บลจ.กสิกรไทยโชว์AUMครึ่งปีแรกพุ่ง8หมื่นล้านบาท รับอานิสงส์เงินไหลเข้ากองตราสารหนี้-กองทุนผสม ในช่วงตลาดหุ้นไทยทรุด-เศรษฐกิจไทยชะลอตัว แนะลงทุนหุ้นกลุ่มปันผลสูงช่วยต้านทานความผันผวนและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ พร้อมคาดหุ้นไทยมีโอกาสแตะ1,300จุด แม้จีดีพีโตต่ำแค่ 1.5% นักท่องเที่ยวหดตัว แต่ยังมีการลงทุนและนโยบายภาครัฐหนุน จับตาต่างชาติทยอยช้อนหุ้นไทย4กลุ่มหลังราคาปรับลดลงมาในระดับที่น่าสนใจ
นายวิน พรหมแพทย์ CFA ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) แตะระดับ 2 ล้านล้านบาท ภายในปี 2570 ส่วนครี่งปีที่ผ่านมาเม็ดเงินลงทุนใหม่ในอุตสาหกรรมกองทุนรวมอยู่ที่ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท โดยกว่าครึ่งหรือประมาณ 8 หมื่นล้านบาท เป็นเม็ดเงินใหม่ที่เข้ามาลงทุนกับบริษัทโดยเฉพาะกอทุนตราสารหนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันAUM ของบริษัทอยู่ที่ 1.7 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 7% ซึ่งถือประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีหลังจากบริษัทแนะนำการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ และกองทุนผสมในช่วงที่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยชะลอตัวลง
สำหรับแนวโน้มการลงทุนที่บริษัทแนะนำยังคงเป็นการลงทุนในกองทุนผสมตามแนวทางการบริหารพอร์ตแบบ Core & Satellite Portfolio พร้อมอัปเดตสถานการณ์การลงทุน มีข้อมูลเชิงลึกให้ลูกค้าจากความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกคือJ.P. Morgan Asset
“ในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวนตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงเราแนะนำลูกค้าตั้งแต่ต้นปีว่ากองทุนตราสารหนี้ถือเป็นทางเลือกที่ดีในการหลีกเลี่ยงความผันผวน นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมากองทุนยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับสูงอีกด้วย โดยคาดว่าช่วงที่เหลือของปีนี้หุ้นไทยยังต้องเผชิญความผันผวน และต่างชาติเองน่าจะยังไม่กลับเข้าลงทุนหุ้นไทยมากนัก อย่างไรก็ตามหุ้นในกลุ่มปันผลยังถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนในหุ้นไทยช่วงนี้และคาดว่าจะมีอัตราปันผลอยู่ที่ประมาณ6-7%ได้ในปีนี้”
ด้านนาสาวภารดี มุณีสิทธิ์,CFA รองกรรมการผู้จัดการสายการลงทุนตลาดทุน บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปีนี้น่าจะมีโอกาสแตะที่ระดับ 1,300 จุดได้ภายหลังจากการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯได้ข้อยุติและมีการเรียกเก็บอยู่ที่ 19% อย่างไรก็ตามหุ้นไทยยังเผชิญกับความผันผวน และภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับต่ำ โดยคาดว่าGDPของประเทศไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 1.5% ส่งผลให้มีการปรับลดกำไรของบริษัทจดทะเบียนลดลง
“ตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังคงจะเริ่มเห็นผลกระทบจากการเก็บภาษีเพิ่มขึ้นของสหรัฐ รวมถึงการลดลงของตัวเลขนักท่องเที่ยวในปีนี้ที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ประมาณ 32 ล้านคนซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา โดยสิ่งที่ควรจับตาคือการลงทุนภาครัฐที่จะมีการเบิกจ่าย และงบกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ อย่างไรก็ตามปัญหาการเมือง และเหตุปะทะตามแนวชายแดนก็อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน”
ขณะที่แนวโน้มการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติยังไม่เห็นสัญญาณกลับเข้ามาลงทุนที่อย่างชัดเจน ถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมาจะการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นการเข้ามาเก็บหุ้นในกลุ่มปันผลที่ราคาปรับลดลงมาถึงระดับที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในหุ้น4กลุ่มหลักได้แก่ อสังหาฯ ธนาคาร สื่อสาร และพลังงาน
ส่วนการกลับเข้าลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยอีกครั้งน่าจะดูจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นเป็นหลักและต่อจากนี้หากหุ้นไทยปรับลดลงไม่เกิน1,050จุดอาจเห็นนักลงทุนต่างชาติหันกลับมาสนใจลงทุนในหุ้นไทยอีกครั้งหนึ่ง