xs
xsm
sm
md
lg

KAsset โตกระฉูดแสนล้าน ตั้งเป้า3ปีAUMแตะ2ล้านล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บลจ.กสิกรไทยโตกระฉูดแสนล้าน ดันAUMแตะ1.7ล้านล้านบาท ตั้งเป้า3ปีถึง2ล้านล้านบาท ชู K-WealthPLUS Seriesพอร์ตหลักช่วยจัดพอร์ตกระจายการลงทุน เน้นลงทุนหลากสินทรัพย์ ส่วนหุ้นไทยปีหน้าคาดแตะ1,550จุด ระบุ1,350ดาวน์ไซด์น้อยจังหวะดีทยอยลงทุน

นายวิน พรหมแพทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)กสิกรไทย จำกัด หรือ KAsset เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปีจากนี้ (ปี2568-2570) ผลักดันAUMขึ้นแตะระดับ 2 ล้านล้านบาท ปัจจุบันกองทุนรวมของบริษัทฯอยู่อันดับ1ของอุตสาหกรรม พร้อมกันนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการทำแผนธุรกิจ คาดว่า จะได้ข้อสรุปภายในเดือนก.พ.2568

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น พยายามผลักดัน กองทุนรวมผสม K-WealthPLUS Series ต่อเนื่อง เพราะสัดส่วนลูกค้า 1 ล้านรายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ยังจัดพอร์ตลงทุนน้อยผ่านกองทุนรวมผสม K-WealthPLUS Seriesเพียง 10% เท่านั้น จึงอยากเพิ่มสัดส่วนใสส่วนนี้ นอกจากนี้ พยายามดึงเทคโนโลยี AIเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีศักยภาพมากขึ้น

“เราแนะนำให้ลูกค่ามีการจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยงโดยมีกองทุน K-WealthPLUS เป็นการลงทุนหลักของพอร์ตประมาณ80%และอีก20%เป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนเช่น กองรีท และกองทุนหุ้นเวียดนาม โดยมีประมาณ4-6%ตามระดับความเสี่ยงของพอร์ตหลักที่สามารถเลือกได้ถึง3ระดับ“นายวิน กล่าว

ส่วนแผนการออกกองทุนใหม่ในปีหน้าบริษัทมีความจนใจที่จะออกกองทุนที่มีการลงทุนในหุ้นนอกตลาดเพิ่มเติม และพยายมรวบรวมกองทุนที่มีความซ้ำซ้อนกันเพื่อลดจำนวนและภาระให้แก่นักลงทุนเนื่องจากกองทุนที่มีขนาดเล็กจะมีต้นทุนการบริหารสูงกว่า

นายวิน กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานช่วงที่ผ่านมาของบริษัทปีนี้เติบโตค่อนข้างดีมาก มีเม็ดเงินลงทุนใหม่เข้ามากว่า 1แสนล้านบาท การเติบโตดังกล่าวนับเป็นการเติบโตที่สูงที่สุดนับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทขึ้นมา ส่งผลให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ปีนี้แตะที่ระดับ 1.7ล้านล้านบาท สำหรับเม็ดลงทุนใหม่ที่เข้ามา เป็นผลจากกลยุทธ์ใหม่ คือ กองทุนรวมผสม K-WealthPLUS Series ลงทุนผสมแบบจัดพอร์ตให้สำเร็จ มี 3 กองทุนเด่นให้เลือกลงทุน กองทุนดังกล่าวสามารถดึงเงินลงทุนเข้ามาได้ สูงถึง 3 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ กองทุนตราสารหนี้ของบริษัท สามารถดึงเงินลงทุนเข้ามาได้ถึง 6 หมื่นล้านบาท เพื่อริงรับอัตราดอกเบี้ยขาลง ด้วยยีลด์เฉลี่ยสูง2ถึง2-3.3% ขณะเดียวกันบริษัทเน้นการวิเคราะห์ตราสารหนี้เชิงลึก ทำให้ได้สินทรัพย์ที่มีคุณภาพและความเสี่ยงต่ำ พร้อมกันนี้ยังมีอีกกองทุนที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก สามารถดึงเงินลงทุนใหม่เข้ามาแระมาณ 1หมื่นล้านบาท ผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) ซึ่งมีกองทุนแนะนำ คือ กองทุนเวียดนาม กองทุนอินเดีย และกองทุนสหรัฐฯ ที่สามารถดึงเงินลงทุนจากนักลงทุนรุ้นใหม่ได้มากขึ้น

นายวิน กล่าวอีกว่าภาพร่วมตลาดหุ้นไทย มองว่าปีนี้ดัชนี้ปีนี้ไม่ถึง 1,400 จุด ส่วนปี 2568 มองดัชนี 1,500-1,550 จุด คาดราคาเฉลี่ยต่อหุ้นอยู่ที่ 95บาท ด้านกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS) คาดโต5-7% โดยนักลงทุนสามารถ ทยอยเข้าลงทุนเพิ่มได้ช่วงดัชนี 1,350 จุด ซึ่งน่าจะมีดาวน์ไซด์จำกัด ส่วนหุ้นเด่นต่างประเทศยังคงเป็นหุ้นสหรัฐ ที่คาดว่ายังเติบโตได้ดี รวมถึงกองรีทไทย สิงคโปร์ และทั่วโลก ได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลงและโดยเฉพาะการลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ ส่วนหุ่นไทยเน้นหุ้นกลุ่มปันผลสูง เช่นหุ่นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มสื่อสาร เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น