คปภ.ลงพื้นที่ตรวจสอบด้านประกันภัย เหตุสลดอุบัติเหตุบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ เบื้องต้น2บริษัทประกันวิริยะ-มิตรแท้พร้อมจ่ายชดเชย ทั้งพรบ.ภาคบังคับ และประกันภาคสมัครใจของทั้งรถบัสและรถเบนซ์ที่เกิดเหตุ มิตรแท้แจ้งพร้อมจ่ายทุนประกันเกินเงื่อนไขสูงสุดเกิน10ล้านบาทต่อครั้ง
วันนี้ (1 ตุลาคม 2567) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) โดยสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 6 (ชลบุรี) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดปทุมธานี เปิดเผยว่า กรณีอุบัติเหตุรถบัส หมายเลขทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี จนเป็นเหตุ
ให้นักเรียนและครูเสียชีวิต 23ราย และบาดเจ็บ 5 รายนั้น
เบื้องต้นการตรวจสอบข้อมูลการทำประกันภัย พบว่า รถบัสคันดังกล่าวทำประกันภัย รถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยกรมธรรม์เริ่มคุ้มครองวันที่ 30 มิถุนายน 2567 และสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บค่ารักษาสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-500,000 บาทต่อคน กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคน และกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน
นอกจากนี้ ยังได้ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ ประเภท 3 ไว้กับบริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เริ่มคุ้มครองวันที่ 30 มิถุนายน 2567 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ความคุ้มครองต่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก 500,000 บาทต่อคน 10,000,000 บาทต่อครั้ง ความรับผิดต่อทรัพย์สิน 600,000 บาทต่อครั้ง รวมถึงความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพของผู้ขับขี่ 50,000 บาท ผู้โดยสาร 40 คน ๆ ละ 50,000 บาทต่อคน และค่ารักษาพยาบาล 50,000 บาทต่อคน ประกันตัวผู้ขับขี่ 300,000 บาทต่อครั้ง
สำหรับการติดตามค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เบื้องต้นอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของพนักงานเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุครั้งนี้ ทายาทโดยธรรมของผู้ประสบอุบัติเหตุในกรณีที่เสียชีวิต จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากการทำประกันภัย พ.ร.บ. โดยเฉลี่ยจ่ายจากวงเงินไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง และประกันภัยรถภาคสมัครใจ ประเภท 3 ความคุ้มครองต่อความเสียหายต่อชีวิตร่างกายหรืออนามัยของบุคคลภายนอก โดยเฉลี่ยจ่ายวงเงินไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง
ทั้งนี้ ได้รับการประสานงานจากบริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ว่ามีความประสงค์ที่จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนเกินวงเงินความคุ้มครองเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นกรณีพิเศษ
นอกจากนี้ทางโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จังหวัดอุทัยธานี ได้ทำประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มสำหรับสถานศึกษาไว้กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เริ่มคุ้มครองวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 สิ้นสุดวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต 80,000 บาทต่อคน และค่ารักษาพยาบาล 8,000 บาทต่อคนต่อครั้ง
ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี ทางสำนักงาน คปภ. จังหวัดปทุมธานี ได้ประสานงานไปยัง สำนักงาน คปภ. จังหวัดอุทัยธานี เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยและค่าสินไหมทดแทน โดยประสานกับบริษัทประกันภัยในเบื้องต้นแล้ว สำหรับผู้บาดเจ็บที่เข้ารักษาในโรงพยาบาล สำนักงาน คปภ. จังหวัดปทุมธานี ได้ประสานบริษัทประกันภัยเพื่อจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นค่ารักษาพยาบาลจากความคุ้มครอง พ.ร.บ. วงเงิน 30,000 บาทต่อคน
อีกทั้ง สำนักงาน คปภ. อยู่ระหว่างบูรณาการร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทยและสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อตรวจสอบว่าผู้ประสบภัยหรือผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้มีการทำประกันภัยเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้อีกหรือไม่ หากตรวจสอบพบว่ามีการทำประกันภัยก็จะได้รับสิทธิตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้ทุกประการ
**วิริยะพร้อมจ่ายสินไหม**
รายงานจากบริษัทวิริยะประกันภัยเปิดเผยว่า
บริษัทฯ รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง และขอแสดงความเสียใจมายังครอบครัวผู้สูญเสีย และจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า รถบัสคันดังกล่าว รวมถึงรถเบนซ์ที่ถูกเฉี่ยวชน ได้ทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรณีเสียชีวิตให้ความคุ้มครองสูงสุด 5 แสนบาทต่อคน
นอกจากนี้ ทางโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม ยังมีกรมธรรม์การประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มสำหรับสถานศึกษา (PA นักเรียน) กรณีเสียชีวิตให้ความคุ้มครองสูงสุด 80,000 บาทต่อคนและกรรมธรรม์การประกันภัยความรับผิดของสถานศึกษา กรณีเสียชีวิตให้ความคุ้มครองสูงสุด 80,000 บาทต่อคน รวมค่าสินไหมทดแทนเบื้องต้น 660,000 บาทต่อคน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และบริษัทฯ พร้อมที่จะจ่ายสินไหมทดแทนแก่ทายาทตามกฎหมายของผู้เสียชีวิต และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ตามสิทธิประโยชน์ที่ระบุไว้ในเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ รวมถึงการจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลและให้กำลังใจครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมทั้งประสานงานกับโรงพยาบาลเพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว