สังคมญี่ปุ่นต่างออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์เด็กนักเรียนวัย 11 ปี จ้วงแทงเพื่อนร่วมชั้นวัย 12 ปีเสียชีวิต เพียงเพราะความขัดแย้งที่เกิดจากการโพสต์ข้อความทางอินเทอร์เน็ต ขณะเดียวกันสถิติการก่ออาชญากรรมของเยาวชนแดนอาทิตย์อุทัยก็กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรีจุนอิชิโร โคอิซูมิ กล่าวกับคณะกรรมมาธิการรัฐสภาญี่ปุ่นวันพุธ (2) ว่า เขาสงสัยว่าเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญระหว่างเด็กนักเรียนหญิงชั้นประถม 2 คนเกิดขึ้นได้อย่างไร พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ควรออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการดูแลเอาใจใส่บุตรหลานของตนให้มากขึ้น
คำพูดของผู้นำญี่ปุ่นมีขึ้นในขณะเดียวกับที่สื่อมวลชนในประเทศต่างลงบทความวิจารณ์เรื่องดังกล่าว หลังจากเมื่อวันอังคาร (1) ที่ผ่านมา ประชาชนแดนซามูไรต่างตกอยู่ในอาการช็อกกับข่าวการเสียชีวิตของซาโตมิ มิตาราอิ นักเรียนหญิงชั้นประถม 6 วัย 12 ปี ของโรงเรียนโอกูโบะ ในเมืองซาเซโบะ จังหวัดนางาซากิ ทางภาคใต้ของประเทศ
ผู้เคราะห์ร้ายเสียชีวิตเนื่องจากเสียเลือดมาก หลังจากถูกเพื่อนนักเรียนหญิงร่วมชั้นวัย 11 ปี ใช้มีดตัดกระดาษปาดคอและจ้วงแทงในห้องเรียนระหว่างช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน โดยตำรวจเปิดเผยถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุว่า เกิดจากการทะเลาะวิวาทกันผ่านข้อความที่โพสต์ลงในอินเทอร์เน็ต
เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นความรุนแรงที่เริ่มคืบคลานเข้าสู่เยาวชนญี่ปุ่นที่มีอายุน้อยลง หลังจากเมื่อปี 1997 เด็กชายวัย 14 ปีผู้หนึ่งเคยก่อเหตุสะเทือนขวัญสังหารเด็กชายวัย 11 ปี และตัดศีรษะไปวางไว้ด้านหน้าประตูทางเข้าโรงเรียนของตนในเมืองโกเบ จนเป็นเหตุให้รัฐบาลต้องประกาศลดอายุเยาวชนที่รับผิดชอบกับการก่อคดีอาญาลงจาก 16 ปี เหลือ 14 ปี
อย่างไรก็ดี แม้ญี่ปุ่นยังคงถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในประเทศพัฒนาแล้วที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ทว่า ตัวเลขการก่ออาชญากรรมของเยาวชนแดนซามูไรในหลายปีที่ผ่านมากลับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2003 มีเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปีที่ก่อเหตุอาชญากรรมรุนแรงสูงถึง 212 คดี เพิ่มจากหนึ่งปีก่อนหน้านั้น 47 เปอร์เซ็นต์
สำหรับเหตุการณ์ที่ถูกโจษขานมากที่สุดในปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นที่จังหวัดนางาซากิ โดยเด็กชายวัย 12 ปีผู้หนึ่ง ยอมรับสารภาพว่าได้ผลักเด็กชายวัย 4 ขวบ ตกจากหลังคาของอาคารจอดรถจนเสียชีวิต
ส่วนกรณีการเสียชีวิตของ ด.ญ. มิตาราอิครั้งนี้ สื่อมวลชนญี่ปุ่นระบุว่า ฆาตกรจะถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดียังศาลเยาวชนและครอบครัว ซึ่งศาลอาจตัดสินส่งเธอไปยังสถานดัดสันดาน เนื่องจากอายุยังไม่ถึงเกณฑ์จะถูกลงโทษตามกฎหมายอาญาทั่วไป
นายกรัฐมนตรีจุนอิชิโร โคอิซูมิ กล่าวกับคณะกรรมมาธิการรัฐสภาญี่ปุ่นวันพุธ (2) ว่า เขาสงสัยว่าเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญระหว่างเด็กนักเรียนหญิงชั้นประถม 2 คนเกิดขึ้นได้อย่างไร พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ควรออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการดูแลเอาใจใส่บุตรหลานของตนให้มากขึ้น
คำพูดของผู้นำญี่ปุ่นมีขึ้นในขณะเดียวกับที่สื่อมวลชนในประเทศต่างลงบทความวิจารณ์เรื่องดังกล่าว หลังจากเมื่อวันอังคาร (1) ที่ผ่านมา ประชาชนแดนซามูไรต่างตกอยู่ในอาการช็อกกับข่าวการเสียชีวิตของซาโตมิ มิตาราอิ นักเรียนหญิงชั้นประถม 6 วัย 12 ปี ของโรงเรียนโอกูโบะ ในเมืองซาเซโบะ จังหวัดนางาซากิ ทางภาคใต้ของประเทศ
ผู้เคราะห์ร้ายเสียชีวิตเนื่องจากเสียเลือดมาก หลังจากถูกเพื่อนนักเรียนหญิงร่วมชั้นวัย 11 ปี ใช้มีดตัดกระดาษปาดคอและจ้วงแทงในห้องเรียนระหว่างช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน โดยตำรวจเปิดเผยถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุว่า เกิดจากการทะเลาะวิวาทกันผ่านข้อความที่โพสต์ลงในอินเทอร์เน็ต
เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นความรุนแรงที่เริ่มคืบคลานเข้าสู่เยาวชนญี่ปุ่นที่มีอายุน้อยลง หลังจากเมื่อปี 1997 เด็กชายวัย 14 ปีผู้หนึ่งเคยก่อเหตุสะเทือนขวัญสังหารเด็กชายวัย 11 ปี และตัดศีรษะไปวางไว้ด้านหน้าประตูทางเข้าโรงเรียนของตนในเมืองโกเบ จนเป็นเหตุให้รัฐบาลต้องประกาศลดอายุเยาวชนที่รับผิดชอบกับการก่อคดีอาญาลงจาก 16 ปี เหลือ 14 ปี
อย่างไรก็ดี แม้ญี่ปุ่นยังคงถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในประเทศพัฒนาแล้วที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ทว่า ตัวเลขการก่ออาชญากรรมของเยาวชนแดนซามูไรในหลายปีที่ผ่านมากลับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2003 มีเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปีที่ก่อเหตุอาชญากรรมรุนแรงสูงถึง 212 คดี เพิ่มจากหนึ่งปีก่อนหน้านั้น 47 เปอร์เซ็นต์
สำหรับเหตุการณ์ที่ถูกโจษขานมากที่สุดในปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นที่จังหวัดนางาซากิ โดยเด็กชายวัย 12 ปีผู้หนึ่ง ยอมรับสารภาพว่าได้ผลักเด็กชายวัย 4 ขวบ ตกจากหลังคาของอาคารจอดรถจนเสียชีวิต
ส่วนกรณีการเสียชีวิตของ ด.ญ. มิตาราอิครั้งนี้ สื่อมวลชนญี่ปุ่นระบุว่า ฆาตกรจะถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดียังศาลเยาวชนและครอบครัว ซึ่งศาลอาจตัดสินส่งเธอไปยังสถานดัดสันดาน เนื่องจากอายุยังไม่ถึงเกณฑ์จะถูกลงโทษตามกฎหมายอาญาทั่วไป