xs
xsm
sm
md
lg

บลจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ชี้โอกาสลงทุน “Deep Tech” ผ่าน 3 ธีมอนาคต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายมนรัฐ  ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (LH Fund) เผยมุมมองกลยุทธ์การลงทุนว่า เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เข้ามามีบทบาทต่อการทำงานและธุรกิจ แต่การเติบโตของ AI ต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านพลังงาน การสื่อสาร และการประมวลผลขั้นสูงปัจจัยเหล่านี้ได้ผลักดันให้เทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) เข้ามามีบทบาทสำคัญ และคาดว่าจะเป็นเสาหลักใหม่ของเศรษฐกิจโลกในอนาคต LH Fund จึงชู Deep Tech เป็นเมกะเทรนด์แห่งอนาคตที่มีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างเศรษฐกิจโลกในยุคที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยเฉพาะ 3 ธีมเด่น ได้แก่ เศรษฐกิจอวกาศ (Space Economy) ควอนตัมคอมพิวติ้ง (Quantum Computing) และพลังงานนิวเคลียร์(Nuclear Energy)
Space Economy: อวกาศในฐานะระบบเศรษฐกิจใหม่

ช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจอวกาศเติบโตเป็นอย่างมาก จากเทคโนโลยี Reusable Launch ที่ลดต้นทุนการปล่อยจรวดลงกว่า 90% เปิดทางให้ภาคเอกชนเข้าถึงอวกาศได้มากขึ้นรวมถึงเครือข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) ซึ่งเป็นอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งบนบก ทะเลและอากาศ โดยข้อมูลจากอวกาศจะถูกนำไปใช้ในหลายภาคส่วน เช่น การเกษตร การขนส่ง การบริหารภัยพิบัติและการป้องกันประเทศ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนทางเศรษฐกิจได้ ขณะเดียวกันในเชิงยุทธศาสตร์ มีการแข่งขัน Space Race 2.0 ระหว่างสหรัฐฯ จีน และยุโรปผลักดันให้เกิดเร่งการลงทุนทั่วทั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรมดาวเทียม การสื่อสาร และระบบสำรวจอวกาศมากขึ้นทุกปีโดยมีบริษัทอย่าง Rocket Lab, AST SpaceMobile, MDA Space และ Planet Labs เป็นผู้เล่นสำคัญ ซึ่งคาดว่ามูลค่าเศรษฐกิจอวกาศทั่วโลกจะทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2040 สะท้อนถึงทิศทางการเติบโตระยะยาวที่มีศักยภาพสูงของ “เศรษฐกิจอวกาศ”

Quantum Computing: พลังประมวลผลยุคใหม่
เทคโนโลยีควอนตัมกำลังถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านพลังประมวลผลที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของ AI โดยนักวิจัยและภาครัฐทั่วโลกมองว่าควอนตัมคอมพิวติ้ง (Quantum Computing) จะเป็นรากฐานสำคัญของโลกยุคถัดไป ที่สามารถคำนวณปัญหาซับซ้อนได้เร็วกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปหลายล้านเท่า ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์แบบเดิมเริ่มเข้าใกล้ขีดจำกัดทางโครงสร้างแล้ว Quantum Computing จึงจะเข้ามาเป็นแนวทางใหม่ในการแก้ปัญหาการคำนวณที่ซับซ้อนซึ่งประยุกต์ใช้ได้ในหลายอุตสาหกรรม ทั้งด้านการแพทย์ การเงิน พลังงานและวัสดุศาสตร์ เป็นต้น ปัจจุบันมีการลงทุนรวมกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ทั่วโลกเพื่อพัฒนา Quantum Computing ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น IBM, Microsoft และIonQ เริ่มแสดงผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในการพัฒนาระบบควอนตัมที่มีเสถียรภาพมากขึ้น สะท้อนถึงความก้าวหน้าที่ใกล้สู่การใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์ ซึ่งนักลงทุนจำนวนมากมองว่าอุตสาหกรรมควอนตัมมีศักยภาพการเติบโตในระยะยาวเช่นกัน

Nuclear Ecosystem: พลังงานสะอาดเพื่อยุค AI
พลังงานนิวเคลียร์กำลังกลับมาอยู่ในจุดสนใจอีกครั้งในฐานะพลังงานหลักแห่งอนาคตที่ตอบโจทย์ยุค AI ซึ่งต้องการไฟฟ้าจำนวนมหาศาลเพื่อขับเคลื่อน Data Center และระบบประมวลผลขั้นสูง โดยปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยี Small Modular Reactor: SMR หรือ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก ซึ่งปลอดภัย ใช้พื้นที่น้อย และปลอดคาร์บอน ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่างMicrosoft, Google, Meta เลือกที่จะลงทุนกับพลังงานชนิดนี้ เพื่อสร้างความมั่นคงทางไฟฟ้าอย่างยั่งยืน ขณะที่รัฐบาลในสหรัฐฯ และยุโรปต่างออกนโยบายสนับสนุนอย่างจริงจัง รวมถึงจัดให้นิวเคลียร์เป็นพลังงานสะอาดตามมาตรฐาน ESG นอกจากนี้การเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ยังได้รับแรงหนุนจากแนวโน้ม Net Zero และการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานคาร์บอนต่ำ ส่งผลให้พลังงานนิวเคลียร์กลายเป็นหัวใจสำคัญของระบบเศรษฐกิจยุคใหม่ที่ต้องการพลังงานต่อเนื่องและเสถียร 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับเทคโนโลยี AI และเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต

ทางเลือกการลงทุนกับกองทุน LH Fund
เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยที่มุ่งเน้นโอกาสการเติบโตจากโครงสร้างเศรษฐกิจแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี บลจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำกองทุน ใน 3 ธีม Deep Tech ดังนี้
• LHSPACE (LH SPACE ECONOMY FUND) กองFeeder Fund ที่ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ ชื่อNeuberger Berman Next Generation Space Economy Fund Class I Accumulating- USD (“กองทุนหลัก”) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของNAV เปิดโอกาสสำคัญในการลงทุนกับ New Space Economy ซึ่งกองทุนบริหารจัดการเชิงรุกเพื่อคัดเลือกบริษัทที่เป็นผู้นำและผู้ที่ได้รับประโยชน์จากระบบนิเวศอวกาศ

• LHQTUM (LH QUANTUM TECHNOLOGY FUND) กอง Feeder Fund ที่ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ Defiance Quantum ETF (QTUM) (“กองทุนหลัก”) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของNAV ซึ่งลงทุนในบริษัทที่เป็นผู้นำด้าน Quantum Computing และ AI Ecosystem เพื่อพลิกเกมการลงทุนสู่โอกาสครั้งใหม่ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด

• LHNUKZ (LH NUCLEAR ENERGY FUND) กองFeeder Fund ที่ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ ชื่อRange Nuclear Renaissance Index ETF (NUKZ) (“กองทุนหลัก”) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV ซึ่งลงทุนในบริษัทที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของพลังงานนิวเคลียร์ทั้งหมด ตั้งแต่ผู้คิดค้นเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบโมดูล(SMR) บริษัทวิศวกรรมผู้ก่อสร้าง ผู้ผลิตไฟฟ้า ไปจนถึงผู้จัดหาเชื้อเพลิงชนิดพิเศษ
กำลังโหลดความคิดเห็น