บลจ.วรรณเปิดกอง Bitcoin ETF แรกของไทย เชื่อมีโอกาสเติบโตสูง เป็นที่ยอมรับมากขึ้น ระบุผลตอบแทนสูง 124% แต่ความผันผวนสูงเฉลี่ย 83% ต่อปีเช่นกัน แนะจัดพอร์ตถือไม่เกิน 5% ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด (บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการเปิดขายกองทุนเปิด วรรณ บิทคอยน์ อีทีเอฟ ฟันด์ ออฟ ฟันด์ อันเฮดจ์ (ONE-BTCETFOF-UI) ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-6 มิ.ย. 67 โดยเป็นกองทุนที่ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย แต่จะเสนอขายสำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (UI) และผู้ลงทุนสถาบันเท่านั้น
ทั้งนี้ การที่บริษัทนำร่องผลิตภัณฑ์การลงทุนทางเลือกใหม่ แนะนำการลงทุนบน Bitcoin ETF กองแรกของไทย เนื่องจากเล็งเห็นว่าสินทรัพย์ทางเลือกดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์การเงินอื่นๆ ต่ำ ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับการช่วยกระจายการลงทุนได้ อีกทั้งตลาด Bitcoin ETF ได้รับการยอมรับในระดับสากลมากขึ้น โดยเฉพาะจากหน่วยงานกำกับดูแลในตลาดต่างประเทศ โดยเมื่อมกราคม 67 ที่ผ่านมา สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ อนุญาตให้มีการจัดตั้งกองทุนที่ลงทุนโดยตรงใน Spot Bitcoin ผ่าน ETF ขณะที่ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกงอนุญาตให้จัดตั้งกองทุน ETF ที่ลงทุนใน Bitcoin และ Ethereum
อย่างไรก็ดี ข้อมูลจาก BlackRock iShares (ธ.ค. 66) และ Franklin Templeton (มี.ค. 67) พบว่าตลาด Cryptocurrency ยังมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับตลาดสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ โดยปัจจุบัน Bitcoin มีขนาด 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ทางเลือกอย่างอื่น เช่น ทองคำ ที่มีขนาดมูลค่าตลาดถึง 14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ แม้ว่า supply ของ Bitcoin จะมีอยู่จำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ แต่ Bitcoin ยังมีความต้องการอยู่อีกจำนวนมาก และได้รับการยอมรับมากขึ้น ทำให้ บลจ.วรรณเล็งเห็นโอกาสการเติบโตของ Bitcoin ยังมีอยู่มากเช่นกัน
อีกทั้งที่ผ่านมาบริษัทได้ศึกษาข้อมูลร่วมกับทีมผู้จัดการกองทุน Bitcoin ETF ในต่างประเทศ พบว่าในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนเฉลี่ยของ Bitcoin สูงถึง 124% ต่อปี แต่มีความผันผวนเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 83% สะท้อนได้ว่าการลงทุนใน Bitcoin สร้างผลตอบแทนที่ดี แต่มีความผันผวนอยู่มากเช่นกัน ทั้งนี้ หากนำ Bitcoin มาจัดสรรพอร์ตการลงทุน โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพอร์ตอยู่ที่ 5% ผลตอบแทนคาดหวังอยู่ที่ 8.90% ต่อปี ผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยงของพอร์ต (Sharpe Ratio) อยู่ที่ 0.71 ผลขาดทุนสูงสุดของพอร์ต (Max Drawdown) อยู่ที่ -22.40% เทียบกับพอร์ตที่ไม่ได้กระจายการลงทุนใน Bitcoin ผลตอบแทนคาดหวังอยู่ 5.80% ต่อปี ผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยงของพอร์ต (Sharpe Ratio) อยู่ที่ 0.48 ขณะที่ผลขาดทุนสูงสุดของพอร์ต (Max Drawdown) อยู่ -20.40% สะท้อนได้ว่า การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน Bitcoin ช่วยทำให้ผลตอบแทนคาดหวังดีขึ้นและน่าสนใจเมื่อเทียบกับความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน (Sharpe Ratio) แม้ว่าความผันผวนโดยรวมจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็ตาม
นายพจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุน Bitcoin ผ่านกองทุน ETF จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือความปลอดภัยของการจัดเก็บเหรียญ หากลงทุน Bitcoin โดยตรง ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ปัญหาหรือความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาคือข้อมูลสูญหาย หรือถูกโจรกรรมข้อมูลทางออนไลน์ แต่หากลงทุนผ่านกองทุน ETF ข้อมูล หรือเหรียญของผู้ถือหน่วยจะกระจายการจัดเก็บเหรียญผ่าน Custodian ระดับโลก ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในผู้ลงทุนสถาบันและมีการแบ่งการจัดเก็บเหรียญในรูปแบบ Cold Wallets หรือการจัดเก็บเหรียญผ่านระบบ offline ในแต่ละกองทุน ETF ซึ่งมีความปลอดภัยสูง