xs
xsm
sm
md
lg

วิริยะตั้งเป้าเบี้ยรวม 4.2 หมื่นล้าน ลุยขยายนอนมอเตอร์-ประกัน EV

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วิริยะตั้งเป้าปี 68 กำไร 3 พันล้าน กวาดเบี้ยรับแตะ 42,569 ล้านบาท โตเกือบ 4% พร้อมโชว์ผลงานแกร่งปีที่ผ่านมาเบอร์หนึ่งประกันวินาศภัย โตฝ่าเศรษฐกิจชะลอทำเบี้ยรวม 40,879 ล้านบาท เดินหน้าเสริมความสมดุลขยายพอร์ตรับประกันนอนมอเตอร์มากขึ้น ทั้งสุขภาพอุบัติเหตุ ส่วนรถยนต์เดินหน้ารับประกัน EV ต่อเนื่อง ชูยกระดับบริการคุ้มครองทุกวินาที เพื่อความคุ้มค่า**

นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานที่บริษัทตั้งเป้าในปีนี้คือรักษาอัตรากำไรให้อยู่ที่ระดับประมาณ 3 พันล้านบาท จากการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับตรงประมาณ 3.7% อยู่ที่ 42,569 ล้านบาท แบ่งเป็น ประกันภัยรถยนต์ 37,591 ล้านบาท เติบโต 3.3% และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ 4,978 ล้านบาท เติบโต 11% ซึ่งบริษัทจะพยายามเพิ่มความสมดุลด้านการรับประกันภัยมากขึ้นจากการเติบโตของสินค้าประเภทนอนมอเตอร์

สำหรับในปีที่ผ่านมาปี 2567 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท เติบโต 2% แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (Motor) 36,380 ล้านบาท เติบโต 2.1% และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) 4,499 ล้านบาท เติบโต 1.2% อีกทั้งยังคงมั่นคงแข็งแกร่งด้วยสินทรัพย์ที่มีอยู่ถึง 70,904 ล้านบาท และอัตราความพอเพียงของเงินกองทุน (CAR) 220% ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานของเงินกองทุนตามที่กฎหมายกำหนดไว้

ด้านการลงทุนในปีที่ผ่านมาบริษัทมีสินทรัพย์การลงทุนอยู่ที่ 62,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้น 26,000 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลที่มีอันดับเรตติ้งที่ดี โดยสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับ 4% ท่ามกลางการลงทุนผันผวนและในปีนี้เชื่อว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในระดับเดียวกัน

“ปีที่ผ่านมาภาคอุตสาหกรรมประกันภัยต้องเผชิญสถานการณ์ความเสี่ยงและความท้าทายจากปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อที่สวนทางกับกำลังซื้อของผู้บริโภค ความเสี่ยงด้านภัยพิบัติและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค แต่กระนั้น บริษัทยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดประกันวินาศภัยได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยการครองส่วนแบ่งตลาดประกันวินาศภัย อันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 33 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 14.3% ในขณะที่ประกันภัยรถยนต์ซึ่งเป็นพอร์ตหลักของบริษัทยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 เช่นกัน โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 22.6%” นายอมร กล่าว

ส่วนการรับประกันภัยรถยนต์ EV บริษัทยังคงมีการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้บริษัทเตรียมออกแบบประกันใหม่เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ด้วยการออก แบบประกันประเภท 2+ ซ่อมห้างเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ใช้รถ EV โดยเฉพาะ

ชูยกระดับบริการคุ้มครองทุก "วินาที" เพื่อความคุ้มค่า
นายอมร กล่าวอีกว่า ในปี 2568 บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้า พร้อมส่งมอบประสบการณ์ “มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า” โดยจะดำเนินกลยุทธ์ภายใต้แนวคิด “ใช้ทุกวิให้คุ้มค่า : ด้วยบริการที่เป็นเลิศครอบคลุมครบวงจร” ซึ่งมีเป้าหมายในการพัฒนางานบริการให้เป็นเลิศในทุกมิติ

เป้าหมายแรก ยกระดับคุณภาพและความพร้อมในการให้บริการ ทุกจุดที่ลูกค้าได้สัมผัสแบรนด์ (Touchpoint) สอดประสานเป็น Omnichannel สะดวกทุกที่ทุกเวลา ผ่านช่องทางบริการที่หลากหลายและครบวงจร ได้แก่ ขยายงานตัวแทนและนายหน้าประกันวินาศภัย ซึ่งถือเป็นช่องทางงานขายสำคัญของบริษัทให้ได้กว่า 200 ราย

พัฒนาจุดบริการทั้งสาขา ศูนย์บริการสินไหมทดแทน และจุดบริการในห้างสรรพสินค้า (V-Station) ให้ครอบคลุมทุกบริการอย่างครบวงจร ยกระดับงานขายและการให้บริการผ่าน Line OA ทั้งในส่วนของวิริยะประกันภัย และวิริยะประกันสุขภาพ ให้กลายเป็น One Stop Service

ขยายเครือข่ายพันธมิตรเพิ่มตัวแทนศูนย์ซ่อม EV
เป้าหมายที่สอง ขยายเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ระบบนิเวศของบริการ (Ecosystem) ได้แก่ เพิ่มจำนวนตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้ครอบคลุมทุกแบรนด์ทั่วประเทศ พร้อมพัฒนาศักยภาพศูนย์ซ่อมมาตรฐานของวิริยะประกันภัย เพื่อรองรับการให้บริการซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และการขยายเครือข่ายพันธมิตรด้านโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เอาประกันภัยสุขภาพ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังเดินหน้าเพิ่ม Exclusive Partner สำหรับ Privilege Program โดยตั้งเป้าขยาย Exclusive Partner จาก 65 แบรนด์ สู่ 80 แบรนด์ในปีนี้

ยกระดับบุคลากรเสริมแกร่งสู่อนาคต
ส่วนเป้าหมายที่สาม ยกระดับศักยภาพบุคลากรวิริยะประกันภัย ที่มีอยู่กว่า 6,900 คน ตั้งแต่ระดับบริหารไปจนถึงระดับปฏิบัติการ ได้แก่ ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาผู้บริหารตามแผน Individual Development Plan (IDP) เพื่อสรรหาและพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพสูง มีความรู้ ทักษะ และความเชี่ยวชาญ สำหรับเตรียมความพร้อมให้ผู้บริหารรุ่นใหม่ในอนาคตพัฒนาความรู้และเสริมทักษะใหม่ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงไปของเทคโนโลยี เช่น เทคโนโลยี AI เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า 
กำลังโหลดความคิดเห็น