xs
xsm
sm
md
lg

เอ็กซ์สปริงโชว์ AUM โตแกร่ง เชียร์ลงทุนหุ้นนอก-สินทรัพย์นอกตลาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ XSpring AM เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาการดำเนินงานของบริษัทสามารถเพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ที่ 8,500 ล้านบาท และสินทรัพย์ภายใต้การปรึกษาอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีกำไรสุทธิได้ถึง 40 ล้านบาท

ปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตในครั้งนี้มาจากการสร้างความแตกต่างในบริการของ XSpring AM ที่เน้นกลยุทธ์ในการใช้ Ecosystem ของกลุ่ม XSpring ที่มีบริการทางการเงินอย่างครบวงจรเข้ามาต่อยอดความต้องการทางการเงินและการลงทุนของลูกค้าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดด้วยการยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เช่น การส่งต่อลูกค้าจากบริษัทแม่กระจายมายังสินค้าและบริการของบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าแบบ 360 องศา และมั่นใจว่าการผนึกกำลังของกลุ่ม XSpring จะทำให้ผลงานครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ XSpring AM เมื่อได้รับการส่งต่อลูกค้ามาแล้วก็มีกลยุทธ์เพื่อตอบสนองให้ลูกค้าอย่างแตกต่าง โดยเฉพาะในครึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เปิดกองทุนที่มุ่งเน้นลงทุนทั้งสินทรัพย์ในตลาดทุนและนอกตลาด เช่น กองทุน XSpring AM Private Real Estate Fund ที่เน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ สามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น และเป็นทางเลือกที่นักลงทุนสนใจท่ามกลางผลตอบแทนในตลาดทุนที่ยังไม่สดใส และถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้ง่ายขึ้น โดยส่วนหนึ่งที่กองทุนประเภทนี้ได้รับความสนใจ เนื่องจากมีโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนในโครงการไม่ต่ำกว่า 10%
 
 *มองหุ้นไทยมีโอกาส 1,470**
ด้านตลาดหุ้นไทยมองว่าแม้แนวโน้มการปรับประมาณการกำไรต่อหุ้นของไทย (EPS: Earning Per Share) ในภาพรวมจะยังคงลดลง แต่ถือว่าเริ่มนิ่งขึ้น แม้ว่าสภาพบรรยากาศโดยรวมยังมีความกดดันจากบรรยากาศทางการเมืองที่ไม่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสินคดีความทางการเมืองที่เกี่ยวเนื่องกับนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันในวันที่ 14 ส.ค. 2567 ประกอบกับเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ และเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นอีกครั้งจากการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน โดยคาดว่า GDP ของไทยทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 2.00% จึงแนะนำให้เลือกลงทุนเป็นรายอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) หรือกลุ่มบริการสุขภาพ (Healthcare) ที่กำไรในหมวดอุตสาหกรรมยังคงปรับตัวขึ้น ในภาพรวมประเมินว่าดัชนีจะสามารถยืนอยู่แนวรับระยะสั้นที่ 1,280 จุดได้ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,200-1,250 จุด และแนวต้านทางเทคนิคที่ 1,430-1,470 จุด

สำหรับตลาดหุ้นไทยยังคงต้องพิจารณา 3 ปัจจัยประกอบกันก่อนเข้าลงทุนได้แก่ 1. ราคาถึงแม้ P/E ของหุ้นอยู่ที่ 13-14 เท่าจะต่ำกว่าที่ผ่านมาในอดีต 15-16 เท่า แต่ก็ยังต้องดูเรื่องที่ 2. คือปัจจัยพื้นฐานด้วย ทั้งเรื่องของการเมืองและโครงสร้างหุ้นไทย รวมถึงการเบิกจ่ายของภาครัฐและดิจิทัลวอลเลต และสุดท้ายคือฟันด์โฟลว์ ซึ่งนักลงทุนต่างชาติยังกังวลในการทำกำไรจากตลาดหุ้นไทยทำให้ยังไม่มีสัญญาณว่าจะกลับเข้าลงทุนอีกครั้ง

“หุ้นไทยต้องดู 3 ปัจจัยร่วมกันถ้าจะมองแค่ราคาอย่างเดียวคงไม่ได้ ส่วนกองวายุภักษ์เชื่อว่าน่าจะกระตุ้นได้สัก 100 จุด หุ้นไทย 1,470-1,500 ก็มีโอกาสถึง”
 
**แนะลงทุนหุ้นสหรัฐฯ-ยุโรป**
ทั้งนี้ นอกจากสินทรัพย์นอกตลาดที่จะนำมาขับเคลื่อนกลยุทธ์ของ XSpring AM แล้ว ในครึ่งปีหลังสินทรัพย์ต่างประเทศก็จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะนำมาผสมผสานในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้า โดยคาดว่าแนวโน้มและทิศทางการลงทุนในต่างประเทศยังคงสดใสมากกว่าไทย แม้ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอาจจะถดถอยในเขตเศรษฐกิจสำคัญจะเพิ่มขึ้น แต่ต่างประเทศมีโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า รวมไปถึงการเปิดรับนวัตกรรม และการจัดการทางการค้าที่ลดทอนความเสี่ยงลงจากการทุ่มตลาด ทำให้โอกาสในการลงทุนยังมีมากกว่า

สำหรับสินทรัพย์ที่ XSpring AM แนะนำให้ลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังคงเน้นไปที่การลงทุนแถบสหรัฐอเมริกาและยุโรป อย่างไรก็ดี เนื่องจากคาดการณ์ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีเริ่มปรับตัวลดลง จึงแนะนำให้เข้าลงทุนในกลุ่มหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ (Defensive) หรือกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากนโยบายการย้ายฐานการผลิตกลับประเทศ (Reshoring) เนื่องจากถือเป็นนโยบายที่เห็นตรงกันของทั้งพรรคเดโมแครต และพรรครีพับลิกัน (Bipartisan) ส่วนภูมิภาคยุโรปที่เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว มองว่าเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจเนื่องจากทำให้ต้นทุนทางการเงินบางส่วนในยุโรปลดลง เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะในหมู่ประเทศตอนใต้ของยุโรป เช่น อิตาลี สเปน เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น