มร.ชี ซือ คุน ประธานหัวหน้ากลุ่มฝ่ายบุคคลธนกิจ และจัดการความมั่งคั่ง ธนาคารดีบีเอส เปิดเผยว่า ธนาคารมีเป้าหมายเพิ่ม AUM การบริหารความมั่งคั่ง (wealth management) ในไทยขึ้นสามเท่า ไปสู่มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท ในปี 2026 โดยในช่วงที่ผ่นมายังคงเป็นไปตามแผน ด้วยการลงทุน และขยายศักยภาพของบริการการบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคล (Private Banking) อย่างต่อเนื่อง
โดยกลยุทธ์ที่ธนาคารวางไว้จะมีการเพิ่มที่ปรึกษาทางการเงิน (RM)เป็น 2 เท่าจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน
และสัดส่วนของการเพิ่มจำนวนเติบโตของ AUM ที่คาดการณ์ไว้ (2 แสนล้านบาท)ประมาณ50%จะมาจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าผู้ลงทุนรายใหญ่(HNW) และรายใหญ่พิเศษ (UHNW)
ทั้งนี้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา การลงทุนในไทยมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้เห็นถึงผลลัพธ์ในระยะแรกแล้ว โดยในช่วงปลาย มีนาคม เราได้พัฒนาปรับแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ (mTrading) ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งDBS ได้ให้บริการแบบพิเศษกับกลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่ (HNW) และกลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (UHINW) ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยข้อเสนอบริการแบบครบวงจรทั้งในประเทศ และต่างประเทศเป็นรายแรกในตลาด เพื่อตอบสนองกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในสินทรัพย์นอกตลาด (Private Assets) ในปีนี้
“ในสามเดือนที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการระดมทุนสำเร็จไปได้ถึงสองดีล แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และโอกาสที่น่าสนใจที่มีต่อลูกค้ากลุ่มผู้มีความมั่งคั่งของเราเป็นอย่างมาก”
สำหรับแพลตฟอร์มระดับโลกด้านการให้คำแนะนำด้านการเงินและการลงทุนด้วย Al ที่ช่วยให้ลูกค้าจัดการทางการเงินได้ดีขึ้น ซึ่งประโยชน์จากแพลตฟอร์มด้าน Open Banking ของสิงคโปร์มาจากการรวบรวมข้อมูลจากกว่า 100 แหล่ง เพื่อแสดงสถานะทางการเงินส่วน บุคคลที่ครบถ้วนที่สุด อาทิ 1.นำเสนอการวิเคราะห์การทำธุรกรรมอย่างครบวงจร เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบเป้าหมายทางการเงินได้อย่างสม่ำเสมอ
2.ได้รับข้อมูลเชิงลึก และคำแนะนำ เพื่อกาวางแผนทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการออมเงิน ใช้บริการด้านประกัน และการลงทุน ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น3.วิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าในหลากมิติ เพื่อการแนะนำการลงทุนที่เฉพาะเจาะจงให้แก่ลูกค้าแต่ละราย 4.ลูกค้าสามารถลงทุนด้วยความมั่นใจ และง่ายดาย ผ่านบริการบริหาร จัดการพอร์ตที่ออกแบบมาอย่างมืออาชีพ
สำหรับประเทศไทยและมีผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (UHNWIs) พบว่ามีจำนวน 900 คน (มีสินทรัพย์สุทธิตั้งแต่ USD 30 ล้านขึ้นไป) และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 15% เป็นมากกว่า 1,000 คนภายในปี 2029 โดยการเพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้มีความมั่งคั่ง กำลังสร้างความต้องการที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับบริการวางแผนความมั่งคั่งที่ซับซ้อน การบริหารความมั่งคั่งของครอบครัว และความต้องการในการบริหารจัดการเงินทุนขององค์กร โดยประเทศไทยเป็นเศรษฐกิจที่กำลังเข้าสู่ยุคผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว และอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงความมั่งคั่งสู่รุ่นที่สาม
นอกจากนี้เนื่องจากความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของประเทศมาจากธุรกิจครอบครัว จึงมีต้องการ และความจำเป็นที่จะต้องสนับสนุนครอบครัวของผู้ประกอบการทั้งในภูมิภาคและต่างประเทศ โดยร่วมเป็นพันธมิตรเพื่อช่วยนำพาพวกเขาในการลงทุนในต่างประเทศ เรียนรู้ และยอมรับในธุรกิจใหม่ๆ และวางแผนสำหรับคนรุ่นต่อไปในอนาคต
ซึ่งนักลงทุนมองหาโอกาสในการลงทุนในต่างประเทศที่หลากหลาย และซับซ้อนมากขึ้น และบริการแบบ "ครบวงจร" ที่ครอบคลุมทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
“แม้ว่าผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (HNWIs) ในประเทศไทยจะค่อนข้างระมัดระวังกับการลงทุนในต่างประเทศ แต่สิ่งนี้กำลังเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เมื่อความมั่งคั่งส่วนบุคคลของพวกเขาเติบโตขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดความต้องการบริการบริหารจัดการความมั่งคั่งอย่างครบวงจร และกลยุทธ์การลงทุนระดับโลกมากขึ้น โดยนักลงทุนรายใหญ่ได้รับคำแนะนำให้กระจายการลงทุนไปทั่วโลก เพื่อให้ได้ประโยชน์จากผลตอบแทนที่อาจสูงขึ้นจากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ย (เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นในประเทศ) และให้ลงทุนในแนวโน้มระยะยาว เช่น ในกลุ่มเทคโนโลยี และ AI ของสหรัฐฯ ซึ่งมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2024