ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจ และการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ที่คาดว่าอยู่ประมาณ 3% นั้น ส่งผลให้แนวโน้มธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2568 มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 300,000 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนของธุรกิจประกันรถยนต์มีมูลค่าตลาดสูงถึงกว่า 50% ของทั้งหมด หรือประมาณ 160,000 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาธนชาตประกันภัยเป็นผู้นำธุรกิจติด 1 ใน 5 ของประเทศไทย
วิชินี โอรพันธ์ CEO หญิงคนแรกธนชาตประกันภัย กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าและชิงส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจประกันวินาศภัยอย่างเติมที่ โดยจะเน้น 3 กลยุทธ์หลักขับเคลื่อนบริษัท พร้อมส่งมอบคุณค่าของประกันภัยที่ตรงใจลูกค้า หนุนความเชื่อมั่นองค์กร สร้างการเติบโตจากฐานรากสู่การขยายธุรกิจแบบก้าวกระโดดอย่างยั่งยืน
“ในฐานะซีอีโอใหม่ของธนชาตประกันภัย ดิฉันพร้อมนำความรู้ความสามารถในสายงานเดิมด้านงานขาย และ Distribution ที่บริหารงานจนประสบความสำเร็จ นำมาใช้ในการสร้างทีมงานในธุรกิจประกันภัยให้มีคุณภาพ เป็นมืออาชีพ โดยเน้นฟังทุกเสียงความต้องการของลูกค้าในทุกจุดและตอบโจทย์ ซึ่งเป็นการพัฒนาองค์กรจากฐานรากนำไปสู่การเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างยั่งยืน โดยจะโฟกัส 3 เรื่องนี้อย่างจริงจังให้เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับอุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์ และพร้อมส่งมอบคุณค่าประกันภัยแก่ลูกค้าทุกคน” คุณวิชินี กล่าว
คุณวิชินี กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนในอนาคต โดยเฉพาะในธุรกิจประกันภัยที่มีความสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงรอบด้านให้แก่ผู้เอาประกัน บริษัทจึงต้องคำนึงถึงการสร้างคุณค่าของประกันภัย (Value of Insurance) ที่พร้อมส่งมอบบริการที่ดีที่สุดและครบวงจร เพื่อคลายความกังวลของลูกค้า โดยมุ่งเน้นพัฒนา 3 ส่วนหลักที่เกี่ยวข้อง คือ ลูกค้า เทคโนโลยี และบุคลากรในองค์กร เพื่อขับเคลื่อนสู่เป้าหมายที่วางไว้ ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
1. ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ธนชาตประกันภัย พร้อมคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง (Empathize) โดยตอบสนองความต้องการลูกค้าเป็นหลัก ผ่านการสร้างคุณค่าที่มีความแตกต่างในทางธุรกิจอย่างครอบคลุมทั้งในด้านความคุ้มครอง ความเข้าใจลูกค้า รวมถึงการปรับผลิตภัณฑ์และบริการให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายอย่างจริงจัง ส่งผลดีต่อธุรกิจในแง่การต่ออายุประกันภัยที่มากกว่าปีต่อปี นำไปสู่คุณค่าของประกันภัยแบบระยะยาว (Lifetime Insurance) ช่วยสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนของบริษัท
2. การใช้เทคโนโลยีเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจ มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในทุกกระบวนการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น พร้อมนำความต้องการของลูกค้าเป็นแกนหลัก ผสานการใช้เทคโนโลยีเข้ามาร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้โดนใจลูกค้ามากที่สุด ส่งผลต่อการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันได้เป็นอย่างดี เพื่อทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์งานบริการที่ดีขึ้น ระบบเคลมที่รวดเร็ว ระบบการจัดการความเสี่ยงที่แม่นยำ รวมถึงการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกช่องทางใหม่
3. การพัฒนาบุคลากรที่รู้เท่าทัน ทรัพยากรบุคคลเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ธนชาตประกันภัยจึงอบรมให้พนักงานมีความรู้ความเข้าใจ และมีความเป็นมืออาชีพในธุรกิจประกันภัยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างทีมงานที่มีคุณภาพ รองรับการให้บริการลูกค้าได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาด สู่จุดแข็งด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัท นำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมองค์กรของธนชาตประกันภัย นอกจากนี้ พร้อมพัฒนาบุคลากรทุกฝ่ายในระดับบุคคล เพื่อให้เกิดการเปิดรับ เรียนรู้ และพร้อมใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาศักยภาพระดับบุคคลมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ทุกฟันเฟืองของธนชาตประกันภัยร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรนำไปสู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง