สมาคมตลาดตราสารหนี้หั่นเป้าเอกชนออกหุ้นกู้เหลือ 8 แสนล้าน เหตุเศรษฐกิจซบ ชะลอดูอัตราดอกเบี้ยปรับลงก่อนตัดสินใจ ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่มีทางเลือกมากขึ้น หันเจรจาใช้วงเงินกู้แบงก์แทน เผยครึ่งปีมี11เลื่อนชำระหนี้แล้ว ส่วนทั้งปียังต้องจับตา หลังปีที่ผ่านมามี17บริษัทเลื่อนชำระหนี้
ดร.สมจินต์ ศรไพศาลกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) เปิดเผยว่าแนวโน้มการออกหุ้นกู้ภาคเอกชนในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 8 แสนล้านบาท ลดลง จากที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อต้นปีอยู่ที่ 8.5-9 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และอีกส่วนน่าจะมาจากการชะลอการออกหุ้นกู้เพื่อรอดูสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีที่คาดว่าจะปรับลดลงได้อีก1ครั้งในอัตรา 0.25% รวมถึงการที่เอกชนรายใหญ่มีทางเลือกในการหาแหล่งเงินทุน และเจรจากับธนาคารพาณิชย์มากขึ้น
ส่วน ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณของบริษัทที่เข้าข่ายเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา มีบริษัทที่ทำการเลื่อนชำระหนี้ออกไปแล้ว 11 บริษัท ขณะที่ในปี2024 มี จำนวนบริษัทที่เลื่อนชำระหนี้ทั้งหมด 17 บริษัท
ทั้งนี้ ตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ขยายตัวได้เล็กน้อยจากการเพิ่มขึ้นของตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลเป็นสำคัญ ในขณะที่ภาคเอกชนมีการออกหุ้นกู้ลดลง 19.3% จากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา
สำหรับ มูลค่าตลาดตราสารหนี้ไทย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 มีมูลค่าคงค้างเท่ากับ 17.3 ล้านล้านบาท (คิดเป็น 93% ของ GDP) เพิ่มขึ้น 1.1%จาก
สิ้นปี 2567 จากการเพิ่มขึ้นของตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลเป็นสำคัญ ในขณะที่มูลค่าคงค้าง
ตราสารหนี้ภาคเอกชนลดลงเล็กน้อยจากสิ้นปีที่ผ่านมา
• การออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวลดลง 19.3% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว: ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มูลค่าการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว (หุ้นกู้ระยะยาว) เท่ากับ 398,820 ล้านบาท ลดลง 19.3%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการลดลงของทั้งกลุ่ม Investment Grade และกลุ่ม High Yield
• นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทย32,331 ล้านบาท ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568:โดยเป็นการขายสุทธิตราสารหนี้ไทย 11,989 ล้านบาทในเดือนมกราคม จากนั้นเป็นการเข้าซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องในเดือน ก.พ. –เม.ย. รวม 79,240 ล้านบาท ก่อนจะพลิกกลับเป็นการขายสุทธิ
ตราสารหนี้ไทยในเดือน พ.ค. - มิ.ย. รวม 34,921 ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 นักลงทุนต่างชาติมีการถือครองตราสารหนี้ไทยเท่ากับ 9 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5.2% ของมูลค่า
คงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย
• เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวต่ำลง: อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (Bond Yield) ปรับตัวต่ำลงทั้งเส้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ตามการปรับลดของอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทย 2 ครั้งในเดือนกุมภาพันธ์และเมษายน ส่งผลให้ Bond yield ไทยรุ่นอายุ 2 ปี 5 ปี และ10 ปี ปรับตัวลดลง 62-70 bps. จากสิ้นปี 2567มาอยู่ที่ระดับ 1.40%, 1.40% และ 1.60% ตามลำดับ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568
• เส้นอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาคเอกชนปรับตัวต่ำลงในทิศทางเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล: ในช่วงครึ่งแรกปี 2568 อัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้รุ่นอายุ 5 ปีของหุ้นกู้กลุ่ม AAA AA A และ BBB+ ปรับตัวลดลง 52-93 bps. มาอยู่ที่ระดับ 1.88%2.29% 2.75% และ 3.91% ตามลำดับ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568
• อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มปรับลดลงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี: ผลสำรวจจาก
ผู้ร่วมตลาดส่วนใหญ่คาดว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ราว 1 ครั้ง รวม 0.25% ลงมาอยู่ที่ 1.50% จากปัจจุบันที่ 1.75% สำหรับการคาดการณ์ Bond yield ไทย ผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่า Bond yield ไทยรุ่นอายุ 5 ปี และ 10 ปี ในช่วงที่เหลือของปี2568 จะขยับตัวลดลงเฉลี่ยราว 5-10 bps. จากสิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 จากปัจจัยเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย ภาวะเศรษฐกิจโลกและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ