xs
xsm
sm
md
lg

บัวหลวงชวนลงทุนRMF-Thai ESG เน้นเกาะเทรนด์ตามสถานการณ์โลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กลยุทธ์ลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีปีนี้ BBLAMแนะนำให้เน้นตราสารหนี้ โดยลงทุนเต็มสิทธิในกองทุน B-SI-THAIESG ควบคู่กับวิธีกระจายลงทุน    เพื่อโอกาสเพิ่มผลตอบแทนในกองทุน B-GLOBALRMF และ  B-ASIARMF   รวมไปถึงเน้นๆ ในเทรนด์เทคโนโลยี   ซึ่งชัดเจนแล้วว่า ยังโดดเด่นในอนาคตกับ B-INNOTECHRMF

รายงานข่าวจาก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ปีนี้และคาดว่าจะสืบเนื่องในปีถัดไป จะเห็นได้ว่า สถานการณ์โลกมีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ผลต่อเนื่องจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ตามมาด้วยความปั่นป่วนจากการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รวมไปถึงเศรษฐกิจของประเทศที่สำคัญๆ  อีกหลายประเทศที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เหตุการณ์ข้างต้น ไม่เพียงกระทบไปทุกภาคส่วน ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ด้านการลงทุนก็กระทบไปด้วยและยากต่อคาดเดาพอสมควร

BBLAM จึงมองว่า การวางกลยุทธ์ลงทุนในปีนี้ ควรเน้นไปที่ตราสารหนี้เป็นหลัก และรอจังหวะการปรับเปลี่ยน   เพื่อเพิ่มน้ำหนักลงทุนในกองทุนหุ้นที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น  ขณะเดียวกัน ไม่อยากให้นักลงทุนไปอยู่ตราสารหนี้ทั้งหมด จนเสียโอกาสที่จะเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารทุน เพราะปีนี้ หุ้นก็สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน BBLAM จึงมองว่าไปที่ 2 กลยุทธ์สำหรับการลงทุนในกองทุนหุ้น กลยุทธ์แรก ได้แก่ กระจายลงทุน ซึ่งน่าจะตอบโจทย์ได้ดีในสถานการณ์เช่นนี้ จึงแนะนำให้กระจายลงทุนในหุ้น ทั้งฝั่งตลาดที่พัฒนาแล้ว และหุ้นทางเอเชีย และกลยุทธ์ที่สอง คือ เน้นๆ ไปกับอุตสาหกรรมที่เป็นโอกาสต่อไปในอนาคต ซึ่งกลุ่มเทคโนโลยีก็พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า เป็นโอกาสของทั้งวันนี้และอนาคต

อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์การลงทุนที่แตกต่างไปจากปีก่อนๆ  การมองหาสินทรัพย์ทางเลือก   ที่นอกเหนือจากตราสารหนี้และหุ้น   เพื่อลงทุนก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งทาง BBLAM เองก็มองไปที่ “หน่วยลงทุนทองคำ” ซึ่งในช่วงเวลานี้ ถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่ดีต่อการลงทุนและใช้ปรับความเสี่ยงของพอร์ต

สำหรับกองทุนตราสารหนี้ที่ BBLAM แนะนำให้ลงทุนในกองทุน B-SI-THAIESG ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารภาครัฐไทยเพื่อความยั่งยืน โดยผลตอบแทน ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 12.88% ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด ซึ่งอยู่ที่ 10.84% ต่อปี

ในส่วน   กองทุนหุ้นที่เน้นกระจายลงทุน   แนะนำให้ลงทุนในกองทุนประเภท  RMF  ได้แก่  กองทุน              B-GLOBALRMF         ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของ  Wellington Global Quality GrowthFund, USD S Accumulating Unhedged โดยกองทุนหลักเองก็เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และมีสภาพคล่อง โดยกว่า 60% ของพอร์ตลงทุนหุ้นของกลุ่มประเทศทาง North America ผลตอบแทน ณ วันที่ 30กันยายน 2568 ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 14.43% ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด ซึ่งอยู่ที่ 15.95% ต่อปี สำหรับอีกกองทุนหนึ่งที่เน้นกระจายลงทุนในเอเชียที่แนะนำลงคู่กัน เพื่อให้กระจายลงทุนทั่วโลก ได้แก่ B-ASIARMF ซึ่งกองทุนมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของ Invesco Funds - Invesco Asian Equity Fund ในช่วงเวลาเดียวกันกองทุนมีผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 13.62% ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด ซึ่งอยู่ที่ 15.06%ต่อปี

สำหรับกองทุนที่เน้นเทรนด์เทคโนโลยี BBLAM แนะนำกองทุน B-INNOTECHRMF ซึ่งลงทุนในหน่วยลงทุนของ Fidelity Funds - Global Technology Fund ผลตอบแทน ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 19.45% ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด ซึ่งอยู่ที่ 21.47% ต่อปี และกองทุนที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนทองคำ BBLAM แนะนำ BGOLDRMF ซึ่งลงทุนในหน่วยลงทุนของ SPDR Gold Trust โดยในช่วงเวลาเดียวกัน ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 41.60% ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด ซึ่งอยู่ที่ 46.30%ต่อปี
การลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีปี 2568 นี้ นักลงทุนสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 800,000 บาท ผ่านการลงทุนในกองทุน Thai ESG ซึ่งลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท โดยมีระยะเวลาถือครองหน่วยลงทุนขั้นต่ำ 5 ปีนับจากวันที่ซื้อหน่วยลงทุน และอีก 500,000 บาทผ่านกองทุน RMF โดยมีเงื่อนไขลงทุนต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี และสามารถขายคืนได้ หลังจากอายุ 55 ปี ทั้งนี้ เงื่อนไขการใช้สิทธิลงทุนเป็นไปตามข้อกำหนดจากกรมสรรพากร
กำลังโหลดความคิดเห็น