นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) เปิดเผยว่า เริ่มเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 นักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีควรต้องเริ่มเตรียมตัวและวางแผนการจัดการภาษีกันแล้ว ซึ่งในปี 2568 นี้จะไม่มีกองทุน SSF ให้ลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีเหมือนปีก่อน ๆ จึงอยากให้นักลงทุนวางแผนลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้คุ้มค่าที่สุด ซึ่งในภาพรวมของการวางแผนจัดการภาษีนั้น การลงทุนผ่านกองทุนยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเนื่องจากสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายตามระดับความเสี่ยงที่เรารับได้ และยังสามารถรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้สูงสุดถึง 800,000 บาท โดยทาง KTAM ได้แนะนำ 2 กลุ่มกองทุนรวมเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีประกอบด้วย
กลุ่มกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) แนะนำ 3กองทุน ได้แก่ หุ้นไทย แนะนำ กองทุนเปิดกรุงไทย หุ้นไฮดิวิเดนด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-HiDiV RMF) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนใน SET ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีประวัติการจ่ายปันผลที่ดี สม่ำเสมอ และ/หรือมีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลในอนาคต ซึ่งจากแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนคาดว่าจะทยอยฟื้นตัวและมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยจากเงินปันผลที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ จะช่วยสนับสนุนให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนมีโอกาสปรับขึ้นได้ตามแนวโน้มตลาดหุ้น โดยมีความผันผวนที่น้อยกว่าความผันผวนของตลาดหุ้นในภาพรวม นอกจากนี้ กองทุน KT-HiDiv RMF ยังได้รับรางวัลกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพยอดเยี่ยม ประเภทตราสารทุน จากMorningstar Awards for Investing Excellence 2 ปีติดต่อกันในปี 2024 และ 2025
หุ้นเมกะเทรนด์ แนะนำ กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เทคโนโลยี อาร์ทิฟิเชียล อินเทลลิเจนซ์ อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-WTAI RMF) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนใน Allianz Global Artificial Intelligence (กองทุนหลัก) โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่ได้รับประโยชน์จากวิวัฒนาการของปัญญาประดิษฐ์ โดยจุดเด่นของกองทุน คือไม่ได้จำกัดการลงทุนเฉพาะในกลุ่ม Cloud, Data Center หรือ Semiconductor ที่เป็นกลุ่มหลักในธีม AI megatrend เท่านั้น แต่ยังลงทุนในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ได้รับอานิสงส์จากการนำเอา AI เข้ามาใช้ในธุรกิจ เช่น Healthcare, Financial Services ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาวที่เล็งเห็นว่า AI megatrend จะเป็นโครงสร้างการเติบโตหลักของเศรษฐกิจโลกในหลายทศวรรษข้างหน้า
และสินทรัพย์ทางเลือก แนะนำ กองทุนเปิดเคแทม โกลด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-GOLD RMF) (ความเสี่ยงระดับ 8) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust เพียงกองทุนเดียว โดยกองทุนหลักมุ่งลงทุนในทองคำแท่งเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับราคาทองคำหลังหักค่าใช้จ่าย ซึ่งทองคำถูกมองว่าเป็นหนึ่งในโอกาสการลงทุนระยะยาวที่น่าสนใจในปัจจุบัน ภายใต้แรงขับเคลื่อนทั้งด้านมหภาคและปัจจัยเชิงโครงสร้าง โดยธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเข้าซื้อทองคำเพื่อเป็นสินทรัพย์สำรอง (reserve) ในขณะเดียวกันกระแสเงินลงทุนจากนักลงทุนรายย่อยก็ไหลเข้าสู่กองทุนทองคำเช่นกัน ผ่าน Gold ETFs และกองทุนทองคำอื่น ๆ สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับตัวเลขขาดดุลงบประมาณภาครัฐที่แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ความไม่แน่นอนทางนโยบายการค้าระหว่างประเทศ และการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้เริ่มเข้าสู่วัฏจักรการปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อราคาทองคำ ดังนั้น ทองคำจึงไม่เพียงทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงด้านค่าเงินและความผันผวนของตลาดเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างโอกาสให้กับพอร์ตการลงทุนเพื่อการเกษียณระยะยาวได้อย่างเหมาะสม
สำหรับกลุ่มกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) แนะนำ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทย ESG A Grade 70/30 (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) (KTAG70/30-ThaiESG) (ความเสี่ยงระดับ 5) เน้นการลงทุนในหุ้นที่มี SET ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 70% และตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและ/หรือตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกิน 30% ของ NAV เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างยั่งยืน แต่รับความเสี่ยงได้น้อยกว่าการลงทุนในหุ้น 100%
และกองทุนเปิดกรุงไทย ESG A Grade (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) (KTAG-ThaiESG) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ที่มี SET ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV เพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดในกรณีต่าง ๆ ซึ่งสะท้อนในผลตอบแทนและความผันผวนของกองทุน โดยการลงทุนในกองทุนประเภท ThaiESG นับว่าเป็นทางเลือกและการลงทุนในระยะยาวในกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล อันจะมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน