กองทรัสต์ MII โดย บลจ.เอ็มเอฟซี เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า เอ็มเอฟซี อินดัสเตรียล อินเวสเมนท์ หรือ “MII” เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 19 ธ.ค. 67 หลังแปลงสภาพจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า “M-II” เพิ่มโอกาสขยายการลงทุนในโรงงาน-คลังสินค้าบนทำเลมีศักยภาพ หนุนเติบโตยั่งยืน
นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ บลจ. เอ็มเอฟซี (MFC) ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า เอ็มเอฟซี อินดัสเตรียล อินเวสเมนท์ (MII) เปิดเผยว่า หลังจาก "กองทรัสต์ MII" ได้รับโอนทรัพย์สินและภาระของ "กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า เอ็มเอฟซี อินดัสเตรียล อินเวสเมนท์" หรือ “กองทุนรวม M-II” โดยผ่านการแปลงสภาพและการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุนรวม M-II กับหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ MII ในอัตราส่วน 1 หน่วยลงทุนต่อ 1 หน่วยทรัสต์ใหม่ จำนวนหน่วยทรัสต์ทั้งสิ้น 172 ล้านหน่วย โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการกองทรัสต์และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด เป็นทรัสตี ซึ่งได้เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 19 ธันวาคม 2567 เรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบัน "กองทรัสต์ MII" ลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงงานและอาคารสำนักงาน รวม 52 หลัง ประกอบด้วย 1. โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี กรรมสิทธิ์บนที่ดินและอาคารโรงงานพร้อมสำนักงาน จำนวน 16 หลัง ซึ่งตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี (ฉะเชิงเทรา-บางปะกง (ทล.314)) หมู่ที่ 5 ถนนสิริโสธร ตำบลท่าสะอ้าน อำเภอ บางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา
2. โรงงานในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร กรรมสิทธิ์บนที่ดินและอาคารโรงงานพร้อมสำนักงาน จำนวน 1 หลัง ซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร ถนนนวนคร 19 แยกจากถนนพหลโยธิน (ทล.1) ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
3. โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง สิทธิการเช่าในที่ดิน และสิทธิการเช่าช่วงที่ดิน และกรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้างโรงงานและสำนักงานจำนวน 19 หลัง ซึ่งตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ถนนสุขุมวิท ตำบล ทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
4.อาคารพาณิชย์-สำนักงานสำเร็จรูปให้เช่าในโครงการถนนกิ่งแก้ว สิทธิการเช่าในที่ดิน และกรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้างอาคารพาณิชย์-สำนักงาน จำนวน 17 หลัง ซึ่งตั้งอยู่ภายในโครงการถนนกิ่งแก้ว หมู่ที่ 13 ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
การแปลงสภาพจากกองทุนรวม M-II เป็นกองทรัสต์ MII จะช่วยสร้างโอกาสในการขยายการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องของฐานรายได้ของกองทรัสต์ และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์อย่างต่อเนื่องในระยะยาว นายธนโชติ กล่าว ปัจจุบัน "กองทรัสต์ MII" มีสัดส่วนการลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารโรงงาน (freehold) อยู่ที่ 62% ของมูลค่าทรัพสินสุทธิของกองทรัสต์และสิทธิการเช่าและเช่าช่วง (leasehold) สัดส่วน 38% และมีทรัพย์สินที่เป็นโรงงาน 86% และคลังสินค้า 14% (ข้อมูล ณ 30 มิ.ย. 67)
จุดเด่นของ “กองทรัสต์ MII” ลงทุนอยู่ในทรัพย์สินที่ตั้งอยู่บนทำเลมีศักยภาพและกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ ปัจจุบันมีอัตราการเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 89.7% (ข้อมูล ณ 30 มิ.ย. 67) ซึ่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2564 นอกจากนี้ยังมีการกระจายตัวของผู้เช่าและหลากหลายธุรกิจ ช่วยลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของผู้เช่าและธุรกิจได้ โดยมีผู้เช่าสัญชาติญี่ปุ่นสัดส่วน 20.2%, ไทย 16.3% , เยอรมัน 15.2%, จีน 9.8%, สหรัฐฯ 8.8% และสิงคโปร์ 5.9% เป็นต้น และมีประเภทธุรกิจบรรจุหีบห่อสัดส่วนสูงสุด 24.2%, ชิ้นส่วนอุตสาหกรรม 22% สินค้าอุปโภคบริโภค 17.4% ยานยนต์ 16.5% จัดเก็บสินค้า 12.6% และอื่นๆ 7.4 (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย.67)
ด้านผลการดำเนินงานช่วงปีที่ผ่านมาเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2564 มีรายได้ 132.46 ล้านบาท ปี 2565 รายได้ 136.63 ล้านบาทและปี 2566 รายได้ 148.58 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือน ปี 2567 รายได้ 115.09 ล้านบาท สำหรับนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วของรอบปีบัญชี โดยประโยชน์ตอบแทน จะจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ไม่น้อยกว่าปีละ 2 ครั้ง