xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้ตั้งเป้า AUM โต 5-6% ชูธีมหุ้นฟื้นตัวช้า-ทรัมป์ 2.0 มาแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บลจ.ทิสโก้เดินหน้าเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้ลูกค้า เปิดกลยุทธ์ลงทุนปี 2568 ด้วย 2 ธีมลงทุนเด่น คือ ธีมที่ได้ประโยชน์จากนโยบายทรัมป์ 2.0 และธีม Laggard Play และมองหาโอกาสสร้างกำไรด้วยการจับจังหวะลงทุนผ่านการเสนอขายกองทุนทริกเกอร์  

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. SaharatChudsuwan Managing Director of TISCOASSET) เปิดเผยว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา บลจ.ทิสโก้ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนและลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะลูกค้าเริ่มเข้าใจการลงทุนและรับความเสี่ยงในการลงทุนหุ้นต่างประเทศมากขึ้น ประกอบกับความสำเร็จในด้านการบริหารกองทุนของ บลจ.ทิสโก้ ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์รวมภายใต้การจัดการ (AUM) ของ บลจ.ทิสโก้เติบโต 40% จาก 290,239 ล้านบาท ในปี 2562 เพิ่มขึ้นเป็น 406,802 ล้านบาท ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเติบโต 7% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 6%ในปีนี้

สำหรับในปีนี้ บลจ.ทิสโก้ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตการขยายฐานลูกค้า และ AUM ในทั้ง 3 ธุรกิจ ทั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนส่วนบุคคล และโดยเฉพาะธุรกิจกองทุนรวม บลจ.ทิสโก้มุ่งมั่นที่จะขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางตัวแทนผู้สนับสนุนการขาย และ ช่องทางออนไลน์ โดยมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งมองหาโอกาสในการออกผลิตภัณฑ์กองทุนใหม่ๆ รวมถึงการนำเสนอกองทุนที่ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง อันได้แก่กองทุนทริกเกอร์ ซึ่งจะทยอยออกในช่วงที่ตลาดหุ้นทั้งในและต่างประเทศมีความผันผวน หรือปรับตัวลดลงโดย บลจ.ทิสโก้เชื่อมั่นว่าจะเป็นกลุ่มกองทุนที่ช่วยจับจังหวะสร้างผลตอบแทนระยะสั้นให้แก่นักลงทุนได้เป็นอย่างดี ดังจะเห็นได้จากในปี 2567 ที่ผ่านมา บลจ.ทิสโก้เปิดเสนอขายกองทุนทริกเกอร์ทั้งหมด 6 กองทุน สามารถบริหารและถึงเป้าหมายในระยะเวลาได้ทั้งหมด 5 กองทุนถึงเป้าหมายเร็วที่สุดคือภายใน 8 วัน  

ทั้งนี้ ณ วันที่ 27 มกราคม 2568 บลจ.ทิสโก้ออกกองทุนทริกเกอร์ฟันด์มาแล้วทั้งหมด 152 กองทุน (ถึงเป้าหมายในระยะเวลา 88 กองทุน และถึงเป้าหมายนอกระยะเวลาลงทุน 32 กองทุน) มีกองทุนที่อยู่ระหว่างลงทุน 1 กองทุน (ยังไม่ถึงเป้าหมายและเกินกว่ากำหนดเวลาลงทุน 11 กองทุน) และกองทุนไม่ถึงเป้าหมายและเลิกกองทุนแล้ว 20 กองทุน

ขณะเดียวกัน บลจ.ทิสโก้ จะเดินหน้าแนะนำ 2 ธีมกองทุนรวมที่โดดเด่นของปี 2568 ได้แก่ ธีมที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย 2.0 ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกอบด้วย กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในธุรกิจ AI ของสหรัฐฯ กองทุนหุ้นขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ และกองทุนหุ้นกลุ่มการเงินสหรัฐฯ รวมถึงธีมกองทุนที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด (Laggard Play) ในปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย กองทุนหุ้นขนาดกลาง เล็กของสหรัฐฯ กองทุนหุ้นเอเชีย และกองทุนหุ้นเวียดนาม 

“จากความสำเร็จในการบริหารจัดการกองทุนทริกเกอร์ในปีที่ผ่านมาสะท้อนว่า บลจ.ทิสโก้เป็นตัวจริงเรื่องกองทุนทริกเกอร์ ซึ่งในปี 2568 เรายังคงเดินหน้าจับจังหวะการลงทุนและนำเสนอกองทุนทริกเกอร์ฟันด์อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมุ่งบริหารทุกกองทุนให้มีผลตอบแทนเหนือดัชนีชี้วัด โดยเฉพาะกองทุนหุ้นไทยที่หลายกองมี Performance อยู่ในระดับต้นๆ ของประเภทกองทุนหุ้นไทยทั้งในช่วงระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว (ข้อมูลจากMorningstar Thailand ณ 25 ม.ค.68) และมั่นใจว่าผู้จัดการกองทุนจะยังคงบริหารกองทุนให้มีผลตอบแทนที่ดีเช่นนี้อย่างสม่ำเสมอ” นายสาห์รัช กล่าว 

อย่างไรก็ตาม จากความมุ่งมั่นในการบริหารกองทุนเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้ลูกค้า เป็นส่วนหนึ่งให้ บลจ.ทิสโก้ได้รับรางวัล บริษัทจัดการกองทุนยอดเยี่ยม (Best Asset Manager) จาก Morningstar Awards 2024 โดยก่อนหน้านี้ บลจ.ทิสโก้ได้รับรางวัลบริษัทจัดการกองทุนยอดเยี่ยม ประเภทกองทุนหุ้นในประเทศ (Best Fund House Winner : Best Domestic Equity)จากการประกาศผลรางวัล Morningstar Awards 2022 และ 2023 มาแล้วถึง 2 ปีซ้อน     
 
นายสุพงศ์วร เมี้ยนโภคา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr.Supongvorn Mianpoka Assistant Managing Director of TISCOASSET) เปิดเผยว่า บลจ.ทิสโก้มองว่าภาพรวมการลงทุนในปี 2568 ยังคงมีความท้าทายอย่างมากเนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นทั่วโลกมีมูลค่า (Valuation) ค่อนข้างแพง โดยเฉพาะฝั่งตลาดประเทศพัฒนาแล้ว ประกอบกับความไม่แน่นอนของนโยบายทรัมป์ที่เดินหน้ามาตรการสงครามการค้าส่งผลกระทบต่อการเติบโตเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่ง บลจ.ทิสโก้คาดว่าทรัมป์จะดำเนินนโยบายทรัมป์ 2.0 ที่หาเสียงไว้ในครั้งนี้อย่างจริงจังมากกว่าการดำรงตำแหน่งครั้งก่อนอย่างแน่นอน 

ดังนั้น ในมุมมองของ บลจ.ทิสโก้ยังคงคาดว่าหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินของสหรัฐฯ หุ้นกลุ่มการบริโภคที่เกี่ยวข้องกับประเทศสหรัฐฯ หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ (Healthcare) จะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นในปีนี้ โดยหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินจะได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ ขณะที่หุ้นกลุ่มการบริโภคของสหรัฐฯ จะได้รับประโยชน์จากการบริโภคในประเทศที่แข็งแกร่ง และหุ้นกลุ่ม Healthcare ที่ราคาหุ้นไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากนักในช่วงปีที่ผ่านมา  

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นจีนเป็นอีกตลาดหุ้นหนึ่งที่น่าจับตาเพราะราคาหุ้นอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเริ่มเห็นผล แต่ยอมรับว่าความเสี่ยงต่างๆ ที่จีนได้เผชิญในปีที่ผ่านมายังคงอยู่ และยังมีความเสี่ยงจากนโยบายของทรัมป์เข้ามาเพิ่มในปีนี้ 

สำหรับตลาดหุ้นไทยในปี 2568 บลจ.ทิสโก้คาดว่าดัชนีจะปิดปีที่ 1,500-1,530 จุด หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปี 2567 แม้ในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เป็นการเติบโตในกลุ่มอุตสาหกรรมที่กระจุกตัวอยู่เฉพาะบางอุตสาหกรรมเท่านั้น เช่น อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก พลังงาน อาหาร และซอฟต์แวร์ ซึ่งไม่ได้เป็นการเติบโตในวงกว้างจึงยังไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม ขณะที่อุตสาหกรรมที่มีแรงงานจำนวนมากนั้นยังไม่เติบโตดีเท่าที่ควร   
กำลังโหลดความคิดเห็น