชา – จริงๆ แล้วมีนักวิเคราะห์บอกว่า จริงๆ แล้ว 30 เสียงน่าจะได้ ถ้าเกิดมองในแง่ดี อาจจะ 50-60 ด้วยซ้ำ สำหรับมหาชน
สนธิ – ผมคิดว่าประมาณ 30 กับ 50 ก็คือว่าพรรคมหาชนกำลังจะกลายเป็นพรรคตัวแปร ไม่ใช่พรรคทางเลือก ผมกลับคิดว่าจะไม่มีผลต่อพรรคไทยรักไทย เพราะว่าพรรคมหาชนได้ 30 เสียง พรรคประชาธิปัตย์เสียงจะหายไปเยอะเหมือนกัน พอสมควรนะครับ เพราะฉะนั้นแล้วจะเหมือนกับพรรคไทยรักไทยยุคนี้กับพรรคประชาธิปัตย์ยุคนี้เหมือนกัน จะมีตัวแปรอีกตัวคือพรรคชาติไทย พรรคชาติไทยกับมหาชนรวมตัวได้ซัก 100 เสียงก็จะเป็นตัวแปรอย่างหนัก เพราะถ้าประชาธิปัตย์ได้ ซัก 150 ไทยรักไทยก็ได้แค่ 350 ซึ่งยังไม่พอที่จะอภิปรายนายกรัฐมนตรีแต่ท่านนายกฯต้องการเกิน 400 ก็หมายความว่าพรรคชาติไทย มหาชน ต้องเข้าไปร่วมด้วย คือตั้งพรรคมาเพื่อเข้าร่วมรัฐบาล อย่างนั้นเลย
สโรชา – เหลือเวลาสั้นๆ พรรคประชาธิปัตย์ต้องพูดถึงซักนิดนึงนะ ไม่ค่อยลงรอยกันแล้วพรรคนี้ มันจะไปสู่อะไรละ
สนธิ – ผมคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์กลับไปสู่การเป็นพรรคปักษ์ใต้เหมือนเดิม พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่เพิ่งแตกครั้งนี้ แตกมาแล้วหลายครั้ง ผมเองยังประหลาดใจที่พล.ต.สนั่นลาออก เพราะในอดีตคนที่ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้วและคนที่ยังอยู่พรรคประชาธิปัตย์ในระยะยาว คนที่ยังอยู่ต่อยังได้เปรียบ เพราะว่าความที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมือง แต่ผมดูถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมของการอะไรก็ตามค้านไปทุกเรื่อง คือเล่นการเมืองทุกเรื่อง พรรคประชาธิปัตย์น่าจะเป็นฝ่ายค้านไปอีกอย่างน้อย 2 สมัย อีก 8 ปี ยุคนั้นคงเป็นยุคที่คุณชวน คุณบัญญัติ คุณอาคม เอ่งฉ้วนคงจะลงจากเวทีไปแล้ว ที่น่ากลัวคือคนซึ่งอยู่ในรุ่นใหม่ กลับไม่สามารถโตได้ด้วยตัวเอง เพราะว่าไปได้พฤติกรรมของรุ่นพี่ ในพรรค วิธีการพูดจา เหมือนกันเป๊ะเลย ไม่มีผิดเลยแม้แต่นิดเดียว
สโรชา – เขาบอกว่าคลื่นใต้น้ำที่จะสามารถผลักดันให้หัวหน้าพรรคคนปัจจุบันท่านจะต้องจำใจในที่สุดเป็นไปได้ไหมค่ะ
สนธิ – ยังไม่แน่ใจ แต่ว่าเสียดาย ถ้ามองในเชิงการเมืองแล้วคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่น่าจะพูดจาตัดรอนกับพล.ต.สนั่น เพราะการพูดจาตัดรอนอย่างนั้น เท่ากับว่าไปผลักดันให้พรรคมหาชนนั้นเอนเอียงไปทางพรรคไทยรักไทยค่อนข้างจะมาก
สโรชา – ที่ตอนแรกบอกว่าถกเถียงกันว่าตกลงเป็นพรรคสาขาของใครกันแน่ จริงๆ แล้วเท่าที่คุณสนธิพูดดิฉันสรุปได้ไหมว่า สงสัยจะเอนไปทางไทยรักไทยมากกว่า
สนธิ – เดิมทีพรรคนี้ตั้งมาเป็นพรรคอะไหล่ ของรถยนต์ 2 คัน คือไทยรักไทยและประชาธิปัตย์
สโรชา – เข้าได้ 2 ยี่ห้อเลย
สนธิ – แต่วันนี้ดูแนวโน้มสเป็คเปลี่ยนไปแล้ว น่าจะเข้ากับไทยรักไทยได้มากกว่า แต่ว่าปรากฏการณ์อันหนึ่งที่ผมจะชี้ให้คุณสโรชาเห็น ถ้าสมมติว่าการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหมนี้เกิดขึ้นมาแล้ว โดยที่สมมติว่าพรรคไทยรักไทยได้ไม่ถึง 400 อาจจะ 300 ต้นและพรรคชาติไทยกับ พรรคมหาชน ได้เสียงมากพอสมควร คุณเชื่อผมเลยจะไม่มีการรวมพรรค พวกนี้จะไม่ยอมรวม เพราะเขารู้ว่าเมื่อใดรวมไป เขาจะเป็นอย่างคุณเสนาะ เทียนทองอีกครั้งหนึ่ง ผมคิดว่าเขาจะสถานการณ์แบบนี้ต่อไป
สโรชา - ค่ะ ติดตามนะคะ สำหรับเรื่องราว ของการเมืองไทย ขนาดนี้ยังไม่ถึงวันที่ 11 ก.ค. วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ก็ดูเหมือนวุ่นวาย และมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องทีเดียว เชื่อว่าหลังวันที่ 11 ก.ค. จะมีสีสันมากกว่านี้ และคงจะมีเรื่องราวมาคุยกันในสัปดาห์หน้าและสัปดาห์ต่อไปด้วยค่ะ ติดตามกันนะคะ สำหรับเมืองไทยรายสัปดาห์และพบกันใหม่ศุกร์หน้าเวลา 22.00 น. กว่า ๆ พบกับเรา 2 คนค่ะ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ดิฉัน สโรชา พรอุดมศักดิ์ สวัสดีค่ะ