xs
xsm
sm
md
lg

วรรณหวั่นหุ้นไทยขาดเสน่ห์ดึงต่างชาติกลับ ปีนี้ปรับตัวดีขึ้นดัชนี1,580

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บลจ.วรรณ หวั่นหุ้นไทยขาดเสน่ห์ดึงต่างชาติลงทุน เหตุไม่มีเป็น New S-curve ใหม่ แถมกำไรต่อหุ้นลดลง แต่เชื่อยังดีกว่าปีที่ผ่านมา หลังดอกเบี้ยสหรัฐฯผ่านจุดพีค นักท่องเที่ยวเริ่มฟื้น คาดดัชนีปีมังกรมีโอกาสแตะ1,580 มั่นใจไม่หลุด1,300 เหตุมีนโยบายภาครัฐช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แนะจัดพอร์ตลงทุนปีนี้เน้นหุ้น50%ที่เหลือเป็นตราสารหนี้กับการลงทุนทางเลือก

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้น่าจะเติบโตที่ 1.8-3.1% ซึ่งยังคาดหวังรัฐบาลจะออกมาตรการเพิ่มเติมและมีการจับจ่ายใช้สอยของภาครัฐมากกว่าภาคเอกชน และเชื่อว่าจะขับเคลื่อนประเทศได้ผ่านการลงทุนของภาครัฐ

ทั้งนี้หลังจากภาพรวมกำไรต่อหุ้น (EPS) ถูกปรับลดลงจาก 102 เหลือ 97 ประกอบตลาดหุ้นไทยยังขาดหุ้นเทคโนโลยีที่เป็น New S-curve ใหม่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการกลับเข้าลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ หลังจากช่วง 6 ปีที่ผ่านมามีการขายสุทธิถึง6 แสนล้านบาทและ 10 ปีมีการขายไปแล้ว 9 แสนล้านบาท ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันก็ยังขายสุทธิ โดยตลาดหุ้นไทยปัจจุบันมองว่าไม่น่าจะปรับลดลงหลุด 1,300 จุด โดยดัชนีฯ มีแนวรับแรก 1,346 จุด แนวต้านปรับเป้าลงเหลือ 1,580 จุด จากเดิมกว่า 1,600

"หุ้นไทยเหมือนคนป่วย สังเกตจากวันที่มีประเด็นข่าวการเมืองเรื่องพิธา หุ้นไทยก็รีบาวน์ 20 จุดก่อนปรับตัวลงมา ซึ่งหากยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนชัดเจน หรือนโบายภาครัฐใหม่เข้ามาก็จะเป็นแบบนี้ต่อไป ซึ่งปัจจุบันหุ้นไทยยังไม่ใช่จุดต่ำสุดแต่คาดว่าต่ำสุด SET คงไม่หลุด 1,300 จุด"นายพจน์กล่าว

อย่างไรก็ตามภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปี 2567 นี้ มองว่าน่าจะดีกว่าปีก่อน หลังผ่านจุดสูงสุดของดอกเบี้ยสหรัฐและไทยมาแล้ว โดยคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับอัตราดอกเบี้ยลง 3-4 ครั้งในปีนี้ ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยคาดปรับลดลง 1 ครั้งในไตรมาส 3-4 นี้ และอาจลดลงมากกว่านี้หากเฟดลดดอกเบี้ยมากกว่าคาด

สำหรับกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจในปีนี้ ได้แก่หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ หากมีนักท่องเที่ยวกลับมาและดอกเบี้ยลดลง สินค้าก็ถูกลง

นายพจน์ กล่าวอีกว่า ความเสี่ยงต่อการลงทุนมองเป็นเรื่องของสงคราม ภูมิรัฐศาสตร์ในหลายประเทศเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งหวังว่าสถานการณ์จะไม่ลุกลามไปมากกว่านี้ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงที่ยังพอรับได้ ส่วนความเสี่ยงด้านเสถียรภาพของรัฐบาลและนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ปีนี้ถ้าดอกเบี้ยขาลงความเสี่ยงอื่นๆ ก็ไม่น่ามี

ส่วนการเมืองไทยมีความเสี่ยงเรื่องของดิจิทัลวอลเล็ตที่พยายามผลักดัน หากไม่เกิดก็จะมีทั้งข้อดีและไม่ดี ซึ่งข้อดีทำให้ไทยไม่ต้องเป็นหนี้เยอะ โอกาสถูกดาวน์เกรดก็ลดลง ส่วนข้อดีคือการกระตุ้นการบริโภคแต่อาจจะไม่ยั่งยืนเท่าไร น่าจะกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนมากกว่าส่วนประเด็นศาลที่จะพิจารณาเรื่องยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ มองว่า ขึ้นกับอยู่ผลการตัดสิน แต่มองว่าปัจจุบันการเมืองมีเสถียรภาพพอสมควร จากการที่รัฐบาลเป็นพรรคการเมืองเสียงข้างมากในสภา

ขณะที่สถานการณ์หุ้นกู้ที่เกิดการผิดนัดชำระหนี้ (Default) หรือล้มละลายมีสัดส่วนไม่ถึง 1% ของตราสารหนี้ที่ออกทั้งหมด และส่วนใหญ่ที่ Default เป็นไฮยีลด์บอนด์ ซึ่งตอนนี้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นคือจะมีหุ้นกู้ที่ Default ผิดนัดชำระหนี้กับหุ้นกู้ที่ Delay หรือที่เลื่อนระยะเวลาจ่ายคืนหนี้หุ้นกู้ จึงมองหุ้นกู้ที่ต้องระวังคือหุ้นกู้ที่ Delay to Default

นายพจน์ กล่าวอีกว่า พอร์ตการลงทุนในปีนี้แนะนำจัดสรรเงินลงทุนในหุ้นสัดส่วนประมาณ 50% แบ่งเป็นหุ้นไทย 10% หุ้นเเทคและ AI 10% หุ้นเอเชีย ญี่ปุ่น เวียดนามและ 1 ใน 3 ลงทุนตราสารหนี้คุณภาพดีหรือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ,ฝากเงินต่างประเทศ ที่เหลือเป็นสินทรัพย์ทางเลือก ประมาณ 10-15%

สำหรับการลงทุนทางเลือกปัจจุบันมีหลายสินทรัพย์ที่น่าสนใจเช่น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งหลายกองราคาปรับตัวลงมาถึง 30% โดยกองทุนอสังหาริมทรัพย์มีอัตราผลตอบแทน 8% และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานอยู่ที่ 9%

นอกจากนี้ยังมีกองทุน Life Settlement ของบลจ.วรรณ ที่ลงทุนในกรมธรรม์ประกันชีวิตในตลาดรองของสหรัฐฯ (Life Settlement) ผลตอบแทนประมาณ 8-10% ต่อปี
กำลังโหลดความคิดเห็น