นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนวรรณ จำกัด(บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่า บลจ.วรรณ มองว่าภาพรวมตลาดทุนยังเผชิญความผันผวนโดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดยังรอความชัดเจนจากการเจรจากำแพงภาษีกับทางสหรัฐฯ สงครามการค้าโลก โดยประเทศไทยโดนอัตราภาษีนำเข้าไปยังสหรัฐฯ 36% ถือว่ากระทบต่อภาคการส่งออกและการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ในส่วนปัจจัยภายในประเทศ ตลาดหุ้นยังถูกกดดันจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ ซึ่งกระทบต่อนโยบายการคลังและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อตลาดหุ้นไทย
นายพจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ปัจจุบันภาครัฐมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุน GDP เพิ่มขึ้นราว 0.4% รวมถึงเงินเฟ้อที่ทรงตัวระดับต่ำที่อาจหนุนให้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดอัตราดอกเบี้ยได้อีก 1 – 2 ครั้งในปีนี้ สู่ระดับ 1.25-1.50% (Base case) จากเศรษฐกิจไทยที่ขาดแรงหนุนและขยายตัวในระดับต่ำ แต่ปัจจัยบวกข้างต้น ตลาดการเงินไทยได้สะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว และยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ที่มาหนุนความน่าสนใจในตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 3 นี้
ในส่วนของบลจ.วรรณ แนะปรับกลยุทธ์กระจายการลงทุนในกองทุนตลาดเงินและกองทุนตลาดตราสารหนี้คุณภาพระยะสั้นในประเทศ ช่วงที่ตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศยังมีโอกาสเผชิญความผันผวน โดย บริษัทฯ ประกาศปรับลดค่าธรรมเนียมการจัดการและค่าธรรมเนียมนายทะเบียน กองทุนตลาดเงิน และ กองทุนตราสารหนี้ 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนแรก กองทุนเปิด วรรณเดลี่ หน่วยลงทุนชนิดสะสมมูลค่า สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป (1AM-DAILY-RA) กองทุนเปิด วรรณเดลี่ หน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม (ONE-DAILY-SSF) กองทุนที่สอง กองทุนเปิด วรรณ ชอร์ตเทอม ฟิกซ์ อินคัม หน่วยลงทุนชนิด A (ONE-FIXED-A) ในอัตราค่าธรรมเนียมการจัดการ 0.05%ต่อปี ค่าธรรมเนียมนายทะเบียน 0.05% ต่อปี และกองทุนที่สาม กองทุนเปิด เอกตราสารหนี้คืนกำไร (ONE-FAR) ปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมการจัดการเหลือ 0.25% ต่อปี ค่าธรรมเนียมนายทะเบียน 0.05% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2568
ทั้งนี้ บลจ.วรรณเชื่อมั่นว่า การกระจายการลงทุนในกองทุนตลาดเงินและกองทุนตราสารหนี้คุณภาพระยะสั้นในประเทศเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญเพื่อรักษาเสถียรภาพให้พอร์ตในช่วง 3 เดือนข้างหน้านี้เป็นอย่างน้อย