xs
xsm
sm
md
lg

ยูโอบีชี้เศรษฐกิจโลกโตช้า ชู5สไตล์ตอบโจทย์การลงทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายณัฐพล จันทร์สิวานนท์ กรรมการผู้จัดการ สายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด (บลจ. ยูโอบี) ได้ให้มุมมองว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ภายหลังตัวเลขภาษีนำเข้าที่ประเทศสหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงกับประเทศต่างๆ ออกมาน้อยกว่าที่ประกาศไว้เดิมกว่าครึ่งนึง รวมถึงผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้มาก สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป (Soft landing) โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจการคลัง (The One Big Beautiful Bill) และแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เพื่อลดความเสี่ยงของการชะลอตัวในตลาดแรงงาน ในขณะที่ผลกำไรของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่สหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งจากการลงทุนใน Generative AI ดังนั้น หุ้นสหรัฐฯ จะยังคงมี
ความน่าสนใจ แม้ว่าจะมีมูลค่าที่แพงกว่าภูมิภาคอื่น แต่ยังมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตได้
 
สำหรับเศรษฐกิจในยุโรปยังคงมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นภายหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป(ECB) 
อย่างต่อเนื่อง และการกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัว
ที่ดีอาจทำให้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในยุโรปมีปริมาณที่ลดลงในช่วงที่เหลือของปี ด้านภูมิภาคเอเชีย เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวเช่นเดียวกัน โดยประเทศญี่ปุ่นมีการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับปานกลางจากการบริโภคภายในประเทศ แต่มี
ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อจากตลาดแรงงานที่ตึงตัว ทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศจีนยังคงมีความเปราะบางจากอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ ส่งผลให้การประชุมรัฐบาลจีนล่าสุด ยังคงมีความจำเป็นจะต้องออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนหลักต่อตลาดหุ้นจีนและเอเชีย
 
เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ต่อเนื่องถึงปี 2569 มีแนวโน้มเผชิญกับความท้าทายในหลายด้าน แม้ว่าภาพรวมในช่วงครึ่งปีแรกจะขยายตัวได้ดี โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ขยายตัวถึงร้อยละ 3.0 ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของภาคการส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเกิดจากการเร่งการนำเข้าสินค้าก่อนที่นโยบายภาษีการค้าใหม่จะมี
ผลบังคับใช้ ส่งผลให้การส่งออกโดยรวมขยายตัวถึงร้อยละ 12.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะเดียวกัน 
การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ร้อยละ 1.6 โดยมีแรงสนับสนุนจากการลงทุนในกลุ่มสินค้าทุนและอุตสาหกรรมยานยนต์
 
ด้านนโยบายการคลังไทย การใช้จ่ายภาครัฐมีแนวโน้มปรับลดลงจากการเร่งเบิกจ่ายในช่วงก่อนหน้า ขณะที่ยังไม่มีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่เข้ามาเพิ่มเติมในช่วงเวลานี้ อีกทั้งความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศอาจเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินนโยบายการคลังและการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งอาจส่งผลให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านภาครัฐมีข้อจำกัด
มากขึ้น การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ที่ลดลง ครัวเรือนและธุรกิจขนาดเล็กยังคงเผชิญกับภาระหนี้สินในระดับสูง ซึ่งจำเป็นต้องลดระดับหนี้ลง ส่งผลให้กำลังซื้อ
เพื่อการบริโภคและการลงทุนลดลงตามไปด้วย ขณะเดียวกัน สถาบันการเงินก็เริ่มได้รับผลกระทบจากระดับหนี้เสีย 
(Non-Performing Loan: NPL) ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้สภาพคล่องของครัวเรือนและธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดเล็กตึงตัวมากขึ้น
 
ในด้านเงินเฟ้อ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงอยู่ในแดนลบ โดยล่าสุดในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ร้อยละ -0.7 และเฉลี่ยในช่วง 7 เดือนแรกของปีอยู่ที่ร้อยละ 0.21 โดย บลจ. ยูโอบี คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในแดนลบในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากฐานราคาน้ำมันในปีก่อนยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับแรงกดดันจากสินค้าราคาถูกที่นำเข้าจากประเทศจีน และกำลังซื้อภายในประเทศ
ที่อ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงร้อยละ 0.1 ถึง 0.3 จากภาพรวมดังกล่าวคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะปรับลดลงอีก 0.25% เหลือร้อยละ 1.25 ภายในสิ้นปีนี้ และอาจปรับลดลงอีก 1 ถึง 2 ครั้งในปี 2569 ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในช่วงร้อยละ 0.75 ถึง 1.00 แนวโน้มตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป 
โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังนโยบายภาษีของสหรัฐฯ มีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการลงทุนภาครัฐ และเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมดิจิทัล จะเป็นปัจจัยสำคัญใน
การประคับประคองการเติบโตภายในประเทศ ผสานกับนโยบายทางการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยที่มีแนวโน้ม
ผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของตลาดทุน อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยกดดันที่ต้องติดตาม 
เช่น ระดับหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังสูง และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ยังต้องใช้เวลา
 
บลจ. ยูโอบี แนะนำกระจายการลงทุนในต่างประเทศโดยเรามีมุมมองเชิงบวกต่อตราสารทุนของสหรัฐฯ และตราสารหนี้ เนื่องจากนโยบายดอกเบี้ยของสหรัฐฯ รวมถึงประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ช่วงขาลง เราจึงมีมุมมองลงทุนในตราสารหนี้โดยเน้น
กลยุทธ์เพิ่มอายุตราสารประกอบกับการคัดเลือกเครดิตอย่างระมัดระวัง
 
นายกุลฉัตร จันทวิมล กรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด (บลจ. ยูโอบี) ได้ให้คำแนะนำทางเลือกผลิตภัณฑ์การลงทุน เพื่อรองรับวัตถุประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกันของ
ผู้ลงทุนดังนี้
1. เพื่อบริหารสภาพคล่องหรือต้องการลงทุนในระหว่างรอจังหวะการลงทุน กองทุนที่แนะนำ ได้แก่
• กองทุนเปิด ไทย แคช แมเนจเม้นท์ ที่มีความมั่นคงและมีสภาพคล่องสูง
• กองทุนเปิด ยูไนเต็ด อินคัม เดลี่ อัลตร้า พลัส ฟันด์(UIDPLUS) และกองทุนเปิด ไทย ตราสารหนี้ (TFIF)

2. เพื่อกระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้ทั่วโลก และรับความผันผวนได้ปานกลาง กองทุนที่แนะนำ ได้แก่กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล อินคัม สตราทีจิค บอนด์ ฟันด์ หน่วยลงทุนชนิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบปกติ (UGIS-N) และกองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล อินคัม สตราทีจิค บอนด์ เอฟเอ็กซ์ ฟันด์หน่วยลงทุนชนิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบปกติ(UGISFX-N)

3. เพื่อโอกาสลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย และรับความผันผวนได้ปานกลางเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ซึ่งกองทุนที่แนะนำ ได้แก่
กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ซีไอโอ อินคัม ฟันด์ TH หน่วยลงทุนชนิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบปกติ (UIFT-N)
กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ซีไอโอ โกรท ฟันด์ TH หน่วยลงทุนชนิดเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป (UGFT-M)
• เพื่อโอกาสการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มการเติบโต : กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ยูเอส โกรท ฟันด์ (UUSA-M) และเพื่อโอกาสการลงทุนในตราสารทุนสหรัฐฯ :กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ยูเอส เทคโนโลยี อิควิตี้ ฟันด์ (UUSTECH)

4. สำหรับการจัดพอร์ตลงทุนในระยะกลาง-ยาว ในหุ้นกลุ่มคุณภาพดีและเติบโตสูง กองทุนที่แนะนำ ได้แก่ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล ดูเรเบิ้ล อิควิตี้ ฟันด์(UGD) กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล อิควิตี้ แอบโซลูท รีเทิร์น (UGEAR)

5. โอกาสการลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศ หรือสินทรัพย์ทางเลือก เพื่อกระจายความเสี่ยงกองทุนที่แนะนำ ได้แก่กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล ซัสเทนเนเบิล อินฟราสตรัคเจอร์ อิควิตี้ ฟันด์ หน่วยลงทุนชนิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบปกติ (UINFRA-N) กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ ฟันด์ – H(UOBSG-H) )

นอกจากนี้  บลจ. ยูโอบี ยังมีทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการ Solution ในการลงทุนเฉพาะทาง ได้แก่ 1. USD Fund Solution กองทุนรวมสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD)
• กองทุน Term Fund หรือ กองทุนรวมที่กำหนดอย่างชัดเจนว่าจะถือทรัพย์สินที่ลงทุนตลอดอายุโครงการหรือตลอดรอบการลงทุน
• กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ยูเอสดี เดลี่ ฟันด์ (USDAILY)
• กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ยูเอสดี โกลบอล อินคัม สตราทีจิค บอนด์ ฟันด์ (UGIS-USD)
2. Private Asset Solution รองรับความต้องการของนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกที่มีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว กองทุนที่แนะนำ ได้แก่ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไพรเวท ไดเวอร์ซิไฟด์ เลนดิ้ง ฟันด์ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หน่วยลงทุนชนิดรับซื้อคืนแบบปกติ (UPD-UI-N) และกองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไพรเวท อินฟราสตรัคเจอร์ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หน่วยลงทุนชนิดรับซื้อคืนแบบปกติ (UPINFRA-UI-N)
กำลังโหลดความคิดเห็น