นางสาวพฤกษา เอี่ยมธงทอง Deputy Head of Equities - Asia Pacific, Asian Equities บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นเอเชีย-แปซิฟิคปีนี้น่าจะกลับมามีผลงานที่ดีขึ้นหลัง โดยคาดว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนน่าจะเติบโตได้ประมาณ15-17% โดยส่วนหนึ่งจะได้รับอานิสงส์จากปรับเปลี่ยนฐานการผลิตเข้ามาในเอเชียและอาเซียน และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ด้านการลงทุนในตลาดหุ้นไทยหากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกันดูจะน่าสนใจน้อยกว่า โดยช่วงที่ผ่านมาในส่วนของการลงทุนหุ้นเอเชียบริษัทมีการปรับน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยเล็กน้อย และมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการคัดเลือกหุ้นมากขึ้น อย่างไรก็ตามหุ้นไทยปัจจุบัราคาเริ่มต้นถูกเหมาะซื้อกำไรเติบระยะยาว ในหุ้นรายตัวกลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มสื่อสาร
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ในส่วนของกำไรธุรกิจบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ประเมินเติบโตประมาณ 10% ขณะที่มีกลุ่มหลักทรัพย์ที่น่าสนใจ คือ หุุ้นกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มโรงพยาบาล
สำหรับกองทุนหุ้นไทยของอเบอร์ดีนที่สามารถสร้่งผลตอบแทนได้ดี คือ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ (ABSM) ที่เฟ้นหาหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กในไทยที่มีศักยภาพเติบโตสูง พร้อมก้าวเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในอนาคต โดยกองทุนABSM เป็นหนึ่งในกองทุนหุ้นไทยที่เป็นเรือธงของอเบอร์ดีน ที่เน้นการลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) ไม่เกิน 80,000 ล้านบาท ณ วันทำการก่อนหน้าวันที่ลงทุน
นางสาวพฤกษา กล่าวอีกว่า การจัดพอร์ตลงทุนสำหรับตลาดหุ้นทั่วเอเชีย-แปซิฟิค เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาว แนะนำสัดส่วนลงทุนในตลาดหุ้นจีนประมาณ 20% ตลาดหุ้นอินเดียประมาณ 18-20% ตลาดออสเตรเลียประมาณ 8-10% ตลาดหุ้นไต้หวันและตลาดหุ้นเกาหลีประมาณ 20% ที่เหลือกระจายการลงทุนในตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลกแทน
สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯในปีนี้ยังเติบโตได้ต่อ แม้จะไม่แน่ใจว่าหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ปรับลดดอกเบี้ยลงที่หลายคนคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้จำนวน 1ครั้ง จากที่คาดการณ์เดิมในช่วงต้นปีว่าจะมีถึง3ครั้ง ว่าเงินลงทุนจะไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียได้มากน้อยแค่ไหน แต่ภาพรวมหุ้นกลุ่มเทคในตลาดเอเชียยังโดดเด่นโดยเฉพาะมนไต้หวันและเกาหลี ส่วนดอกเบี้ยนโยบายของไทย มั่นใจว่าจะปรับลดลงในช่วงปลายปีนี้เช่นกัน โดยรอดูท่าทีการลดดอกเบี้ยจากเฟดเป็นหลัก