xs
xsm
sm
md
lg

บริหารพอร์ตเกษียณในโลกที่เปลี่ยนเร็ว: จากหุ้นไทยสู่ AI–Health ทั่วโลก 2026 จากความผันผวนสู่การปรับสมดุล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โดย ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์  ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด

โลกกำลังก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญจากสองเมกะเทรนด์ ได้แก่ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเศรษฐกิจสังคมอายุยืน (Longevity Economy) ซึ่งกำลังเปลี่ยนทั้งรูปแบบการทำงาน การผลิต และความต้องการสินค้า–บริการของผู้คนทั่วโลก ธุรกิจชั้นนำเริ่มฝัง AI ในเกือบทุกกิจกรรม ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานด้านชิปและคลาวด์ ไปจนถึงระบบอัตโนมัติและบริการออนไลน์รูปแบบใหม่ ขณะเดียวกัน สังคมที่ผู้สูงอายุมีจำนวนมากขึ้นทำให้ความต้องการด้านการแพทย์ สุขภาพ และการดูแลระยะยาวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เทรนด์เหล่านี้ไม่เพียงกำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลก แต่ยังส่งผลต่อวิธีที่นักลงทุนวางแผนการออมและการลงทุนเพื่อเกษียณในระยะยาวด้วย 

เมื่อมองในเชิงพื้นที่การลงทุนจะพบว่า บริษัทผู้นำในสองเมกะเทรนด์นี้ส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในสหรัฐฯ ผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม AI ในยุโรปและเอเชีย หรือบริษัทด้านชีวการแพทย์ โรงพยาบาล และเทคโนโลยีสุขภาพในญี่ปุ่นและอเมริกา ตลาดทุนของประเทศเหล่านี้จึงกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังพึ่งพากลุ่มธุรกิจดั้งเดิม เช่น พลังงาน ธนาคาร หรือท่องเที่ยว ที่ได้รับประโยชน์จากเมกะเทรนด์ AI–ดิจิทัล และ Longevity เพียงทางอ้อม ดังนั้น นักลงทุนไทยที่ต้องการให้พอร์ตเติบโตไปกับทิศทางโลก การกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศจึงเป็นโจทย์สำคัญ โดยเฉพาะเมื่อโครงสร้างเศรษฐกิจไทยเองยังมีอัตราการเติบโตที่จำกัดเมื่อเทียบกับหลายประเทศ 

ในบริบทนี้ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เป็นเครื่องมือที่น่าสนใจ เพราะนอกจากให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศได้อย่างมีวินัย จุดเด่นสำคัญคือ กฎอนุญาตให้ “สลับย้ายกอง” ภายในกลุ่ม RMF ได้โดยไม่เสียสิทธิภาษี ตราบเท่าที่ผู้ลงทุนยังถือหน่วยถึงอายุอย่างน้อย 55 ปี และถือครบ 5 ปีนับจากวันที่ลงทุนครั้งแรก การย้ายเงินจึงไม่จำเป็นต้องขายขาดออกมาถือเงินสดให้ผิดเงื่อนไข แต่สามารถทำเป็นคำสั่ง “Switch RMF → RMF” จาก RMF ที่ลงทุนหุ้นไทย ไปยัง RMF ที่เน้นลงทุนต่างประเทศทั้งในหุ้นโลก หุ้นสหรัฐฯ หุ้นเทคโนโลยี หรือธีมสุขภาพ–อายุยืนได้โดยตรง วิธีนี้ทำให้นักลงทุนยังรักษาอายุถือหน่วยเดิมตามกฎหมาย แต่เปลี่ยน “เครื่องยนต์สร้างผลตอบแทน” ของพอร์ตให้สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ใหม่ของโลกมากขึ้น และยังใช้การสวิตช์เป็นเครื่องมือปรับสมดุลระหว่างหุ้นไทยกับหุ้นต่างประเทศได้เป็นระยะ โดยไม่กระทบสถานะภาษี

การเลือก RMF ต่างประเทศจึงควรตั้งอยู่บนแนวคิด “กระจายกว้างแล้วค่อยเสริมธีม” เริ่มจากกองทุนหุ้นโลกหรือกองทุนที่อิงดัชนีขนาดใหญ่ เช่น MSCI World หรือกองทุน Global Equity เป็นแกนกลาง เพื่อให้ได้การกระจายทั้งภูมิภาคและอุตสาหกรรม จากนั้นจึงค่อยเพิ่มสัดส่วน RMF เชิงธีม เช่น เทคโนโลยีโลก AI–ดิจิทัล เฮลธ์แคร์ หรือกองทุนที่เน้นประเทศซึ่งโดดเด่นด้านนวัตกรรมและโครงสร้างประชากร เช่น สหรัฐ อินเดีย หรือบางประเทศในเอเชีย แนวทางนี้ช่วยให้พอร์ตได้อานิสงส์จากการใช้ AI เชิงพาณิชย์ การเติบโตของแพลตฟอร์มดิจิทัล และการที่ประชากรมีอายุยืนขึ้นต้องพึ่งพาบริการด้านการแพทย์และการเงินระยะยาวมากขึ้น ทั้งหมดนี้ยังสามารถปรับน้ำหนักไป–มาได้ตลอดช่วงลงทุน โดยใช้สิทธิการสวิตช์ RMF ช่วยจัดสมดุลระหว่างความเสี่ยงและโอกาสให้เหมาะกับสภาวะตลาด 

เมื่อมองภาพรวมด้วยกรอบคิดว่า “พื้นที่เติบโตหลักอยู่ต่างประเทศ แต่ฐานชีวิตอยู่ไทย” นักลงทุนไทยจึงสามารถใช้ RMF เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเป้าหมายเกษียณในประเทศกับโอกาสการเติบโตในต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ การย้ายเงินจาก RMF หุ้นไทยบางส่วนไปยัง RMF ต่างประเทศจึงไม่ใช่แค่การหนีตลาดที่ไม่ดีในระยะสั้น แต่เป็นการ Allocate เงินไปยังภูมิภาคที่อยู่ในเมกะเทรนด์ของโลก เพื่อรักษาศักยภาพผลตอบแทนของพอร์ต RMF ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ในสภาวะที่เศรษฐกิจไทยยังชะลอตัว การผสมผสาน RMF ในประเทศกับ RMF ต่างประเทศอย่างเหมาะสม จึงเป็นหัวใจของการออกแบบพอร์ตเกษียณยุคใหม่ที่ใช้สิทธิภาษีได้เต็มที่
กำลังโหลดความคิดเห็น