โดย ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด
เพียงแค่เดือนแรกของปี 2568 ต้องยอมรับว่านักลงทุนในตลาดหุ้นไทยต้องเจ็บหนักตั้งแต่ต้นปี หลังจากที่ดัชนีหุ้นไทยเปิดปีใหม่ก็เริ่มลดลงจากบริเวณใกล้ 1,400 จุด จนมาระดับ 1,250 จุด ซึ่งตรงกันข้ามกับตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่ยังคงปรับตัวขึ้น แน่นอนว่าเราต่างชี้หาผู้ร้ายจากปัจจัยที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีของนาย Donald Trump แรงขายของกองทุน LTF การที่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการที่หุ้นไทยถูกขายอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้ร้ายตัวจริงคือการที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่โดนทำลายจนเกิดความไม่มั่นใจและไม่พร้อมที่จะนำเงินมาซื้อหุ้นไทย
หากเราย้อนดูตั้งแต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจะพบว่า ปัญหาที่เกิดจากหุ้นเฉพาะตัวจนนำไปสู่ปัญหาวงกว้าง ทำให้หุ้นไทยโดนแรงขายหนักๆ นั้นมีต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ MORE ต่อด้วยกรณี STARK หรือแม้กระทั่งข่าวหุ้นกู้ ITD จบปีด้วยกรณี EA-NEX หรือปัจจัยเกี่ยวกับการถูก Force Sell ของหุ้นหลายๆ ตัว หรือความไม่เชื่อมั่นในเรื่อง Short Sell และความได้เปรียบของ Program Trading รวมทั้งการที่การเติบโตของเศรษฐกิจและผลประกอบกรของบริษัทจดทะเบียนต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยต่างๆ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาล้วนสร้างความกังวลให้นักลงทุน โดยเราต่างคาดหวังว่าปี 2568 นี้ตลาดจะสร้างความเชื่อมั่นเพื่อดึงเม็ดเงินกลับมาได้ แต่เดือนที่ผ่านมา เราต่างพบว่าหุ้นหลายๆ ตัวโดนแรงขายในรูปแบบ Panic Sell จนทำให้นักลงทุนไม่สามารถตั้งตัวได้ทัน และเจ็บตัวชนิดที่ว่าแม้แต่หุ้นตัวใหญ่ๆ ที่นักลงทุนเลือกลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ต ราคาหุ้นสามารถลดลงอย่างรวดเร็วได้ในเวลาเพียงไม่กี่วันเหมือนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก จึงไม่แปลกใจที่ปัจจุบัน นักลงทุนในประเทศจะขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนในตลาด เพราะไม่รู้เลยว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับหุ้นในพอร์ตของตนเองเมื่อไหร่ และยิ่งในโลกยุคใหม่ที่เงินลงทุนสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ นักลงทุนบางส่วนจึงบอกลาหุ้นไทยไปลงทุนหุ้นเมืองนอกที่มีโอกาสในการทำกำไรมากกว่า อย่าลืมว่าหนึ่งในจุดประสงค์ของตลาดหุ้นคือสร้างความมั่งคั่งที่ให้นักลงทุน
เพราะฉะนั้น โจทย์ของการที่จะฟื้นหุ้นไทยไม่ใช่เกิดแค่จากปัจจัยภายนอกที่ต้องไม่มีอะไรมากระทบเชิงลบ แต่หลักๆ คือปัจจัยภายในที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน การลดความกังวลต่อแรงขายกองทุน LTF รวมถึงการขายกองทุนหุ้นไทยเพื่อย้ายการลงทุนไปต่างประเทศหรือสินทรัพย์ประเภทอื่น และสำคัญที่สุดคือการหยุดเลือดที่กำลังไหลจากปัญหาหุ้นรายตัว หากปัญหาขาดความเชื่อมั่นได้รับการแก้ไขในระดับหนึ่ง ตลาดหุ้นไทยที่ลดลงมาจน Valuation ค่อนข้างถูกในขณะนี้ น่าจะดึงดูดนักลงทุนให้กลับมาลงทุนได้ หรืออย่างน้อยก็ไม่ควรลดลงไปมากกว่านี้ ต่อให้จะมีความไม่แน่นอนจากนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก็ตาม
แต่อย่าลืมว่าหลักการที่ไม่เคยหายไปจากตลาดหุ้นคือ “เมื่อไหร่ก็ตามที่ทุกคนกลัวนั่นคือจุดเริ่มต้นที่บ่งบอกว่า จุดต่ำสุดนั้นอาจจะผ่านพ้นไปแล้ว”