xs
xsm
sm
md
lg

Powell ที่ Jackson Hole สร้างความเชื่อมั่น หรือซ้ำเติม ความกังวล?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โดย ศุภกฤต พิทักษ์พรเกษม, AISA
ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บริษัทหลักทรัพย์บลูเบลล์จำกัด


ประเด็นสำคัญ
• การประชุม Jackson Hole ประจำปี 2025 ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 21-23 ส.ค. ถือเป็น “เวทีพิสูจน์ความน่าเชื่อถือ” ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต่อสายตานักลงทุนทั่วโลก ท่ามกลางแรงกดดันทางการเมืองจากรัฐบาลทรัมป์ เศรษฐกิจที่เริ่มสะดุดบางจุด และเงินเฟ้อที่ยังไม่กลับสู่เป้าหมาย 2% อย่างชัดเจน ซึ่งเจอโรม พาวเวลล์ กำลังเผชิญความท้าทายหลัก 3 ข้อ ได้แก่
• แรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการการลดดอกเบี้ยอย่างรุนแรง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
• ตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนแรง
• ความไม่แน่นอนของเงินเฟ้อที่ยังถูกบิดเบือนจากภาษีนำเข้าและต้นทุนธุรกิจ

หนึ่งในโจทย์ใหญ่ คือ ผลของมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าที่ทำให้ภาคธุรกิจต้องรับภาระแทนผู้บริโภค แม้ราคานำเข้าปรับสูงขึ้น แต่ดัชนี CPI ล่าสุดยังไม่สะท้อนแรงกดดันเต็มรูปแบบ บางสินค้า เช่น รถยนต์ ยังปรับลดลงด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ภาพนี้ไม่น่าจะยืนยาว ในระยะถัดไป ธุรกิจจะเริ่มผลักต้นทุนกลับไปยังผู้บริโภค ซึ่งอาจทำให้เงินเฟ้อ CPI เร่งตัวขึ้น และหากเป็นเช่นนั้น Fed จะต้องเลือกระหว่างควบคุมเงินเฟ้อ (คงดอกเบี้ย) หรือประคองตลาดแรงงาน (ลดดอกเบี้ย)

แม้ Powell ยืนยันว่าตลาดแรงงานยังไม่อ่อนแอจนน่าเป็นห่วง แต่การทบทวนตัวเลขการจ้างงาน (Payrolls revision) ในเดือน พ.ค. - มิ.ย. สะท้อนการอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด อัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.3% ซึ่งไม่สูงเกินไป แต่สัญญาณหลายด้านบ่งบอกถึงความเปราะบางมากขึ้น ซึ่งการประชุมที่ปีนี้ใช้ธีม “Labour Markets in Transition” ทำให้ Powell ต้องอธิบายประเด็นนี้โดยตรง หาก Fed เร่งลดดอกเบี้ยเกินไป อาจถูกมองว่ายอมตามแรงกดดันการเมือง แต่หากชะลอเกินไป ตลาดแรงงานก็อาจสะดุดรุนแรงยิ่งขึ้น

 ภายใน FOMC เองก็เริ่มมีเสียงแตก คณะกรรมการฝ่ายผ่อนคลาย เช่น Bowman สนับสนุนการลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงการจ้างงาน ขณะที่ฝ่ายเข้มงวด เช่น Goolsbee มองว่าเศรษฐกิจยังแข็งแรงเกินกว่าจะรีบผ่อนคลาย ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลทรัมป์กดดัน FED อย่างต่อเนื่อง โดยรัฐมนตรีคลัง Scott Bessent และทีมที่ปรึกษาเรียกร้อง “Bold Cut” หรือการลดดอกเบี้ย 50bps ทำให้เกิดคำถามว่า Fed จะรักษาความเป็นอิสระได้ขนาดไหน

ด้านตลาดการลงทุน ขณะนี้มีการ “Price in” การลดดอกเบี้ย 25bps ในเดือนกันยายนไปแล้วกว่า 90% หมายความว่า ถ้า Powell บอกว่าจะลดดอกเบี้ยเดือน ก.ย. ตลาดอาจไม่ตอบรับเชิงบวกมากนัก แต่ถ้าไม่ลดดอกเบี้ย ตลาดตอบรับเชิงลบแน่นอน

ที่ผ่านมา เวที Jackson Hole ส่งแรงกระเพื่อมต่อตลาดการลงทุนเสมอ ไม่ใช่เพราะสิ่งที่ Powell กล่าว แต่อยู่ที่ตลาด “คาดไว้แค่ไหน” ในปี 2019 คำพูดกลาง ๆ ของ Powell ไม่มีน้ำหนักเท่าทวีตโจมตีจีนของ Trump ที่กดดันตลาดหุ้นให้ร่วงแรง - ปี 2020 เมื่อ Fed ประกาศกรอบนโยบายเงินเฟ้อใหม่ สินทรัพย์ต่างๆปรับตัวขึ้นแรง - ปี 2021 ตลาดตอบรับเชิงบวกเมื่อ Powell บอกว่าการลด QE ไม่ได้แปลว่าจะขึ้นดอกเบี้ย - ปี 2022 Powell ย้ำชัดว่าจะคงดอกเบี้ยนานขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นร่วงหนัก - ปี 2023 Powell ย้ำการคงดอกเบี้ยในระดับสูงต่อ ก่อนที่ตลาดจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในปี 2024 หลัง Powell ส่งสัญญาณผ่อนคลายแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ทุกสินทรัพย์ปรับตัวขึ้นแรง

ดังนั้นสิ่งสำคัญ ในการติดตามการประชุม Jackson Hole คือ “ความคาดหวังของตลาด” ที่สะสมมาก่อนหน้า เพราะหากสิ่งที่ Powell ส่งสัญญาณออกมาตรงกับสิ่งที่ตลาดคาดไว้ ตลาดจะขยับในกรอบแคบ แต่หากขัดแย้งกัน ก็จะทำให้ตลาดการลงทุนผันผวนขึ้น-ลงแรงทันที
 
คำแนะนำการลงทุน
 
เนื่องจาก สถานการณ์ของ FED ปีนี้ ที่เต็มไปด้วยแรงกดดันสองด้าน คือเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มส่งสัญญาณอ่อนแรง จากตลาดแรงงานที่ชะลอลง และแรงกดดันจากรัฐบาลที่ต้องการให้ FED ลดดอกเบี้ยแรง เพื่อพยุงเศรษฐกิจ ก่อนเข้าสู่ปีเลือกตั้งกลางเทอม ปัจจัยเหล่านี้ทำให้โอกาสที่ FED จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยมีสูง แต่เชื่อว่า Powell ก็ต้องรักษาภาพความเป็นอิสระ

เรามองว่าการสัมนา Jackson Hole ในปีนี้ ไม่ได้เป็นเวทีที่ FED จะผลักดันตลาดการทุนให้ขึ้นทะยานฟ้า หรือ สกัดขาให้ตลาดล้มหัวทิ่ม แต่จะเป็นเวทีที่ FED “ใช้สร้างความมั่นใจ” ให้กับตลาดเรื่องการลดดอกเบี้ย โดยจะ “ไม่ได้ให้ความหวัง” กับตลาดมากจนเกินไป ดังนั้นทิศทางของตลาดหุ้นหลังการประชุม Jackson Hole น่าจะไปต่อ แต่จะไม่ได้ขึ้นอย่างร้อนแรง

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะนำให้วางพอร์ต “เชิงรับ” มากขึ้น แต่ก็ต้องพร้อมรุกเสมอ แนะนำให้แบ่งขายทำกำไรกองทุนใน Tacitcal Portfolio ที่มีกำไรแล้ว เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนหากตลาดปรับตัวลง และ แบ่งบางส่วน Let Profit Run ต่อ

เรามองว่าตลาดหุ้นยังคงมี Upside โดยเฉพาะกลุ่ม Tech / AI ที่ได้อานิสงส์โดยตรงจากต้นทุนเงินที่ลดลง ทว่ารอบนี้ราคาสะท้อนความคาดหวังไปมากแล้ว จึงควรใช้กลยุทธ์ถือต่อแต่ทยอยล็อกกำไร โดยเฉพาะในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่มูลค่าเริ่มตึงตัวมากขึ้น

 
 
กำลังโหลดความคิดเห็น