บลจ.อเบอร์ดีนเชียร์ลงทุนจีน-อินเดียรับเศรษฐกิจโตสวนสหรัฐฯ-ยุโรป เชื่อการบริโภคฟื้น ไร้ปัญหาเงินเฟ้อช่วยหนุน พร้อมคาดดอกเบี้ยเฟดใกล้จบ แนะลงทุนตราสารหนี้ล็อกผลตอบแทน
มร.เดวิด ฮันเซล เปิดเผยว่า แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฟดน่าจะสิ้นสุดในการขึ้นครั้งถัดไปอีก 1 ครั้ง และน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ไปจนถึงปีหน้า โดยการลงทุนในตราสารหนี้เป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในการส่งอัตราดอกเบี้ยใกล้จุดสูงสุด แต่เบื้องต้นจะเลือกลงทุนในตราสารหนี้ในกลุ่ม investment grade ก่อน ซึ่งต่อจากนี้ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนไปตราสารหนี้ประเภทไฮยิลด์บอนด์ก็อาจกลับมาน่าสนใจลงทุนได้
ขณะที่การลงทุนในตราสารทุน บริษัทแนะนำการลงทุนตลาดหุ้นจีน เอเชีย และตลาดเกิดใหม่ โดยประเทศน่าสนใจเป็นพิเศษคือ จีน เนื่องจากการบริโภคกำลังฟื้นตัวจากการเปิดประเทศหลังโควิด รวมถึงการที่จีนไม่ต้องเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ และการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะช่วยให้เศรษฐกิจจีนปีนี้เติบโตในอัตราที่สูง ส่วนประเทศในแถบเอเชียที่น่าสนใจอีกแห่ง ได้แก่ อินเดีย ซึ่งประชากรอายุน้อยอยู่ในวัยแรงงานมีการบริโภคภายในประเทศระดับสูงคล้ายกับจีน
“หุ้นจีนหรือในทุกประเทศมีความเสี่ยงเหมือนกัน แต่คิดว่าจีนน่าจะเป็นโอกาสที่ดีในปีนี้เพราะไม่มีปัญหาเงินเฟ้อเหมือนสหรัฐฯ และยุโรป โดยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค และสุขภาพ ยา ธนาคาร เป็นกลุ่มที่น่าสนใจ รวมถึงการให้ความสำคัญในการคัดหุ้นคุณภาพที่มี ESG จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นในอนาคต” มร.เดวิดกล่าว
แนวทางการลงทุนของบริษัทในปีนี้แนะนำให้นักลงทุนคำนึงถึง 3 ด้านด้วยกัน ประกอบด้วย 1. การกระจายการลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวเพราะไม่มีสินทรัพย์ไหนที่จะดีในทุกภาวะตลาด ซึ่งควรมีการแบ่งการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกด้วย เช่น อสังหาริมทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐาน 2. การบริหารความเสี่ยงให้ตรงความต้องการและควรคัดเลือกหุ้นคุณค่าต่อการลงทุนและ 3. การเลือกลงทุนในตลาดเอเชีย ตลาดเกิดใหม่และประเทศจีน ซึ่งน่าจะได้รับอานิสงส์ที่ดีจากการเปิดประเทศ งบดุลที่แกร่งของบริษัทจดทะเบียนที่จะส่งผลดีต่อการลงทุน
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเปิดกองทุนใหม่เพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนในประเทศจีน ซึ่งน่าจะสามารถเปิดขายได้ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ โดยกองทุนนี้เป็นกองทุนที่ลงทุนในกองทุนหลักเพียงกองทุนเดียว และจะลงทุนในตลาดหุ้นจีน H-chere
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะออกกองทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ ESG บริษัทมองว่าการลงทุนใน ESG สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยผลการดำเนินของกองทุนประเภทนี้มีผลตอบแทนเฉลี่ยจากเงินปันผลประมาณ 5-6% และผลตอบแทนรวมอยู่ที่ 7-9%
“เรามีโอกาสในการแข่งขันกับทุก บลจ. ซึ่งเรื่องของ ESG เรามีการศึกษามานานแล้ว และมองว่าธีมการลงทุนแบบนี้เหมือนกับหุ้นเทคโนโลยีเมื่อ 20-30 ปีก่อนที่ต้องใช้เวลาและอยู่ในช่วงของการเติบโต โดยเรามีทีมงานคัดเลือกการลงทุนและจัดทำสกอร์เองเพื่อให้การคัดเลือกกองทุนมีประสิทธิภาพ”